มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาได้หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ โอกาสหายสูง

chutikan

ขีดเขียนหน้าใหม่ (44)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:47
เมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2564 15.10 น.

     มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อย 1 ใน 5 ของประเทศไทย มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และอันดับ 4 ในเพศหญิง (ที่มา : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข)

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
- อายุ 50 ปีขึ้นไป
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
- มีภาวะโรคอ้วน และมีมีวิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ขาดการออกกำลังกาย
- เคยมีประวัติลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- การสูบบุหรี่, ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

อาการและอาการแสดง
- ช่วงที่เริ่มเป็น ไม่มีอาการผิดปกติ
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด, เป็นมูก หรือเป็นมูกเลือด
- ท้องผูกสลับท้องเสียที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือไม่เคยเป็นมาก่อน
- ซีด โดยที่หาสาเหตุไม่ได้
- ท้องผูกมากผิดปกติ หรือมีอาการถ่ายไม่สุดหลังถ่ายอุจจาระแต่ละครั้ง
- ปวดท้องเรื้อรังมานาน
- สังเกตว่าลำอุจจาระมีขนาดลีบเล็กลง
- ผอมลง หรือน้ำหนักตัวลดลง แบบไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

วิธีการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ออกกำลังกาย อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือเฉลี่ย 3 วันต่อสัปดาห์
- ไม่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไขมันสูงๆ อาหารฟาสต์ฟู้ด เนื้อแดง เนื้อแปรรูป และควรรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ

ความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
     มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งป้องกันได้หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และตรวจคัดกรองตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก จะทำให้การรักษาได้ผลดีและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า โดยผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยไม่ต้องรอให้มีอาการผิดปกติ (ที่มา : WHO guideline 2018)

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
- การตรวจอุจจาระเพื่อหาเลือดออกแฝงในอุจจาระ
- การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) สามารถตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อ ก้อนเนื้อที่ผิดปกติ โรคลำไส้อักเสบ ฯลฯ
- สามารถทำได้ภายในหนึ่งวันเพียงแค่ งดน้ำ และอาหารมา 6-8 ชม
- ระยะเวลาทำ 20-30 นาที
- ทำในขณะหลับ โดยได้รับยานอนหลับแบบฉีด ไม่เจ็บ
- สามารถกลับบ้านได้หลังจากทำเสร็จ

ใครบ้างที่ควรมาตรวจคัดกรอง
- บุคคลทั่วไปที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป
- คนที่มีปัจจัยเสี่ยงควรเริ่มตั้งแต่อายุ 35-40 ปีขึ้นไป
- คนที่มีอาการทางลำไส้ที่ผิดปกติ ไม่จำกัดอายุ
- ปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ
- ขับถ่ายผิดปกติ หรือมีเลือดปนในอุจจาระ
- น้ำหนักตัวลดลงไม่ทราบสาเหตุ
- มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

     เพราะระบบทางเดินอาหาร มีการทำงานที่ซับซ้อน...จึงต้องการการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ (Gastrointestinal&Liver Center) โรงพยาบาลนนทเวช พร้อมด้วยทีมอายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร วิสัญญีแพทย์ รังสีแพทย์ และแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านเคมีบำบัด พร้อมให้บริการตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยในระยะเริ่มต้น การรักษา ป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารและตับทั้งระบบ

ขอบคุณข้อมูลจาก:
นพ. อานนท์ พีระกูล
อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ
https://www.nonthavej.co.th/Colorectal-cancer-H.php

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา