เมื่อการใช้ชีวิตประจำวันเสี่ยงกว่าที่คิด กับภัยเงียบที่ชาวออฟฟิศ
ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวออฟฟิศแล้ว การรับมือกับงานและความเครียดในแต่ละวันกลายเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากเรื่องปวดหัวในที่ทำงานที่อาจส่งผลถึงสุขภาพจิตแล้ว สิ่งที่อันตรายไม่แพ้กันคือเรื่องของสุขภาพทางกาย ที่ชาวออฟฟิศมักจะมองข้ามไปอย่างไม่รู้ตัวเพราะมัวสนใจกับงานที่ต้องทำมากกว่าสนใจตัวเอง จนกลายมาเป็น “ภัยเงียบ” ที่อาจอันตรายมากกว่าที่คิด
อย่างแรกเลยที่เป็นสิ่งที่ชาวออฟฟิศหลายคนต้องเผชิญ นั่นคือโรคออฟฟิศซินโดรม ที่มักจะเกิดจากการนั่งทำงานจอต่อหน้าคอมพิวเตอร์อยู่กับที่ตลอดเวลา รวมไปถึงการนั่งที่ผิดวิธี เช่นนั่งหลังงอ จนส่งผลถึงกล้ามเนื้อในร่ายกาย เริ่มต้นที่อาการปวดหลังเรื้อรัง ไปจนถึงการอักเสบของเอ็นและกล้ามเนื้อ และอาจพัฒนาไปถึงหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
นอกจากออฟฟิศซินโดรมที่คุ้นเคยกันดีแล้ว อีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กันก็คือเนื้องอก ซึ่งมักจะเกิดจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น การเจอรังสียูวีจากแดด การอักเสบของกล้ามเนื้อและผิวหนัง ความเครียดและรวมถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร แต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ชาวออฟฟิศพบเจอกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเนื้องอกก็อาจจะพัฒนากลายเป็นอันตรายได้ เช่น โรคเนื้องอกในสมอง หรือ โรคมะเร็ง ถ้าไม่สังเกตอาการของตัวเองให้ดีก็อาจจะส่งผลถึงชีวิตได้เลย
และอย่างสุดท้ายก็คืออุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดได้เสมอทั้งในระหว่างเดินทางมาทำงาน หรือในการทำงานที่อาจมีความเสี่ยงอุบัติเหตุอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากกว่าถ้าเทียบกับโรคต่างๆของชาวออฟฟิศ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่ประมาท ระมัดระวังตัวเสมอ มีสติในการเดินทาง รวมถึงการทำประกันอุบัติเหตุไว้ด้วย เพื่อเซฟค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภัยเงียบที่กำลังคุกคามชาวออฟฟิศโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่หักโหมงานหนักจนเกินไป และหมั่นสังเกตอาการทางร่างกายที่แสดงออกมาเสมอ ถึงงานจะยุ่งแค่ไหนก็อย่าละเลยกับการดูแลตัวเองเสมอ ใส่ใจกับงานแล้วก็อย่าลืมที่จะใส่ใจกับตัวเองด้วยนะ
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้