สิวคืออะไร มีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง แล้วควรรักษาสิวอย่างไร

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (546)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:980
เมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 20.37 น.

สิว

ปัญหาผิวหนังที่หลายคนต้องเผชิญอย่าง สิว เป็นปัญหาที่มักจะมาเยือนในช่วงวัยรุ่น แต่บางรายก็ยังคงมีสิวรบกวนในวัยผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวดำ, สิวอักเสบ, สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง แล้วสิวแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร สาเหตุการเกิดสิว ควรรักษาสิวอย่างไรให้หาย พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลตัวเองเมื่อมีปัญหาสิว เพื่อช่วยให้สิวหายไว ไร้รอยแผลเป็น

 

สิว คืออะไร แบบไหนจึงเรียกว่า สิว

 

สิวอุดตัน

สิว (Acne) คือ ภาวะความผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมันบนผิวหนัง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวชนิดต่าง ๆ ขึ้นบนผิวหนัง โดยปกติแล้ว ต่อมไขมันใต้ผิวหนังจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงผิว แต่หากมีสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือแบคทีเรียไปอุดตันรูขุมขน น้ำมันที่ผลิตออกมาก็จะไม่สามารถระบายออกมาได้ เกิดเป็นสิวอุดตัน ซึ่งสิวอุดตันนี้ อาจจะพัฒนาไปเป็นสิวชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น 

 

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย อย่างแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังตามปกติ อาจเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อุดตัน ส่งผลให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
  • เมื่อรูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบ ๆ เกิดเป็นสิวหัวช้างหรือสิวหัวหนอง
  • ในฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) จะกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลต่อสิวฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์

 

ประเภทของสิว

สิวแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ โดยสามารถสรุปประเภทของสิวได้ ดังนี้

  1. สิวหัวดำ (Open comedones) มีลักษณะเป็นจุดสีดำบนผิวหนัง เกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อสัมผัสกับอากาศ หรือน้ำมันจะกลายเป็นสีดำ หากไม่รักษา ก็อาจจะกลายเป็นสิวหัวหนอง หรือทิ้งรอยสิวสีดำได้
  2. สิวหัวขาว (Closed comedones) มีลักษณะตุ่มนูนสีขาว เกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แล้วรูขุมขนจะปิดสนิท ไม่สัมผัสกับอากาศ 
  3. สิวอักเสบ (Inflammatory acne) มีลักษณะตุ่มนูนสีแดง มักพบตามส่วนต่าง ๆ โดยอาจจะเป็นสิวที่หลังได้ เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่อุดตัน เนื่องจากแบคทีเรีย 
  4. สิวหัวหนอง (Pustules) มีลักษณะตุ่มนูนสีแดง มีหนองอยู่ตรงกลาง เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่อุดตันและติดเชื้อแบคทีเรีย อาจเกิดการเจ็บปวดเล็กน้อย สามารถหายได้เอง ภายใน 1 - 2 อาทิตย์
  5. สิวหัวช้าง (Cysts) มีลักษณะเป็นก้อนนูนขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง มักมีสีแดงหรือม่วง เกิดจากการ อักเสบของรูขุมขนที่อุดตันและติดเชื้อแบคทีเรียลึกลงไปใต้ผิวหนัง จะรู้สึกเจ็บปวดมาก และไม่สามารถหายได้เอง หากทิ้งไว้ เสี่ยงต่อการทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

 

ปัจจัยต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดสิว

สิวเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน โดยทั่วไปแล้ว แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้

1. ปัจจัยภายในร่างกาย

  • กรรมพันธุ์ หากมีประวัติครอบครัวเป็นสิว มักมีโอกาสเป็นสิวมากกว่า
  • ฮอร์โมนในร่างกาย
  • ระบบภูมิคุ้มกันหากอ่อนแอ อาจทำให้ร่างกายต่อสู้กับแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังได้ไม่ดี ส่งผลต่อการเกิดสิวอักเสบ

2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย

  • แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังตามปกติ อาจเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อุดตัน ส่งผลต่อการเกิดสิวอักเสบ
  • สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง มลภาวะ สิ่งสกปรกต่าง ๆ อุดตันรูขุมขน ส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตัน
  • การเสียดสีผิวหน้าจากเสื้อผ้า หมวก เข็มขัด กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ
  • แสงแดดกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตัน
  • ยาบางชนิด ยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ยาต้านเศร้า กระตุ้นให้เกิดสิว

3. พฤติกรรมการดำเนินชีวิต

  • การล้างหน้าบ่อย ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์รุนแรง อาจทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง กระตุ้นให้เกิดสิว
  • การบีบสิวอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ ส่งผลให้เป็นรอยแผลเป็น
  • ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าบางชนิดทำให้อุดตันรูขุมขน 
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวสูง 
  • ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย 
  • การอดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ 

4. สภาพผิว

  • ผิวมัน ทำให้อุดตันรูขุมขน ส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตัน
  • ผิวแพ้ง่าย ทำให้ระคายเคืองง่าย กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ

 

วิธีการรักษาสิว

การรักษาสิวมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิว โดยทั่วไป แบ่งออกเป็นดังนี้

1. การรักษาสิวด้วยตนเอง

  • รักษาความสะอาดผิวหน้า ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนต่อผิว 
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-comedogenic) และปราศจากน้ำมัน (Oil-free)
  • ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิวโดยเฉพาะ เช่น เซรั่มลดสิว, สบู่ลดสิวที่หลัง, ที่แปะสิว, วิตามินลดสิว
  • ล้างมือก่อนสัมผัสใบหน้า หลีกเลี่ยงการแกะ เกา บีบสิว

2. การใช้ยารักษาสิว

  • ยาหรือครีมแต้มสิวที่มีส่วนผสม เช่น Benzoyl peroxide, Salicylic acid, Retinoid เป็นต้น
  • ยารับประทานสำหรับรักษาสิว เช่น Antibiotics, Hormonal therapy, Isotretinoin เป็นต้น

3. การรักษาสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ฉีดยาเข้าที่สิวอักเสบ, กดสิวอุดตัน, เลเซอร์สิว เป็นต้น

 

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อมีปัญหาสิว

ครีมลดรอยสิว

สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อย ส่งผลต่อทั้งสุขภาพผิวและความมั่นใจ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความรุนแรงของสิว เร่งระยะเวลาให้สิวหายเร็วขึ้น และป้องกันการเกิดสิวใหม่ โดยมีวิธีการดูแลตัวเอง ดังนี้

 

  • เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวหน้า (ประมาณ 5.5 - 6.5)
  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง
  • ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าและฟองน้ำรองพื้นเป็นประจำ
  • เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อย ๆ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดสิว เช่น Salicylic acid, Benzoyl peroxide, Retinoid
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยสิ่งสกปรก เช่น มือถือ 
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นทานผัก ผลไม้ ธัญพืช 
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวสูง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เนื่องจากช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี 
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
  • ควบคุมความเครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมน กระตุ้นให้เกิดสิว
  • ใช้ครีมรักษาสิวภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร

นอกจากสิวแล้ว บางครั้งสิวอาจจะทิ้งรอยแดงจากสิวไว้ ดังนั้น จึงต้องรักษารอยสิวร่วมด้วย โดยการใช้ครีมลดรอยสิวหรือเซรั่มลดรอยสิว เพื่อช่วยลดรอยสิว 

 

สรุปเกี่ยวกับสิว

สิว (Acne) คือ ภาวะความผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมันบนผิวหนัง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวชนิดต่าง ๆ ขึ้นบนผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวดำ, สิวหัวขาว, สิวอักเสบ, สิวหัวหนอง และสิวหัวช้าง ซึ่งการรักษาสิวก็มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิว ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

แก้ไขครั้งที่ 2 โดย GUEST1649747579 เมื่อ19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 20.39 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา