เรื่องที่สาวๆต้องรู้ThinPrep Pap Test นวัตกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

Siwaporn_s

ขีดเขียนชั้นอนุบาล (87)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:175
เมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 19.36 น.

ข้อมูลที่ได้มาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นชั้น 2 ของหญิงไทย รองจากโรคมะเร็งเต้านม (พ.ศ. 2558) ด้วยเหตุนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อกระทำการรักษาอย่างทันทีทันควัน และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้สอยมากมายเท่ารักษามะเร็งปากมดลูกระยะขยาย

วิธีตรวจคัดเลือกกรองที่รู้จักกันดี ได้แก่ การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear test) ซึ่งเป็นการตรวจเซลล์ไม่ปกติที่บางทีอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งถัดไปได้ อย่างไรก็ดี การตรวจแปปสเมียร์นั้นสามารถได้ผลลบลวงได้ เนื่องจากว่าครั้งคราวแบบอย่างสิ่งส่งไปตรวจบางทีอาจซ้อนทับกัน มีเลือด หรือมูกปนเปื้อน ทำให้เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วไม่เห็นความไม่ดีเหมือนปกติ

ตอนนี้มีวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว (Liquid-based cytology: LBC) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ตินแพร็พ แป๊บ เทสต์ (ThinPrep Pap Test หรือ Cy-Prep) เรียกตามแบรนด์น้ำยาที่ใช้ตรวจ แนวทางลักษณะนี้สามารถเก็บตัวอย่างเซลล์ได้มากขึ้น ชัดขึ้น ทำให้สามารถค้นหาเซลล์ของมะเร็งระยะต้นเริ่มได้ดีมากยิ่งกว่าการตรวจแปปสเมียร์แบบดั้งเดิมถึง 65%

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) การตรวจ ThinPrep Pap Test ก็ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯว่า เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบมาตรฐานอีกวิธีหนึ่ง นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแปปสเมียร์เริ่มแรก

กระบวนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep Pap Test
การตรวจ ThinPrep Pap Test มีขั้นตอนดังนี้

* แพทย์ใช้แปรงขนาดเล็กเก็บเซลล์รอบๆปากมดลูกของผู้รับการตรวจ
* ถอดหัวแปรงใส่ลงในน้ำยารักษาสภาพเซลล์ ซึ่งจะมีผลให้จับตัวได้อย่างเซลล์ครบถ้วนบริบูรณ์
* นำเข้าเครื่องเตรียมเซลล์บนสไลด์อัตโนมัติ วิธีการนี้จะมีการกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆเช่น มูก เลือด แล้วก็ทำให้เซลล์กระจายเหมาะเจาะ เรียงหน้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่ซ้อนทับหนาแน่นเหลือเกิน
* หมอกระทำการวิเคราะห์ตัวอย่างเซลล์
* แปลผลการตรวจ

ตรวจนานหรือไม่ นานขนาดไหนถึงทราบผล?

* ใช้เวลาตรวจราว 15-20 นาที และก็ทราบผลข้างใน 3 อาทิตย์ข้างหลังวันเก็บตัวอย่างเซลล์


จุดเด่นของการตรวจ ThinPrep Pap Test เทียบกับการตรวจแปปสเมียร์ดั้งเดิม
ความจริงแล้วทั้งยังการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบแปปสเมียร์และก็แบบ LBC หรือที่รู้จักกันในชื่อ ThinPrep Pap Test นั้นเป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน แต่ว่าการตรวจแบบหลังเป็นแนวทางที่ใหม่กว่า และก็มีข้อที่เหนือกว่าการตรวจคัดเลือกกรองแบบแปปสเมียร์ดังต่อไปนี้

* เก็บตัวอย่างเซลล์ได้มากกว่า ลดปัญหาเกี่ยวกับการเก็บตัวอย่างมาน้อยเกินไปสำหรับตรวจพินิจพิจารณา
* ในขั้นตอนการตรวจ มูกและเลือดจะถูกกำจัดออกไป ลดปัญหาสิ่งบดบังเซลล์ ทำให้เห็นตัวอย่างเซลล์แจ่มกระจ่างขึ้น
* ลดอัตราการเกิดผลลบลวง
* นักเซลล์วิทยาใช้เวลาแปลผลสั้นกว่า
* สามารถนำสิ่งส่งไปตรวจที่เป็นของเหลวไปตรวจหาเชื้อ HPV ต่อได้ ไม่ต้องเก็บตัวอย่างซ้ำ

 

ข้อด้อยของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep Pap Test

* ค่าครองชีพสำหรับในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแนวทางนี้สูงยิ่งกว่าการตรวจแปปสเมียร์แบบเริ่มแรก

ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุมากแค่ไหน หลายครั้งมากแค่ไหน?
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีตรวจเซลล์วิทยา อีกทั้งแบบแปปสเมียร์เริ่มแรกแล้วก็ Liquid-based cytology ดังนี้

* ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 30 ปี และตรวจซ้ำทุกๆ2-3 ปี
* แม้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วไม่เจอความไม่ปกติติดต่อกัน 3 ครั้ง ไม่มีรอยโรคที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง (Cervical Intraepithelial Neoplasia: CIN) ไม่มีเรื่องราวได้รับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก และไม่มีภาวการณ์ภูมิต้านทานบกพร่อง บางทีอาจเว้นระยะการตรวจซ้ำออกเป็นทุกๆ3-5 ปี
* หญิงที่แก่กว่า 65 ปี ที่ 10 ก่อนหน้านั้นตรวจไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติอะไรก็ตามรวมทั้งผลตรวจไม่เจอความแปลกติดต่อกัน 3 ครั้ง สามารถหยุดตรวจได้ ยกเว้นว่ายังมีเซ็กซ์หรือมีคู่รักคนไม่ใช่น้อย ควรตรวจคัดเลือกกรองต่อไปตามเดิม
* เพศหญิงที่ตรวจเจอว่ามีสภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง (Severe combined immunodeficiency disease: SCID) ใน 1 ปีแรกควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 6 เดือน ต่อจากนั้นควรตรวจคัดกรองปีละ 1 ครั้ง
* สตรีที่ตัดมดลูกกับปากมดลูกออกแล้ว และไม่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจคัดเลือกกรอง (แม้กระนั้นควรจะรับการตรวจภายในเพื่อหาโรคทางนรีเวชอื่นๆ)
* สตรีที่เคยรักษามะเร็งปากมดลูก หรือรอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก ยังคงมีการเสี่ยงสูงต่อการกลับเป็นซ้ำ จำเป็นจะต้องตรวจติดตามตามความถี่ที่หมอกำหนด และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีจนครบ 20 ปี

ใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรจะตรวจ
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก มีดังนี้

* หญิงที่ร่วมเพศตั้งแต่อายุยังน้อย
* ผู้หญิงทั่วๆไปที่ร่วมเพศ
* สตรีที่มีคู่รักผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย หรือร่วมเพศกับชายที่มีคู่รักผู้คนจำนวนมาก
* ผู้หญิงที่ไม่เคยมีเซ็กส์ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป
* หญิงที่มีพฤติกรรม หรือโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ดังเช่นว่า ดูดบุหรี่ เป็นโรคภูมิต้านทานขาดตกบกพร่อง อื่นๆอีกมากมาย
* ผู้หญิงที่มีตกขาวเปลี่ยนไปจากปกติ หรือมีเลือดไหลไม่ปกติ
* ผุ้หญิงที่เว้นว่างการตรวจมาระยะหนึ่ง
* สตรีวัยหมดระดู

เตรียมตัวยังไง ก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มีข้อแนะนำและข้อห้ามที่คุณควรรู้ เพื่อให้การตรวจเป็นไปอย่างสบายแล้วก็ให้ผลถูกต้องแม่นยำที่สุด ดังนี้

* ควรจะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในช่วงที่ไม่มีเมนส์ หรือตรวจตอน 5-7 คราวหลังเมนส์หมด
* ห้ามใช้ยาเหน็บช่องคลอด ครีม เจลหล่อลื่น หรือยาที่ใข้เพื่อการฆ่าเชื้อน้ำเชื้อในมดลูก ก่อนจะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง
* ห้ามสวนล้างช่องคลอด หรือมีเซ็กส์ก่อนจะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง

พึ่งจะมีเพศสัมพันธ์ สามารถตรวจคัดเลือกกรองแบบ ThinPrep ได้หรือไม่?

* ห้ามร่วมเพศก่อนจะมีการตรวจ 48 ชั่วโมง

เคยฉีดยา HPV แล้ว ยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไหม?

* ควรจะตรวจ เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถที่จะปกป้องเชื้อไวรัส HPV ที่ก่อเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทุกสายพันธ์ุ


โรคมะเร็งปากมดลูกแม้จะเป็นโรคร้าย แต่ว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบเร็วตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้หญิงทุกคนจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อแน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายและก็ปลอดภัยจากโรคนี้แน่
ขอบคุณบทความจาก https://www.honestdocs.co/thin-prep-cervical-cancer-screening

Tags : ปากมดลูก, ช่องคลอด

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา