รู้จักกับการ IV Drip ดริปวิตามิน ทางเลือกในการดูแลสุขภาพ

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (556)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:995
เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 23.14 น.

รู้จักกับ IV Drip

ในปัจจุบันหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ IV Drip หรืออีกชื่อคือ การดริปวิตามิน ซึ่งเป็นวิธีการให้วิตามิน และแร่ธาตุ ผสมกับน้ำเกลือ ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายดูดซับวิตามิน แบบ 100% เป็นทางเลือกสำหรับการบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง โดยการใช้วิตามิน


 

IV Drip คืออะไร ?

 

IV Drip คืออะไร

iv drip คืออะไร เป็นวิธีการฉีดวิตามินเข้าร่างกายโดยตรง เรียกว่าการIV Drip หรือการดริปวิตามิน เป็นการให้วิตามินผ่านทางสายน้ำเกลือ โดยจะผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ ฉีดเข้าผ่านเส้นเลือดดำโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะส่งผลทำให้ร่างกายได้รับวิตามินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 100% ใช้เวลาดูดซับได้เร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพจากการทำงานหนัก บำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส 


 

รูปแบบของการฉีด IV Drip 

 

สำหรับวิธีการของการฉีด IV Drip นั้นในปัจจุบันจะใช้กันอยู่ 2 รูปแบบคือ แบบเข็มไซริงค์ และแบบถุงน้ำเกลือ โดยการเลือกรูปแบบการฉีดนั้นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการฉีดในแต่ละรูปแบบ จะมีความเกี่ยวข้องกับสูตรวิตามินที่เหมาะสม และความเหมาะสมของผู้ที่รับบริการดริปวิตามิน ซึ่งวิธีการของทั้ง 2 รูปแบบจะมีดังนี้

1. IV Drip แบบเข็มไซริงค์

 

การ IV Drip รูปแบบเข็มไซริงค์

จะเป็นการใช้เข็มฉีดยาที่มีวิตามิน เข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง เป็นวิธีที่สามารถฉีดได้หลายจุด นิยมใช้เพื่อ วิตามิน drip ผิว ซึ่งการดริปผิวคือ วิธีการฉีดวิตามินที่ใช้บำรุงผิวพรรณในแต่ละส่วน โดยจะนิยมมากที่สุดคือ ฉีดบริเวณผิวหน้า

2. IV Drip แบบถุงน้ำเกลือ

 

การ IV Drip รูปแบบถุงน้ำเกลือ

เป็นวิธีการฉีดที่มีคล้ายกับการให้น้ำเกลือเวลาเจ็บป่วย โดยจะผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ แล้วฉีดเข้ากับเส้นเลือดดำที่แขนโดยตรง อย่างช้า ๆ จนกว่าวิตามินที่ถุงจะหมด วิธีนี้จะนิยมใช้สำหรับการฉีด vitamin drip เพื่อบำรุงสุขภาพ


 

ประโยชน์ของการ IV Drip ดริปวิตามิน

 

จะเห็นได้ว่าการฉีด IV Drip ทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีรูปแบบที่คล้ายเคียงกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ที่มารับบริการดริปวิตามิน โดยการฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรงเลยนั้น จะสามารถช่วยให้ร่างกายดูดซับวิตามินเหล่านั้นได้อย่าง 100% และดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งประโยชน์ของการ IV Drip จะมีดังนี้

1. เพิ่มผิวกระจ่างใส (Brightening) 

 

การฉีดวิตามิน IV Drip มีสูตรสำหรับการdrip ผิวโดยเฉพาะ จะสามารถช่วยดูให้ผิวดูกระจ่างใส ดูเปล่งประกาย ลดความหมองคล้ำ ลดปัญหาสำหรับผู้ที่ผิวเสีย ปัญหาริ้วรอยไม่เรียบเนียน

2. เพิ่มพละกำลัง (Energy Booster) 

 

การฉีด IV Drip จะมีวิตามินรวมหลายชนิด ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย ให้กลับมาสดชื่น สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก ๆ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้ที่มีอาการ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย ต้องการความสดชื่น

3. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (Immune Booster)

 

การฉีด IV Drip จะมีวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ที่มีส่วนช่วยในการกำจัดแบคทีเรีย ที่มีส่วนทำให้ร่างกายเจ็บป่วย มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่าง ๆ ได้มากขึ้น

4. ดีท็อกซ์ (Detox)

 

การฉีด IV Drip ไม่เพียงแต่เสริมสร้างระบบต่าง ๆ ให้ร่างกายดีขึ้น ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายช่วยลดน้ำหนัก ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น


 

การให้วิตามินผิว การดริปผิว IV Drip ดีไหม ? 

 

การ IV Drip ดีอย่างไร

จะเห็นได้ว่าการฉีด IV Drip จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นจากวิตามิน แถมร่างกายยังดูดซับได้เร็ว ได้วิตามินเต็ม 100% ซึ่งถ้าหากคุณสนใจที่จะทำการทำ IV Dripดริปวิตามินผิว จะมีข้อดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ดังนี้

  1. ร่างกายสามารถดูดซับวิตามินได้ไวเต็มประสิทธิภาพ มากกว่าการรับประทานอาหารเสริม 
  2. ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น มีความกระจ่างใส เต่งตึง ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ หยาบกระด้าง
  3. กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน การสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
  4. ในการทำ การให้วิตามินผิว drip ผิว ใช้เวลาไม่นาน ใช้เวลาประมาณ 45 - 60 นาทีเท่านั้น
  5. หลังจากการทำดริปวิตามินผิวเสร็จแล้ว ไม่ต้องมีการหยุดงาน เพื่อพักฟื้นใด ๆ ไม่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ทำให้ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน


 

ใครเหมาะกับวิตามินผิว IV Drip 

 

หลังจากได้เห็นข้อดีต่าง ๆ ของการ IV Drip แล้วว่าดีอย่างไร มาดูกันว่าการฉีดวิตามินผิวนั้นเหมาะกับใคร ใครบ้างที่มีความจำเป็นต้องทำการดริปวิตามิน เพื่อที่จะได้ช่วยรักษาสุขภาพ

  • คนที่ต้องการวิธีที่สามารถทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างรวดเร็ว ต้องการฉีดยาบํารุงร่างกาย ด้วยวิตามิน เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ หลายชนิด
  • คนที่ไม่ค่อยได้รับวิตามินจากแหล่งอื่น ๆ เช่น การรับประทานอาหาร หรือคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริม
  • คนที่ต้องการใช้เป็นวิตามินควบคู่กับวิธีอื่น ๆ เพื่อให้เสริมสร้างให้มีผลดีมากขึ้น
  • คนที่มีปัญหาต่าง ๆ ทางผิวหนัง ขาดวิตามิน หรือต้องการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งวิธีการ drip ผิว จะเหมาะช่วยรักษาได้
  • คนที่ทำงานหนักมากเกินไป จนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ทำให้มีปัญหาในการทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คนที่ต้องการกระตุ้นระบบเผาผลาญ และระบบการขับสารพิษของร่างกาย ให้ดียิ่งขึ้น


 

ข้อควรระวังก่อนทำ IV Drip 

 

ข้อระวังก่อนการทำ IV Drip

ถึงแม้ว่าการทำ IV Drip จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ว่าวิธีนี้นั้นก็เป็นวิธีการฉีดวิตามินเข้าผิวโดยตรง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับบางคน หรือคนที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ซึ่งก่อนการทำต้องแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบล่วงหน้า ซึ่งผู้ที่ต้องระวังจะมีดังนี้

  • ในผู้หญิง ถ้าหากกำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกน้อยอยู่ อาจจะมีผลค้างเคียงได้ ไม่ควรทำการ drip ผิว ช่วงนี้
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ คือ โรคหัวใจ, โรคเกี่ยวกับทางเดินโลหิต, โรคความดันโลหิตสูง, โรคตับ, โรคไต, โรคภูมิคุ้มกันต่ำ, โรคเบาหวาน, คนที่มีภาวะที่มีวิตามิน และแร่ธาตุเกิน, คนที่ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์ หรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
  • ก่อนการไปฉีด  IV Drip ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปฉีด iv drip ที่ไหนดี ควรต้องหาข้อมูลสถานที่ที่จะไปฉีดก่อนด้วยเนื่องจากถ้าฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้


 

ฉีดวิตามินผิว IV Drip มีข้อเสียไหม

 

นอกจากข้อดีต่าง ๆ IV Dripก็จะมีข้อเสียเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง แต่ก็ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข้อเสียเลยทีเดียว เป็นการขยายความให้คุณเข้าใจการ IV Drip มากขึ้น โดยข้อเสียต่าง ๆ จะมีดังนี้

  • เมื่อฉีดวิตามินไปแล้ว อาจจะต้องใช้เวลา 1 - 2 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้เข้ารับบริการด้วย
  • ต้องมีการฉีด vitamin drip หลายครั้ง ขึ้นอยู่ว่ารับสูตรวิตามินแบบใด ซึ่งบางสูตรอาจจะต้องมีการฉีดซ้ำหลายครั้ง
  • ผลลัพธ์ที่ออกมา อาจจะไม่ตรงกับที่คาดหวังไว้ เนื่องจากว่าเป็นการให้วิตามินกับร่างกายเท่านั้น
  • ทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีดได้ เนื่องจากว่าเป็นการใช้เข็มฉีดใช้เวลา 45 - 60 นาทีอาจจะทำให้เจ็บบริเวณนั้นเป็นเวลานาน
  • ในการ drip ผิว อาจจะต้องมีการมาฉีดซ้ำ เพราะการฉีดเพียงครั้งเดียวจะไม่ส่งผลถาวร จึงต้องมีการฉีดต่อเนื่องทุก ๆ 2 - 4 สัปดาห์เพื่อให้ผลดีอยู่ยาวนานยิ่งขึ้น
     

 

เตรียมตัวอย่างไรก่อน IV Drip 

 

ถ้าหากคุณสนใจการทำ IV Drip และอยากเตรียมความพร้อมก่อน จะต้องมีขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งการเตรียมตัวจะมี 2 ขั้นตอนดังนี้

  1. แจ้งโรคประจำตัวต่าง ๆ ประวัติการเข้ารับการรักษา รวมถึงการรับประทานยา อาหารเสริมทุกชนิดที่ใช้อยู่ หรือเคยใช้ ให้กับแพทย์ทั้งหมดเพื่อป้องกันความอันตราย
  2. เลือกสูตร และ iv drip ราคา ที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะได้เสริมวิตามินได้ตรงจุด หรือปรึกษาคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
  3. อ่านข้อมูล iv drip รีวิว จากผู้ใช้คนอื่น ๆ จากทางโซเชียล หรือจากคนใกล้ตัวที่เคยไปใช้บริการ เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าจะทำการ ดริปวิตามิน ที่ไหนดี


 

ขั้นตอนการฉีดวิตามินผิว IV Drip เป็นอย่างไร ?

 

ในเมื่อเตรียมตัวพร้อมรับบริการ IV Drip แล้วมาดูว่าการดริปวิตามินผิว มีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง ซึ่งระยะเวลาจะใช้เวลา ไม่เกิน 1 ชั่วโมงโดยประมาณ จะขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 

 

ตรวจเช็กร่างกายก่อนทำ IV Drip

เริ่มต้นจากการตรวจเช็กร่างกายของผู้รับบริการ วัดส่วนสูง ช่างน้ำหนัก และวัดความดันโลหิต ก่อนที่จะทำการฉีด vitamin drip

ขั้นตอนที่ 2

 

ขั้นตอนการ IV Drip ทำความสะอาดแขน

แพทย์จะทำความสะอาดผิวหนังภายนอก ตรงบริเวณที่จะทำการฉีด vitamin drip เพื่อฆ่าเชื้อโรคป้องกันอันตราย

ขั้นตอนที่ 3

 

IV Drip แบบถุงน้ำเกลือ

แพทย์เริ่มเจาะเข็มเข้าเส้นเลือดดำ และทำการฉีด vitamin drip ซึ่งจะมี 2 วิธีคือ 

  1. การฉีดแบบไซริงค์ โดยแพทย์ จะทำการค่อย ๆ ฉีดวิตามินไปอย่างช้า ๆ จนหมดปริมาณไซริงค์ 
  2. วิธีการฉีดแบบถุงน้ำเกลือ จะเป็นการค่อย ๆ ฉีดเข้าไป โดยผู้บริการสามารถนั่ง หรือนอนก็ได้จนกว่าจะฉีดวิตามินครบ

ขั้นตอนที่ 4

 

หลังจากการทำ IV Drip เสร็จแล้ว

หลังจากฉีดวิตามินครบแล้ว แพทย์จะนำเข็มออก แล้วปิดแผลบริเวณที่ฉีดวิตามินให้เรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการ IV Drip สามารถเดินทางกลับได้


 

ดูแลตัวเองอย่างไรหลัง IV Drip

 

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังจากทำ IV Drip

และเมื่อทำการ IV Drip ฉีด vitamin drip เรียบร้อยแล้ว ต้องมีการดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้ผลของวิตามินเสียไป หรือช่วยให้วิตามินส่งผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น โดยมีข้อแนะนำดังนี้

  • งดกิจกรรมกลางแจ้ง การโดนแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นควรใช้ ครีมกันแดดด้วย เพื่อป้องกันผิวเสีย ในระหว่างที่กำลังฟื้นฟู
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และบุหรี่ ในระยะยาวเพื่อป้องกันการไปทำลายวิตามิน
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินต่าง ๆ ครบถ้วน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และมีการรับประทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน ไม่ต้องมากเพียงวันละ 30 - 60 นาที เพื่อช่วยเร่งระบบเผาผลาญ จะส่งผลให้วิตามินที่ฉีดไปมีผลดียิ่งขึ้น และส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น


 

ข้อสรุป 

 

เห็นได้เลยว่าการ IV Drip หรือการดริปวิตามินผิว จะเป็นทางเลือกเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี และมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ไม่ยากใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และการดูแลตัวเองหลังจากทำการฉีดวิตามินก็ไม่ยุ่งยาก ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมาก และถ้าหากคุณสนใจการ IV Drip แต่ยังไม่รู้ว่าจะดริปวิตามิน ที่ไหนดี ขอแนะนำให้มองหาบริการ iv drip โรง พยาบาล ที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้บริการ เพื่อป้องกันอันตรายด้านสุขภาพ

 

แก้ไขครั้งที่ 2 โดย GUEST1649747579 เมื่อ1 มีนาคม พ.ศ. 2566 23.17 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา