เลือกติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี ที่มีคุณภาพเหมาะกับการขับขี่

สำหรับมือใหม่หัดขับหรือคนที่มีรถยนต์คันแรก การเตรียมความพร้อมในรถยนต์สำหรับการขับขี่เป็นเรื่องสำคัญ การติดฟิล์มรถยนต์ที่มีคุณภาพดี นอกจากเป็นอุปกรณ์ส่วนสำคัญในรถแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการดูแลรักษารถยนต์โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร ด้วยสภาพอากาศที่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อากาศร้อนยังคงอยู่ตลอดเวลา มีส่วนทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพได้เร็ว วันนี้จะมาแนะนำ ติดฟิล์มรถยนต์เลือกแบบไหนดี ที่มีคุณภาพเหมาะกับการขับขี่

ประเภทของฟิล์มติดรถยนต์

• ฟิล์มติดรถยนต์ธรรมดา (Dyed Car Tint)

เป็นฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดา ที่หลายคนนิยมติดเนื่องด้วยมีราคาที่ถูกที่สุดในบรรดาฟิล์มกรองแสงทั้งหมด สามารถดูดซับความร้อน และป้องกันรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตได้ในระดับหนึ่ง หากมีการใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่ง สีของฟิล์มจะเริ่มซีดลงจะทำให้ฟิล์มหลุดลอกและทำให้เกิดรอยขีดข่วนกับกระจกรถ หรือในบางกรณีจะมีฟองอากาศแทรกตัวเข้าไปด้านในกระจกรถยนต์ได้

• ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปรอท (Metallized Window Tints)

เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มีเคลือบส่วนผสมของโลหะอนุภาคขนาดเล็กอยู่ภายในชั้นของฟิล์ม จะช่วย มีประสิทธิภาพในการดูดซับความร้อนและสะท้อนรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดี สารที่เคลือบชั้นฟิล์มยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งกับให้กระจก ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่าฟิล์มแบบธรรมดา และมีลักษณะคล้ายกระจกเงาทำให้ไม่สามารถมองเห็นในตัวรถได้ในตอนที่มีแสงสว่างจ้า

• ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบเซรามิก (Ceramic Window Tints)

เป็นฟิล์มติดรถยนต์ที่มีคุณภาพในกรองหรือดูดซับแสงได้สูงถึง 99% ป้องกันสะท้อนรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตได้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงอินฟราเรดได้มากถึง 97% คุ้มสมกับราคาที่สูงกว่าแบบอื่น ฟิล์มประเภทนี้จะไม่สะท้อนเป็นกระจกเงา สีไม่ซีด และช่วยลดแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี

ค่าความเข้มของสีฟิล์มติดรถยนต์

นอกจากเลือกติดฟิล์มติดรถยนต์ตามประเภทแล้ว ควรเลือกสีฟิล์มที่มีคุณภาพค่าความเข้มข้นที่ไม่ส่งผลต่อการขับขี่ ทั้งในสถานที่ที่แสงน้อยและแสงมาก ที่สำคัญควรเลือกใช้งานให้ถูกต้องตามกฎหมาย คือกระจกไม่มืดจนเกินไป โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับต้องระวังเป็นพิเศษ

• ฟิล์มค่าความเข้ม 40% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ 40% ขึ้นไป
• ฟิล์มค่าความเข้ม 60% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 20%
• ฟิล์มค่าความเข้ม 80% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5%

สำหรับผู้ขับขี่มีปัญหาด้านสายตาหรือสายตาสั้นก็ควรจะเลือกฟิล์มที่มีความเข้มในระดับไม่เกิน 60%