ความจำเป็นที่ต้องมีอุปกรณ์การแพทย์ไว้ในบ้านเพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว

preciousday

ขีดเขียนชั้นมอต้น (111)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:154
เมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2564 20.00 น.

ในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ป่วยติดเตียง ต่างก็ต้องมีอุปกรณ์การแพทย์ติดบ้านไว้ ยิ่งในยุคที่มีโรคใหม่ๆเกิดขึ้น เครื่องมือแพทย์สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยจากบริษัทหรือตัวแทนที่จําหน่ายเครื่องมือแพทย์ รวมไปถึงจำหน่าย เตียงผู้ป่วย เตียงผู้ป่วยนั้นมีความจำเป็นอย่างมากต่อบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียง เพราะเตียงนั้นจะอำนวยความสะดวกในการรักษาและดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น

การดูแลผู้ป่วยทั้งที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นวัยใด สิ่งสำคัญก็คือ ความอดทน และความเข้าอกเข้าใจผู้ป่วย เพราะตัวผู้ป่วยเองนั้นก็จะมีความกังวลว่าตัวเองอาจจะเป็นภาระของคนในครอบครัว และการคิดแบบนี้อาจส่งผลในเรื่องสุขภาพจิตได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยได้ การดูแลผู้ป่วยติดเตียงนั้น ควรดูในเรื่องแผลกดทับเกิดจากการที่ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ทำให้บริเวณของปุ่มกระดูกขาดเลือดเติบโตขึ้นที่ผิวหนังทำให้เซลล์บางส่วนตายและแผลยังคงลุกลาม หากไม่พลิกตัวผู้ป่วยอาจเกิดขึ้นได้หลายจุดเช่นท้ายทอยสะบักข้อศอกสะโพกก้นกบส้นเท้าเป็นต้น ในระยะแรกอาจเกิดการลอกเฉพาะที่ผิวหนังแต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจหลุดลอกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อหรืออาจถึงกระดูกและเมื่อร่างกายขาดแคลน ผิวหนังซึ่งทำหน้าที่ปกปิดมีโอกาสในการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น วิธีการป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเตียงกดทับเมื่อผู้ป่วยขยับตัวเองไม่ได้ ดังนั้นหน้าที่ของผู้ดูแลควรพลิกตัวผู้ป่วยทุกๆ 2 ชั่วโมงด้วยท่านอนใหม่ เช่น นอนหงายและตะแคง หลีกเลี่ยงรอยยับของเสื้อผ้า โดยการประเมินสภาพของผิวหนังเพื่อทำความสะอาด ควรมีอุปกรณ์เสริมเพื่อลดการกดทับเช่นฟองน้ำที่นอนเป่าลมหมอนผ้านุ่มเจลหนุนปุ่มกระดูก อาการกลืนลำบากเกิดจากความผิดปกติของช่องปากและคอหอยในผู้สูงอายุทำให้เสี่ยงต่อการสำลักขณะรับประทานอาหารหรืออาจนำไปสู่ปอดบวมหรือติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นผู้ดูแลควรปรับเตียงให้ได้ประมาณ 45-90 องศาและพยายามจับผู้ป่วยนั่งบนเตียง โดยใช้หมอนช่วยดันให้ผู้ป่วยกลับสู่สมดุลจะดีที่สุด ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องดูแลผู้ป่วยแนะนำให้ปรับการรับประทานอาหาร เป็นวิธีการรักษาที่สำคัญเช่นให้อาหารอ่อน ๆ ไม่เหลวเกินไปสังเกตว่าผู้ป่วยยังกลืนได้บ้าง อย่าเงยคอไปข้างหลัง หยุดให้อาหารทันทีหากเกิดการสำลัก ทำความสะอาดร่างกายและสิ่งขับถ่ายของผู้ป่วยเป็นประจำ ควรเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะให้กับผู้ป่วยทุก 2-4 สัปดาห์และทำความสะอาดสายสวนด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย หากพบว่าปัสสาวะของผู้ป่วยขุ่นข้นหรือปัสสาวะไม่ออกควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและลดความเสี่ยงต่อการเป็นปอดบวมจากการสำลัก ผู้ดูแลสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อลดอาการปากแห้ง จัดสภาพแวดล้อมของห้องนอนให้เหมาะสมกับการใช้งานเสมอ สะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินและเอนตัวและระบายอากาศอยู่เสมอ

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา