รู้จักกับการ IV Drip ดริปวิตามิน ทางเลือกในการดูแลสุขภาพ
ในปัจจุบันหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ IV Drip หรืออีกชื่อคือ การดริปวิตามิน ซึ่งเป็นวิธีการให้วิตามิน และแร่ธาตุ ผสมกับน้ำเกลือ ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายดูดซับวิตามิน แบบ 100% เป็นทางเลือกสำหรับการบำรุงร่างกาย ให้แข็งแรง โดยการใช้วิตามิน
IV Drip คืออะไร ?
iv drip คืออะไร เป็นวิธีการฉีดวิตามินเข้าร่างกายโดยตรง เรียกว่าการIV Drip หรือการดริปวิตามิน เป็นการให้วิตามินผ่านทางสายน้ำเกลือ โดยจะผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ ฉีดเข้าผ่านเส้นเลือดดำโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะส่งผลทำให้ร่างกายได้รับวิตามินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 100% ใช้เวลาดูดซับได้เร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพจากการทำงานหนัก บำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส
รูปแบบของการฉีด IV Drip
สำหรับวิธีการของการฉีด IV Drip นั้นในปัจจุบันจะใช้กันอยู่ 2 รูปแบบคือ แบบเข็มไซริงค์ และแบบถุงน้ำเกลือ โดยการเลือกรูปแบบการฉีดนั้นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการฉีดในแต่ละรูปแบบ จะมีความเกี่ยวข้องกับสูตรวิตามินที่เหมาะสม และความเหมาะสมของผู้ที่รับบริการดริปวิตามิน ซึ่งวิธีการของทั้ง 2 รูปแบบจะมีดังนี้
1. IV Drip แบบเข็มไซริงค์
จะเป็นการใช้เข็มฉีดยาที่มีวิตามิน เข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง เป็นวิธีที่สามารถฉีดได้หลายจุด นิยมใช้เพื่อ วิตามิน drip ผิว ซึ่งการดริปผิวคือ วิธีการฉีดวิตามินที่ใช้บำรุงผิวพรรณในแต่ละส่วน โดยจะนิยมมากที่สุดคือ ฉีดบริเวณผิวหน้า
2. IV Drip แบบถุงน้ำเกลือ
เป็นวิธีการฉีดที่มีคล้ายกับการให้น้ำเกลือเวลาเจ็บป่วย โดยจะผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ แล้วฉีดเข้ากับเส้นเลือดดำที่แขนโดยตรง อย่างช้า ๆ จนกว่าวิตามินที่ถุงจะหมด วิธีนี้จะนิยมใช้สำหรับการฉีด vitamin drip เพื่อบำรุงสุขภาพ
ประโยชน์ของการ IV Drip ดริปวิตามิน
จะเห็นได้ว่าการฉีด IV Drip ทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีรูปแบบที่คล้ายเคียงกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ที่มารับบริการดริปวิตามิน โดยการฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรงเลยนั้น จะสามารถช่วยให้ร่างกายดูดซับวิตามินเหล่านั้นได้อย่าง 100% และดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งประโยชน์ของการ IV Drip จะมีดังนี้
1. เพิ่มผิวกระจ่างใส (Brightening)
การฉีดวิตามิน IV Drip มีสูตรสำหรับการdrip ผิวโดยเฉพาะ จะสามารถช่วยดูให้ผิวดูกระจ่างใส ดูเปล่งประกาย ลดความหมองคล้ำ ลดปัญหาสำหรับผู้ที่ผิวเสีย ปัญหาริ้วรอยไม่เรียบเนียน
2. เพิ่มพละกำลัง (Energy Booster)
การฉีด IV Drip จะมีวิตามินรวมหลายชนิด ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย ให้กลับมาสดชื่น สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก ๆ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้ที่มีอาการ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย ต้องการความสดชื่น
3. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (Immune Booster)
การฉีด IV Drip จะมีวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ที่มีส่วนช่วยในการกำจัดแบคทีเรีย ที่มีส่วนทำให้ร่างกายเจ็บป่วย มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยต่าง ๆ ได้มากขึ้น
4. ดีท็อกซ์ (Detox)
การฉีด IV Drip ไม่เพียงแต่เสริมสร้างระบบต่าง ๆ ให้ร่างกายดีขึ้น ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายช่วยลดน้ำหนัก ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
การให้วิตามินผิว การดริปผิว IV Drip ดีไหม ?
จะเห็นได้ว่าการฉีด IV Drip จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นจากวิตามิน แถมร่างกายยังดูดซับได้เร็ว ได้วิตามินเต็ม 100% ซึ่งถ้าหากคุณสนใจที่จะทำการทำ IV Dripดริปวิตามินผิว จะมีข้อดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ดังนี้
- ร่างกายสามารถดูดซับวิตามินได้ไวเต็มประสิทธิภาพ มากกว่าการรับประทานอาหารเสริม
- ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น มีความกระจ่างใส เต่งตึง ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ หยาบกระด้าง
- กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน การสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ในการทำ การให้วิตามินผิว drip ผิว ใช้เวลาไม่นาน ใช้เวลาประมาณ 45 - 60 นาทีเท่านั้น
- หลังจากการทำดริปวิตามินผิวเสร็จแล้ว ไม่ต้องมีการหยุดงาน เพื่อพักฟื้นใด ๆ ไม่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ทำให้ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
ใครเหมาะกับวิตามินผิว IV Drip
หลังจากได้เห็นข้อดีต่าง ๆ ของการ IV Drip แล้วว่าดีอย่างไร มาดูกันว่าการฉีดวิตามินผิวนั้นเหมาะกับใคร ใครบ้างที่มีความจำเป็นต้องทำการดริปวิตามิน เพื่อที่จะได้ช่วยรักษาสุขภาพ
- คนที่ต้องการวิธีที่สามารถทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างรวดเร็ว ต้องการฉีดยาบํารุงร่างกาย ด้วยวิตามิน เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ หลายชนิด
- คนที่ไม่ค่อยได้รับวิตามินจากแหล่งอื่น ๆ เช่น การรับประทานอาหาร หรือคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริม
- คนที่ต้องการใช้เป็นวิตามินควบคู่กับวิธีอื่น ๆ เพื่อให้เสริมสร้างให้มีผลดีมากขึ้น
- คนที่มีปัญหาต่าง ๆ ทางผิวหนัง ขาดวิตามิน หรือต้องการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งวิธีการ drip ผิว จะเหมาะช่วยรักษาได้
- คนที่ทำงานหนักมากเกินไป จนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ทำให้มีปัญหาในการทำงานได้ไม่เต็มที่
- คนที่ต้องการกระตุ้นระบบเผาผลาญ และระบบการขับสารพิษของร่างกาย ให้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรระวังก่อนทำ IV Drip
ถึงแม้ว่าการทำ IV Drip จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ว่าวิธีนี้นั้นก็เป็นวิธีการฉีดวิตามินเข้าผิวโดยตรง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับบางคน หรือคนที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ซึ่งก่อนการทำต้องแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบล่วงหน้า ซึ่งผู้ที่ต้องระวังจะมีดังนี้
- ในผู้หญิง ถ้าหากกำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกน้อยอยู่ อาจจะมีผลค้างเคียงได้ ไม่ควรทำการ drip ผิว ช่วงนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ คือ โรคหัวใจ, โรคเกี่ยวกับทางเดินโลหิต, โรคความดันโลหิตสูง, โรคตับ, โรคไต, โรคภูมิคุ้มกันต่ำ, โรคเบาหวาน, คนที่มีภาวะที่มีวิตามิน และแร่ธาตุเกิน, คนที่ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์ หรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
- ก่อนการไปฉีด IV Drip ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปฉีด iv drip ที่ไหนดี ควรต้องหาข้อมูลสถานที่ที่จะไปฉีดก่อนด้วยเนื่องจากถ้าฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ฉีดวิตามินผิว IV Drip มีข้อเสียไหม
นอกจากข้อดีต่าง ๆ IV Dripก็จะมีข้อเสียเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง แต่ก็ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข้อเสียเลยทีเดียว เป็นการขยายความให้คุณเข้าใจการ IV Drip มากขึ้น โดยข้อเสียต่าง ๆ จะมีดังนี้
- เมื่อฉีดวิตามินไปแล้ว อาจจะต้องใช้เวลา 1 - 2 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้เข้ารับบริการด้วย
- ต้องมีการฉีด vitamin drip หลายครั้ง ขึ้นอยู่ว่ารับสูตรวิตามินแบบใด ซึ่งบางสูตรอาจจะต้องมีการฉีดซ้ำหลายครั้ง
- ผลลัพธ์ที่ออกมา อาจจะไม่ตรงกับที่คาดหวังไว้ เนื่องจากว่าเป็นการให้วิตามินกับร่างกายเท่านั้น
- ทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีดได้ เนื่องจากว่าเป็นการใช้เข็มฉีดใช้เวลา 45 - 60 นาทีอาจจะทำให้เจ็บบริเวณนั้นเป็นเวลานาน
- ในการ drip ผิว อาจจะต้องมีการมาฉีดซ้ำ เพราะการฉีดเพียงครั้งเดียวจะไม่ส่งผลถาวร จึงต้องมีการฉีดต่อเนื่องทุก ๆ 2 - 4 สัปดาห์เพื่อให้ผลดีอยู่ยาวนานยิ่งขึ้น
เตรียมตัวอย่างไรก่อน IV Drip
ถ้าหากคุณสนใจการทำ IV Drip และอยากเตรียมความพร้อมก่อน จะต้องมีขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งการเตรียมตัวจะมี 2 ขั้นตอนดังนี้
- แจ้งโรคประจำตัวต่าง ๆ ประวัติการเข้ารับการรักษา รวมถึงการรับประทานยา อาหารเสริมทุกชนิดที่ใช้อยู่ หรือเคยใช้ ให้กับแพทย์ทั้งหมดเพื่อป้องกันความอันตราย
- เลือกสูตร และ iv drip ราคา ที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะได้เสริมวิตามินได้ตรงจุด หรือปรึกษาคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
- อ่านข้อมูล iv drip รีวิว จากผู้ใช้คนอื่น ๆ จากทางโซเชียล หรือจากคนใกล้ตัวที่เคยไปใช้บริการ เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าจะทำการ ดริปวิตามิน ที่ไหนดี
ขั้นตอนการฉีดวิตามินผิว IV Drip เป็นอย่างไร ?
ในเมื่อเตรียมตัวพร้อมรับบริการ IV Drip แล้วมาดูว่าการดริปวิตามินผิว มีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง ซึ่งระยะเวลาจะใช้เวลา ไม่เกิน 1 ชั่วโมงโดยประมาณ จะขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
เริ่มต้นจากการตรวจเช็กร่างกายของผู้รับบริการ วัดส่วนสูง ช่างน้ำหนัก และวัดความดันโลหิต ก่อนที่จะทำการฉีด vitamin drip
ขั้นตอนที่ 2
แพทย์จะทำความสะอาดผิวหนังภายนอก ตรงบริเวณที่จะทำการฉีด vitamin drip เพื่อฆ่าเชื้อโรคป้องกันอันตราย
ขั้นตอนที่ 3
แพทย์เริ่มเจาะเข็มเข้าเส้นเลือดดำ และทำการฉีด vitamin drip ซึ่งจะมี 2 วิธีคือ
- การฉีดแบบไซริงค์ โดยแพทย์ จะทำการค่อย ๆ ฉีดวิตามินไปอย่างช้า ๆ จนหมดปริมาณไซริงค์
- วิธีการฉีดแบบถุงน้ำเกลือ จะเป็นการค่อย ๆ ฉีดเข้าไป โดยผู้บริการสามารถนั่ง หรือนอนก็ได้จนกว่าจะฉีดวิตามินครบ
ขั้นตอนที่ 4
หลังจากฉีดวิตามินครบแล้ว แพทย์จะนำเข็มออก แล้วปิดแผลบริเวณที่ฉีดวิตามินให้เรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการ IV Drip สามารถเดินทางกลับได้
ดูแลตัวเองอย่างไรหลัง IV Drip
และเมื่อทำการ IV Drip ฉีด vitamin drip เรียบร้อยแล้ว ต้องมีการดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้ผลของวิตามินเสียไป หรือช่วยให้วิตามินส่งผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- งดกิจกรรมกลางแจ้ง การโดนแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นควรใช้ ครีมกันแดดด้วย เพื่อป้องกันผิวเสีย ในระหว่างที่กำลังฟื้นฟู
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และบุหรี่ ในระยะยาวเพื่อป้องกันการไปทำลายวิตามิน
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินต่าง ๆ ครบถ้วน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และมีการรับประทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย
- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน ไม่ต้องมากเพียงวันละ 30 - 60 นาที เพื่อช่วยเร่งระบบเผาผลาญ จะส่งผลให้วิตามินที่ฉีดไปมีผลดียิ่งขึ้น และส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ข้อสรุป
เห็นได้เลยว่าการ IV Drip หรือการดริปวิตามินผิว จะเป็นทางเลือกเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี และมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ไม่ยากใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และการดูแลตัวเองหลังจากทำการฉีดวิตามินก็ไม่ยุ่งยาก ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมาก และถ้าหากคุณสนใจการ IV Drip แต่ยังไม่รู้ว่าจะดริปวิตามิน ที่ไหนดี ขอแนะนำให้มองหาบริการ iv drip โรง พยาบาล ที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้บริการ เพื่อป้องกันอันตรายด้านสุขภาพ
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้