ประเภทรังสียูวีควรรู้ และเทคนิคเลือกกันแดดให้ตนเอง
รังสียูวีมีอะไรมากกว่าที่หลายคนคิด จึงขอพามาทำความรู้จักกับพลังงานดวงอาทิตย์นี้ไปพร้อมกัน และขอแนะนำเทคนิคเลือกกันแดดง่าย ๆ เพื่อให้เหมาะกับใบหน้าของตนเอง
ประเภทของรังสียูวีที่ควรรู้ และเทคนิคเลือกกันแดดให้ตัวเองที่ดีที่สุดบอกเลยไม่ยาก
วันนี้เราขอรับหน้าที่พาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับประเภทรังสียูวีให้มากขึ้น ทั้งรังสี UVA รังสี UVB และรังสี UVC เพื่อสร้างความเข้าใจถึงภัยร้ายที่หากเราไม่คิดปกป้องผิวหน้าจากสิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นปัญหาผิวหน้ารุนแรงยากจะแก้ไขได้ รวมถึงจะมาแนะนำเทคนิคการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดให้ตัวเองชนิดที่ดีที่สุดด้วย บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยาก
3 ประเภทรังสียูวีที่ควรรู้จัก ภัยร้ายทำลายผิวหน้า
โดยทั่วไปแล้วรังสียูวีที่มีอยู่ในแสงแดดเกิดขึ้นหลัก ๆ เลยจะเป็นรังสี UVA และ UVB ส่วนรังสี UVC พบได้น้อยแต่ก็ทำร้ายผิวหน้าไม่แพ้ไปกัน
- รังสี UVA มีคลื่นความยาวสูงสุด 315 – 400 นาโนเมตร สามารถส่องผ่านผิวหนังแท้ของเราได้ (ลึกกว่าหนังกำพร้า) ทำลายเซลล์ผิวแบบถาวร สร้างริ้วรอย จุดด่างดำให้กับผิวหน้าดูแก่กว่าวัยไปเลย การปกป้องผิวด้วยกันแดดจึงจำเป็นขั้นสุด
- รังสี UVB มีคลื่นความยาวสูงสุด 280 – 320 นาโนเมตร ซึ่งเป็นคลื่นสั้น ทำลายชั้นผิวหนังกำพร้าซึ่งอยู่นอกสุดของผิวหนัง ทำให้เกิดความหมองคล้ำ โดนนาน ๆ เกิดผิวไหม้และแสบร้อนได้
- รังสี UVC มีคลื่นความยาว 100 – 280 นาโนเมตร แม้จะมาไม่ถึงเราด้วยแสงอาทิตย์ แต่ก็มาจากแหล่งกำเนิดแสงเทียมอย่างหลอดไฟ หรือเลเซอร์ได้ มีส่วนทำลายชั้นผิวหนังได้ไม่แพ้รังสี UVA และ UVB บางหลอดไฟที่ปล่อยรังสี UVB มาด้วยได้ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังไปอีก ไม่ออกแดดก็อย่าลืมทากันแดดหน้าเลย
เทคนิคการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดให้ตัวเองชนิดที่ดีที่สุด
1. เลือกจากส่วนผสมที่มีในผลิตภัณฑ์
แบ่งออกเป็นคนที่เป็นสิวแนะนำให้ใช้ส่วนผสมที่อยู่ในตระกูล Zinc หรือ Titanium ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน ช่วยป้องกันรังสีทั้ง 3 ได้ดี มีความเบาบาง ส่วนถ้าใครอ่านเจอ Oxybenzone, Avobenzone และ Para-Aminobenzoic Acid (PABA) เพราะเป็นส่วนผสมที่ดูดซับรังสียูวีได้ดี ส่วนใครที่ผิวบอบบาง แนะนำเลี่ยงส่วนผสมพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสีสังเคราะห์ไปเลย เพราะผิวจะระคายเคืองได้
2. เลือกจากค่า SPF / PA ในผลิตภัณฑ์
ครีมกันแดดที่ดีที่สุดต่อมาควรเลือกจากค่า SPF / PA ด้วย โดยตัวเลขที่เจอปรากฏด้านท้าย คือปริมาณการป้องกันรังสี UVB เช่น SPF 30 หรือ SPF 50 ซึ่งนอกจากค่า SPF แล้วยังมีค่า PA รวมอยู่ด้วยช่วยป้องกันรังสี UVA การเลือกที่ดีที่สุดจึงควรมีเครื่องหมาย + มากเข้าไว้ เพราะช่วยปกป้องผิวได้ดี
3. ปริมาณของผลิตภัณฑ์ควรใช้อย่างเหมาะสม
หลายอาจคิดว่าใช้ในปริมาณเยอะ ๆ ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ทามากเกินไปอาจทำให้ผิวหน้าเยิ้ม กลายเป็นสร้างปัญหาเพิ่มไปอีก แนะนำให้ใช้ขนาด 2 ข้อนิ้วต่อการหน้าใบหน้าก็พอ ทั้งนี้ ควรดูวันหมดอายุด้วยแนะนำให้เปลี่ยนทุก 1 ปี เก็บไว้นานประสิทธิภาพถดถอย
เปรียบเทียบค่า SPF ในผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด
อย่างที่บอกว่าค่า SPF ในผลิตภัณฑ์กันแดดนั้นมีให้เลือกมากมาย โดยจะช่วยป้องกันรังสี UVB และค่า PA + มากยิ่งช่วยป้องกันรังสี UVA หากลองเปรียบเทียบดูจะพบว่า ค่า SPF 15 / PA++ ช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ 93.3% รังสี UVA 4-8 เท่าของผิวปกติ, SPF 30 / PA+++ ช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ 96.7% รังสี UVA 8-16 เท่าของผิวปกติ และค่า SPF 50 / PA++++ ช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ 98% รังสี UVA 16 เท่าขึ้นไป อย่างไรก็ดีผลิตภัณฑ์แบรนด์ใด ๆ ก็ตามไม่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 100%
จะเห็นได้เลยว่าหลังจากที่เราได้ลองเปรียบเทียบครีมกันแดดในส่วนของค่า SPF และ PA ทำให้รู้ถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์กันแดดในการช่วยป้องกันผิวหน้าได้ว่าค่าเท่าไหร่ ป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน เลือกซื้อเพื่อทาแล้วออกทำกิจกรรมได้ตอบโจทย์ ไม่พาให้ผิวหน้าเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครต้องออกแดดจัดนาน ๆ เลือกซื้อค่า SPF 50 ขึ้นไป ค่า PA ++++ ไปเลย
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้