รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร พร้อมขั้นตอนขอรีไฟแนนซ์บ้านง่าย ๆ
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร? มาดูอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านกันว่าเป็นอย่างไรบ้างและข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านที่คุณควรรู้ในบทความนึ้
การขอรีไฟแนนซ์บ้าน คือเทคนิคอย่างหนึ่งที่ทำให้ปิดยอดการผ่อนบ้านได้ไวขึ้นลดภาระการผ่อนบ้านหลายสิบปี ปลดหนี้ไวทั้งเงินต้น-เงินดอก แถมประหยัดเวลาไปได้เยอะ เรามาทำความรู้จักว่ารีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านแบบง่าย ๆ อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านทุกธนาคารเป็นอย่างไรบ้าง และข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไรบ้างที่คุณควรรู้ในบทความนี้
รู้จักกับรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร พร้อมขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอทำสัญญาสินเชื่อกู้เพื่อซื้อบ้านกับธนาคารหนึ่ง เมื่อสิ้นสุดสัญญาที่ผ่อนอยู่กับธนาคาร ผู้ขอสินเชื่อจะสามารถเลือกทำสัญญากับธนาคารใหม่หรือรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมได้ตามข้อเสนอในการลดดอกเบี้ยบ้านแต่ละธนาคารที่กำหนด ซึ่งการขอรีไฟแนนซ์บ้านส่วนใหญ่จะขอก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีตามเงื่อนไขในสัญญา โดยข้อเสนอจะให้ประโยชน์กับผู้กู้เป็นอย่างมากจึงเป็นตัวช่วยเรื่องการผ่อนบ้าน ลดภาระในอนาคตได้
ตัวอย่างของการรีไฟแนนซ์บ้าน
ผู้ขอสินเชื่อที่ผ่อนบ้านกับธนาคารเก่าเดือนละ 15,000 บาท ตามสัญญาเดิมจะหักดอกเบี้ย 10,000 บาท เงินต้น 5,000 บาท แต่เมื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารแห่งใหม่ไปแล้ว จะหักดอกเบี้ย 5,000 แต่หักเงินต้น 10,000 บาท ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดดอกเบี้ยลงและไปหักเงินต้นเยอะขึ้นทำให้ปิดบ้านได้ไวเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ขอสินเชื่อที่อยากลดภาระผ่อนบ้านเร็วขึ้น
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดแตกต่างเล็กน้อย แต่ก็คล้ายคลึงกับการขอสินเชื่อบ้าน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- พิจารณาเงื่อนไขระหว่างธนาคารที่เดิมและธนาคารแห่งใหม่ แต่ถ้าหากคุณกำลังลังเลว่าจะเปลี่ยนธนาคารดีไหม สามารถขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ด้วยวิธี Retention เพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องดำเนินสัญญารีไฟแนนซ์บ้านใหม่ อาจมีข้อเสียคือ อัตราดอกเบี้ยจะลดได้น้อยกว่าธนาคารแห่งใหม่เสนอให้
- ตรวจสอบสัญญาการผ่อนบ้าน ว่าสามารถทำรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่หลังผ่อนบ้านครบ 3 ปีจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้
- ตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือในการผ่อนบ้าน สามารถติดต่อธนาคารเพื่อสรุปยอดหนี้ในการผ่อนชำระได้เลย ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะนำไปคำนวณกับข้อเสนอต่าง ๆ ที่ธนาคารแห่งใหม่มอบให้ในการรีไฟแนนซ์
- มองหาธนาคารที่ให้ข้อเสนอในการขอรีไฟแนนซ์ แต่ละธนาคารจะโปรโมชั่นมากมาย หากใครต้องการรีไฟแนนซ์บ้านก็สามารถเลือกหาข้อเสนอดี ๆ ตรงนี้แล้วเข้าไปติดต่อสอบถามได้เลย
- เตรียมเอกสาร รีไฟแนนซ์บ้านสำหรับการขอรีไฟแนนซ์จะต้องใช้เอกสารหลายส่วนในการทำสัญญา โดยเอกสารที่ต้องเตรียมส่วนใหญ่จะมี 3 ประเภทได้แก่ เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล, เอกสารแสดงรายได้และเอกสารหลักประกันเป็นต้น
- ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ ผู้ขอสินเชื่อสามารถนำเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านกับทางธนาคารได้เลย จากนั้นธนาคารจะทำการประเมินราคาเพื่อการอนุมัติและจะติดต่อกลับไปในภายหลัง
- เตรียมค่าใช้จ่ายในการขอรีไฟแนนซ์ เมื่อธนาคารที่ใหม่อนุมัติสินเชื่อบ้านแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ในขั้นตอนต่อไป เช่น ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคา (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละสถาบันทางการเงิน), ค่าจดจำนองต้องจ่ายให้กรมที่ดินประมาณ 1% ของวงเงินกู้, ค่าประกันไฟไหม้, ค่าอากรแสตมป์ประมาณ 0.05% ของวงเงินแต่ไม่เกิน 10.000 บาท, ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของแต่ละธนาคารกำหนด
- ทำสัญญากับทางธนาคารและจดจำนองที่ดิน ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะพาเราถือสัญญาไปกรมที่ดินเพื่อจดจำนองบ้านและทำสัญญาในวันเดียวกัน หลังจากทำสัญญาเสร็จสิ้นก็ถือว่าการรีไฟแนนซ์กับธนาคารแห่งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
อัตราการรีไฟแนนซ์บ้านของแต่ละธนาคารและดอกเบี้ยเฉลี่ย
มาดูอัตราการรีไฟแนนซ์บ้านและดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ของแต่ละธนาคารกัน ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่จะใช้ Minimum Retail Rate (MMR) เป็นมาตรฐานการวัดเกณฑ์อัตราดอกเบี้ยรูปแบบลอยตัวและให้สินเชื่อเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน โดยเราได้สรุปข้อมูลแต่ละธนาคารที่น่าสนใจเป็นรูปแบบตารางให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
ธนาคาร |
ดอกเบี้ยเฉลี่ย |
วงเงินกู้ |
ธนาคารกสิกรไทย |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.45 |
กรณีทำประกันตามเงื่อนไขธนาคารให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาหลักประกันตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไปและระยะเวลาการผ่อนนานถึง 30 ปี (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.3000% วันที่ 4 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารไทยพาณิชย์ |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 6.205 |
กรณีที่รีไฟแนนซ์จากธนาคารอื่นวงเงินกู้จะให้ไม่เกินวงเงินสินเชื่อเคหะของยอดหนี้เดิม (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.300% วันที่ 2 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารกรุงไทย |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.60 |
ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% และระยะเวลาการผ่อนนานถึง 40 ปีในกรณีที่ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแบบทำประกัน (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.570% วันที่ 5 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.50 |
ให้วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน โดยมีเงื่อนไขสำหรับบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮมและห้องชุดมูลค่า 1.5 ล้านบาทขึ้นไปและระยะเวลาการผ่อนนานถึง 30 ปีของราคาประเมิน (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.400% วันที่ 6 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารกรุงเทพ |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.57 |
เฉพาะวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของยอดหนี้คงเหลือ แต่มีเงื่อนไขคือหลักทรัพย์เป็นโครงการบ้านที่อยู่อาศัยและทำประกันเท่านั้น (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.300% วันที่ 29 กันยายน 2566) |
ธนาคารทหารไทยธนชาต |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.50 |
สำหรับลูกค้าที่ได้รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาตจะได้รับวงเงินกู้ขั้นต่ำ 500,000 บาท - สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.830% วันที่ 3 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.55 |
เงื่อนไขคือผู้กู้ต้องมีรายได้ตั้งแต่ 75,000 บาทต่อเดือน โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมินหลักประกัน (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 8.800% วันที่ 11 ตุลาคม 2566) |
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ |
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกร้อยละ 3.05 |
ให้วงเงินกู้สูงสุด 2,500,000 บาทต่อรายและต่อหลักประกัน (อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.900% วันที่ 9 มิถุนายน 2566) |
ลดดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์บ้านมีข้อดีอย่างไรบ้าง
Refinance บ้านมีข้อดีอย่างมากเพราะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ ช่วยให้การผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นและยังสามารถขอยื่นรีไฟแนนซ์บ้านทุก ๆ 3 ปี จึงลดปัญหาหนี้สินได้จริงแถมบางธนาคารยังมีข้อเสนอให้วงเงินกู้มากกว่าที่เดิมอีกด้วย โดยยังมีข้อดีอย่างอื่นอีกมาก ได้แก่
- ลดดอกเบี้ยให้ต่ำลง วิธีรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยลดดอกเบี้ยได้เพราะเมื่อผ่อนบ้านไปรสักพักหนึ่งจะพบว่าดอกเบี้ยคงที่หรือมากขึ้นกว่าเดิม การรีไฟแนนซ์จึงช่วยให้เราชำระดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงกว่าปกติได้ ตามเงื่อนไขที่แต่ละธนาคารกำหนด
- ช่วยลดระยะเวลาการผ่อนให้น้อยลงได้ การรีไฟแนนซ์บ้านนอกจากจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยได้ยังสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระให้น้อยลงได้ โดยจะต้องเพิ่มจำนวนเงินในแต่ละเดือนตามสัญญาและข้อตกลงกับธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดระยะเวลาไปได้ถึง 10 ปีเลยทีเดียว
- ลดรายจ่ายจากการคำนวณยอดกู้และยอดผ่อนชำระรายเดือน การเลือกวิธีรีไฟแนนซ์บ้าน เพิ่มวงเงินถือเป็นเทคนิคลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านจากปกติได้จริง โดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างผู้กู้และธนาคารแห่งใหม่
สรุปรีไฟแนนซ์บ้าน คือตัวช่วยปลดภาระหนี้ให้หมดเร็วขึ้น
รีไฟแนนซ์บ้านเป็นการขอย้ายสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารเดิมที่เรากู้อยู่ไปธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาการผ่อนมากกว่า 3 ปีขึ้นไป ถึงขอรีไฟแนนซ์บ้านได้ โดยธนาคารแห่งใหม่จะเสนอโปรโมชั่นลดดอกเบี้ยบ้านให้ถูกกว่าธนาคารเดิม จึงเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับผู้ขอสินเชื่อการรีไฟแนนซ์จะช่วยลดดอกเบี้ยและยอดหนี้บ้านให้เหลือน้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้ผ่อนชำระได้ถูกลง ทำให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นกว่าปกติ
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้