ทำความเข้าใจกับ Dofollow และ Nofollow Backlink และการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Bangpan

หัดอ่านหัดเขียน (9)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:11
เมื่อ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 11.42 น.

คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางเว็บไซต์ถึงติดอันดับต้น ๆ ใน Google ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่บางเว็บไซต์ต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะมีใครเห็น ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี้ก็คือ Backlink นั่นเอง

Backlink เปรียบเสมือนคะแนนโหวตที่บอกว่าเว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือแค่ไหน หากมีเว็บไซต์อื่น ๆ จำนวนมากเชื่อมลิงก์มายังเรา นั่นแสดงว่าเนื้อหาของเรามีประโยชน์และมีคุณภาพ ซึ่ง Google จะให้ความสำคัญและจัดอันดับเว็บไซต์ของเราให้ดีขึ้น

แต่ใช่ว่า Backlink ทุกประเภทจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่า Dofollow และ Nofollow Backlink คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และมีเทคนิคในการใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมแล้วไปหาคำตอบกันเลย!

Dofollow Backlink คืออะไร

Dofollow Backlink คือการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บหนึ่ง โดยที่ลิงก์นั้นจะถ่ายทอด Link Juice หรือพลังงานในการโหวตให้กับเว็บปลายทาง เมื่อ Google bot ตรวจพบ Dofollow link ก็จะคำนวณเป็นคะแนนเพื่อจัดอันดับให้เว็บไซต์ปลายทางดีขึ้น

ตัวอย่างของ Dofollow Backlink เช่น ถ้ามีเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับธุรกิจเรา ที่เป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ ใส่ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา ก็จะเป็นการถ่ายทอดพลังงานจาก Domain Authority ที่สูงกว่า ทำให้เว็บเรามีโอกาสติดอันดับในหน้าแรกของ Google ได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม Dofollow Backlink ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง หากเราไปซื้อลิงก์จากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ มีประวัติเคยโดนแบน หรือมีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเรา Google อาจมองว่าเป็นการปั่นอันดับแบบผิดกฎ และลงโทษเว็บเราแทนที่จะให้รางวัล ดังนั้นควรเลือกสร้าง Dofollow Backlink จากเว็บไซต์คุณภาพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราเท่านั้น

Nofollow Backlink คืออะไร

Nofollow Backlink คือการเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์เช่นกัน แต่มีการใส่ Attribute rel="nofollow" เข้าไปในโค้ด HTML ซึ่งเป็นการบอก Google ว่า "อย่านับลิงก์นี้เป็นคะแนนโหวตเลย ข้ามไปเถอะ" ดังนั้น Nofollow link จึงไม่ช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์โดยตรง

แล้วทำไมเราถึงยังต้องสร้าง Nofollow Backlink อยู่ล่ะ? คำตอบคือ ถึงแม้จะไม่ได้เพิ่ม Link Juice แต่ Nofollow link ก็ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น

  • เพิ่มปริมาณ Referral Traffic หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์จากการคลิกลิงก์
  • สร้างความหลากหลายให้กับ Backlink Profile ไม่ให้ดูผิดธรรมชาติ
  • เพิ่มโอกาสในการสร้าง Brand Awareness ให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น

ตัวอย่างของ Nofollow Backlink เช่น ลิงก์ในเว็บบอร์ด, ลิงก์ใน Comment บล็อก, ลิงก์โฆษณาแบบ Sponsored เป็นต้น ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะใส่ rel="nofollow" ให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาปั่นอันดับผ่านทางพื้นที่เหล่านี้

เทคนิคการใช้ Dofollow และ Nofollow Backlink อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจากเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Dofollow และ Nofollow Backlink แล้ว ต่อไปเราจะมาดู 3 เทคนิคสำคัญในการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกัน

1. รักษาสมดุลระหว่าง Dofollow และ Nofollow

ลองนึกภาพว่า หากเว็บไซต์ของเรามีแต่ Dofollow Backlink 100% ไม่มี Nofollow เลย Google อาจมองว่าเรากำลังพยายามปั่นอันดับอย่างผิดธรรมชาติ และลงโทษเราได้ ในทางกลับกัน หากมีแต่ Nofollow อย่างเดียว ก็จะไม่ช่วยเรื่องอันดับเว็บเลย

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่างสอง Backlink นี้ โดยอัตราส่วนที่ดีคือ Dofollow 70% ต่อ Nofollow 30% เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เน้นอันใดอันหนึ่งจนเกินไป

2. มุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

Backlink ไม่ได้ยิ่งมากยิ่งดีเสมอไป แต่ต้องเน้นคุณภาพเป็นหลัก ลองคิดดูว่า การได้ Dofollow Backlink เพียง 1 ลิงก์จากเว็บไซต์ดังอย่าง ConvertCake ก็อาจจะมีค่ามากกว่าได้ลิงก์ 100 ลิงก์จากเว็บไซต์ขยะที่ไม่มีใครเข้า

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำคือมุ่งหา Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูง มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และเป็นเว็บที่มีคนเข้าจริง ๆ เพื่อถ่ายทอดทั้งพลังโหวต ทราฟฟิก และความน่าเชื่อถือมาสู่เว็บไซต์ของเรา

3. สร้าง Backlink อย่างค่อยเป็นค่อยไป

อีกข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ คือการพยายามสร้าง Backlink จำนวนมากในเวลาอันสั้น เช่น ได้ลิงก์ 100 ลิงก์ภายในเดือนเดียว ซึ่งอาจจะดูน่าตื่นเต้น แต่ความจริงแล้วเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกให้ Google รู้ว่าเราพยายามปั่นอันดับ และอาจโดนลงโทษได้

วิธีที่ถูกต้องคือต้องสร้าง Backlink แบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเพิ่มเดือนละ 5-10 ลิงก์ โดยกระจายไปตามเว็บไซต์ที่หลากหลาย ไม่ยัดลิงก์ทีเดียวในที่เดียว ให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีการเติบโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จะได้รับการจัดอันดับที่ดีในระยะยาว

สรุป

Backlink ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงใน Google ได้ โดยเฉพาะ Dofollow Backlink ที่ให้ทั้งพลังโหวตและทราฟฟิกแก่เว็บไซต์ ในขณะที่ Nofollow Backlink ก็มีประโยชน์ในการสร้างความหลากหลายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักใช้ Backlink ทั้งสองประเภทอย่างสมดุล เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และสร้างอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรใจร้อนปั่นลิงก์จนเกินพอดี มิเช่นนั้นอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีในระยะยาว

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา