สเต็มเซลล์หน้าใสกับเมโส เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
มหัศจรรย์สเต็มเซลล์หน้าใสกับการฟื้นฟูผิวพรรณ
สเต็มเซลล์หน้าใสคือสเต็มเซลล์ที่ได้จากไขมันของร่างกายมนุษย์ สามารถพบได้ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ฯลฯ โดยสเต็มเซลล์หน้าใสเป็นหนึ่งในรูปแบบของสเต็มเซลล์กับความงามที่หลาย ๆ คนมักนิยมเลือกฉีดไขมันสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกายเพื่อพัฒนาไปเป็นเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้ อาทิเช่น เซลล์คอลลาเจน เซลล์อีลาสติน เซลล์เมลาโนไซต์ เป็นต้น
โดยการเลือกใช้สเต็มเซลล์หน้าใสจะจัดเก็บได้จากการดูดไขมันจากบริเวณที่ต้องการ จากนั้นจึงนำไขมันที่ได้ไปผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงและคัดแยกสเต็มเซลล์ไขมันออก เพื่อนำไปใช้ในการฉีดไขมันสเต็มเซลล์เข้าไปในชั้นผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm) ของผิวหนังในบริเวณต่าง ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทนเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ยกกระชับและลดเลือนริ้วรอยให้กับผู้ใช้งานนั่นเอง
เปรียบเทียบความแตกต่างสเต็มเซลล์หน้าใสกับเมโส?
สเต็มเซลล์หน้าใสเป็นรูปแบบของสเต็มเซลล์กับความงามที่สามารถจัดการปัญหาผิวพรรณและฟื้นฟูความเสื่อมในบริเวณต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ คล้ายคลึงกับการทำหัตถการด้วยการเลือกใช้ ‘เมโส’ หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของ ‘เมโสหน้าใส’ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูผิวหน้าด้วยการฉีดสารบำรุงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ เข้าไปในชั้นผิวหนังชั้นกลาง เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังมีข้อสงสัยว่าสเต็มเซลล์กับความงามอย่างการเลือกใช้สเต็มเซลล์หน้าใสกับการทำเมโสหน้าใสที่มีความคล้ายคลึงกันมากนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจได้เลือกฉีดไขมันสเต็มเซลล์หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
สเต็มเซลล์หน้าใส
สเต็มเซลล์หน้าใสเป็นการฉีดไขมันสเต็มเซลล์เข้าสู่ชั้นผิวหนังชั้นกลาง เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความหมองคล้ำ ริ้วรอย ผิวขาดความชุ่มชื้นให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีเสมือนย้อนวัยอีกครั้ง
โดยการเลือกใช้สเต็มเซลล์หน้าใสนั้นมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสเต็มเซลล์ที่ได้จะต้องเป็นเซลล์ต้นกำเนิดจากร่างกายของผู้ใช้เท่านั้น อีกทั้งการฉีดไขมันสเต็มเซลล์ยังสามารถอยู่ได้นานราว 1-2 ปีอีกด้วย นอกจากนี้สเต็มเซลล์หน้าใสยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ฟื้นฟูผิวพรรณให้สว่างกระจ่างใส
- ช่วยยกกระชับริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
- เติมความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังได้ถึงระดับผิวชั้นกลาง
- ฉีดไขมันสเต็มเซลล์ 1 ครั้งสามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
- เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากสเต็มเซลล์หน้าใสจะได้จากการจัดเก็บสเต็มเซลล์ไขมันจากร่างกายเท่านั้น
เมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นการฟื้นฟูผิวหน้าด้วยวิธีการฉีดสารบำรุงต่างอย่างเช่นวิตามิน กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ เข้าไปสู่ร่างกายในบริเวณชั้นผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm) ของใบหน้า เพื่อช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอยให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
การทำเมโสหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย ผิวแห้งเป็นอย่างดี โดยผู้ให้บริการจะพิจารณาเลือกสารบำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้ป่วยแต่ละคนและฉีดสารบำรุงเข้าไปในผิวหนังชั้นกลางด้วยเข็มขนาดเล็ก และเริ่มเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยจะเห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 1-2 เดือน แต่ทว่าการฉีดเมโสจะอยู่ได้ยาวเพียง 3-6 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้เมโสหน้าใสยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใสได้ดี
- เป็นการฟื้นฟูผิวพรรณที่ไม่เกิดความเจ็บปวดมาก
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน
ทั้งนี้การเลือกใช้เมโสหน้าใสอาจต้องระวังสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เนื่องจากเมโสฯ เป็นฉีดสารบำรุงที่เป็นสารสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ บวม แดง หรือเป็นผื่นได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้สเต็มเซลล์หน้าใสซึ่งเป็นสเต็มเซลล์กับความงามที่ได้จากการฉีดไขมันสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย และต้องการฟื้นฟูสุขภาพผิวพรรณต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการเลือกใช้เมโสหน้าใสแต่จะแตกต่างกันที่สเต็มเซลล์หน้าใสจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าเนื่องจากใช้ไขมันจากร่างกายของตนเองนั่นเอง
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้