การฝากไข่ปัญหาของคนที่อยากมีลูก

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565 19.06 น.

การฝากไข่ (Egg Freezing) คืออะไรทำไมคนเราต้องฝากไข่ด้วย การฝากไข่เป็นอะไรที่ช่วยแก้ปัญหาขอการมีลูกยากของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทุกท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเสียเงินเยอะแยะเพื่ออะไรแบบนี้

เพราะปัญหาของการมีลูกยากนั้นมีได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง คู่สามีภรรยาบางคู่อาจจะเคยประสบปัญหาทำให้มีลูกยาก ในสมัยปัจจุบันที่การแพทย์มีการพัฒนาไปไกลแล้วนั้นสามารถช่วยให้พวกท่านทุกคู่สามารถมีลูกได้โดยที่ทุกท่านจะหมดปัญหาการมีลูกยากแน่นอน บทความนี้จะบรรยายถึงการฝากไข่ว่าดียังไงและทำไมถึงต้องฝากไข่

มารู้จักการฝากไข่แนวทางใหม่สำหรับผู้วางแผนมีลูก

การฝากไข่เทคโนโลยีการแพทย์ที่จะช่วยให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีลูกได้โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กที่จะเกิดมาและตัวผู้ตั้งครรภ์เอง การฝากไข่ได้มีความต้องการอย่างมากต่อบุคคลที่มีลูกยากด้วยความที่หาโรงพยาบาลที่จะรับฝากไข่ได้น้อยมากเลยทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเข้าถึงเรื่องนี้ยาก

ฝากไข่ คืออะไร ทำไมควรถึงต้องฝากไข่

การฝากไข่เป็นอะไรที่ต้องการมากสำหรับบุคคลที่อยากมีลูกแต่มีไม่ได้ เนื่องจากสาเหตุต่างๆที่ทำให้มีบุตรยาก การฝากไข่เลยมีความสำคัญต่อความต้องการสำหรับบุคคลที่อยากมีบุตร แต่ด้วยความที่การแพทย์ไม่ได้มีนวัตกรรมที่พร้อมสำหรับทุกโรงพยาบาลเลยทำให้การฝากไข่มีราคาที่สูงพอสมควร

การฝากไข่ คือการที่เราเก็บรักษาเซลล์ไข่ที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง โดยการที่เรานำเซลล์ไข่ที่มีสภาพดีและเหมาะสำหรับการเจริญพันธุ์ออกมาจากรังไข่แล้วนำไปแช่แข็งไว้ในห้องปฏิบัติการ ด้วยความเย็นจากสารไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส

ทำให้เซลล์เกิดการแช่แข็งและทำให้เซลล์ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่เหมาะแก่การที่จะสืบพันธุ์ได้ตลอดเวลา และยังลดความเสี่ยงที่ทำให้เด็กที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติอีกด้วย เพราะบางท่านอายุเยอะมากขึ้นการมีลูกก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อเด็กที่จะเกิดมามีความผิดปกติได้

ทำไมต้องฝากไข่

ทำไมเราถึงต้องทำการฝากไข่ ทำไมเราถึงไม่ทำตามธรรมชาติปกติ เพราะว่าการที่เราอายุมากขึ้นแต่เขาต้องการมีลูกนั้นถือว่าเป็นไรที่เสี่ยงมากสำหรับผู้ที่มีอายุเยอะ หรือผู้ที่มีปัญหาทางมดลูก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเด็กที่จะเกิดมาผิดปกติได้

เพราะไข่ผู้หญิงแต่ละคนจะเริ่มมีการเกิด อาการการไข่ฝ่อได้ตั้งแต่เกิดและจะเริ่มฝ่อไปเรื่อยๆตามอายุถ้า อายุมากขึ้นการมีบุตรก็ยากขึ้นไปด้วย การแพทย์เลยได้คิดวิธีการเก็บไข่ผู้หญิงหรือเซลล์ไข่ ไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาประชากรลดลง เพราะสมัยนี้การมีลูกช้าไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชายหลายคน

การเตรียมตัวก่อนฝากไข่

การฝากไข่เราจะต้องทำการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรเราจะต้องทำการเตรียมตัวกี่วันแล้วเราควรทำยังไงดี ไม่ต้องกังวลไปค่ะหัวข้อนี้จะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะฝากไข่ให้ท่านผู้อ่านกันค่ะ

ขั้นตอนแรกที่เราจะต้องทำคือการที่เราจะต้องทำการพบแพทย์เพื่อทำการปรึกษา และตรวจดูว่าการที่เรามีบุตรยากเกิดจากอะไร ทำการตรวจประจำเดือนว่าประจำเดือนมาปกติไหม ตรวจระดับเลือดกับฮอร์โมน และทางแพทย์จะแนะนำแนวทางเกี่ยวกับการฝากไข่ให้เราฟัง

ขั้นตอนต่อไปที่เราจะต้องเตรียมตัวก็คือการเพิ่มปริมาณการตกไข่ โดยการที่แพทย์จะทำการฉีดฮอร์โมนให้ตามความเหมาะสมกับเรา เพื่อทำการเพิ่มปริมาณการตกไข่ ให้มากกว่า1 ใบ เพื่อที่จะได้เซลล์ไข่ที่มากพอ ที่จะเพิ่มความสำเร็จในการฝากไข่

ขั้นตอนการทำฝากไข่

ขั้นตอนในการฝากไข่มีอะไรบาง เราจะทำการฝากไข่ได้อย่างไร แล้วเราจะต้องนัดแพทย์ไหม หรือว่าแต่ละวิธีที่ทำในการฝากไข่จะเจ็บหรือเปล่า ขั้นตอนในการฝากไข่มีดังนี้


1.การนัดเข้าพบแพทย์ เราจะต้องทำการนัดพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรังไข่ของเราว่ามีความพร้อมหรือเปล่า มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ โดยทางแพทย์จะทำการขอประวัติการมีประจำเดือน และขอประวัติส่วนตัวทางด้านสุขภาพ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการรักษา

2.กระบวนการเริ่มการกระตุ้นไข่โดยการใช้ยา เราจะทำการใช้ยาในการกระตุ้นรังไข่ได้ก็ต่อเมื่อเราได้ทำการตรวจรังไข่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางแพทย์ก็จะให้เรารับยากระตุ้นฮอร์โมนเพื่อที่จะให้เกิดการตกไข่ ปริมาณยาก็จะอยู่แต่ละบุคคลว่าจะต้องรับยานานแค่ไหน

3.การติดตามการกระตุ้นไข่เป็นระยะในระหว่างที่เราได้รับยากระตุ้นไข่ไปแล้ว ทางแพทย์จะคอยนัดเราเป็นระยะเพื่อที่จะคอยติดตามผลว่า ถึงเวลาที่จะเหมาะสมในการเก็บไข่หรือยัง ในระหว่างนั้นอาจจะมีการเพิ่มยาหรือลดยาอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์

4.การเก็บไข่เมื่อถึงวันที่ไข่สุก โดยที่แพทย์จะทำการนัดหมายให้ท่านเข้ามาพบเพื่อที่จะทำการเก็บไข่ โดยที่แพทย์จะทำการประเมินว่า ไข่มีการเจริญเติบโตและรังไข่มีความพร้อมที่จะทำการเก็บเซลล์ไข่ได้แล้ว แพทย์จะใช้ยาเร่งเพื่อที่จะทำให้ไข่สุก หลังจากนั้น 36 ชั่วโมงแพทย์จะเริ่มทำการเก็บเซลล์ไข่ทันที

5.การนำเซลล์ไข่ไปแช่ไว้ที่ห้องปฏิบัติการ นักวิทยาศาสตร์จะทำการดูแลเซลล์เหล่านี้ โดยการที่จะนำเซลล์ไข่ของเราไปเก็บไว้ในไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้เซลล์หยุดการทำงานและไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเซลล์ โดยกระบวนการเหล่านี้จะอยู่ในความดูแลของนักวิทยาศาสตร์

ข้อดีของการฝากไข่

ข้อดีของการฝากไข่ คือการที่เราสามารถเก็บเซลล์ไข่ไว้ใช้ในอนาคตได้ และต่อให้เรามีอายุเยอะขึ้นแต่เราก็สามารถมีลูกได้ และไม่มีปัญหาต่อการที่เด็กจะเกิดมาผิดปกติด้วย ยังทำให้เด็กไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่มาจากกรรมพันธ์ุอีกด้วย

ข้อจำกัดของการฝากไข่

ข้อจำกัดในการฝากไข่นั้น ด้วยความที่การฝากไข่นั้นมีราคาที่สูงมาก และอาจจะทำให้ผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ทำให้เกิดความกังวลได้เนื่องจากการที่ฉีดยากระตุ้นไข่และการเก็บเซลล์ไข่ผ่านทางช่องคลอด นอกจากนี้อาจมีผลข้างเคียงที่อาจจะทำให้ ท้องอืด น้ำหนักขึ้น ปวดหัว อารมณ์แปรปรวนได้

ขั้นตอนการปฏิบัติหลังจากการฝากไข่

หลังจากที่เราได้ทำการฝากไข่แล้วนั้น อาจจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เราเกิด อารมณ์แปรปรวน ปวดหัว รู้สึกไม่สบายตัว หรือปวดท้องเล็กน้อย เราสามารถทานยาพาราได้เลย และจะมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย จะเป็นอยู่ 3-4 วัน แต่ถ้ามีเลือดไหลเยอะขึ้นและมีอาการปวดท้องมากขึ้นให้เรารีบทำการเข้าพบแพทย์ทันที 

ค่าใช้จ่ายในการฝากไข่

ราคาในการฝากไข่นั้นมีตั้งแต่เริ่มต้น 30,000+ จนถึง 100,000+ อยู่ที่ว่าเราต้องการเข้ารับการรักษาแบบไหน แต่ละโรงพยาบาลก็จะมีค่าใช้จ่ายแต่ต่างกันอยู่ที่ ว่าแต่ละโรงพยาบาลจะคิดค่ารักษายังไง ถ้ายิ่งโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีที่พร้อมมากๆราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย

อาการที่พบหลังจากฝากไข่

อาการที่เรามักจะพบหลังจากที่ได้ทำการฝากไข่ การที่เราได้รับยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่นั้นจะทำให้เราเกิดผลข้างเคียงอย่างการเกิดรังไข่บวม บางครั้งอาจมีอาการเจ็บปวดได้เนื่องจากที่เราได้ทำการฝากไข่ไปแล้ว บางครั้งถ้าเกิดแพทย์ทำไม่ดีก็อาจจะติดเชื้อในช่องท้องได้ อาการที่มักจะพบได้หลังจากฝากไข่ ได้แก่

  1. อาการปวดท้อง
  2. อาการปวดหัว
  3. บางครั้งอาจมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดเล็กน้อย

การฝากรังไข่เราควรทำหรือเปล่า

การฝากรังไข่เหมาะสำหรับบุคคลที่อายุเยอะหรือบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับมดลูกทำให้มีบุตรได้ยาก การแพทย์สำหรับการฝากไข่นั้นมีทั้งผลดีและผลข้างเคียง ที่จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยได้ แต่โดยความที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าแล้วทำให้โอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงกับตัวผู้ทำน้อยลงและปลอดภัยขึ้นเยอะ

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ8 กันยายน พ.ศ. 2565 11.18 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา