ค่าตรวจสุขภาพโรงพยาบาลรัฐบาล ราคาเท่าไร? แพงไหม?

tawann8

ขีดเขียนชั้นมอปลาย (128)
เด็กใหม่ (2)
เด็กใหม่ (0)
POST:132
เมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2565 15.34 น.

“ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลรัฐฯ” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มงานใหม่และจำเป็นจะต้องตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน หรืออาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายแต่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วค่าตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลของรัฐมีราคาเท่าไร? แต่ละแห่งมีให้บริการอะไรบ้าง?

 ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลรัฐ ที่ไหนบ้าง?

  1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ (http://www.nkp-hospital.go.th/th/healthCheckup.php)
  • โปรแกรมมาตรฐาน 1,370   บาท
  • โปรแกรม Premium ชาย 1,900   บาท
  • โปรแกรม Premium หญิง 2,480   บาท
  1. โรงพยาบาลตำรวจ (http://www.policehospital.org/content/news.php?ID=6997&dept=27)
  • โปรแกรม Economic ตรวจ 12 รายการ 1,000 บาท
  • โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ตรวจ 19 รายการ 1,770 บาท
  • โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุ 30-40 ปี ตรวจ 25 รายการ           2,420 บาท
  • โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุ 40 ปี ตรวจ 28 รายการ 2,773 บาท
  • โปรแกรม Premium ตรวจ 35-36 รายการ 7,093 บาท
  1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/annual-checkup-program/)
  • โปรแกรมที่ 1 ตรวจสุขภาพทั่วไป 4 รายการ สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี 410     บาท
  • โปรแกรมที่ 2 สำหรับผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 10 รายการ 1,180   บาท
  1. โรงพยาบาลราชวิถี (https://www.rajavithi.go.th/rj/?page_id=475)
  • โปรแกรมตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน 11 รายการ 1,490 บาท
  1. โรงพยาบาลศิริราช (https://www.si.mahidol.ac.th/sirirajhospital/SirirajCheckupCenter.php)
  • สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี 975 บาท
  • สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-50 ปี 1,460 – 2,050 บาท
  • สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2,130 – 2,300  บาท
  1. โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี (http://www.nopparat.go.th/nrhweb62/pagetbody_check.php)
  • สำหรับผู้ที่อายุระหว่าง 15-35 ปี 730     บาท
  • สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี 1,560 บาท
  • สำหรับผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป 1,860   บาท
  1. โรงพยาบาลรามาธิบดี https://www.rama.mahidol.ac.th/sdmc/sites/default/files/public/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E_3.pdf
  • โปรแกรม 1 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 15-30 ปี) 2,490   บาท
  • โปรแกรม 2 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 31-40 ปี) 2,640 – 3,810  บาท
  • โปรแกรม 3 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป) 6,640 – 11,990 บาท

 

ตรวจสุขภาพประจำปี ต้องตรวจอะไรบ้าง?

  1. ตรวจสุขภาพกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 – 60 ปี
  • ตรวจสุขภาพช่องปาก ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันจากทันตแพทย์หรือทันตภิบาลเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
  • ตรวจการได้ยิน ควรได้รับการตรวจการได้ยินด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถูกันเบา ๆ ห่างจากรูหูประมาณ 1 นิ้ว ปีละ 1 ครั้ง
  • ประเมินสภาวะสุขภาพ ทั้งความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะซึมเศร้า การติดนิโคตินในผู้สูบบุหรี่ (ตรวจเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่) การดื่มแอลกอฮอล์ (ตรวจเฉพาะผู้ที่ดื่ม) การใช้ยาและสารเสพติด (ตรวจเฉพาะผู้ที่ใช้สารเสพติด)
  • การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x-ray) : ช่วยตรวจหาวัณโรค โรคปอดเรื้อรังบางชนิด หรือรอยโรคผิดปกติอื่น ๆ ในปอด (เฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือมีอาการสงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรค และมะเร็งปอด)
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) : ช่วยในการตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง รวมทั้งอาจตรวจพบความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด : ควรตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด : อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3 ปี เพื่อช่วยตรวจกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน ( หากมีเครื่องตรวจเบาหวานเป็นของตนเอง ควรตรวจเป็นประจำทุกเดือน
  • ตรวจปัสสาวะ : เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคไตบางชนิด
  • ตรวจอุจจาระ : บุคคลตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
  • ตรวจวัดระดับกรดยูริก : เพื่อช่วยประเมินระดับกรดยูริกซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเกาต์หรือนิ่วกรดยูริก (ตรวจเฉพาะคนที่มีอาการปวดข้อ มีอาการข้ออักเสบ หรือข้อพิการ ซี่งสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเกาต์เท่านั้น)
  • การตรวจการทำงานไต : เพื่อเช็กสมรรถภาพการทำงานของไต
  • การตรวจการทำงานตับ : เพื่อเช็กการทำงานของตับ
  • ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) : เฉพาะคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ควรได้รับการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) โดยตรวจเพียงคร้ังเดีย
  1. ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง
  • ตรวจเต้านม : ผู้หญิงในช่วงอายุ 30-39 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี จากแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข ที่ได้รับการฝึกอบรม และอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเต้านมเป็นประจำทุกปี
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วย Pap’s smear ทุก 3 ปี หรือวิธีป้ายหาความผิดปกติโดยใช้กรดอะซิติก (VIA) ทุก 5 ปี ทว่าหากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจด้วยวิธี Pap’s smear แม้ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม

 

การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นจะช่วยให้รู้สภาวะปัจจุบันของร่างกาย เพื่อหาทางป้องกันการเกิดโรคและส่งเสริมสุขภาพให้มีร่างกายที่แข็งแรง บรรเทาอาการเจ็บป่วยหรือรักษาได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินให้คุณจากโรคร้าย ประกันภัยโรคมะเร็งจากสินมั่นคงประกันภัย จ่ายเป็นเงินก้อน (เต็มทุนประกัน) ให้ทันทีที่ตรวจพบโรคมะเร็งครั้งแรก ไม่จำกัดวิธีการรักษา สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/producthealthdetail/6 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา