ปรับอุณหภูมิตู้เย็นอย่างไร ให้ถนอมอาหารและประหยัดพลังงาน
ตู้เย็น ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีการทำงานอยู่ตลอดเวลา เพราะตัวเครื่องจะต้องมีการทำความเย็น และป้องกันความร้อนเสมอ การปรับความเย็นหรือปรับอุณหภูมิตู้เย็น รวมไปถึงการถนอมการใช้งานตู้เย็น ถือเป็นการดูแลรักษาตู้เย็นไม่ให้เกิดการชำรุด เสื่อมสภาพเร็วจนเกินไป แน่นอนว่ามีหลากหลายวิธีแนะนำในการปรับอุณหภูมิตู้เย็น ที่ครอบคลุมทั้งการปรับอุณหภูมิตู้เย็น 2 ประตู และตู้เย็นแบบอื่น ที่ช่วยให้เรามีตู้เย็นใหม่อยู่ตลอดเวลา
อุณหภูมิตู้เย็นที่เหมาะสม มีแนวทางการตั้งค่าอย่างไร
ปรับอุณหภูมิตู้เย็นสำหรับช่องแช่แข็ง
ส่วนของช่องแช่แข็ง ปรับอุณหภูมิตู้เย็นส่วนนี้ มักจะให้ความสำคัญในการละลายน้ำแข็งเพื่อจัดการช่องเก็บของแช่เย็นมากกว่า แต่ความเป็นจริงแล้ว วิธีปรับอุณหภูมิตู้เย็น 2 ประตู หรือ 1 ประตู จะมีค่า Default อยู่ที่ -19 องศา จะทำให้อาหารหรือเนื้อสัตว์เกิดการแช่แข็งขึ้น ซึ่งความเหมาะสมที่เราควรปรับให้ประหยัดไฟ หรือ เหมาะกับการใช้งาน หากมีของในตู้แช่แข็งมากตั้งค่าที่ -15 ถึง -23 องศาในกรณีมีของในตู้แช่น้อยในส่วนปรับอุณหภูมิตู้เย็น
ปรับอุณหภูมิตู้เย็นสำหรับช่องแช่เย็น
สำหรับช่องแช่เย็น เริ่มต้นปรับอุณหภูมิตู้เย็น เพื่อการใช้งานประหยัดไฟ หรือถนอมอาหารเป็นหลัก จะมีการตั้งค่าที่แตกต่างกัน การปรับความเย็นตู้เย็นสำหรับการถนอมอาหาร ยิ่งในช่องแช่เย็นมีอาหารจำนวนมาก 1.7 - 3.3 องศาเซลเซียส ที่จะช่วยชะลออาหารให้เน่าเสียได้ช้า และชะลอการเติบโตแบคทีเรียในตู้เย็น และตู้เย็นส่วนใหญ่ มักตั้งค่าเริ่มต้นที่ 3 องศา หากต้องการประหยัดไฟ ในกรณีที่ไม่มีของสดในช่องแช่เย็น ปรับอุณหภูมิตู้เย็นที่ 5 - 7 องศาได้
ปรับอุณหภูมิตู้เย็นให้เหมาะสม มีเหตุผลและผลลัพธ์อย่างไร
เหตุผลสำคัญที่เราจะต้องมีการตรวจสอบอุณหภูมิเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น และทำการเริ่มปรับอุณหภูมิตู้เย็น ก็เพื่อตรวจเช็กว่า ความเย็นที่ตู้เย็นทำ สามารถทำได้ตามเกณฑ์ที่ตู้เย็นทั่วไปทำได้หรือไม่ เพราะแบคทีเรีย ที่เป็นอุปสรรคสำคัญอาจส่งผลกระทบกับคุณภาพการกินได้ หากอุณหภูมิติดลบไม่มากพอ และระยะเวลาถนอมอาหารก็อาจไม่ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ กรณีที่เราจะประหยัดไฟ การปรับความเย็นของตู้เย็นก็ควรมีทำเพื่อเกิดผลจริง
อีกเหตุผลของความเป็นปรับอุณหภูมิตู้เย็น เพื่อให้เราเรียนรู้การปรับแต่งเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ทำให้เรารู้จักเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นที่เราใช้งานมากขึ้น เพราะตู้เย็นแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน พื้นที่จัดวางก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพ และการปรับระดับความเย็นของตู้เย็นของแต่ละรุ่นก็แตกต่างกัน เมื่อเราได้เรียนรู้ เราจะเห็นผลลัพธ์ของตู้เย็นที่เราตั้งค่า เราจะได้ทั้งตู้เย็นที่ประหยัดไฟ และได้ตู้เย็นที่มีอายุการใช้งานยืนยาวมากกว่าเดิม
วิธีตรวจสอบอุณหภูมิตู้เย็น เช็กที่ตรงไหน
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นปรับอุณหภูมิตู้เย็น จะต้องรู้วิธีตรวจสอบอุณหภูมิตู้เย็นก่อน เป็นพื้นฐานในการที่เราจะได้รู้จักตัวตู้เย็นมากขึ้น ซึ่งตู้เย็นรุ่นใหม่จะมีหน้าจอแสดงผลดิจิทัลที่เห็นได้ชัดแบบเรียลไทม์ อยู่ติดกันกับปุ่มปรับอุณหภูมิเพื่อให้สามารถปรับแต่งได้สะดวก และง่ายมากขึ้น แต่ในส่วนของตู้เย็นรุ่นเก่าตัวปรับอุณหภูมิตู้เย็น จะไม่มีหน้าจอแสดงผลว่าตอนนี้ตู้แช่เย็น และตู้แช่แข็งมีอุณหภูมิเท่าไหร่ จะต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์ในการวัด
วิธีการปรับอุณหภูมิตู้เย็น ต้องดูอย่างไร เพื่อปรับได้อย่างถูกต้อง
สำหรับวิธีการเลือกปรับอุณหภูมิตู้เย็น เริ่มต้น หากเป็นตู้เย็นรุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย จะมีแผงปรับอุณหภูมิทั้งด้านในตู้แช่เย็น และแผงควบคุมตั้งค่าภายนอกตู้เย็น ซึ่งเราสามารถใช้งานแผงควบคุมทั้ง 2 ทางได้ ตู้ปรับอุณหภูมิสำหรับตู้เย็นรุ่นเก่า มักจะติดตั้งอยู่ในตู้แช่เย็นอยู่แล้ว แต่จะไม่มีปุ่มควบคุมด้านนอก อาจจะไม่สะดวกเท่าใดนัก ทางที่ดี เราควรศึกษาปุ่มและตำแหน่งการควบคุมจากคู่มือของตู้เย็นแต่ละรุ่น จะเข้าใจง่ายที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว แผงควบคุมสำหรับการตั้งค่า จะแบ่งออกเป็น แบบเลื่อน, แบบสัมผัส, แบบหมุนและแบบอื่น ๆ การตั้งค่าปรับอุณหภูมิตู้เย็น จะมีทั้งแบบ 1 - 9 ที่มีไว้เพิ่มความเย็น ระดับ 1 เป็นการตั้งค่าความเย็นต่ำ อุณหภูมิในตู้เย็นจะสูงขึ้น และระดับ 9 จะเป็นการปรับอุณหภูมิต่ำลง ทำให้ระดับความเย็นเพิ่มขึ้น หรือบางชุดจะเป็นแถบควบคุมที่มีตั้งแต่ตู้เย็นปรับอุณหภูมิ Min ไปจนถึง Max, High และ Cold ไปจนถึง Coldest ที่ออกแบบมาให้ปรับง่าย
แนะนำการดูแลรักษาอุณหภูมิตู้เย็น ให้ใช้ได้นาน ประหยัดไฟ
- การเลือกปรับอุณหภูมิตู้เย็นในบางกรณี อาจไม่ได้ส่งผลให้ตู้เย็นประหยัดไฟมากขึ้น หากมีกรณีของการนำสิ่งของมาจุในตู้เย็นมากจนเกินไป ส่งผลให้การกระจายความเย็นไม่ทั่วถึง ตู้เย็นก็จะทำงานหนักขึ้น เพราะอุณหภูมิสูงขึ้น
- หากต้องการให้ตู้เย็นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางไฟฟ้า นอกจากการปรับระดับความเย็นของตู้เย็นแล้ว ไม่ควรเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้เดี่ยว ๆ ไม่ควรใช้ร่วมกับปลั๊กอื่น
- ห้ามนำของร้อนเข้าตู้เย็น เพราะอาจส่งผลให้ตู้เย็นเกิดการเสื่อมสภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของภาชนะรองผนังของตู้เย็น และกระบวนการหล่อเย็นที่ไม่มีประสิทธิภาพ อันเนื่องมาจาก ไอน้ำยาแอร์ส่งเข้าไปที่คอมเพรสเซอร์ร้อน การทำความเย็นก็ไม่เพียงพอ จนทำให้การปรับอุณหภูมิตู้เย็นไม่เกิดผลอะไร
- ในส่วนของตู้เย็นในช่องแช่แข็ง ไม่ควรให้มีน้ำแข็งเกาะมากจนเกินไป เพราะคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักขึ้น
- ในกรณีที่เราใช้งานตู้เย็น ไม่ควรเปิดตู้เย็นค้างไว้นานเกินไป เพราะอาจจะส่งผลให้ตัวตู้เย็นทำงานหนัก เพราะระดับความเย็นทำงานไม่เหมาะสม ยิ่งปรับอุณหภูมิตู้เย็นอยู่ในระดับ MAX ก็ยิ่งทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น
- การจัดวางตู้เย็นที่ถูกต้อง จะช่วยให้ตู้เย็นไม่ทำงานหนัก โดยเราจะต้องตั้งตู้เย็นให้อยู่ห่างจากผนัง และไม่ควรตั้งในที่ ที่มีแสงแดดส่งลงมา เพราะจะทำให้กระบวนการทำความเย็นทำงานหนักในส่วนของตัวปรับอุณหภูมิตู้เย็น
สรุป ปรับอุณหภูมิตู้เย็นช่วยประหยัดไฟได้จริง
เห็นได้ชัดว่า จะมีหลายกรณีในการเริ่มปรับอุณหภูมิตู้เย็น ว่าเราควรปรับค่า Default ตอนไหน หากของเยอะควรปรับอย่างไร เพราะใจความสำคัญคือการบำรุงรักษาระบบความเย็นให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด สำคัญคือหมั่นตรวจสอบอุณหภูมิภายในตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงในตู้เย็น เพราะตู้เย็น ขึ้นชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีอายุยืน ผู้คนจึงมักจะมองข้าม การเอาใจใส่ ดูแลในส่วนต่าง ๆ จนระบบทำความเย็นขัดข้องได้
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้