รู้จักนิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด

wangcassie

ขีดเขียนฝึกหัด (69)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:100
เมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2567 17.54 น.

 

 

เคยไหมที่หลังกินอาหารเสร็จ ก็เกิดอาการปวดจุกเเน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา บางครั้งก็ปวดร้าวที่สะบักขวา และต้องทนปวดทรมานอยู่นาน 2-3 ชั่วโมง หากใครเคยเป็น อย่ามองว่าแค่กินอิ่มมากเกินไป เพราะคุณอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดีอยู่โดยไม่รู้ตัว ลองมารู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น เพราะอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด และสร้างผลร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

 

 

นิ่วคืออะไร และนิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นได้อย่างไร

นิ่ว คือ เกลือเคมีหรือสารเคมีอื่นที่จับตัวกันเป็นก้อนแข็งและตกค้างอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นได้ทั้งที่กระเพาะปัสสาวะ หรือในกรณีของนิ่วในถุงน้ำดี (gallstone) เกิดได้จากการรวมตัวกันของคอเลสเตอรอลจนเป็นก้อนแข็งในถุงน้ำดี

โดยปกติแล้วเมื่อเรากินอาหารที่มีไขมันมาก ๆ ถุงน้ำดีที่ตับจะขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยไขมัน เพื่อให้ถูกดูดซึมตามระบบย่อยอาหาร น้ำดีนั้นผลิตโดยตับและเก็บไว้ในถุงน้ำดี แต่เมื่อใดที่น้ำดีเกิดไม่สมดุล ประกอบกับเรากินอาหารที่มีไขมันเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้คอเลสเตอรอลเคลื่อนที่ไปในถุงน้ำดีมากขึ้น จนเกิดการตกตะกอนเป็นก้อนนิ่วนั่นเอง 

นิ่วในถุงน้ำดี อยู่ตรงไหนอักเสบตรงนั้น และร้ายแรงถึงขั้นตายได้

เดิมทีเมื่อเรามีนิ่วในถุงน้ำดี อาจไม่รู้สึกอะไรเพราะยังไม่เกิดอาการ แต่หากมีก้อนนิ่วสะสมอยู่ในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น ๆ จะทำให้มีปวดจุกเเน่นท้องอย่างรุนแรง อาจเกิดภาวะตาเหลือง ตัวเหลือง หรือช็อกจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

นอกจากนี้ ก้อนนิ่วในถุงน้ำดียังสามารถไปอุดตันตามส่วนต่าง ๆ เช่น บริเวณปากถุงน้ำดี ซึ่งเสี่ยงทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ, บริเวณท่อน้ำดี ทำให้น้ำดีไหลลงมาที่ลำไส้ไม่ได้ จึงย้อนกลับไปที่ตับ ทำให้เกิดภาวะตาเหลือง ตัวเหลือง หรือท่อน้ำดีอักเสบ, บริเวณปลายท่อน้ำดี อาจทำให้ตับอ่อนอักเสบเพราะอยู่ใกล้กัน หากนิ่วไปอุตันใกล้ท่อตับอ่อนทำให้ขับน้ำย่อยออกมาไม่ได้และไหลย้อนกลับไปที่เนื้อของตับอ่อนจนเกิดการอักเสบ

ทั้งนี้ การอักเสบของอวัยวะเหล่านี้มีหลายระดับความรุนแรง หากอักเสบรุนแรงมากถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด อาจเกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี มีโรคประจำตัว หรือมีอายุมาก

 

นิ่วในถุงน้ำดีสามารถป้องกันได้ เพียงปรับพฤติกรรม

เพราะพฤติกรรมการกินของเราที่นิยมกินอาหารไขมันสูง จนก่อเกิดเป็นคอเลสเตอรอลที่สูงขึ้น และอาจสะสมจนกลายเป็นก้อนนิ่วได้ ดังนั้น หากเราปรับพฤติกรรมการกินโดยเน้นกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง พยายามควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นประจำให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที ก็จะเป็นวิธีที่ป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ดีทีเดียว

สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้อยู่เพราะมีอาการปวดท้องจุก ๆ แน่น ๆ อยู่เสมอ ขอแนะนำให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ดีกว่าปล่อยไว้จนเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงจนมีการรั่วซึม น้ำดีกระจายทั่วช่องท้อง จากเดิมที่อาจสามารถผ่าตัดเล็กโดยการส่องกล้องได้ง่าย ๆ พักฟื้น 2-3 วันหาย จะกลายเป็นต้องเลือกวิธีการผ่าตัดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น ยิ่งตรวจเร็ว รักษาเร็ว หายเร็ว ยิ่งคุณภาพชีวิตดีกว่าเดิม

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา