การป้องกัน และรักษาโรคเด็กสมาธิสั้น

GUEST1660817967

ขีดเขียนเต็มตัว (150)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:144
เมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 17.44 น.

               เด็กสมาธิสั้น คือภาวะทางสมองที่มีลักษณะไม่สามารถรักษาสมาธิได้นาน มีพฤติกรรมซุกซนผิดปกติ หรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้เหมือนเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน อยู่ไม่นิ่ง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนอายุ 7 ขวบ ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน และการปรับตัวเข้าสังคม ซึ่งวิธีเช็คอาการเด็กว่าเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่สามารถทำได้ดังนี้

วิธีเช็คอาการเด็กว่าเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่

  • การสังเกตพฤติกรรมที่บ้านและโรงเรียน: ผู้ปกครองและครูควรจดบันทึกพฤติกรรมของเด็กที่สังเกตได้ โดยเฉพาะอาการที่แสดงถึงการขาดสมาธิ, การกระทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง และความซุกซนที่มากเกินไป
  • การตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และพัฒนาการ: ประวัติของเด็กที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตและพัฒนาการสามารถให้ข้อมูลสำคัญในการประเมิน
  • การใช้แบบประเมิน: มีแบบประเมินมาตรฐานหลายอย่างที่ใช้ในการประเมินอาการของ ADHD โดยแบบประเมินเหล่านี้จะถามถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ, ความซุกซน, และความกระตือรือร้น
  • การประเมินจากแพทย์หรือจิตแพทย์: แพทย์หรือจิตแพทย์สามารถใช้ข้อมูลจากการสังเกตและแบบประเมินเพื่อวินิจฉัย รวมถึงอาจแนะนำการทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อแยกแยะภาวะอื่นๆ ที่อาจมีอาการคล้ายคลึงกัน
  • การพิจารณาอาการตามเกณฑ์การวินิจฉัย: การวินิจฉัย ADHD จำเป็นต้องพิจารณาว่าอาการเหล่านี้มีผลกระทบต่อการศึกษา, การทำงาน, หรือการปฏิบัติงานในชีวิตประจำวันของเด็กหรือไม่ และต้องมีการแสดงอาการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

การรักษาอาการเด็กสมาธิสั้น

  1. การรักษาด้วยยา ยาที่ใช้รักษา ADHD มีหลายประเภท โดยส่วนใหญ่เป็นยากระตุ้นสมอง เช่น เมทิลฟีนิเดต และแอมเฟตามีน ยาเหล่านี้ช่วยเพิ่มระดับสารเคมีในสมองที่มีบทบาทต่อการควบคุมความสนใจและการกระตุ้น นอกจากนี้ยังมียาประเภทไม่กระตุ้น เช่น อะโทมอกเซทีน ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองหรือมีผลข้างเคียงจากยากระตุ้น
  2. การปรับพฤติกรรมและการบำบัด การบำบัดพฤติกรรมเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคเด็กสมาธิสั้น ที่ไม่ใช่ยา รวมถึงการบำบัดพฤติกรรมโดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้ทักษะในการจัดการกับอารมณ์และการกระทำของตนเอง
  3. การสนับสนุนทางการศึกษา โรงเรียนและครูมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น โดยการปรับสภาพแวดล้อมทางการเรียนและวิธีการสอน เช่น การให้เวลาเพิ่มในการทำข้อสอบ การมีที่นั่งที่ช่วยให้สามารถโฟกัสได้ดีขึ้น และการใช้เครื่องมือช่วยเหลือทางการเรียน
  4. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการช่วยเหลือทางด้านจิตใจสำหรับเด็กและครอบครัว ด้วยการสร้างกฎที่เข้าใจง่ายและสอดคล้องกันในบ้าน เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจขอบเขตและความคาดหวังที่ชัดเจน และควรมีกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กต้องมีส่วนร่วมและจดจ่อ เช่น กิจกรรมที่มีการโต้ตอบหรือใช้เวลาน้อยในการทำสำเร็จ เป็นต้นค่ะ

                หากผู้ปกครองเกิดความสงสัยว่าเด็กมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรรีบพาเด็กไปปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการทันที ปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลมากที่มีแผนกสำหรับรักษาเด็กสมาธิสั้น โดยเฉพาะอย่างเช่น รพ.นนทเวช เป็นต้น ทั้งนี้ในการรักษาเด็กสมาธิสั้นแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน และต้องมีการปรับเปลี่ยนตามความต้องการเฉพาะของเด็กแต่ละคน การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการรักษาโรคนี้ต้องใช้เวลา และอาศัยความร่วมมือทั้งจากตัวเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครอง และคุณครูผู้สอน ซึ่งต้องใช้หลายศาสตร์ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อตัวเด็กเองค่ะ

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา