สิวหัวช้าง ป้องกันได้ รักษาได้ หากศึกษาและเข้าใจอย่างถ่องแท้

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565 10.55 น.

ไม่ต้องประสบพบเจอเอง เพราะว่า สิวหัวช้าง เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน แล้วยังเจ็บปวด ระบมหน้ามาก ๆ จนบางครั้งไม่อยากออกนอกบ้านเลย ดังนั้นวันนี้เราจะมากล่าวถึงสิวหัวช้างโดยละเอียด

สิวหัวช้าง

สิวหัวช้าง คือ อะไร

สิวหัวช้าง บางคนเรียกว่าสิวหัวใหญ่ หรือฝีหัวช้าง คือ สิวอักเสบหรือสิวอุดตันที่มีแบคทีเรียเจริญเติบโตอยู่ใน

ตุ่มสิว โดยแบคทีเรียเหล่านี้มีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำมันในตุ่มสิว ให้กลายเป็นกรดไขมัน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ สิวอักเสบสามารถแบ่งได้หลายระดับอาการซึ่งระดับรุนแรงที่สุดคือ เกิดเป็นสิวหัวช้างที่มีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นตุ่มและโตสีแดงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่จับตัวรวมกันภายใต้ชั้นผิวหนัง บวมแดงนูนขึ้นมา ขั้นแรกอาจจะเป็นสิวหัวช้างไม่มีหัว จึงทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยการกดสิว และจะมีอาการปวด และเจ็บผิวหน้าเล็กน้อยร่วมด้วย

 

สิวหัวช้าง เกิดจากอะไร

เนื่องจากสิวหัวช้างมีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ หากใช้นิ้วกดลงที่สิวจะรู้สึกว่าเป็นเม็ดไตแข็ง ๆ

และเจ็บ อาจเป็นแบบมีหัวหรือไม่มีหัวก็ได้  ถ้ามีหัวอาจพบตั้งแต่ 1-3 หัวในสิวหนึ่งเม็ด โดยมากเริ่มแรก

ของการเกิดสิวหัวช้าง คือ จะขึ้นเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็จะอักเสบจนขยายใหญ่ขึ้น เจ็บปวด

บวมแดง สาเหตุของการเกิดสิวหัวช้างนั้นเกิดจากการอักเสบ ซึ่งสาเหตุของการอักเสบอาจเกิดจาก

  • เซลล์ในรูขุมขนเพิ่มจำนวนเซลล์มากเกินไป เซลล์ที่ถูกผลัดออกมาจึงอุดตันรูขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตัน
  • มีฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน สูง
  • ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้ผิวหน้ามีความมัน ดังนั้นฝุ่นและแบคทีเรียที่เกาะติดจะเข้าไปอุดตันรูขุมขนจนทำให้ผิวอักเสบ เกิดเป็นสิวหัวช้างอักเสบ
  • การอักเสบ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อไรก็ตามที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เช่นเชื้อแบคทีเรีย ร่างกายก็จะทำการกำจัดโดยระบบภูมิคุ้มกันด้วยวิธีการต่าง ๆ ทำให้บริเวณที่มีเชื้อโรคเกิดการอักเสบ ปวดบวม และอาจกลายเป็นสิวหัวช้างมีหนองได้
  • ล้างหน้าไม่สะอาด
  • ดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ

 

วิธีรักษาสิวหัวช้าง

สิวหัวช้างรักษายังไง ? วิธีรักษาสิวหัวช้างมีอยู่หลายวิธี  แต่อาจมีการใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อรักษาสิวหัวช้างเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะสิวหัวช้างเป็นสิวประเภทที่รุนแรงมาก ควรใช้เวลารักษาให้น้อยทีสุดที่ทำได้

 

1.ใช้ยารักษา

ส่วนใหญ่จะใช้ยาทาร่วมกับยากินเพื่อรักษาสิวหัวช้าง คำถามที่ว่าสิวหัวช้างทายาอะไรนั้น คำตอบก็คือยาที่ใช้ทาเป็นยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอที่ช่วยต้านการอักเสบ หรือใช้ยาทาสูตรผสม คือ Benzoylperoxide ร่วมกับ ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือบางครั้งอาจใช้ Benzoyl peroxide ร่วมกับยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ เพื่อให้ออกฤทธิ์ครอบคลุมสำหรับยากินนั้น เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือ ยา Isotretinoin นั้น จะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบได้ แต่ว่าการใช้ยารักษานั้นควรให้แพทย์เป็นคนจัดยาให้ เพื่อประโยชน์สูงสุด เพราะถ้ายังไม่รุนแรงเกินไปนัก ก็ใช้แค่ยาปฏิชีวนะเท่านั้น สำหรับยา Isotretinoin นั้นควรสั่งโดยแพทย์เพื่อความปลอดภัย

ใช้ยารักษาสิวหัวช้าง

 

2.รักษาตามธรรมชาติ

การรักษาสิวหัวช้างตามธรรมชาตินั้นจะทำได้เมื่อเป็นระยะเริ่มแรก โดยขั้นตอนต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดด้วยการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ระคายเคือง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดสิว บำรุงฟื้นฟูผิวให้ความชุ่มชื้น
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีวิตามินเอ อี สังกะสี หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดผิวอักเสบ
  • ผ่อนคลายความเครียด ที่สามารถส่งผลให้สิวรุนแรงขึ้น
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมฟัสบริเวณที่เป็นสิว งดการแกะ เกา บีบสิวหัวช้าง ที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น

 

3.อื่นๆ

นอกเหนือจาก 2 วิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็อาจมีการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ในการรักษาสิวหัวช้าง

ได้อีก 4 แบบ เช่น

 

  • การผ่าตัดด้วยการกรีดเอาหนองสิวออกมา แต่วิธีนี้เป็นการรักษาปลายเหตุ ยังต้องรักษาร่วมกับกับการกดสิวหัวช้างและกินยารักษาด้วย
  • การฉีด corticosteroids เข้าที่สิวโดยตรง จัดเป็นวิธีรักษาสิวหัวช้างที่ดีมากเพราะลดการอักเสบโดยไม่ต้องกรีดเอาหนองออกมา
  • การทำเลเซอร์และการบำบัดด้วยแสง ทั้ง 2 วิธีนี้ทั้งดี ปลอดภัย และมีผลข้างเคียงน้อย เพราะช่วยลดแบคทีเรีย และการทำงานของต่อมไขมันด้วย

 

เลเซอร์รักษาสิวหัวช้าง

 

บริเวณที่มักเกิดสิวหัวช้าง

 โดยมากสิวหัวช้างมักเกิดที่บริเวณใบหน้า หน้าอก และหลังเป็นส่วนใหญ่ โดยจุดที่พบเจอสิวหัวช้างมีรายละเอียดดังนี้

 

สิวหัวช้างที่แก้ม

โดยมากสิวมักมาจากการที่ใบหน้าบริเวณแก้มได้สัมผัสกับสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคที่มาจากสิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ เส้นผม มือที่แตะใบหน้าบ่อย ๆ เป็นต้น

 

สิวหัวช้างที่จมูก

การเกิดสิวหัวช้างที่จมูกนั้นมักเกิดจากการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน จนเกิดความมันสะสมและไปสัมผัสกับเชื้อโรคก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวบริเวณช่วง T-zone ของใบหน้า หรือเกิดความผิดปกติในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงก่อให้เกิดการอุดตันท่อต่อมไขมันก็ได้

 

สิวหัวช้างที่คาง

สิวบริเวณนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้มีการหลั่งซีบัมออกจากรูขุมขนมากเกินไป ยิ่งหลั่งมากก็ยิ่งเป็นสิวอักเสบรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพราะไตรกลีเซอไรด์ในซีบัมทำให้มีการอักเสบมากขึ้นได้  นอกจากฮอร์โมนแล้ว ก็อาจเป็นการฉีดยาคุมกำเนิด หรือ ความเครียด การสูบบุหรี่มาก ๆ เป็นต้น

 

สิวหัวช้างที่หลัง

เนื่องจากแผ่นหลังเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันมากกว่าส่วนอื่น ๆ ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาตามรูขุมขนได้มากกว่าบริเวณอื่นของร่างกาย สิวจึงเกิดขึ้นได้ง่ายที่แผ่นหลัง สิวหัวช้างที่หลังเป็นสิวอีกประเภทนึงที่เกิดขึ้นได้บริเวณแผ่นหลัง

 

สิวหัวช้างที่หน้าผาก

เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณ T-zone , ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล , เหงื่อสิ่งสกปรก ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่มีความมันมากเกินไป  ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้

 

คำถามที่พบบ่อยกับสิวหัวช้าง

 

สิวหัวช้าง กี่วันหาย ?

สิวหัวช้างกี่วันหาย ? เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบแน่นอน เพราะแต่ละคนตอบสนองต่อยาที่ใช้รักษาสิวหัวช้างแตกต่างกันไป อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือหลายเดือนหรืออาจเป็นปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวหัวช้าง

 

สิวหัวช้าง หายเองได้ไหม ?

แน่นอนว่า สิวหัวช้างหายเองไม่ได้ เพราะการอักเสบจะไม่หายไปเอง สิวชนิดนี้เกิดจากการติดเชื้อที่ผิวหนังจึงจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อกำจัดเชื้อออกไป ถ้าหากทิ้งให้หายเองเชื้อก็อาจลุกลามรุนแรงมากขึ้น ทำให้สิวหัวช้างกินบริเวณกว้างเพิ่มมากขึ้น และเมื่อรักษาหายก็เกิดรอยแผลเป็นหลุมลึกที่รักษาได้ยากวิธีที่ดีที่สุดเมื่อเป็นสิวหัวช้าง คือ ต้องปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรักษาเองหรือปล่อยให้หายเอง

 

กดสิวหัวช้าง ได้ไหม ?

กดสิวหัวช้าง ได้หรือไม่ ?  แน่นอนว่าไม่ควรและไม่สามารถ เนื่องจากเป็นสิวอักเสบประเภทรุนแรงใต้ผิวหนัง ที่บางครั้งไม่มีหัวสิวให้กดออก และการกดหนองสิวออกจากใต้ผิวหนังก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงควรที่จะใช้ยารักษาร่วมกับฉีด corticosteroids เข้าที่สิวโดยตรงมากกว่า

หมดปัญหาสิวหัวช้าง

สรุป

 

เมื่อพบว่าเป็นสิวหัวช้าง ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะสิวหัวช้างไม่สามารถรักษาด้วยตัวเองที่บ้านโดยการ

บีบสิวหัวช้างหรือรักษาความสะอาดเท่านั้น สำหรับยาที่ใช้กินรักษาสิวหัวช้างนั้นก็จำเป็นต่อการรักษาผล

ข้างเคียง และมันจะอันตรายมากหากใช้ผิดวิธี  ดังนั้นวิธีรักษาสิวหัวช้างที่ดีที่สุดคือ เข้าพบแพทย์โดยเร็ว

ที่สุด เพื่อให้มีผิวหนังที่เรียบเนียน สุขภาพดีในระยะยาว

 

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ29 มิถุนายน พ.ศ. 2565 10.57 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา