เกิดสิวที่หัวจนทำให้ผมร่วง! ต้องรีบรักษาที่ต้นเหตุก่อนสายเกินแก้
ปัญหาสิวที่หัวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มันจะดีกว่าไหมถ้าเรารู้ถึงต้นตอ ปัญหาของสิวต้องรักษายังไง ก่อนที่จะมีอาการข้างเคียงตามมาทั้งรังแค สิวที่ศีรษะ คันที่ศีรษะ เจ็บแสบ รักษายากกว่าที่อื่น ๆ เพราะมองไม่เห็นลักษณะที่แท้จริงของสิว ทำความสะอาดด้วยการสระผมทุกวันก็เสียเวลา จะบีบสิวกดสิวด้วยตัวเองก็ยาก ต้องมีคนช่วย
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาสร้างความรำคาญให้คนที่เป็นสิวอย่างมากจนเรื้อรังไปถึงขั้นติดเชื้ออื่น ๆ วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีรักษาสิวที่หัวจากทาง Absolute Hair Clinic กัน อาจจะเป็นตัวช่วยดี ๆ ให้คุณรักษาสภาพหนังศีรษะได้ก่อนที่จะสายเกินแก้
สิวที่หัว (Scalp Acne) คือ
สิวที่หัว (Scalp Acne) คือ ภาวะผิดปกติที่เกิดจากความมันของหนังศีรษะมากขึ้นจนอุดตัน ทำให้หัวเป็นตุ่ม สามารถพบได้บ่อยที่บริเวณหัวหรือตามไรผม และบริเวณท้ายทอย สิวที่ศีรษะนี้จะมีลักษณะเหมือนสิวที่พบได้ในบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีรูขุมขน เช่น ใบหน้าส่วนต่าง ๆ สิวที่หน้าอก หรือที่หลัง และเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุเหมือนกันแต่สิวที่หัวจะมีโอกาสเกิดน้อยกว่า
สิวที่หัวจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน ๆ รู้สึกได้จากการไปสัมผัสหรือนอนทับแล้วเกิดอาการเจ็บ เป็นสิวอักเสบที่หัวแล้วปวดหัว มีอาการคัน แสบที่หนังศีรษะร่วมด้วย จนอาจติดเชื้อโรคหลาย ๆ อย่างกลายเป็นตุ่มหนอง บวม แดงขึ้นได้ทำให้ต้องเสียเวลาในการรักษาอย่างมาก จะพบได้มากในหมู่วัยรุ่นหรือวัยทอง ที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามฮอร์โมน อาจหายได้เองเมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป
ลักษณะของสิวที่หัว
ลักษณะของสิวที่หัว ก็จะคล้ายกับสิวบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ที่มีระดับตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงแล้วแยกออกไปตามลักษณะอาการของสิวอีกทีบางลักษณะอาจจะหายได้เองแต่ก็มีสิวที่ต้องรีบทำการรักษาเหมือนกันหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจจะเกิดปัญหาลุกลามตามมาจนทำให้ผมร่วงได้ในที่สุด
สิวที่หัวเล็กน้อย
- สิวที่หัวแบบหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวหัวดำเล็ก ๆ แบบเปิดที่มองเห็นได้ถ้าไม่อักเสบรุนแรงก็จะไม่รู้สึกเจ็บ บริเวณตรงแกนกลางจะเป็นไตแข็ง ๆ สิวหัวดำเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การทับถมของต่อมไขมัน การอุดตันบริเวณรูขุมขน เกิดจากเซลล์ที่ตายแล้ว
- สิวที่หัวแบบหัวขาว (Whiteheads) ลักษณะจะคล้ายสิวหัวดำ แต่จะไม่เห็นหัวสิว ต้องรีบรักษาเพราะอาจจะพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบและเม็ดใหญ่ขึ้นได้
สิวที่หัวปานกลาง
- สิวที่หัวแบบตุ่มนูนแดง (Papule) คือ สิวหัวขาวที่พัฒนาจากการอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ จนปวดนูนขึ้นมา ไม่ควรสัมผัสโดยการไปแคะ แกะ เกา ซึ่งอาจจะทำให้อักเสบมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
- สิวที่หัวแบบหัวหนอง (Pustule) สิวที่อักเสบติดเชื้อแบคทีเรียจนมีหนองขึ้นมา ลักษณะมีหนองขึ้นตรงกลางเป็นสิวที่หัวเม็ดใหญ่ ถ้าไม่รีบรักษาเชื้อแบคทีเรียจะกัดกินส่วนต่าง ๆ จนทำให้ผมร่วงและแผลบริเวณหนังศีรษะจนทำให้หัวล้านได้
สิวที่หัวแบบรุนแรง
- สิวที่หัวแบบอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) สิวอักเสบที่หัวเป็นตุ่มแดงใหญ่มาก ๆ จนมองไม่เห็นหนองหรือหัวสิวได้ ซึ่งอาจอยู่ลึกลงไปในอีกชั้นของผิวหนัง ลักษณะเป็นไตแข็ง ๆ ที่หัวสิว เป็นสิวชนิดนี้จะมีอาการปวด และบวมมาก เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและอักเสบมาอย่างยาวนานถ้ารักษาหายแล้วก็อาจจะหลงเหลือรอยแผลเป็น ทำให้ผมร่วงเฉพาะจุดได้
- สิวที่หัวแบบหัวช้าง (Cyst) เป็นสิวที่อักเสบติดเชื้อรุนแรงมาก ลักษณะตุ่มนูนแดงคล้ำออกไปทางม่วง ไตแข็ง ๆ จะบวม ช้ำ เป็นบริเวณกว้างเป็นสิวอักเสบที่หัวแล้วปวดหัวมาก ๆ จะเป็นแผลขนาดใหญ่เมื่อรักษาหายแล้ว ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์และอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างเร่งด่วน
สิวที่หัว สาเหตุ
สิวขึ้นหัวเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งการรักษาก็จะแตกต่างไปตามขั้นตอนและต้นตอของปัญหาที่มีทั้งการอุดตันของไขมันและสิ่งสกปรก ที่เกิดจากเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้ว ฝุ่น มลภาวะทางอากาศและความมันส่วนเกินมารวมสะสมจนเป็นสิวที่หัว แม้รักษาความสะอาดแล้วก็อาจจะเป็นสิวได้ เพราะความมันเกิดขึ้นได้จากฮอร์โมนก็มี ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ดีก็จะอักเสบติดเชื้อได้ สาเหตุของสิวเกิดขึ้นได้ดังนี้
1. การอุดตันของไขมันและสิ่งสกปรก
น้ำมันจากรูขุมขนออกมามากจนอุดตัน บริเวณโคนผม ไรผม รักษาความสะอาดด้วยการสระผมหากสระผมน้อยครั้ง ไขมันก็จะรวมกับสิ่งสกปรกจนอุดตันเกิดเป็นสิวที่หัวชนิดต่าง ๆ ได้ในที่สุด
2. ความมันบนหนังศีรษะ
ความมันบนหนังศีรษะมีเพื่อรักษาความชุ่มชื่นของผม รักษาสภาพเส้นผมให้ดูสุขภาพดี แต่ถ้าร่างกายผิดปกติจนการผลิตความมันบนหนังศีรษะนั้น เสียสมดุลก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาทั้งแห้งเกินไปจนผมแตกหัก ขาด หลุด ร่วง หรือมันเกินไปจนเป็นสิวที่หัวและอุดตันอักเสบมากขึ้นไปตามลำดับ
3. การอักเสบของรูขุมขน
การอักเสบของรูขุมขนเป็นลักษณะเป็นตุ่มบวมแดง นูน เหมือนสิว อาจมีเชื้อสิวอยู่ด้วย แต่ก็อาจจะเป็นการอักเสบของรูขุมขนได้ การอักเสบของรูขุมขนเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมที่เราใช้ชีวิตประจำวันอยู่ได้ เช่น การโกนผมบ่อย ๆ การเกาหนังศีรษะเป็นประจำ การดึงผมแบบไม่รู้ตัวจากปัญหาความเครียด รวมถึงการมัดผมรวบตึงเกินไป จนเกิดแผลทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเข้าไปในแผลจนอักเสบและติดเชื้อได้
4. สิวที่หัวจากฮอร์โมน
สิวที่หัวจากฮอร์โมนเกิดขึ้นไป จากระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เมื่อเพศชายเข้าสู่วัยรุ่นระดับฮอร์โมนจะสูงขึ้นเร็วจนร่างกายรับสภาพความเปลี่ยนแปลงไม่ทันจนเกิดผลแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นสิว หน้ามัน เหงื่อออกเยอะ มีกลิ่นตัว ในผู้หญิงก็พบได้บ่อยเช่นกัน ในกลุ่มคนวัยทองและผู้หญิงที่แพ้ท้อง
สิวที่หัวมีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง
สิวที่หัวมีอาการข้างเคียง คือ ปวดหัว รู้สึกคัน แสบยิบ ๆ จนไปถึงขั้นรำคาญ หงุดหงิด และอารมณ์ร้อนได้ อาจทำให้เสียบุคลิกภาพด้วยเพราะจะกลายเป็นคนที่จับ เกาบริเวณผมบ่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไป แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงจนไปถึงขั้นหนังศีรษะล้านได้ ซึ่งอาการข้างเคียงต่าง ๆ ก็จะมีด้วยกันดังนี้
1. อาการคัน ระคายเคือง
คัน ระคายเคืองเกิดขึ้นได้ทั้งหลังจากการเป็นสิวที่หัวและเกิดจากการเป็นสิวที่หัว เพราะมีแผลตกสะเก็ด ขึ้นจนมีอาการคัน สิวที่หัวที่เกิดจากหนังศีรษะแห้งก็มีเช่นกัน เพราะไขมันอุดตันจนทำให้ไม่สามารถออกขับออกมานอกชั้นผิวหนังได้ ทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง ขาดความมันก็จะมีอาการคันตามด้วยหนังศีรษะแห้ง ลอกมีลักษณะเหมือนรังแคต่าง ๆ ตามมา
2. อาการปวดหรือเจ็บที่ตุ่มสิว
ปวดหรือเจ็บที่ตุ่มสิว จากการเป็นสิวที่หัวเกิดขึ้นได้ เพราะมีอาการอักเสบจากร่างกายที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวมาเพื่อคุ้มกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเกิดสิวจะมีแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ตามมาทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเชื้อเหล่านี้เองอัตโนมัติจนเกิดการอักเสบขึ้น นอกจากนี้อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นได้ด้วยเช่น ความเครียด สภาพอากาศ สภาวะฮอร์โมนของร่างกายที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวที่หัว
3. หนังศีรษะอักเสบ
หนังศีรษะที่อักเสบ เป็นอันตรายมากกว่าการเป็นสิวที่หัว การเป็นสิวนั้นหากเชื้อสิวหายไปจนถึงขั้นตอนการดูแลรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นจากสิวก็จะหายขาดได้ แต่หนังศีรษะอักเสบจะมีลักษณะเป็นอาการคัน บวมแดง จนหนังศีรษะลอกเป็นขุย ทำให้รู้สึกแสบ คัน ต้องเกาตลอดเวลาจนเสียบุคลิก อาจจะคันกำเริบได้ด้วยการถูกแสงแดดจัด ๆ อากาศร้อน หรือระบบภูมิคุ้มกันต่ำจากการนอนไม่เพียงพอ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4. ผมร่วง
ผมร่วงจากการเป็นสิวที่หัวเกิดขึ้นได้ทั้งสองอย่าง จากการเป็นสิวอักเสบและไม่อักเสบ ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงหลังจากเป็นสิว เพราะเป็นแผลที่มีขนาดใหญ่ เมื่อหัวสิวถูกรักษาโดยการกดไปแล้วจะกลายเป็นหลุมสิว ทำให้ผมบริเวณนั้นต้องร่วง จากการถูกทำลายโดยเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ของสิเส้นผมไม่สามารถงอกใหม่ได้จนเป็นปัญหาหัวล้านเฉพาะบริเวณที่เป็นหลุมสิวในที่สุด
5. หนังศีรษะลอก
หนังศีรษะลอกเป็นขุย ๆ มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาวเล็ก ๆ เกาะตามเส้นผม สามารถเกิดขึ้นได้จากการเป็นสิวที่หัว เนื่องจากความผิดปกติของหนังศีรษะที่ผลิตไขมันออกมาไม่ได้ หรือการแพ้สารเคมี จากการทำสีผม หนังศีรษะที่ลอกออกมาจะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่รวมกับน้ำมันจากรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวที่หัวได้นั่นเอง
วิธีรักษาสิวที่หัว
วิธีรักษาสิวที่หัวสามารถป้องกันได้ด้วยตนเองถ้าหากคุณรู้ต้นเหตุสาเหตุที่เกิดสิว แต่ถ้าคุณเกิดการเป็นสิวแล้วควรที่จะปรึกษากับแพทย์ก่อนแล้วจึงเลือกวิธีการรักษาที่ได้ผลตามมา เช่น การใช้ยาสระผมแก้สิวที่หัว หรือรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ ได้แก่
1. หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ เกา สิวที่หัว
การไปบีบ แกะ เกา สิวที่หัว เป็นการไปทำลายผิวบริเวณนั้นมากเกินไปจนเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในแผลได้ ทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม แผลจะหายช้าลง และเมื่อสิวหายแล้วอาจจะเป็นหลุมสิวลึกกว่าเดิม จึงควรหลีกเลี่ยงการบีบสิวด้วยตนเอง ไปอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์จะดีกว่าเพราะนอกจากแพทย์จะทำการรักษาสิวให้แล้วยังแนะนำวิธีรักษาหลุมสิวเพื่อให้ผมขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมด้วย
2. เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนประกอบที่ช่วยดูแลหนังศีรษะ
ยาสระผมแก้สิว ใช้ได้เพราะมีส่วนผสมที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ แต่ต้องเลือกยาสระผมที่สามารถรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะให้ดีด้วยนะ เพราะยาสระผมแก้สิวอาจจะทำให้หนังศีรษะแห้งลอกได้ซึ่งวิธีการเลือกยาสระผมเพื่อรักษาสิวที่หัวก็ควรดูจากส่วนผสมที่มีน้ำมันธรรมชาติประกอบด้วย เช่น น้ำมันมะพร้าว Tea tree oil ที่ช่วยลดอาการอักเสบของสิว
หากเป็นสิวที่หัวเยอะมากควรปรึกษาแพทย์เพราะแพทย์อาจจะให้ใช้ยาสระผมที่ลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น Selenium Sulfide, Ketoconazole, Pyrithione Zinc หรือยาแบบทานเป็นต้น
3. รักษาความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ
การรักษาความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญ เป็นขึ้นตอนพื้นฐานที่จะแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดของการเป็นสิวที่หัว เพราะอากาศของประเทศไทยเป็นเมืองร้อนชื้น จึงทำให้เกิดเหงื่อมาก ผลิตไขมันส่วนเกินได้ง่ายและสิ่งสกปรกมาอุดตันบริเวณรูขุมขนจนทำให้เป็นสิวได้ แนะนำให้เราควรสระผมสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เพื่อรักษาสมดุลของน้ำมันบนศีรษะและควรใช้น้ำอุณหภูมิที่ปกติไม่ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำร้อนเพราะอาจจะไปทำลายหนังศีรษะและเส้นผมได้
4. การใช้แสงบำบัด
ใช้แสงบำบัด ด้วยการตากแดดใช้รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ทำลายเชื้อสิวไปเอง แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะถ้าหากจะใช้วิธีนี้เพราะอาจจะทำให้ คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังหรือ ผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้
5. การรักษาสิวที่หัวด้วยการใช้ยา
การรักษาสิวที่หัวด้วยการใช้ยา สามารถทำได้ด้วยการไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อจ่ายยาสำหรับรักษาให้จะมีทั้งแบบยาทาน ยาทาเฉพาะจุด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทาน และยารักษาสิวขั้นรุนแรง isotretinoin ขึ้นอยู่กับชนิดของสิวที่คุณเป็นด้วยนะ ถ้าเป็นไม่มากคุณอาจจะรักษาเองได้ด้วยวิธีการป้องกันสาเหตุไม่ให้เกิดสิวจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดมากที่สุด
สรุปเรื่องสิวที่หัว
สิวที่หัวดู ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ อาจจะรักษาเองได้ด้วยการไปซื้อยาสระผมแบบฆ่าเชื้อมารักษา แต่ถ้าคุณไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง สิวก็จะพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ จนถึงขั้นที่เป็นหนอง ติดเชื้อ อาจจะทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ จนถึงขั้นหนังศีรษะล้านได้ถ้าปล่อยไว้เรื้อรัง การให้แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลปัญหาสุขภาพหนังศีรษะก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน
ทาง Absolute Hair Clinic ก็เป็นคลินิกเฉพาะทางที่ดูแลเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะไม่ใช่แค่การรักษาสิวที่หัวอย่างเดียว ทางคลินิกยังมีการปลูกผม ปลูกคิ้ว อีกด้วยถ้าใครพบมีปัญหาเหล่านี้ สามารถทักข้อมูลสอบถามกับทางคลินิกได้ที่ เว็บไซต์ของ Absolutehairclinic
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้