สุดล้ำ! รู้จัก 4 งานที่ใช้ระบบอัจฉริยะจากการพัฒนาของบริษัทด้าน AI

ยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักระบบ AI หรือ Artificial Intelligence ระบบอัจฉริยะที่ถูกพัฒนาจากบริษัทด้าน AI ด้วยจุดเด่นความฉลาดที่คิดวิเคราะห์ได้อย่าละเอียดจนไปถึงความสามารถด้านการแยกแยะวิธีการจัดการด้านต่าง ๆ ด้วยความสามารถของสมองกลอัจฉริยะนี้ จึงกลายเป็นนวัตกรรมที่ถูกจับตามองจากมนุษยชาติถึงบทบาทหน้าที่ที่จะเข้ามามีผลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ 

ไม่ต้องรออนาคตอันใกล้หรือไกล เพราะปัจจุบันบริษัทด้าน AI ได้เริ่มการพัฒนาและสร้างสรรค์กันอย่างต่อเรื่องจนทำให้ระบบอัจฉริยะ AI โดดเด่นด้านการเรียนรู้และจดจำข้อมูลจำนวนมากจนสามารถวิเคราะห์ แยกแยะ และใช้งานได้อย่างแม่นยำ เป็นผลให้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรมเริ่มมีการนำมาใช้งานจริง แล้วงานด้านอะไรที่นำเจ้า AI ไปใช้บ้าง? ตามไปดูกัน

1. ด้านระบบความปลอดภัย

การใช้งานด้านระบบความปลอดภัย เป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้งานจริงและคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว ด้วยระบบการจดจำและแยกแยะบุคคล พร้อมเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมากที่บริษัทด้าน AI พัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบอัจฉริยะนี้ถูกนำมาใช้ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมหรือบุคคลที่ต้องการตามตัว และที่ใกล้ที่สุดคือระบบ AI ที่ใช้แยกแยะใบหน้าของบุคคลในการปลดล็อกสมาร์ทโฟนบางรุ่น ที่เพียงแค่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นส่องใบหน้าก็สามารถปลดล็อกหน้าจอและระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ในโทรศัพท์ได้ทันที 

2. ด้านสุขภาพ

บริษัทด้าน AI ได้มีการพัฒนาระบบอัจฉริยะนี้เพื่อให้เข้าไปใช้งานด้านสาธารณสุขได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การวิเคราะห์และตรวจหาโรคต่าง ๆ เป็นไปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว อำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ แตกต่างจากยุคก่อนที่เทคโนโลยีจะได้รับการพัฒนา คุณมักพบว่าการตรวจเจอโรคร้ายระยะสุดท้ายหรืออาการที่เกินเยียวยา จากสาเหตุการวินิจฉัยโรคที่ล่าช้าเกินไป ความผิดที่ไม่ได้เกิดจากบุคลากรทางการแพทย์ แต่เป็นเพราะเครื่องมือและนวัตกรรมที่ไม่เอื้ออำนวย ระบบ AI จึงเข้ามาเติมเต็มการทำงานของระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสการรักษาให้ทันเวลาได้มากกว่าในอดีต

3. ด้านการค้นหาในระบบออนไลน์

อับดุลถามได้ตอบได้ แต่อากู๋หรือ Google ตอบได้มากกว่า เพราะการทำงานร่วมกับระบบ AI ที่ทำให้คุณสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น เพียงค้นหาคีย์เวิร์ดคำเดียวก็สามารถค้นพบผลลัพธ์จากคลังข้อมูลมหาศาลได้อย่างตรงใจ นั่นเป็นเพราะว่าระบบอัจฉริยะอย่าง AI ได้ทำการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานเอาไว้ รวมมไปถึงวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาจากทั่วโลก เพื่อให้สามารถแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่แม่นยำ และมีโอกาสความผิดพลาดของการค้นหาน้อยมาก ๆ

4. ด้านการตลาดเฉพาะตัวบุคคล

บริษัทด้านการตลาดเริ่มใช้ AI เข้ามามีบทบาทกับการทำการการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงไปที่ตัวบุคคล ซึ่งการทำตลาดรูปแบบนี้โดยไม่อาศัยระบบ AI จะต้องทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจนไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคแบบรายบุคคล ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่มีจำนวนและรายละเอียดมากมายมหาศาล จึงทำให้มีการใช้ระบบอัจฉริยะที่บริษัทด้าน AI ให้เหมาะสมกับใช้งานด้านการตลาด เพื่อเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้เวลาเข้าไปเลือกดูสินค้าในระบบออนไลน์ ประเภทของสินค้าที่ลูกค้ารายนั้นสนใจ ช่วงเวลาที่มักเข้ามาใช้บริการ โดยระบบจะทำการจัดสรรข้อมูลเหล่านั้นเพื่อวิเคราะห์ และส่งโปรแกรมทางการตลาดไปให้ลูกค้ารายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมลเพื่อโปรโมทสินค้า หรือส่งคูปองออนไลน์เพื่อกระตุ้นความต้องการให้เกิดการซื้อขายนั่นเอง