PMS สังเกตอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิง พร้อมวิธีแก้ไข
PMS คือกลุ่มของอาการก่อนมีประจำเดือน ซึ่งอาจมีทั้งอาการทางกายและอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้หญิงอย่างมาก เป็นลักษณะของอาการก่อนเป็นประจําเดือน 1-2 อาทิตย์ และมักจะลดลงหรือหายไปเมื่อประจำเดือนเริ่มมา
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ PMS เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมันสามารถช่วยให้เราจัดการกับอาการที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเตรียมตัวและการหาวิธีบรรเทาอาการอย่างเหมาะสม ดังนั้น ในบทความนี้เราจะพาไปสำรวจอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ PMS สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ และวิธีการที่เราสามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการ PMS (Premenstrual Syndrome) คืออะไร?
PMS (Premenstrual Syndrome) คือ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เป็นภาวะที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ โดยจะมีอาการทางร่างกายและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และมักจะลดลงหรือหายไปเมื่อประจำเดือนเริ่มมา
สาเหตุของการเกิดอาการ PMS
สาเหตุที่แน่ชัดของ PMS ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะ เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรอบเดือน โดยปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิด PMS ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน: เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลงก่อนมีประจำเดือน จะส่งผลต่อสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึก ทำให้เกิดอาการต่างๆ ของ PMS
- พันธุกรรม: ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็น PMS มีแนวโน้มที่จะเป็น PMS ได้มากกว่า
- ปัจจัยทางจิตใจ: ความเครียด การวิตกกังวล และการขาดการพักผ่อน อาจทำให้อาการ PMS รุนแรงขึ้น
- ปัจจัยอื่นๆ: เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ยาบางชนิด และโรคบางชนิด ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิด PMS ได้
อาการ PMS มีอะไรบ้าง?
อาการของ PMS นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะพบอาการก่อนเมนส์จะมา ดังต่อไปนี้
อาการทางร่างกาย
- อาการปวดหรือรู้สึกไม่สบายที่ท้องน้อย
- อาการบวมที่หน้าอก ข้อเท้า หรือมือ
- ความรู้สึกหนักบริเวณท้อง รู้สึกท้องอืดหรือไม่สบาย
- รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะบ่อย ๆ
อาการทางอารมณ์
- การเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่า อารมณ์แปรปรวน เช่น จากความรู้สึกดีเป็นความรู้สึกหงุดหงิดหรือเศร้า
- รู้สึกวิตกกังวลหรือเครียดมากกว่าปกติ
- รู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธง่าย
- บางรายอาจรู้สึกเศร้าหรือท้อแท้โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
อาการ PMS มักจะเกิดขึ้นในช่วงไหน?
อาการ PMS (Premenstrual Syndrome) หรืออาการก่อนเมนส์มา มักจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนจะมาถึง ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะเริ่มปรากฏตั้งแต่ประมาณกลางถึงปลายของรอบเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- อาการ PMS มักเริ่มปรากฏประมาณ 7-14 วันก่อนที่ประจำเดือนจะมาถึง
- อาการมักจะรุนแรงที่สุดในช่วง 3-5 วันก่อนที่ประจำเดือนจะเริ่มมา
- อาการ PMS มักจะลดลงหรือหายไปเมื่อประจำเดือนเริ่มมาหรือผ่านไป
อาการ PMS มีวิธีแก้อย่างไร?
PMS หรือภาวะก่อนมีประจำเดือนนั้นสร้างความรำคาญใจให้สาวๆ หลายคน แต่ไม่ต้องกังวลไป ในปัจจุบัน PMS มีวิธีรักษามากมายที่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ เช่น
- การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียดและอารมณ์หงุดหงิด
- การนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การจัดการความเครียด หาเวลาทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือการทำสมาธิ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ผัก ผลไม้ และธัญพืช ลดการบริโภคอาหารแปรรูป อาหารขยะ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและลดอาการท้องอืด
- การอาบน้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวดเมื่อย
- การใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น ยาแก้ปวด, ยาคุมกำเนิดบางชนิดสามารถช่วยลดอาการ PMS ได้, การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีวิตามินดี แมกนีเซียม และวิตามินบี 6 อาจช่วยบรรเทาอาการบางอย่างได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
- การประคบร้อนหรือประคบเย็นบริเวณที่ปวดสามารถช่วยบรรเทาอาการได้
- การนวดช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียด
- การทำอโรมาเธอราพี โดยใช้กลิ่นหอมจากธรรมชาติ เช่น ลาเวนเดอร์ หรือโรสแมรี่ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
PMS บอกลาความหงุดหงิดและอ่อนล้าก่อนมีประจำเดือน
การเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ PMS ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือนและสามารถส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและอารมณ์ของผู้หญิงในช่วงเวลาก่อนมีประจำเดือน การรู้จักอาการ PMS และวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง้บื้องต้นสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและจัดการกับอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากอาการ PMS ของคุณรุนแรงมากจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงขอคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้