รู้ความแตกต่างของ 4 สายพันธุ์กาแฟ วัตถุดิบสร้างรสชาติที่ไม่ควรมองข้าม
สายพันธุ์กาแฟ คือสิ่งที่ทำให้รสชาติมีความแตกต่าง หลังจากที่ได้ศึกษาจะไม่ใช่แค่การได้รับคาเฟอีน เพื่อกระตุ้นร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าเท่านั้น แต่จะเป็นการดื่มด่ำอย่างพินิจพิเคราะห์มากขึ้น ถือเป็นศิลปะการดื่มที่มีเสน่ห์ ยิ่งเมื่อได้สัมผัสกลิ่น รสชาติและสามารถแยกความต่างอย่างเข้าใจ เป็นอรรถรสที่จะเกิดขึ้นในทุก ๆ แก้วกาแฟของคุณ เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์มากขึ้น เราไปดูกันว่าใน 4 สายพันธุ์กาแฟเหล่านี้มีเสน่ห์ในตัวที่ต่างกันอย่างไร
1.อราบิก้า (Arabica) สายพันธุ์ยอดนิยมทั่วโลก
แม้จะไม่ใช่คอคอฟฟี่เชื่อว่าจะต้องเคยได้ยินชื่อเรียกนี้อยู่บ่อย ๆ ผ่านทางโฆษณาทีวีและคาเฟ่ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งและนำมาทำเป็น แคปซูลกาแฟ ที่คาเฟ่มีเพื่อชงเมนูกาแฟรสชาติต่าง ๆ จึงเป็นวัตถุดิบที่มีความต้องการสูง สำหรับประเทศไทยนิยมปลูกที่ภาคเหนือ มีอากาศหนาวเย็นเหมาะแก่การปลูก ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน และลำปาง เป็นต้น
รูปทรงเมล็ด : ทรงวงรีเรียวสวย มีเส้นผ่าศูนย์กลางเป็นรูปตัว S
รสชาติและกลิ่น : รสชาติมีหลายมิติ รสสัมผัสละมุน กลิ่นหอม
ปริมาณคาเฟอีน : มีไม่สูงมากอยู่ที่ 1.1 – 1.7 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับใครที่อยากลิ้มรสกาแฟเริ่มต้นกับสายพันธุ์นี้
2.สายพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) รสชาติถูกปากคอคอฟฟี่สายเข้ม
เป็น สายพันธุ์กาแฟ ที่ได้รับความนิยมจากคอคอฟฟี่เช่นกัน โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบรสเข้มและขมจะต้องถูกใจมาก ๆ เพราะรสชาติที่แท้จริงมีความฝาด ไม่มีความเปรี้ยว นิยมนำไปรังสรรค์เมนูกาแฟเอสเปรสโซ่และกาแฟสำเร็จรูปแบบ 3 in 1 ในส่วนของพื้นที่ปลูกในเมืองไทยอยู่ที่ภาคใต้ เป็นพื้นที่เหมาะ เพราะ กาแฟโรบัสต้า เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น อาทิ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นต้น
รูปทรงเมล็ด : กลมมน เส้นผ่าศูนย์กลางเป็นเส้นตรง
รสชาติและกลิ่น : กาแฟโรบัสต้า รสขมนำ ตามด้วยรสฝาด ส่วนกลิ่นมีความฉุน
ปริมาณคาเฟอีน : อยู่ที่ 2 – 4.5 เปอร์เซ็นต์
3.สายพันธุ์เอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa) กาแฟยอดนิยมในแอฟริกัน
แม้จะเป็นสายพันธุ์ที่ในเมืองไทยแทบไม่ได้ยินชื่อเลย แต่เรียนรู้และศึกษาไว้ก็ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กว้างขึ้น ซึ่งในแถบแอฟริกันยังคงได้รับความนิยม ว่ากันว่าแม้รสชาติจะมีความขมปร่าไร้ซึ่งความกลมกล่อม แต่คนที่นั้นสามารถดื่มได้ทั้งวันแบบฟิน ๆ ถือเป็นต้นกำเนิดของกาแฟสายพันธุ์นี้ด้วย สำหรับการปลูกทนทานแม้ในที่แห้งแล้งและมีผลผลิตเยอะ
รูปทรงเมล็ด : มีรูปทรงคล้ายกับเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า
รสชาติและกลิ่น : รสชาติเข้มขม
ปริมาณคาเฟอีน : มีคาเฟอีนต่ำ
4.สายพันธุ์ลิเบอริก้า (Liberica) ตัวเชื่อมรสชาติกาแฟชนิดอื่น สร้างรสชาติเข้มข้น
เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเนื่องด้วยรสชาติมีความเปรี้ยวมากคล้ายกับกาแฟพันธุ์อราบิก้า แต่เมื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งในวัตถุดิบร่วมกับกาแฟชนิดอื่น เพื่อรังสรรค์ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นและปัจจุบันที่มาเลเซียนิยมปลูกมากถึง 90-95 เปอร์เซ็นต์ มีต้นกำเนิดที่ไลบีเรียและไอวอรีโคสต์
รูปทรงเมล็ด : เม็ดใหญ่ทรงยาว เส้นผ่าศูนย์กลางเป็นเส้นตรง
รสชาติและกลิ่น : รสหวานอมเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
จากข้อมูลข้างต้นคงทำให้คอคอฟฟี่ทั้งหลายรู้แล้วว่าบนโลกใบนี้มี สายพันธุ์กาแฟ มากมาย ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งรสชาติและกลิ่น บ้างก็เป็นวัตถุดิบหลัก บ้างก็นำมาผสมกับอีกสายพันธุ์เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ดีการดื่มจะมีอรรถรสมากขึ้น หากคุณมีความรู้เรื่องเหล่านี้
ชมข้อมูลเพิ่มเติมที่
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้