การ ติดแบล็คลิสคือ อะไร? หากมีแพลนจะซื้อบ้านต้องกังวลหรือไม่?

Teera18

ขีดเขียนชั้นอนุบาล (90)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:120
เมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 01.51 น.

การ ติดแบล็คลิสคือ อะไร? หากมีแพลนจะซื้อบ้านต้องกังวลหรือไม่?

            หลาย ๆ คนที่กำลังจะทำเรื่องยื่นขอสินเชื่อบ้านจากสถานบันการเงินแล้วเคยถูกปฏิเสธเนื่องจากเป็นผู้ที่มีรายชื่อติดแบล็คลิส หรือติดเครดิตบูโร ก็อาจจะทำให้สถาบันการเงินเหล่านั้นไม่สามารถปล่อยสินเชื่อให้คุณได้ และนั่นอาจจะทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่าการ ติดแบล็คลิสคือ อะไร และเหตุใดจึงทำให้ธนาคารปฏิเสธปล่อยกู้ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน

ติดแบล็คลิส แล้วมีผลอย่างไร?

การมีชื่อติดอยู่ในแบล็คลิสของเครดิตบูโร หมายถึงลูกหนี้รายนั้นมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ทำให้สถาบันการเงินพิจารณาได้ว่าเป็นลูกหนี้ที่เสี่ยงสูงและอาจจะทำให้เกิดปัญหากับสถาบันการเงินได้ เพราะหนี้ค้างชำระนานเกิน 90 วันจะถูกจัดให้เป็น “หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้”หรือ NPL (Non-performing Loan) ซึ่งสถาบันการเงินจะต้องนำเงินทุนสำรองมาตั้งสำรองหนี้เสียตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทำให้สถาบันการเงินเองมีภาระเพิ่มขึ้น

ดังนั้นในการยื่นขอสินเชื่อก้อนใหญ่ ๆ เช่น สินเชื่อบ้าน สถาบันการเงินจะต้องขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า “เช็คแบล็คลิส” ก่อน ว่าเคยมีประวัติการค้างชำระหนี้หรือไม่ หากผู้ขอกู้เงินเคยมีประวัติอยู่ในแบล็คลิสมาก่อน สถาบันการเงินก็จะปฏิเสธการปล่อยกู้ก้อนใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อทุนสำรองของสถาบันการเงินเอง

ติดแบล็คลิสคืออะไร ?

         แบล็คลิส (Black List) หรือบัญชีดำ เป็นการจัดกลุ่มลูกหนี้สินเชื่อประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ที่ค้างชำระหนี้ต่อเนื่องนานเกิน 90 วัน ( 3 เดือน)

สถาบันการเงินจะทำหน้าที่จัดส่งข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับลูกหนี้ของตนเองเช่น ประเภทของสินเชื่อ,วงเงินกู้ และพฤติกรรมการชำระหนี้ว่าตรงตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ไปให้กับศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือที่เรียกว่า “เครดิตบูโร” เพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูลกลาง ซึ่งในกรณีที่ลูกหนี้มีการค้างชำระหนี้นานต่อเนื่องเกินกว่า 90 วัน สถาบันการเงินก็จะต้องรายงานข้อมูลไปยังเครดิตบูโรซึ่งจะทำให้ลูกหนี้รายนั้นมี รายชื่อผู้ติดแบล็คลิส อยู่ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโรทันที

หากชื่อติดแบล็คลิส ควรทำอย่างไร

การ เช็คแบล็คลิส จะทำให้ผู้ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินรู้ว่าเคยลืมชำระ, ผิดนัดชำระ หรือค้างชำระเงินก้อนไหนบ้าง บางครั้งอาจเป็นการค้างชำระเพียง 1-2 เดือน ซึ่งสถาบันการเงินจะยังไม่ได้รายงานสถานะแบล็คลิสไปยังเครดิตบูโร ซึ่งหากลูกหนี้รีบติดต่อและนำเงินไปชำระกับสถาบันการเงินให้เรียบร้อย ประวัติการชำระเงินก็จะไม่มีปัญหา

 แต่หากพบข้อมูลการค้างชำระนานเกินกว่า 3 เดือน และติดอยู่ในแบล็คลิสไปแล้ว แม้จะนำเงินไปชำระกับสถาบันการเงินได้ครบถ้วนเรียบร้อย ก็ยังต้องรอเวลาอีก 3 ปี รายชื่อจึงจะหลุดจากบัญชีดังกล่าว แล้วจึงจะสามารถยื่นขอสินเชื่อใหม่ได้ตามปกติ

เพราะฉะนั้น ผู้ที่กำลังมีความสุขกับการใช้บัตรเครดิตอยู่ หรือคนที่รูดเพลินจนอาจจะลืมชำระหรือตั้งใจค้างชำระ ก็อาจจะมีรายชื่อติดอยู่ใน Blacklist จนทำให้คุณไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ๆ เพราะสถานบันการเงินจะปฏิเสธสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่ติด Blacklist จนกว่าจะมีประวัติการชำระเงินที่ดีขึ้น แต่นั่นก็อาจจะทำให้คุณเสียโอกาสในสร้างความมั่นคงในชีวิตได้

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา