สิวเห่อ คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร รักษาอย่างไรให้ได้ผล
แม้ว่าจะรักษาความสะอาดสุด ๆ ตลอดเวลา แต่บางครั้งก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด “สิวเห่อ” ขึ้นเต็มหน้าได้ และการที่มีสิวขึ้นหน้าเยอะมาก ๆ นั้นจะสร้างความรำคาญใจและทำลายความมั่นใจอีกด้วย แล้วการที่จะปกปิดหรือบีบสิวด้วยตัวเอง อาจจะยิ่งสร้างผลร้ายมากขึ้น เช่น รอยแผลดำ หรือ รอยแดงบนใบหน้า
ดังนั้นการหาสาเหตุที่มาของสิวเห่อ ว่าเกิดจากอะไร เพื่อจะได้ป้องกัน และรักษาสิวเห่อเต็มหน้าให้กลับมาเนียนใสดังเดิมได้จากบทความข้างล่างต่อไปนี้
สิวเห่อเกิดจากสาเหตุ
สาเหตุการเกิดสิวเห่อนั้น มาจากกลไกการเกิดสิวที่มักเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตาย ไขมัน (Sebum) และแบคทีเรียในรูขุมขน สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายที่มีต่อมไขมันอาศัยอยู่ นอกจากสาเหตุของการอุดตันแล้ว อาจจะมาจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวเดียวกัน หรือมาจากฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น
- ความเครียด ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน corticotrophin-releasing ซึ่งไปกระตุ้นการหลั่งของ Cytokines ที่อักเสบและส่งผลต่อการผลิตน้ำมัน ทำให้มีการผลิตน้ำมันมากเกินไป ที่จะไปทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน และทำให้สิวเห่อขึ้นมา
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ล้างหน้าผิดวิธี เช่นใช้โฟมเพียงอย่างเดียว ทำให้คราบเครื่องสำอางออกไม่หมด คงตกค้างส่งผลให้เกิดอาการอุดตันจนสิวเห่อได้
- การกินอาหารบางชนิด เช่นอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากขึ้นที่จะไปกระตุ้นการผลิตซีบัมหรือไขมัน และเพิ่มระดับฮอร์โมน Androgen ที่เพิ่มการผลิตไขมัน ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน
- ผิวขาดน้ำ ทำให้ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาทดแทนความชุ่มชื้นที่หายไป หากน้ำมันมากเกินไปก็ทำให้เกิดผิวอุดตันและกลายเป็นสิวในที่สุด
- ชอบสัมผัสใบหน้า ทำให้สิ่งสกปรกที่สะสมบนมือทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง ทำให้สิวอักเสบ
- การสูบบุหรี่ จะมีผลต่อการผลิตซีบัม (ไขมัน) ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้สิวเห่อขึ้นมา
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะนำไปสู่ความเครียดซึ่งส่งผลต่อการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันออกมามากกว่าปกติ
- การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ลิเธียม เป็นต้น
- การสวมแมสก์ ทำให้อากาศไม่ถ่ายเท อับชื้น ทำให้เกิดสิวแพ้แมสด์ สิวเห่อ เป็นต้น
- แสงแดดที่ได้รับ หากมากเกินไปก็จะทำร้ายผิว ทำให้ผิวแห้งกร้าน และไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินมากเกินไป ทำให้รูขุมขนอุดตัน แล้วก่อให้รูขุมขนอุดตัน แล้วเกิดสิวเห่อขึ้นได้
บริเวณที่มักจะพบอาการสิวเห่อบ่อย ๆ คือ
- สิวเห่อหน้าผาก : เกิดจากการเสียดสีจากเครื่องประดับผม หรือหมวก เฮดแบนด์ ผ้าโพกผมต่าง ๆ
- สิวเห่อเต็มหน้า : เกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
- สิวเห่อแก้ม : เกิดจาการเสียดสีกับแมสก์
- สิวเห่อคาง : เกิดจากการลูบเสียดสีด้วยมือที่ไม่สะอาด
- สิวเห่อที่หลัง : เกิดจากเสียดสีจากเสื้อผ้า และความอับชื้นจากเหงื่อทั่วหลัง
สิวเห่อ มีลักษณะและอาการอย่างไร
“ สิวเห่อ “ มักขึ้นเป็นจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียงกัน บางครั้งมีลักษณะเป็นสิวมีหัวหนอง บางครั้งมีลักษณะเป็นสิวแดงเต็มหน้า เป็นสิวไม่มีหัว หรือเป็นสิวผดที่เห่อขึ้นมา ในช่วงอากาศร้อน สิวเห่อนั้นสามารถเป็นได้ทั้ง สิวอุดตัน (Comedone) สิวอักเสบ (Inflamed Acne) สิวผด (Acne Aestivalis)
อาการของสิวเห่อแบ่งตามลักษณะการเกิดได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
- สิวเห่อที่เกิดจากอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว สิวเห่อชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มสิวที่ใหญ่กว่าตุ่มสิวทั่ว ๆ ไป มีอาการบวม แดง อักเสบ
- สิวเห่อที่เกิดจากการปรับตัวของผิว เช่น การลองใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือบำรุงผิวหน้าแบบใหม่ ๆ สิวชนิดนี้จะเป็นจุดสิวเล็ก ๆ กว่าสิวเห่อที่เกิดจากการแพ้
วิธีรักษาสิวเห่อ
เมื่อใดที่เกิดอาการ สิวเห่อ ก็ต้องหาวิธีรักษาสิวเห่อให้หน้ากลับมาเนียนใสไร้รอยดำเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าการรักษาสิวเห่อนั้นจะต้องใช้เวลานานก็ตามเพราะปริมาณสิวที่มีจำนวนมากกว่าปกติทั่วไป
วิธีรักษาสิวเห่อให้หน้ากลับมาเรียบเนียนเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง มีดังต่อไปนี้
การใช้ยารักษาสิวเห่อ
สามารถรักษาได้ด้วยการซื้อและใช้ยาดังนี้
- Benzoyl peroxide รักษาได้ทั้งสิวอักเสบ และสิวอุดตัน ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการอุดตันของสิวได้ ยาชนิดนี้มีในรูปแบบ ครีม เจล โฟม และโลชั่น แต่ให้ระวังผลข้างเคียงที่จะเกิดผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย
- Salicylic acid โดยมากจะเป็นส่วนผสมของยารักษาสิว สามารถละลายไขมันได้ดี ทำให้สิวแห้งและลดการอุดตันรูขุมขน
- Adapalene คือ Retinoid สังเคราะห์ สามารถทนต่อแสง และใช้ร่วมกับ Benzoyl peroxide ได้ ตัวยา Adapalene ช่วยลดอาการบวมแดง และอักเสบที่ผิวหนัง หรือจะใช้ยาที่อยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนัง เช่น Topical retinoids รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ
- Oral contraceptives เป็นยาคุมกำเนิดชนิดหนึ่ง ช่วยลดปริมาณ Androgen ที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
- Oral isotretinoin ใช้รักษาสิวรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก
การกดสิว
วิธีนี้นิยมมากในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ถือเป็นการรักษาปลายเหตุที่ไม่ได้ช่วยลดจำนวนการเกิดสิว ทั้งอาจทิ้งรอยดำไว้หลังการกดสิว วิธีกดสิวใช้รักษาได้เพียงสิวอุดตัน ไม่ใช่สิวอักเสบ ดังนั้นวิธีนี้ต้องควบคู่กับการกินยารักษาสิว
การพบเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิวเห่อ คือการไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาวิธีรักษาสิว เพราะสิวแต่ประเภทมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป เช่น
- การฉีดยาชนิดสเตียรอยด์ เพื่อรักษาสิวอักเสบให้อกเสบน้อยลง
- การฉายแสงสีฟ้าและสีแดง ในการรักษาสิวเห่อ โดยแสงสีฟ้าฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรรีย และแสงสีแดงลดการอักเสบของต่อมไขมัน
ดูแลผิวหน้ารักษาสิวเห่อ
วิธีดูแลผิวหน้าแพ้สิวเห่อ ไม่ว่าจะเป็นสิวประเภทไหนก็ตาม ที่หากปฏิบัติตามก็จะช่วยบรรเทาสิวเห่อได้
- ให้ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด โดยไม่หลงเหลือสิ่งสกปรกตกค้างบนผิวหน้า
- เลือกใช้สกินแคร์ในการบำรุงผิวที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวที่เป็นสิวเห่อง่าย ใช้ครีมบำรุงที่ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ช่วยคุมมัน กระชับรูขุมขนด้วย Agaric Acid โดยเฉพาะตรง T-Zone พร้อม BHA กรดผลไม้ (AHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวเรียบเนียน ไม่อุดตัน ครีมตัวนี้คือ Bioderma Sebium Pore Refiner
- ใช้ครีมกันแดดเป็นเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะแวดล้อมภายนอก
- นอนหลับให้เพียงพอให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมผิวที่เป็นสิว ผลิตฮอร์โมน และสารต่าง ๆ ให้สมดุล ลดความเครียด
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ด้วยการลดการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง
ข้อสรุปของสิวเห่อ
สิวเห่อนั้นจัดเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่สามารถพบได้มากในวัยหนุ่มสาว และจะค่อย ๆ ลดน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น บางครั้งสำหรับบางคนแล้วอาจเป็น ๆ หาย ๆ เพราะสิวนั้นเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตัน ต่อมไขมันอักเสบ ลักษณะการเกิดนั้นเป็นได้ทั้งเป็นตุ่มเล็ก ๆ จนถึงตุ่มใหญ่ ๆ มีทั้งอักเสบและไม่อักเสบ และเกิดได้ทุกที่ในร่างกายที่มีต่อมไขมัน
สาเหตุการเกิดนั้นอาจมาจากพฤติกรรมการใข้ชีวิตประจำวัน หรือจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะที่เป็นพิษ เป็นต้น แต่เมื่อสิวเห่อได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ควรจะรีบทำการรักษา เพราะถ้าหากเป็นน้อยก็ยังสามารถดูแลได้ด้วยตนเอง
แต่ถ้าหากเป็นมาก ก็จำเป็นต้องเข้าปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำถึงวิธีรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพผิว แต่พึงจำใส่ใจไว้ว่าควรใช้วิธีรักษาที่ถูกต้องเท่านั้นเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงอีกปัญหาที่อาจจะเกิดกับผิว นั่นคือ รอยแผลดำแดง ที่จะใช้เวลานานยิ่งขึ้นในการรักษาให้หาย
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้