หากฉันตาย... (อ่านแล้วอาจทำให้บ่อน้ำตาแตกได้...)
เขียนโดย ChunAh
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2565 22.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) หากฉันตาย... (อ่านแล้วอาจทำให้บ่อน้ำตาแตกได้...)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหากฉันตาย...
(เรื่องสั้นเรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง หากฉันตาย ของ 60 Miles)
.
.
คุณคิดว่าในโลกนี้คุณเป็นคนโชคดีมากแค่ไหน?? อะไรที่คุณคิดว่าคุณมีแล้วจะมีความสุขที่สุด? เงิน? ทอง? รถ? บ้าน? หรือคนที่รัก?? ... สำหรับผม ผมมีทุกอย่าง... แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมกลายเป็นคนโชคร้ายที่สุดกันนะ??
.
.
"คุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ" คำพูดที่ออกจากปากของหมอ ทำให้โลกของผมทั้งใบเหมือนจะสิ้นลงในทันที สมองทุกอย่างไม่สั่งการชั่วขณะ ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เว้นคำพูดที่คุณหมอบอกกับผม ว่าคุณจะอยู่ได้อีกแค่ สามเดือน... ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมแทบจะลืมหายใจ ณ วินาทีนั้น
"ผมยัง...ฮึ่ก...ไม่อยากตาย...." ผมบอกคุณหมอเสียงสั่น หมอกำมือของผมไว้อย่างเป็นกำลังใจ มันหมดหนทางแล้วสินะ ที่เหลือก็แค่รอวันตาย...
.
.
.
ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้ตื่นมาพร้อมเธอ อีกครั้ง
คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีโอกาสถึงวันไหน...
หากวันหนึ่งฉันหลบไหล
หากวันหนึ่งฉันต้องจากไปแสนไกล
หากวันหนึ่งฉันไม่อาจคืนย้อนมาได้ใหม่
หากฉันตาย...
.
.
.
"ที่รัก เช้าแล้วนะครับ" เสียงกระซิบบอกข้างหูทำให้ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ คนที่ปลุกผมจะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่คนรักของผมเอง
"อือออ ไม่อยากลุกอ่ะ อยากนอนอยู่แบบนี้..." ผมบอกแล้วนอนซุกๆ มุดๆ อยู่กับแผ่นอกกว้างของคนรัก คนคนนี้ชื่อวีครับ เราคบกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย จนตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็ทำงานกันแล้ว เขารับช่วงต่อจากบริษัทของพ่อ ส่วนผมเปิดร้านกาแฟเล็กๆ เพราะเขาไม่อยากให้ผมทำงานหนักมาก ความจริงเขาไม่อยากให้ผมทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังคงดื้อดึงที่จะทำให้อยู่เฉยๆ ผมเบื่อตายเลย
"งอแงแต่เช้าเลยนะ...จุ๊บ! " ปากหนากดลงมาที่ริมฝีปากของผม ผมปรือตามองหน้าคนรักที่หน้าห่างกันแค่เพียงคืบ ก่อนจะเป็นฝ่ายจุ๊บกลับไปบ้าง วียิ้มแก้มปริ หอมซ้ายหอมขวาจนแก้มของผมแทบช้ำ
"อื้อออ พอแล้ว ช้ำหมดแล้วนะ" ผมบอกเสียงหวาน วีกอดผมเข้าหาตัวไว้อย่างรักอย่างหวง ผมก็กอดตอบเช่นกัน
"วันนี้โดดงานกันมั้ย? " ผมถามออกไปทั้งๆ ที่นอนกอดวีอยู่ วีก็ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา
"ชวนโดดงานแบบนี้ อยากไปเที่ยวไหนล่ะ? " วีถามออกมา
"รู้ทันตลอด อยากอยู่ด้วยกันสองคน" ผมตอบกลับไปเสียงเบา
"ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันสองคนอยู่แล้วนี่... อยู่ด้วยกันตลอดไป..." วีบอกพร้อมกับจูบซับที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา
"มันไม่มีคำว่าตลอดไปหรอกนะวี...เมื่อถึงวันหนึ่ง ไม่ใครก็ใครสักคนที่ต้องจากไป..." ผมบอกวีพร้อมสายตาที่เหม่อลอย
"ไม่เอาสิ วีไม่ยอมให้เหนือจากเราไปหรอกนะ เหนือต้องอยู่กับวีไปจนแก่เลยล่ะ" วีบอกผมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ผมรู้สึกเจ็บที่ใจอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ไม่อยากจากไปเหมือนกัน ยังไม่อยากไปตอนนี้...
"วี...."
"หืม?? "
"ถ้าสมมติวันหนึ่งเหนือไม่อยู่แล้ว วีสัญญากับเหนือนะ ว่าจะอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข" ผมบอกเสียงจริงจัง วีชะงักไปนิด ผมรู้สึกเหมือนอ้อมกอดที่กอดผมนั้นมันกระชับมากขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะหลุดหนีไปไหน
"ทำไมถึงพูดใจร้ายกับวีอย่างนี้ล่ะ เหนือเบื่อที่จะอยู่กับวีแล้วหรือไง?? " วีถามผมออกมาเสียงเศร้า พาใจผมเศร้าไปด้วยเลย
"เหนือไม่เคยเบื่อ เหนืออยากอยู่กับวีตลอดไป..." ผมตอบกลับพร้อมกับกอดคนข้างๆ แน่นขึ้น
"วีก็จะอยู่กับเหนือตลอดไปเหมือนกัน..." กอดที่แสนอบอุ่นนี้ผมไม่อยากปล่อยเลย ถ้าต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนั้นตัวเย็นเฉียบ ไม่มีลมหายใจ เห็นแต่ร่างตัวเองนอนนิ่ง ผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ พอคิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา... ผมไม่สามารถบอกคนที่ผมรักได้ ว่าผมจะอยู่ได้อีกไม่นาน ผมอยากทำแค่...ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันให้นานที่สุดก็พอ...
.
.
.
สายของวันนั้น วีก็ไปทำงานปกติ ผมก็มาที่ร้านกาแฟของผม ร้านที่อยู่ติดชายหาดทะเล มองเห็นวิวสวยได้อย่างสมใจ พ่อกับแม่ของวีซื้อที่นี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูผมมาก เหมือนที่พ่อแม่ของผมรักและเอ็นดูวีเช่นกัน
"พี่เหนือ วันนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะคะ" โบว์พนักงานในร้านของผมทักขึ้น ผมยิ้มให้บางๆ
"พี่ไม่ได้เป็นไรหรอก แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ" ผมบอกออกไป
"ไม่จริงอ่ะ พี่เหนือโกหก แล้วไปหาหมอเป็นยังไงบ้างคะ ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงใช่มั้ย?? " โบว์ถามผมอย่างเป็นห่วง ผมชะงักไปนิด มือที่กำลังเขียนบัญชีอยู่ถึงกับสั่น
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่ไข้หวัดธรรมดาน่ะ" ผมบอกออกไป ตอนนี้ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น
"ห้ามโกหกกันนะพี่เหนือ ไม่งั้นโบว์เคืองจริงๆ ด้วย" โบว์บอกเสียงติดงอน ผมเลยยกมือขยี้หัวทุยอย่างเอ็นดู
"ไปรับลูกค้าได้แล้ว" ผมบอกไปด้วยรอยยิ้ม โบว์ก็รีบไปรับลูกค้าที่เข้ามาใหม่ทันที ผมนั่งเหม่อลอยออกไปที่ชายหาด ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ คนที่รักผม...ทั้งวี ทั้งโบว์ ทั้งพ่อแม่ พวกเขาจะรับได้หรือเปล่านะ...
ผมทำงานจนร้านปิดในช่วงสองทุ่ม โบว์ก็กลับบ้านไป เหลือแต่ผมที่นั่งอยู่ที่ร้านคนเดียว ผมลงมือทำอาหารเผื่อว่าวีกลับบ้าน จะได้ทานข้าวด้วยกัน
Rrrrrrrrrrr
"ครับ?? " ผมรับสายจากมือถือที่ดัง
(เหนือ วันนี้งานเยอะมากเลย คงไม่ได้กลับบ้าน เข้านอนแล้วล็อกบ้านดีๆ นะ) เสียงของวีพูดบอกออกมา ผมถือตะหลิวค้างเลย
"อา....งานเยอะหรอ แล้วได้กินอะไรบ้างหรือยัง?? " ผมถามอย่างเป็นห่วง ไม่โกรธหรอกเพราะรู้ดีว่าวีทำงานหนักทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตของผมกับเขา
(กินกาแฟรองท้องไปบ้างแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องเข้าประชุมแล้ว ไว้จะโทรหาอีกทีนะ)
"โอเค..." ผมบอกผ่านไปเสียงเบา แล้ววางมือถือคืนที่เดิม มองอาหารที่ยังทำคาไว้อยู่ด้วยใบหน้าหง๋อย
"ไม่กลับ งั้นเราก็ไปหาเองก็ได้นี่นา..." พอคิดได้ดังนั้นผมก็จัดการแพ็คอาหารใส่กล่อง แล้วหิ้วออกจากร้านไปด้วยรถมินิของผม ขับตรงไปที่บริษัทของวีซึ่งก็อยู่ไม่ไกลมากนัก รปภ.พอเห็นหน้าของผมก็ให้เข้าไปได้โดยง่ายๆ เพราะว่าผมก็มาที่นี่ค่อนข้างบ่อย ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าผมวีเราเป็นอะไรกัน ผมถึงได้บอกไงว่าชีวิตของผมมันไม่มีอะไรที่ขาดเหลือแล้ว มันดูดีมีความสุขทุกอย่าง...แต่ดูเหมือนเวลาแห่งความสุขของผมกำลังจะหมดลง
ก๊อก ก๊อก
ผมยืนเคาะอยู่หน้าห้องทำงานของพี่วี ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีใครอยู่ ผมเลยแง้มประตูเข้าห้องไป
"สงสัยยังประชุมไม่เสร็จสินะ" ผมพึมพำพร้อมกับเดินไปนั่งรอที่โซฟาในห้องทำงานของวี นั่งรอนอนรอ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอะไรดูไปเรื่อย จนกระทั่งนี่ก็ปาไปจนเกือบจะห้าทุ่มแล้ว วีก็ยังไม่กลับมา วีเป็นคนโหดมากในเรื่องการทำงาน ไม่ว่าจะเวลาไหน ถ้าเขาเรียกประชุมก็คือประชุม พนักงานทุกคนต้องเข้า แม้ว่างานจะหนักแต่เงินเดือนที่ให้พนักงานก็สูงคุ้มค่ากับงานที่ให้ทำเช่นกัน ผมนอนพลิกไปมาจนเริ่มง่วง และหลับลงในที่สุด
.
.
"ขอให้ทุกฝ่ายจัดการงานที่ผมได้มอบหมายด้วยนะครับ หลังจากนั้นเราจะกลับมาเจอกันใหม่ในอีกสามวันเพื่ออภิปรายผลต่อ ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ขอบคุณ..." วีพูดบอกในห้องประชุม พร้อมกับลุกและเดินออกมาคนแรก ร่างสูงรู้สึกเหนื่อยมาก เดินขึ้นลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องทำงานของตนอย่างเพลียๆ วีเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนรักนอนคุดคู้อยู่ที่โซฟา พร้อมกับอาหารที่วางไว้บนโต๊ะอีกหลายกล่อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนรักมารอเขาพร้อมกับทำอาหารมาให้ แค่นี้ก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกชื่นใจขึ้นมา
"ฟอดดดด" จมูกโด่งกดลงที่ข้างแก้มเนียนของเหนือ ร่างโปร่งทำหน้างอแงนิดๆ เมื่อถูกรบกวนการนอน
"ถ้าไม่ตื่น งั้นขอกินเหนือแทนข้าวละกันนะ" เสียงกระซิบที่พูดบอกทำให้เหนือที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นมาทันที
"วี....แกล้งเหนืออีกแล้ว" ผมงอแงใส่ทันทีที่ตื่น วีหัวเราะขำพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง
"ก็น่าแกล้งนี่ มารอนานหรือยัง? " วีถามพร้อมกับคว้าเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว หอมซ้ายหอมขวาให้หายคิดถึง
"อือออ มาได้สักพักแล้วล่ะ กลัวคนแถวนี้ทำงานจนลืมกินข้าว เลยต้องทำเสบียงมาให้ จะได้มีแรงทำงานไง" ผมบอกอย่างเอาใจ วีกดจูบที่ปากของผม สอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพัน จนผมเผลอยกมือขึ้นกำเสื้อตรงแผ่นอกเอาไว้
"อื้อออออ" ผมส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอ เมื่อลิ้นร้อนนั้นแทรกเข้ามาลึกเกินไป
"แฮ่กๆ ขี้แกล้ง" ผมบอกออกไปด้วยสายตาฉ่ำ
"เหนือคือกำลังใจของวี อยากให้วีมีพลังทำงานมากกว่านี้ต้องยอมให้วีกินเหนือนะ" วีบอกเสียงเจ้าเล่ห์ ผมก้มหน้างุด หูแดงก่ำ
"เรื่องอะไรเล่า กินข้าวเลย มันเย็นหมดแล้วมั้ง" ผมออกไปพร้อมกับจัดแจงเปิดฝากล่องที่ใส่อาหารไว้มากมายแล้วส่งให้วี
"ป้อนสิ" วีบอกพร้อมกับอ้าปากรอ ผมหัวเราะขำแต่ก็ยอมป้อนให้ ภายในห้องทำงานมีแต่ความอบอุ่นเหมือนบรรยากาศทุกอย่างมันเป็นสีชมพู ผมอยากให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้จังเลย
.
.
.
หนึ่งเดือนผ่านไป
“แม่ครับ วันนี้ผมจะเข้าไปหานะครับ” ผมโทรหาแม่ตั้งแต่มาถึงร้าน ผมอยากจะเข้าไปหาท่านเพื่อใช้เวลาที่ยังพอมีอยู่กับคนที่รักให้มากที่สุด
(จะมาอ้อนอะไรแม่ล่ะ หืม??)
“โถ่....แม่อ่ะ เห็นเหนือเป็นคนยังไงกันครับ เหนือแค่คิดถึงพ่อกับแม่เฉยๆ หรือว่าพอลูกชายคนนี้ไม่อยู่ พ่อกับแม่แอบมีน้องให้ผม ผมเลยกลายเป็นหมาหัวเน่าใช่ม๊า??” ผมพูดหยอกเล่นใส่ปลายสายไป
(ตายจริง ไอ้ลูกคนนี้ ดูคำพูดเข้าสิ มีเราแค่คนเดียวก็พอแล้ว แล้ววีจะมาด้วยหรือเปล่า?)
“อาจจะตามไปครับ แต่ผมคงไปถึงก่อน ตอนกลับค่อยกลับพร้อมกัน” ผมบอกพร้อมกับหยิบแก้วส่งให้โบว์เพื่อช่วยงานในร้านไปด้วย
(แม่จะได้ทำอาหารไว้เผื่อ งั้นเจอกันตอนเย็นละกันนะ)
“ครับ ไว้ผมจะโทรหาแม่อีกทีนะ”
(จ้า)
ผมกดวางพร้อมกับรับแก้วกาแฟจากโบว์ไปเสิร์ฟ ผมยังคงทำงานปกติ อยู่กับวีปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่บางทีร่างกายของผมมันก็เริ่มแสดงอาการ ผมเริ่มกินอาหารไม่ได้ จากสามเดือน ผมกลัวว่ามันจะลดลงเหลือแค่สองเดือนผมก็คงจะทนไม่ไหว มันทรมานนะครับเหมือนบางอย่างมันกัดกินร่างกายของผมอยู่ตลอดเวลา
“พี่เหนือ หน้าซีดมากเลยนะคะ โบว์ว่าพี่เหนือนั่งอยู่เฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวโบว์ทำเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ทำได้” ผมตอบกลับ แต่ก็มีแอบนั่งพักบ้าง ยาที่หมอให้ผมก็กินตรงเวลาทุกครั้ง หวังว่ามันจะช่วยยืดเวลาอายุของผมได้บ้าง
“พี่เหนือ พี่เป็นอะไรกันแน่ โบว์ไม่สบายใจเลยที่เห็นช่วงนี้พี่อาการไม่ดี พี่บอกโบว์มาเถอะนะ เราจะได้ช่วยกันแก้ไง” โบว์บอกผมน้ำเสียงเป็นห่วง เดินมาจับมือผมไปกุมเอาไว้ ผมเองก็รักโบว์เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“พี่แค่ป่วยหนักน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ โบว์วางใจเถอะ” ผมยังคงปากแข็ง ไม่อยากให้ใครต้องมารู้สึกเหมือนผม ไม่อยากให้ใครต้องมานั่งนับรอวันจากไปของผม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหายไปเงียบๆ ไม่มีคนรู้เลยยิ่งดี
“พี่โกหกใครได้ แต่พี่โกหกใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ โดยเฉพาะพี่วี แม้ว่าโบว์จะไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร แต่โบว์ดูออกว่าพี่เหนือไม่ต้องการให้ใครมารู้สึกแย่ไปกับตัวเอง เราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วนะพี่เหนือ มีอะไรก็บอกกันเถอะ อย่าปิดบังกันเลย...” คำพูดของโบว์ทำให้ผมน้ำตาคลอ ยิ่งคิดตามยิ่งรู้สึกแน่นหน้าอก เหมือนจะหายใจไม่ออกตามไปด้วย โบว์เข้ามากอดผมอย่างปลอบโยน ผมกอดโบว์ตอบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก และกลายเป็นว่าเราสองคนกอดกันร้องไห้อยู่นานสองนาน
.
.
.
อยากจะบอกว่ารัก....ฉันรักเธอ....
อยากจะบอกให้รู้...ให้เข้าใจ....
เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป....
ให้เธอจำคำคำนี้เอาไว้.....
.
.
.
“มาแล้วหรอลูก” เสียงแม่ของผมดังขึ้น เมื่อผมย่องเข้าไปในห้องครัว ซึ่งแม่ผมกำลังทำอาหารอยู่เลย ผมก็คว้าหมับเข้าที่เอวแม่แล้วหอมซ้ายหอมขวา
“เพิ่งมาถึงเองครับ หืมมม หอมฉุยเลย หิวแล้วอ่ะ” ผมอ้อนแม่ออกมา แม่ผมหันหน้ามาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“ไปล้างมือรอได้เลย ใกล้เสร็จแล้ว ว่าแต่ตาวีล่ะ จะมาถึงเมื่อไหร่? แล้วนี่เจอพ่อเค้าหรือยัง??”
“เดี๋ยวๆ นะครับ เอาทีละคำถาม พี่วีอาจจะมาไม่ทันครับ บอกว่าไม่ต้องรอ ยังติดงานที่บริษัทอยู่เลย ส่วนพ่อผมเจอแล้ว นั่งดูทีวีอยู่นู่น ไม่ได้สนใจลูกเลย” ผมบอกอย่างงอนๆ แม่ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู
“เราก็รู้นิสัยพ่อดีนี่ เจ้านั้นน่ะห่างหน้าจอได้ที่ไหน ไม่รู้ดูอะไรนักหนา สงสัยแม่ต้องยกทีวีไปขายแล้วล่ะ จะได้หันมาสนใจลูกกับเมียบ้าง” แม่ผมหยอกเล่นอย่างอารมณ์ดี
“อ่ะแฮ่ม! ได้ยินนะ” เสียงของพ่อผมพูดดังขึ้นจากด้านหลัง
“พ่อคงต้องคล้องโซ่ล็อกทีวีไว้แล้วล่ะครับ ไม่งั้นแม่เอาไปขายจริงๆ แน่” ผมบอกไปอย่างขำๆ พ่อผมเดินเข้ามาขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู
“หน้าดูซีดๆ นะ ไม่สบายหรือไง?” พ่อผมเอ่ยถามขึ้น ทำให้แม่รีบมาจับหน้าผมหันซ้ายหันขวาเพื่อเช็คอาการ
“จริงด้วย ไม่สบายหรือเปล่าลูก กินยาเลยนะ แม่มียาอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวแม่ไปเอามาให้” แม่ผมบอกแล้วทำท่าจะไปเอามาให้จริงๆ จนผมต้องกอดเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงนี้ผมคงนอนน้อยไปหน่อย ก็เลยมีซีดบ้างไรบ้าง” ผมบอกออกไป ไม่อยากให้ท่านทั้งสองเป็นห่วงมาก แม่กับพ่อเข้ามาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู จนผมอดไม่ได้ที่จะกอดท่านทั้งสองไปพร้อมกัน
“หืม? อ้อนเอาอะไร?” พ่อผมถามเสียงอ่อนโยน ลูบหัวผมไปด้วย น้ำตาผมคลอเลย แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้
“ผมแค่คิดถึงพ่อกับแม่เฉยๆ ขอกอดบ้างไม่ได้หรือไงครับ ตอนเด็กๆ ยังยอมให้ผมกอดเลย” ผมบอกเสียงงอนๆ เพื่อกลั้นอาการสะอึก
“กอดได้สิ จะตอนไหนก็กอดได้ตลอดแหละ ก็เราเป็นลูกแม่นี่นา” แม่ผมก็กอดผมตอบเช่นกัน
“เอาล่ะ เลิกอ้อนได้แล้ว แม่ต้มจืดไว้ดูสิ น้ำเดือดหมดแล้วนั่น” แม่ผมบอกแล้วรีบวิ่งไปปิดแก๊ส ผมกับพ่อก็หัวเราะขำ และบ้านผมก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมนั่งทานข้าวกับพ่อแม่จนอิ่ม วีคงมาไม่ทันจริงๆ เพราะจนผมทานข้าวเสร็จก็ยังไม่เห็นวี่แววเลย ผมนั่งนวดขาให้พ่ออย่างเอาใจ
“วันนี้มาแปลกจริงๆ นะเรา ไหนบอกพ่อมาสิ อยากได้อะไร?” พ่อผมพูดหยอก ผมส่ายหัวยิ้มๆ
“ผมก็แค่อยากทำอะไรให้พ่อกับแม่บ้าง ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกเหมือนไม่ได้ตอบแทนพ่อกับแม่เลยสักนิด รู้สึกเป็นลูกที่แย่จัง” ผมบอกออกไป น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาอีกแล้ว วันนี้ผมร้องไห้กี่รอบแล้วนะ
“ขอแค่เราเป็นคนดี สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้พ่อก็ดีใจแล้ว ถ้าวันไหนพ่อกับแม่ไม่อยู่ดูแลเราแล้วจะได้ไม่เป็นห่วงไง” พ่อผมบอกน้ำเสียงจริงจัง ผมยิ้มหวานให้พ่อ
“แล้วถ้าเกิด....ว่าผม....ไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่จนแก่เฒ่า พ่อกับแม่จะโกรธผมมั้ย?” ผมออกมาเสียงเบา พ่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ
“พ่อกับแม่ไม่โกรธเหนือหรอก พ่อรู้ว่าลูกของพ่อมีเหตุผล ที่ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร พ่อก็อยากให้เราอยู่กับพ่อแม่ไปจนกว่าจะแก่นั่นละนะ ฮ่าๆ” พ่อของผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ผมก็ยิ้มรับบางๆ
//เหนือขอโทษนะครับ เหนือคงอยู่ถึงวันนั้นไม่ได้ เวลาของเหนือบนโลกใบนี้มันกำลังจะหมดลงแล้ว...
ผมอ้อนพ่อกับแม่อยู่ที่บ้านอยู่นาน จนหลับไปทั้งๆ ที่นอนหนุนตักแม่อยู่ มันเพลียและเหนื่อยจากงานและการร้องไห้มาเกือบทั้งวัน
“อ้าว...วี มาแล้วหรอลูก ทานข้าวมาหรือยัง?” แม่ของเหนือพูดถามลูกเขยที่เพิ่งจะมาดึกดื่นตอนนี้
“เรียบร้อยแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาไม่ทันร่วมโต๊ะอาหาร” วีบอกอย่างสุภาพ แม่ของเหนือก็ไม่ได้พูดว่าอะไร
“เหนือลูก”
“เดี๋ยวครับ ไม่ต้องปลุกหรอก เดี๋ยวผมอุ้มเค้าขึ้นรถไปเองดีกว่า” วีพูดขัดแม่ของเหนือที่กำลังจะปลุกลูกชายตนเอง
“เอาอย่างงั้นหรอ? ก็ได้จ้ะ” แม่ของเหนือเดินออกมาเปิดประตูรถให้วีที่อุ้มเหนือออกมาจากบ้าน วีวางเหนือไว้ที่เบาะข้างคนขับช้าๆ จากนั้นก็ปิดประตูลง
“ยังไงผมจะหาโอกาสมาทานข้าวด้วยใหม่นะครับ วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ” วีพูดบอกพ่อกับแม่ของคนรัก
“ไม่เป็นไรหรอก พากันกลับไปพักเถอะ ดึกมากแล้ว” พ่อของเหนือพูดบอก พร้อมกับกอดเอวภรรยาตัวเองไว้ มองลูกเขยที่ขับรถพาลูกชายตัวเองกลับบ้าน
วีขับรถตรงกลับบ้าน ภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงของแอร์ที่ทำงานให้ได้ยินเป็นระยะ รถของเหนือวีจะให้คนมาเอาให้พรุ่งนี้ ท่ามกลางความเงียบกลับได้ยินเสียงสะอึกของคนข้างๆ จนวีต้องเอื้อมมือข้างหนึ่งมาลูบหัวของเหนือไปพลางๆ
“อื้อ....ฮึ่ก....แม่.....เหนือยังไม่อยากตาย......” เสียงพูดแผ่วเบาทำให้วีขมวดคิ้วนิดๆ
“เหนือ?” วีลองเรียกคนรักดู แต่กลายเป็นว่าคนรักของเขานั้นหลับสนิท ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแสดงว่ามันเป็นการละเมอ แล้วละเมอออกมาแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน วีขับรถมาจนถึงบ้านและอุ้มคนรักเข้าไปนอนที่ห้องนอนอย่างเบามือ วีไปอาบน้ำทำความสะอาดตัวเองและกลับมานอนข้างคนรัก ดึงตัวเหนือเข้ามากอดเอาไว้ เหนือก็ซุกอกแกร่งอย่างอบอุ่นใจ
“อืม....เหนือรักวีนะ....” เสียงละเมอที่ดังออกมา ทำให้วีเท้าหัวมองหน้าคนรักอย่างเอ็นดู ก้มลงจูบซับที่หน้าผากของเหนือช้าๆ
“วีก็รักเหนือเหมือนกัน.....” วีกระซิบบอกข้างหูคนรัก ทำให้เหนือยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่
.
.
.
หากไม่มีฉันสักคน ใครจะปลุกเธอตอนเช้า....จากหลับใหล
ใครจะพาเข้านอนยามที่อ่อนล้า...โอ้ว...ใคร....
.
.
.
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
เสียงนกยามเช้าทำให้เหนือลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เหนือมองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตนนั้นกลับมานอนที่บ้านตามเดิมแล้ว และก็คงไม่ใช่ใครที่มารับเขานอกจากวี
“นอนต่ออีกหน่อยสิ” เสียงพูดขึ้นเมื่อเหนือเริ่มขยับตัว
“อือออ ไม่ไปทำงานหรอวี??” เหนือถามออกมาอย่างสงสัย วียังไม่ลืมตาแต่กอดคนรักเอาไว้แน่น
“ไม่ไป ขี้เกียจ” วีพูดออกมาพร้อมกับนอนต่อ เหนือเลยแกล้งหยิบเข้าที่หัวนมของวีอย่างหมั่นไส้
“โอ๊ยยย บิดของเค้าทำไมเนี่ย?” วีถามงอแง เหนือหัวเราะขำ
“แล้ววีคิดจะโดดงานทำไมล่ะ?” เหนือถามออกไป วีลงโทษเหนือด้วยการหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่
“วีเคลียงานเพื่อจะได้อยู่กับเหนือต่างหาก เหนืออยากไปไหน สามวันนี้วีจะพาไปเต็มที่เลย” วีบอกออกมา เหนือยกยิ้มอย่างดีใจ
“จริงนะ ไม่ใช่ว่าพาเหนือไปแล้วโดนเลขาโทรตามให้กลับมาประชุม ไม่เอานะ” เหนือตอบกลับ วีเหล่ตามองคนรัก
“ไม่มีหรอกน่า อยากไปไหนล่ะ?” วีถามออกมา เหนือทำหน้าครุ่นคิด
“ไม่รู้อ่ะ ปกติที่เราอยู่นี่ก็มีแต่สถานที่เที่ยว ผ่านทุกวันเที่ยวทุกวันเลยไม่รู้จะไปไหน” เหนือตอบกลับ วีมองหน้าคนรักนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มกระหยิ่มในใจ
“งั้นวันนี้เรานอนเล่นกันบนเตียงดีกว่าเนาะ เหนือ....วีอยากมีไอ้ตัวเล็กอ่ะ” คนรักกระซิบอ้อน จนเหนือหน้าร้อนวูบ ฟาดฝ่ามือเล็กใส่อกแกร่งไปหนึ่งที
“บ้าหรอวี เหนือท้องได้ที่ไหนเล่า” เหนือบอกออกมา วียังคงยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ดี
“ท้องไม่ได้ แต่วีปั๊มลูกได้นะ” วีบอกออกมาเสียงหื่น เหนือหน้าแดงเบือนหน้าหนีด้วยความเขิน
“อย่ะ อย่าทำแรงนะ....” เหนือบอกออกมา วียิ้มร่า ก่อนจะพลิกกายคร่อมทับตัวของเหนือเอาไว้ วีค่อยๆ ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ไอร้อนของปากที่สัมผัสโดนกันมันทำให้เหนือรู้สึกดีสุดๆ วีขบเม้มปากบนร่าง ก่อนจะสอดลิ้นแทรกเข้าไปภายในโพรงปากของร่างบาง เหนือเองก็ตอบรับได้อย่างดี
จุ๊บ....จุ๊บ...จุ๊บ
วีดูดดุนดันลิ้นร้อนของเหนืออย่างเบา ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเมื่อเหนือเองก็ตอบสนองกลับเช่นกัน เหนือรู้สึกถึงมือหนาที่เลื้อยมาบีบเคล้นสะโพกของตน
“อื้อออออ อืออออ อืมมมมม ฮา..........”
วีผละริมฝีปากออก ก่อนจะเป็นฝ่ายก้มลงไปซุกไซร้ซอกคอของเหนือ อารมณ์ในตอนเช้า ผู้ชายเท่านั้นที่รู้ว่ามันขึ้นง่ายแค่ไหน
“อื้อ.....วี.....”
เหนือครางเรียกเสียงเบา สองขาเกี่ยวเอวของร่างสูงไว้อย่างยั่วยวน วียกมือขึ้นมาบีบสะโพกของเหนือไปด้วยเช่นกัน วีดูดเม้มที่ซอกคอขาวของเหนือจนเป็นรอย ก่อนจะผละหน้าออกมามองคนรักด้วยสายตาที่ต้องการ วียันตัวลุกขึ้นถอดเสื้อของตัวเองออก และจับชายเสื้อของเหนือถอดออกเช่นกัน วีก้มลงไปแลกจูบดูดปากกับเหนืออีกครั้ง เหนือเองก็ขย้ำหัวทุยของวีอย่างได้อารมณ์ แม้จะรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองจะเหนื่อยง่ายกว่าเดิมมาก แต่เขาก็จะทำให้เป็นปกติ
“อื้อ.....วี........อา...............” มือหนายกขึ้นมาลูบไล้แผ่นหลังของเหนือผ่านเนื้อผ้า ก่อนจะเลื้อยเข้ามาด้านหน้าแล้วสะกิดที่ยอดอกเล็กของเหนือทั้งสองข้างจนมันเริ่มแข็งขื่นขึ้นมา เหนือจับหัวทุยของวีให้ก้มลงไปเลียยอดอกของตน พร้อมกับแอ่นอกรับสัมผัสนั้นไปด้วย สัมผัสที่ไม่รุนแรง มันค่อยๆ เริ่มช้าๆ อย่างยียวนอารมณ์
วีดูดดึงยอดอกของเหนือเบาๆ พร้อมกับละเลงลิ้นเลียวนรอบๆ จนเหนือขยุ้มหัวร่างโปร่งด้วยความเสียว
“อือ........อา........วี......ซี๊ดดดดดด”
แผล่บ แผล่บ แผล่บ
ลิ้นร้อนที่เลียวนไปมาทำให้เหนือจั๊กจี้บ้างเป็นพักๆ ก่อนที่เหนือจะจับหัวของวีให้เงยขึ้นแล้วประกบจูบอีกครั้ง แทรกลิ้นเข้าไปตวัดเกี่ยวชิมกันอย่างหนำใจ วีดูดเม้มไปตามเรียวหน้าเหนืออย่างโคตรรัก ก่อนจะไล่เลียตั้งแต่คอจนลงมาต่ำถึงหน้าท้องที่ผอมบางจนแทบเห็นซี่โครง ท้องที่ขยับตามแรงสัมผัสและเสียงลมหายใจของเหนือเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากการถูกวีสัมผัส มันยิ่งเพิ่มอารมณ์ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี วีถอดเสื้อผ้าของตัวเองและคนใต้ร่างออกจนหมด สองร่างกายก็กอดฟัดกันแน่นทันที
“ซี๊ดดดดดดอา........วี.... อืออออออออ”
เสียงครางของเหนือดังออกมาเป็นระยะ วีมองแก่นกายเล็กตรงหน้าก่อนจะใช้ลิ้นร้อนของตัวเองเลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายและละเลงลงบนหัวของแก่นกายเล็กเบาๆ
“อา............อืมมมมมมมมมม” เสียงครางยิ่งทำให้วีได้ใจ วีสาวรูดมือไปด้วยพร้อมกับครอบปากลงบนหัวของแก่นกายเล็กแล้วดูดแรงๆ จนเหนือจิกกำผ้าปูที่นอนไปพร้อมกับความเสียว
วีสาวแก่นกายเล็กขึ้นลงด้วยปากของตัวเอง มือของวีอีกข้างก็เอื้อมไปสาวรูดแก่นกายของตัวเองที่เริ่มแข็งขื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“อา.......อึ่ก.........วี......มันเสียว......อื้อ.........”
วีพลิกตัวให้เหนือขึ้นมานั่งคร่อมทับแท่งร้อนของตน เหนือหน้าแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ ร่างโปร่งกดสะโพกลงบนแท่งร้อนแล้วออกแรงบดเบียดไปมาให้ได้เสียวเล่น
“อือ เหนือ....อยากเข้าไปแล้ว อา.........”
“อื้อ เดี๋ยวสิ...........”
เหนือพูดบอกพร้อมกับก้มหน้าลงไปจูบกับวีดูดดุนลิ้นของวีออกมาแล้วขมกัดอย่างหยอกล้อ สะโพกก็ยังขับเคลื่อนเบียดแท่งเนื้อร้อนของวีไปด้วย มือหนาของวีเอื้อมไปจับที่แก่นกายของเหนือพร้อมกับสาวรูด ทำให้เหนือเผลอเด้งสะโพกรับสัมผัสของวีไปด้วยและยังกดทับร่องสะโพกกับแท่งร้อนของวีเช่นกัน
“ซี๊ดดดดด อา.....วี..........อูวววววว”
“อึ่ก เหนือ...........โอววววว”
เหนือยกสะโพกขึ้นนิดๆ ก่อนจะจับแท่งร้อนของวีให้จ่อที่ช่องทางรักของตนเอง แล้วค่อยๆ กดทับมันช้าๆ จนมิดลำ
“อา....................................”
“อือ เหนือ...........อึ่ก.........”
เหนือกดสะโพกแช่เอาไว้เพื่อให้ร่างกายตัวเองได้ปรับตัว วียกมือขึ้นมาละเลงที่ยอดอกของเหนือไปด้วย ยิ่งทำให้ร่างโปร่งต้องเชิดหน้าครางด้วยความเสียว
“อ่า วี.......อื้อ ซี๊ดดดดดด”
“เหนือ.......อึ่ก ข้างในตัวเรามันร้อนมากเลย..........อา..............”
เหนือยันหน้าท้องแกร่งของวีเอาไว้ แล้วยกตัวขึ้นช้าๆ จนเกือบหลุดออกจากกัน จากนั้นก็กดทับลงมาใหม่ เหนือยกสะโพกขึ้นลงช้าๆ อยู่สักพักก็เริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เพราะรู้สึกถึงแท่งเนื้อที่อยู่ภายในตัวมันกำลังกระตุกตุบตับ
ปั่บ ปั่บ ปั่บ
“อา เหนือ.......ซี๊ดดดดด อืมมมมมมมม”
“อ่า อ่า อ่า อือออออ”
มือหนาของวีเอื้อมมมารูดสาวแก่นกายเล็กของคนรักไปพร้อมๆ กัน มันยิ่งทำให้เหนือโยกสะโพกเร็วยิ่งขึ้น
ปั่บ ปั่บ ปั่บ
เสียงสะโพกที่กระทบกับหน้าขาของวีดังออกมาเรื่อยๆ เหนือขย่มสักพักจนเหนื่อยวีก็เป็นฝ่ายจับเหนือนอนหงายลงไปอยู่ใต้ร่างแทน วีจับขาเรียวเกี่ยวเอวสอบของตัวเองไว้ ก่อนจะกดอัดแท่งร้อนเข้ามาในช่องทางรักของเหนือช้าๆ
“อา........วี........อืออออออออ”
“จุ๊บ........เจ็บมั้ย???”
วีก้มหน้าลงมาจุ๊บปากของเหนือแล้วถามขึ้น เหนือส่ายหัวไปมาพร้อมกับรั้งคอของคนตรงหน้าลงมากอดไว้ วีกดแท่งร้อนเข้ามาช้าๆ ก่อนจะดึงออกจนเกือบสุดแล้วกดแทรกเข้ามาใหม่ มันช้าจนเหนือรู้สึกเสียวแบบทรมาน
“อ่า อ่า อือ เสียวจัง อา..........”
“อื้อ....ซี๊ดดดดด เหนือ........อา...........”
วีดันแท่งร้อนใส่คนใต้ร่างไม่แรงแต่ลึก.... ลึกจนเหนือเชิดหน้าอ้าปากค้าง มือบางจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของวีแน่น จิกจนร่างสูงเบ้หน้านิดๆ พร้อมกับดันสะโพกเข้าออกช้าๆ แต่ขึ้นเกือบสุดและลงมิดทุกครั้งที่ดันเข้ามาจนตัวของเหนือเริ่มสั่นไหวไปด้วย
“อ่า อ่า อ่า โอววววว อืมมมมมมม”
“แฮ่กๆ ซี๊ดอา..........ฮึ่มมมมมม”
วีก้มลงไปหยอกล้อเล่นที่ยอดอกของเหนือ แต่สะโพกสอบก็ยังคงอัดเข้าออกอยู่เรื่อยๆ เหนือยกมือขึ้นขยุ้มหัวทุยวีจนมันยุ่งเหยิงไปหมด วีผละหน้าขึ้นมามองคนรัก พร้อมกับขยับสะโพกอัดแท่งร้อนใส่ช่องทางรักของเหนือเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหนือยกมือขึ้นมาลูบหน้าหล่อๆ ของมวีที่อยู่เบื้องหน้า น้ำตาคลอขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นสีหน้าคนรักแบบชัดๆ
“แฮ่กๆ อา.......อือ วี อ๊า อ๊า อ๊า”
“ซี๊ดดดด อา.......อึ่ก จะไม่ไหวแล้ว ฮึ่มมมมมม”
พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ
วีอัดสะโพกรัวใส่เหนือแรงขึ้นจนเหนือครางเสียงหวานออกมาด้วยความเสียว ยิ่งเสียงหอบหายใจจากการขยับร่างกายบนตัวของเหนือมันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของคนใต้ร่างได้ดี เหนือคล้องมือโอบรอบคอของวีที่ขยับสะโพกอัดใส่ช่องทางรักของตัวเองไว้แน่น อยากจะกอดไว้แบบนี้ไม่อยากปล่อยไปไหน อยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ
“อา........เหนือ.........จะไปแล้ว........ซี๊ดดดดอา.........”
“อึ่ก.........อื้อ เหมือนกัน.......อา.......”
พั่บ พั่บ พั่บ
เสียงหน้าขากระทบสะโพกเหนืออยู่สักพัก วีก็ถอนแท่งร้อนออกมาก่อนจะสาวรูดน้ำขุ่นสีขาวใส่ที่หน้าท้องของเหนือ ส่วนเหนือก็เอื้อมมือไปจับแก่นกายของตัวเองแล้วสาวรูดมันแรงๆ เพื่อให้ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน
“ซี๊ดดดดดดอา................/ซี๊ดดดอื้ออออ”
เหนือกับวีปล่อยออกจนเลอะเต็มหน้าท้องของคนรัก วีฟุบตัวลงใส่เหนืออย่างไม่กลัวเปื้อนพร้อมกับหายใจหอบอย่างรุนแรง เหนือเองก็หายใจหอบด้วยความเหนื่อยเช่นกัน วีไม่อยากปล่อยในเพราะกลัวคนรักจะไม่สบายตัว
“แฮ่กๆ วี.......” เหนือเรียกคนรักเสียงเบา วีผละหน้าขึ้นมามองเหนือนิดๆ ก่อนที่เหนือจะยกหัวขึ้นไปจุ๊บที่ปากของวีเบาๆ
จุ๊บ!
“เดี๋ยวนี้อ้อนจังเลยนะ” วีบอกผมอย่างเอ็นดู
“อ้อนแล้วรักเปล่าละ??” เหนือถามออกไป เหนือรู้สึกเหมือนร่างกายจะเหนื่อยมากเป็นพิเศษเลย เพราะรู้สึกหายใจแรงมากกว่าปกติ วีมองหน้าเหนือยิ้มๆ
“ไม่รักก็บ้าแล้ว...” แล้วทั้งคู่ก็นอนกอดกันจนหมดไปเป็นวันๆ
.
.
เช้าวันต่อมา
ผมลุกออกจากเตียงแล้วตรงไปที่ห้องครัว ผมค้นเอาถุงยาออกมาเปิดยากิน ตาก็มองซ้ายมองขวากลัวว่าวีจะลุกขึ้นมาเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมยัดยาจำนวนมากใส่ปาก แล้วยกน้ำขึ้นดื่มตาม มันกลืนลงคออย่างยากลำบาก ผมหายใจหอบนิดๆ เมื่อกลืนยาลงไปหมดแล้ว
“เหนือทำอะไร?” เสียงทักขึ้น ทำให้ผมสะดุ้งจนเผลอปัดถุงยาล่วง ผมรีบลงไปคว้ามันขึ้นมาซ่อนไว้ด้านหลัง วีเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง??” วีถามออกมาอย่างสงสัย ผมเปิดลิ้นชักโดยไม่ได้หันไปมองพร้อมกับยัดถุงยาแล้วปิดเก็บ ก่อนจะยกมือขึ้นมาทั้งสองข้างให้วีดู
“ไม่มีอะไรสักหน่อย เหนือแค่หิวน้ำก็เลยมาหาน้ำกิน ทำไมวีต้องจับผิดเหนือด้วยเล่า” ผมบอกไปอย่างเบี่ยงประเด็น
“วีไม่ได้จับผิดเหนือสักหน่อย แค่ถามเฉยๆ วันนี้อยากไปไหน?” วีถามพร้อมกับรั้งเอวผมเข้าไปกอด
“อืม........อยากไปวัดอ่ะ ไปถวายสังฆทานกันนะ” ผมบอกออกไป วียกยิ้มพร้อมกับกดจมูกโด่งใส่แก้มผมดังฟอด
“โอเค งั้นไปเตรียมตัวเถอะ” ผมรีบพยักหน้ารับ แต่ผมไม่ได้คิดจะไปเตรียมตัวคนเดียวหรอกนะ ผมจับมือของวีให้เดินตามผมมาด้วย กลัวว่าวีจะแอบไปเปิดลิ้นชักดูว่าผมซ่อนอะไรไว้
.
.
วัด
“เจริญพรนะโยม...” เสียงของหลวงพ่อพูดบอกหลังจากจบบทสวดในการถวาย หลวงพ่อมองหน้าผมไม่วางตา
“หลวงพ่อมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?” ผมถามออกไปอย่างสงสัย วีก็มองหน้าผมกับหลวงพ่อสลับกันไปมา
“เกิดแก่เจ็บตายมันเป็นเรื่องธรรมชาตินะโยม มีพบก็ต้องมีจาก จะช้าหรือเร็วทุกคนก็ต้องถึงเวลานั้น ก่อนจะไปไม่ควรจะมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ จะได้หมดทุกข์หมดโศก...” คำพูดของหลวงพ่อเล่นเอาผมสะอึก
“หลวงพ่อหมายความว่ายังไงกันครับ?” วีถามออกมาอย่างสงสัย ผมรู้สึกสั่นขึ้นมาทันที
“วี....เอ่อ....ออกไปเดินเล่นกันเถอะ” ผมรีบพูดขัดขึ้นมา เพราะยังไม่อยากให้วีรู้อะไร วียังทำหน้าเหมือนค้างคาใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมจึงกราบลาและออกมาเดินเล่นกันข้างนอกกัน เราเดินเรียบไปตามริมแม่น้ำ ซึ่งวีนั้นซื้อขนมมาให้ปลาด้วย พอผมโยนลงไปปลาก็แย่งกันกินใหญ่เลย ทั้งปลาทั้งนกที่บินว่อนไปมา ทำให้ผมรู้สึกเหมือนปล่อยวางได้ชั่วขณะ
“เมื่อกี้หลวงพ่อพูดอะไร วียังค้างคาอยู่เลยนะ” วีว่าออกมา มือก็โยนอาหารปลาลงไปในน้ำ
“ท่านแค่สอนเราเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกเพราะไม่อยากให้วีคิดมาก บรรยากาศที่เงียบๆ ลมพัดอ่อนๆ ที่กระทบใบหน้าทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย
“เหนือ เราไปอยู่อเมริกากันมั้ย?” คำพูดของวีทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ
“ไม่เอาอ่ะ เหนืออยากอยู่ที่นี่มากกว่า” ผมบอกกลับไป
“วีก็คิดไว้แล้วว่าเหนือต้องตอบแบบนี้...” วียิ้มหวานพร้อมกับเข้ามากอดเอวบางไว้หลวมๆ
“ทำไมวีถึงถามเหนือแบบนี้ล่ะ? วีจำเป็นต้องไปที่นั่นหรอ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย มือก็ยังโยนพวกขนมลงไปในแม่น้ำ
“อืม....พ่อของวีกำลังจะขยายบริษัทที่นู่น เลยอยากให้วีไปช่วยดูแล แต่ถ้าเหนือไม่อยากไป วีก็จะไม่ไป”
“เป็นเพราะเหนือหรือเปล่า วีถึงไม่ไป งานจะเสียเอาได้นะ”
“ไม่หรอก วีอยากอยู่กับเหนือมากกว่า ไว้วีจะคุยกับพ่อขอให้ท่านไปดูแลที่นู่นแล้ววีจะรับผิดชอบที่นี่ละกัน”
“รู้สึกลำบากใจจัง เราจะไปก็ได้นะ แต่เหนืออยากให้ผ่านพ้นช่วงสองเดือนนี้ไปก่อน ถึงตอนนั้น...เหนือจะไปกับวีทุกที่เลย” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าวีที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่ รอยยิ้มของวีทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“แน่นอนอยู่แล้ว เหนืออยู่ที่ไหน วีก็ต้องอยู่ที่นั่น”
แปล๊บ!
ปวดใจจัง...ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย ผมสมควรจะมีความสุขกับประโยคพวกนี้สิ แต่ทำไมน้ำตาของผมมันถึงไหลออกมานะ
“เหนือ ร้องไห้ทำไม??” วีถามผมอย่างตกใจ จับหน้าของผมให้หันไปมองหน้าวี ผมก็เข้าซุกอกแกร่งทันที
“ฮึ่ก เหนือแค่ดีใจ วีต้องสัญญากับเหนือนะ ว่าจะอยู่กับเหนือจนวินาทีสุดท้าย...” ผมขอร้องอย่างเห็นแก่ตัว วีกอดผมตอบเช่นกัน
“แน่นอนอยู่แล้วสิ วีจะอยู่กับเหนือตลอดไป...”
พอได้ยินอย่างนั้นบ่อน้ำตาของผมยิ่งแตก...มันพลั่งพลูออกมามากมายราวกับว่าจะไม่หยุดไหลง่ายๆ ผมยืนกอดวีอยู่นานสองนาน ร้องไห้ออกมาจนไม่มีน้ำตาให้ไหล วีเลยพาผมกลับบ้านเพื่อพักผ่อน เพราะหน้าผมดูซีดๆ คืนนั้นหลังจากวีหลับแล้ว ผมก็ยังคงนอนจ้องหน้าวีอยู่ไม่วางตา ผมไม่อยากจะนอน เพราะอีกไม่นานผมก็ต้องนอนแบบไม่ตื่นขึ้นมา วันนี้ผมจึงกลัว กลัวว่าถ้าหลับตาลงแล้ว ผมจะไม่ได้เห็นหน้าคนที่ผมรักอีก....
ผมลุกขึ้นไปหยิบไดอารี่เล่มที่ผมเขียนประจำมาวางที่โต๊ะข้างเตียง ผมลงมือเขียนเรื่องราวที่อยากบอกวีลงไปทั้งหมด ผมเริ่มเขียนมันตั้งแต่วันที่ผมรู้ว่าผมจะอยู่ได้อีกไม่นาน ผมจะวางไดอารี่เล่มนี้ไว้ข้างตัวในวันที่ผมจากไป หวังว่าวีจะได้อ่านและมีชีวิตต่อไป...
.
.
หากวันหนึ่งฉันหลบไหล
หากวันหนึ่งฉันต้องจากไปแสนไกล
หากวันหนึ่งฉันไม่อาจคืนย้อนมาได้ใหม่
หากฉันตาย...
.
.
สองเดือนผ่านมา
“อึ่ก!” ร่างกายของผมย่ำแย่มากขึ้นทุกที วันนี้มาที่ร้านตามปกติ ผมพยายามเก็บอาการทุกครั้งที่อยู่กับวี แม้ว่าบางทีผมจะแย่มากก็ตามที
“พี่เหนือ....พี่นั่งพักก่อนนะ” โบว์รีบเข้ามาประคองผมให้นั่งลงที่โต๊ะ
“พี่ไม่เป็นไร” ผมบอกเสียงเบา แม้จะรู้ดีว่าร่างกายของตัวเองตอนนี้ไม่เป็นไรคงไม่ใช่ อาการมันสาหัสเต็มที
“พี่เหนือ พี่ยังไม่ได้บอกพี่วีอีกหรอ?” โบว์ถามออกมาอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหน้าไปมา ยิ่งคิดถึงหน้าคนรักพานจะร้องไห้ทุกทีเลย ตอนนี้ผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ทุกอย่างที่เป็นของของ ผมคนเดียว ผมก็ยกให้พี่วีหมด และประกันที่เป็นชื่อผมอีกหลายตัวผมก็ยกให้พ่อกับแม่ สมบัติทุกอย่างที่ผมมีผมยกให้คนที่ผมรักหมดทั้งสิ้น
“โบว์....ถ้าพี่ไม่อยู่ เราต้องดูแลร้านนี้ให้ดีนะ พี่ไม่ขายหรอก วีจะเข้ามาดูแลร้านแทนพี่ โบว์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมบอกน้องสาวอย่างสั่งเสีย โบว์น้ำตาตกคุกเข่าลงตรงหน้าของผม ส่ายหัวไปมาเหมือนไม่อยากให้ผมไป จับมือผมไว้แน่น ตอนนี้คนในร้านไม่ค่อยมีเท่าไหร่ จึงทำให้เราสองคนมีเวลาคุยกัน
“ไม่เอาพี่เหนือ...ฮึ่ก โบว์ไม่อยากได้แบบนั้น พี่เหนือไปหาหมอนะ เราไปรักษากัน พี่เหนือจะได้หายไง” โบว์บอกผมอย่างไม่ยอมแพ้ น้ำตาผมไหลลงมามองหน้าน้องสาวที่แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็รักไม่น้อยกว่าใคร
“พี่รู้ตัวเองดีโบว์ หมอบอกว่าเวลาของพี่ใกล้หมดแล้ว... ขอให้พี่อยู่แบบนี้เถอะ อยู่กับคนที่พี่รักจนวันสุดท้าย เราก็เช่นกัน...” ผมบอกเสียงสั่น โบว์ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ฮึ่ก.....ฮืออออ ไม่เอา......พี่เหนือต้องไม่เป็นอะไร..ฮืออออ”
“อย่าร้องไห้สิ ร้องมากๆ จะไม่สวยเอานะ” ผมบอกอย่างปลอบโยน ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด สงบที่สุด
“โบว์.......ถ้าถึงเวลา ช่วยบอกให้วีพาพี่กลับมาที่ร้านนี้ทีนะ ให้นั่งอยู่ตรงนี้ ดูพระอาทิตย์ขึ้นไปพร้อมๆ กัน” ผมบอกแล้วหันหน้าไปมองพระอาทิตย์ซึ่งตอนนี้มันกำลังจะตกดินต่างหาก... ขออีกนิดได้มั้ย... ขอเวลาให้ผมอีกสักนิด
.
.
.
ด้านวี
ร่างสูงซื้อของมามากมาย เพราะวันนี้เขานั้นอยากจะโชว์ฝีมือด้วยการทำกับข้าวให้คนรักทาน ก่อนที่เหนือจะกลับมา วีจัดการของทุกอย่างแล้วเริ่มลงมือทำทันที ของแต่ละอย่างเป็นของโปรดของเหนือทั้งนั้น ไม่รู้อะไรดลใจ แต่วีอยากจะทำให้เหนือมีความสุขทุกๆ วัน
“เอ.....ตะแกรงอยู่ไหนนะ??” วีหมุนซ้ายหมุนขวา หาตะแกงรองหม้อ เปิดตู้ด้านบนด้านล่าง ก่อนจะดึงลิ้นชักออกมา ทำให้วีเห็นถุงยาบางอย่างมันอัดแน่นอยู่ในลิ้นชัก ร่างสูงหยิบขึ้นมาดู เพราะมุมนี้มันไม่ใช่ที่สำหรับไว้ถุงยาสักหน่อย
“ของเหนือหรอ??’ วีพูดงึมงำ หยิบยาในถุงออกมาดูด้านหลัง ทันทีที่เห็นรายละเอียดยาที่ระบุไว้มากมาย วีก็เหมือนหยุดหายใจไปเพียงครู่หนึ่ง... ร่างกายชาทั้งตัว ไม่มีเสียงพูดใดๆ หลุดรอดออกมาจากปากของร่างสูง
“นะ..นี่มัน.......” วีคว้าถุงยาที่มีออกจากบ้าน ร่างสูงคว้ากุญแจรถของตนแล้วขับออกจากบ้านโดยที่บ้านนั้นยังไม่ได้ปิดด้วยซ้ำ
“ไม่...ไม่จริง....” วีพึมพำตลอดทาง เท้าหนาเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดเพื่อตรงไปหาคนที่รักให้เร็วที่สุด
.
.
“พี่เหนือ โบว์ต้องกลับแล้วนะ พี่เหนือให้โบว์ไปส่งก่อนมั้ย” โบว์ถามขึ้นเมื่อปิดร้านเสร็จแล้ว หญิงสาวดวงตาแดงก่ำ เหนือเองก็เช่นกัน เหนือนั่งอยู่หน้าร้านมองทะเลยามค่ำคืน ทุกๆ อย่างมันเงียบจนได้ยินเสียงคลื่นทะเลชัดเจน
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขออยู่อีกแป๊บนึง เดี๋ยวก็กลับแล้วละ” เหนือบอกอย่างเกรงใจ
“แต่.....”
“ปล่อยพี่เถอะนะ ให้พี่ได้ทำอะไรที่อยากทำ” เหนือพูดขัดขึ้นก่อน โบว์พยักหน้าทั้งๆ น้ำตาที่คลอเบ้า ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวออกจากร้านไป เหนือนั่งรับลมที่ปะทะใส่หน้าอย่างสดชื่น
“เฮ้อ............” เสียงถอนหายใจยาว เหนือมองท้องฟ้ายามค่ำคืน มันไม่ค่อยจะเห็นดาวสักเท่าไหร่
“จะมีพายุหรือไงกันนะ...” เหนือพูดพึมพำ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยวางทุกอย่างชั่วคราว
.
.
แสงไฟรถที่สาดส่องเข้ามาทำให้เหนือลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นรถคุ้นตาเข้ามาจอดที่หน้าร้าน
“วี.....” เหนือเรียกชื่อคนรักออกมาเมื่อวีเดินลิ่วๆ ตรงเข้ามาหาเค้า พร้อมกับถุงบางอย่างในมือ
“เหนือ....” เสียงพูดเรียบนิ่งทำให้เหนือแอบหวั่นใจ เหนือลุกขึ้นยืนมองวีที่เดินเข้ามาหาตน
พรึ่บ!
ทันทีที่ร่างสูงถึงตัวก็กระชากเหนือเข้าไปในอ้อมกอด ร่างสูงตัวสั่นจนเหนือรู้สึกได้
“วี....วีเป็นอะไร?” เหนือถามออกมาเสียงเบา ลูบหลังคนรักอย่างปลอบโยน
“ฮึ่ก...เหนือ....ทำไมมีอะไรถึงไม่บอกกัน....ทำไมเหนือถึงไม่พูด....รู้มั้ย...ว่าตอนนี้วีรู้สึกเหมือนจะขาดใจอยู่แล้ว....” เสียงของวีสั่นอย่างน่าสงสาร เหนือน้ำตาไหลพรากเมื่อรู้ว่าคนรักเป็นอะไร
“เหนือขอโทษ....เหนือไม่อยากให้วีรู้... เหนือไม่อยากให้วีเสียใจ....วีปล่อยเหนือไปเถอะนะ” เหนือบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ไม่! วีจะไม่ยอม....เราไปรักษากันนะเหนือ วีจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาเหนือเอง เหนือจะต้องอยู่กับวี เหนือจะทิ้งวีไปไม่ได้ ฮือ......” วีผละหน้าออกมาพูดบอกคนรัก ก่อนที่ชายมาดแมนอย่างวีจะร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจ ใครจะทนไหวเมื่อรู้ว่าคนที่รักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน เหนือส่ายหน้าไปมา
“มันไม่ทันแล้ววี... ตอนนี้ที่เหนือทำได้คืออยู่กับวี เราใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเถอะนะ”
“ฮึ่ก...ฮืออออ....อย่าทิ้งกันไปเลยเหนือ.... วีอยู่ไม่ได้ถ้าเหนือไม่อยู่ด้วย วีรักเหนือได้ยินมั้ย วีรักเหนือ!!” วีตะคอกเสียงดังลั่น เหนือน้ำตาไหลพราก ร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นกัน
“เหนือรู้.....ฮึ่ก...แต่เวลาของเหนือกำลังจะหมดลงแล้ว....วีต้องอยู่ต่อไป... สัญญากับเหนือสิว่าวีต้องอยู่ต่อไป......” เหนือจับมือคนรักขึ้นมากุมเอาไว้ วีหายใจออกมาทางปากพยายามระบายอารมณ์เพื่อสงบสติที่กำลังจะแตกกระเจิง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างสุดจะทน ก่อนจะกลับมามองหน้าคนรักแล้วกระชากเข้ามากอดไว้แนบแน่น
“ได้โปรดเถอะเหนือ เรามาพยายามกันเถอะนะ ครั้งสุดท้าย... ขอให้วีได้ทำ... ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเหนือจะไป วีจะไม่รั้ง... แต่ขอให้วีได้ทำ... วีขอร้อง....” วีกระซิบบอกเสียงเบา จูบซับหัวทุยอย่างรักอย่างหวง เหนือกอดคนรักตอบเช่นกัน ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจซะตรงนั้น...
อย่ารอที่จะบอกรัก บางทีคุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณรักจะอยู่กับคุณได้นานแค่ไหน บางทีวันนี้หรือพรุ่งนี้ เราอาจจะต้องจากกันแล้วก็ได้... หรือบางที อีกไม่กี่วินาที ก็ต้องปล่อยมือกันโดยที่ยังไม่ทันได้ล่ำลา...
.
.
อยากจะบอกว่ารัก....ฉันรักเธอ....
อยากจะบอกให้รู้...ให้เข้าใจ....
เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป....
ให้เธอจำคำคำนี้เอาไว้..... ว่าฉันรักเธอ....
.
.
เหนือถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยคุณหมอชั้นเยี่ยมที่มากมายประสบการณ์เข้ารับเคสนี้ไว้ เพราะการขอร้องของวี ไม่ว่าจะแลกด้วยเงินทองมากมายแค่ไหน ขอแค่ช่วยรักษาคนรักของเขาให้หาย... แต่ใครจะรู้...ว่าบางทีต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหน ถ้าคนต้องไป... อะไรก็คงไม่สามารถรั้งไว้ได้อยู่ดี
“คุณหมอครับ ได้โปรดรักษาคนรักของผมด้วยนะครับ ผมยอมทุกอย่างที่คุณหมออยากได้ จะเงินจะทองมีอะไรผมยกให้หมอหมด แต่ขอร้อง ช่วยรักษาเค้าให้หายทีเถอะ” วีนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหมอ ทันทีที่ส่งตัวคนรักมาที่นี่ หมอต้องรีบเข้ามาจับตัวของวีให้ลุกขึ้น เพราะไม่อยากให้วีทำแบบนี้
“หมอจะช่วยอย่างสุดความสามารถนะครับ ตอนนี้หมออยากให้คุณอยู่ข้างคนรักตลอดเวลา คอยให้กำลังใจเค้า อาจจะมีปาฏิหาริย์ที่จะช่วยให้เค้าอยู่กับเราต่อไป” หมอบอกออกมา ตอนนี้อาการของเหนือมันเกินจะเยียวยาแล้ว ได้แต่พึ่งปาฏิหาริย์ที่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่า...
วีได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ร่างสูงเดินกลับมาที่ห้องพักของคนรัก วียกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าตนเองเพราะไม่อยากให้คนรักรู้ว่าร้องไห้มา ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปหาคนรัก
“มาแล้วหรอ.....” เสียงที่ถามขึ้นเริ่มแหบแห้งลงทุกที หน้าตาของคนรักซีดเซียวจนไม่มีเลือดฝาด วีเดินเข้าไปใกล้เหนือก้มลงจูบซับที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
“วันนี้รู้สึกยังไงบ้าง...” วีถามคนรักอย่างเป็นห่วง เหนือยิ้มให้บางๆ
“วันนี้ดีกว่าเมื่อวานอีก เหนือคิดว่าถ้าดีขึ้นอย่างนี้ทุกวัน เหนือคงอยู่กับวีไปได้อีกนาน....” เหนือบอกคนรักอย่างแจ่มใส แต่ไม่ว่าจะยิ้มยังไง มันก็ดูออกอยู่ดีว่าเหนือกำลังโกหกเขาอยู่ วีน้ำตาคลอยกสองมือขึ้นประคองหน้าคนรักเอาไว้
“เหนือจะต้องหาย... เหนือจะต้องอยู่กับวี...” คำพูดที่เปรียบเสมือนคำสั่งนั้นทำให้เหนือยิ้มรับ
“เหนือจะอยู่กับวีแน่นอน... วีไม่ต้องกลัวนะ เหนือไม่ทิ้งวีหรอก...” ร่างบางบอกด้วยรอยยิ้ม วีพยักหน้ารับ
เขาใช้เวลาอยู่กับคนรักแทบจะไม่กระดิกตัวไปไหน เรื่องนี้มีวีเท่านั้นที่รู้ แม้แต่พ่อแม่ของเหนือก็ยังไม่ทราบข่าวของลูกตัวเอง และเหนือก็ไม่ต้องการให้บอกเพราะไม่อยากให้ท่านต้องเสียใจ วีคอยดูแลคนรักอยู่ไม่ห่าง พยายามสรรหาของที่ดีที่สุดมาให้เหนือได้กิน แม้ว่าคนรักของเขาแทบจะกินไม่ได้แล้วก็ตามที
.
.
วันนี้เป็นวันที่เหนือลืมตาขึ้นมาด้วยอาการแย่... เหนือรู้ตัวเองดีว่าเขานั้นทนต่อไปไม่ไหวแล้ว... เหนือหันหน้ามามองคนรักที่นั่งหลับเฝ้าเขาอยู่ไม่ห่าง มือบางค่อยๆ ยกขึ้นช้าๆ ลูบแก้มสากอย่างแผ่วเบา
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเหนือแล้ว....วีต้องอยู่ต่อไปนะ...” น้ำเสียงแหบแห้งที่ส่งผ่านไป ทำให้วีเริ่มรู้สึกตัว เหนือพยายามปรับสีหน้าให้เหมือนเดิม...
“ตื่นแล้วหรอ? เหนือหิวอะไรมั้ย?” วีถามขึ้นทันทีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคนรักมองเขาอยู่เบื้องหน้า เหนือส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“วี.......” เสียงเรียกที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน ทำให้วีต้องขยับหน้าเข้าใกล้คนรักมากขึ้น
“เหนืออยากไปที่..........” วีมองหน้าคนรักด้วยน้ำตาคลอ...
“แต่เหนือยังไม่หายนะ วีอยากให้เหนือรักษาตัวก่อน...”
“พาเหนือไป.....นะ” เหนือบอกออกมาเสียงเบา ร่างสูงยอมพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขอให้พยาบาลมาปลดสายน้ำเกลือออก ตอนนี้ตีสี่กว่าๆ เอง แต่เขาก็จะพาเหนือไป... ไปยังสถานที่ที่เหนือบอกเขาเอาไว้
.
.
ระยะทางที่ไป เหนือมองหน้าคนรักไม่วางตา ร่างกายของเขาแทบขยับไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ลมหายใจบางๆ ที่ดังแผ่ว วีเหยียบรถกลับมาที่ร้านของเหนือ... ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ริมหาด เมื่อถึงสถานที่ที่เป็นจุดมุ่งหมาย ร่างสูงก็เข้ามาอุ้มคนรักไปวางที่ม้านั่งหน้าร้าน โดยที่วีจับประคองร่างคนรักให้พิงตนเอาไว้
“เหนือหนาวมั้ย? เดี๋ยววีไปเอาผ้าห่มมาให้” วีถามออกมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายของคนรักนั้นเย็นเฉียบ เหนือส่ายหัวไปมา พยายามเอื้อมมือที่สั่นไปจับมือคนรักเอาไว้ วีจับมือเหนือไว้แน่น กอดคนรักเพื่อให้ไออุ่นที่เขามี
“วี....จำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้มั้ย??” เหนือพูดออกมาเสียงเบา เหนือรีบพยักหน้าให้คนรัก
“จำได้สิ...วันนั้นวีมีรายงานที่ต้องส่งและวีก็รีบ เลยทำให้เดินไม่ทันระวังจนชนเหนือเข้า วันนั้นวีได้จ้องตาเหนือเป็นครั้งแรก ใจของวีเต้นไม่เป็นศัพท์เลยนะ” วีบอกออกมา ยกมือคนรักขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา
“วันนั้นเหนือ...ก็ไม่คิดเหมือนกัน....ว่าเราสองคน...จะได้มารักกันแบบนี้.....” เหนือตอบออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ วีพยายามกระชับกอดให้แน่นขึ้น เนื้อตัวของคนรักเย็นเฉียบจนเหมือนไม่มีชีวิต วีน้ำตาคลอเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะมาถึง
“วี.... วีสัญญากับเหนืออย่างหนึ่งได้มั้ย??” เหนือถามออกมา สายตาก็ยังคงทอดมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ตอนนี้ตีห้ากว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้นกว่าเดิม
“เหนืออยากให้วีทำอะไร วีจะทำให้เหนือทุกอย่างเลย....” วีบอกเสียงสั่น เหนือยิ้มบาง
“ถ้าเหนือไม่อยู่แล้ว...วีต้องอยู่ต่อ....อย่างมีความสุขนะ...” เสียงของเหนือเริ่มขาดช่วง หยดน้ำตาใสของวีตกใส่ลงมือของเหนือ
“วีอย่า...ร้องไห้....” เหนือบอกพร้อมกับพยายามยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้คนรัก ร่างสูงน้ำตาตกลงมาเป็นสาย จับมือของคนรักอย่างกับว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยไป...
“ไม่เอา...ฮึ่ก...ไม่เอาแบบนี้....วีไม่อยากได้แบบนี้...ได้โปรด...ฮึ่ก...อย่าทิ้งวีไป...” วีเริ่มพ่ำพูดออกมาอย่างไม่มีสติ เหนือยิ้มให้คนรัก
“เหนือ...ไม่เคยคิด...อึ่ก...จะทิ้งวีเลยนะ...เหนือยังอยู่....ตรงนี้.....” เหนือยื่นมือไปทาบที่แผ่นอกข้างซ้ายของวี หัวใจที่ยังเต้นอยู่ข้างในตอบรับสัมผัสได้เป็นอย่างดี
“เหนือจะอยู่...ฮึ่ก...กับวีตลอดไป....” เสียงเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ วีกอดคนรักเอาไว้แน่น ร่างสูงส่ายหน้าไปมา
“ไม่...ฮึ่ก...ไหนบอกจะไม่ทิ้งกันไง...อยู่กับวีสิเหนือ...อย่าทิ้งวีไปแบบนี้....” คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมา เหนือแทบจะไม่มีแรงตอบคนรักอีกแล้ว... พระอาทิตย์เริ่มโผล่เหนือน่านท้องทะเลขึ้นมา... เหนือมองไปอย่างสุดสายตา
“สวยจัง....” คำพูดลอดออกมาเพียงแผ่วเบา วียังคงกุมมือคนรักไว้แน่น กอดเอาไว้อย่างไม่มีทางปล่อย ปากบางซีดเซียวและแห้งผาก วีมองไปตามสายตาของคนรัก พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงบ่งบอกถึงเช้าวันใหม่
“วี....” เสียงเรียกที่แผ่วเบาลงทำให้วีต้องแนบหูลงไปให้ติดใบหน้าของคนรักมากขึ้น
“เหนือ....รัก...วีนะ” เสียงพูดขาดช่วง พร้อมกับรอยยิ้มบางที่ส่งมาให้ มือบางเริ่มคลายออกจากการจับกุม เหนือมองหน้าคนรักทั้งน้ำตา... วีก้มลงไปจูบซับที่ปากบางอย่างแผ่วเบา อาการสะอึกเกิดขึ้นทันทีเมื่อร่างกายของคนรักเย็นเฉียบ ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น...
“วีก็รักเหนือเหมือนกัน......” วีบอกคนรักออกมา กอดคนรักเอาไว้แนบแน่น เหนือหลับตาลงช้าๆ .... เสียงของห้วงหายใจสุดท้ายก็หมดไป....
.
.
“วีรักเหนือ...ฮึ่ก...เหนือได้ยินที่วีพูดมั้ย? ฮึ่ก....อย่าทิ้งกันไปแบบนี้....ไม่เอาแบบนี้....ฮืออออออ”
ณ วินาทีนี้ไม่เหลือความอายใดๆ ที่จะร้องไห้ออกมา ใครจะไปรู้ว่าร่างกายของเหนือที่วีกอดอยู่นั้นไม่มีชีวิตอีกแล้ว..... เป็นธรรมดาที่พระอาทิตย์มักจะขึ้นมาส่องแสง และเมื่อถึงเวลาก็จะตกดินและดับแสงไป....
.
.
.
งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย พ่อและแม่ของเหนือต่างก็ช็อกไปตามๆ กันเมื่อรู้ข่าวจากวี... ทั้งสองท่านไม่คิดจะโกรธเพราะรู้ดีว่าลูกชายของตนเองต้องการอะไร... ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจนั้น ทุกคนต่างก็ร้องไห้... ยกเว้นวี... ร่างสูงไม่มีน้ำตาให้ใครเห็นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเริ่มพิธีหรือเสร็จพิธี
“กลับไปพักบ้างเถอะนะวี... อย่าหักโหมร่างกายนักเลย ถ้าเหนือรู้... แม่ว่าเหนือคงไม่สบายใจ...” แม่ของเหนือพูดบอกผู้ที่เปรียบเสมือนลูกชายอีกคน วีมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม้ว่าจะทำเหมือนเข้มแข็งแค่ไหน แต่ใครจะรู้ว่าข้างในนั้นมันอ่อนแอจนแทบจะยืนไม่อยู่...
“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้แม่เป็นห่วง...” วีบอกออกมา แม่ของเหนือลูบหน้าวีด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตา...
.
.
ร่างสูงกลับมาที่บ้านตามที่รับปากแม่เหนือเอาไว้ วีเดินขึ้นไปบนห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีเงาคนรัก ไม่มีเสียงใดๆ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขาไม่อยากจะหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว.... วีมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นดวงจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า ร่างสูงเดินไปเปิดประตูระเบียงออก ลมเย็นก็ลอยเข้ามาปะทะหน้าอย่างแรง ทำให้สมุดไดอารี่ที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ตกลงมาที่พื้น
สมุดสีขาวที่ล่วงลงมานั้นกางออก ทำให้วีเดินเข้าไปดูแล้วหยิบมันขึ้นมา มันเป็นลายมือของคนรักของเขา วีจำได้ดี...
วันที่ถูกระบุไว้เมื่อสามเดือนที่แล้ว...
วี....วันนี้เหนือนอนมองหน้าวีทั้งคืนเลยนะ... เหนือไม่อยากหลับ เพราะเหนือกลัวว่าเหนือจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ตั้งแต่วันที่รู้ว่าตัวเองเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ เหนือก็พยายามทำทุกวันให้มีความสุข เหนือไม่อยากเห็นวีต้องร้องไห้ เหนือจึงโกหก... แม้จะรู้ว่ายังไงสักวันวีก็ต้องรู้ความจริง... แต่อย่างน้อย วีก็จะทรมานช้าลงบ้าง... เหนือจะพยายามสู้กับตัวเอง.. เหนืออยากอยู่กับวีตลอดไป... แต่ไม่ว่ายังไง ต่อให้อะไรเกิดขึ้น หรือแม้ว่าเหนือไม่ได้อยู่กับวีแล้ว เหนือก็อยากให้วีใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะ อย่าเศร้าไปเลย เหนือยังอยู่กับวีตลอดเวลา ในใจของวีไง... เหนือขอโทษด้วยนะที่เลือกจะปิดบัง แต่ขนาดเหนือยังรับไม่ได้แล้ววีจะรับได้ได้ยังไง ฮ่าๆ เหนือก็ติ๊งต๊องเหมือนกันนะเนี่ย... เหนือขอบคุณวีมากนะ ที่คอยอยู่เคียงข้างเหนือไม่ห่าง.. คอยดูแลเหนืออยู่ตลอดเวลา เหนือมีความสุขทุกวินาทีเลยที่มีวีอยู่เคียงข้าง... อยู่ต่อไปนะวี... ใช้ชีวิตที่เหลือแทนเหนือด้วย... เหนือเองก็จะอยู่กับวีตลอดไปเช่นกัน...
เหนือรักวีนะ....รักที่สุด...และจะรักตลอดไป.....
ในประโยคสุดท้ายนั้นรอยปากกาหมึกซึมเป็นวงกว้าง บ่งบอกได้ดีว่าเหนือร้องไห้ในตอนที่เขียน วีกอดไดอารี่เข้าหาตัวแน่น กอดราวกับได้กอดตัวของเหนือเอาไว้
“ฮึ่ก...วีจะไม่ร้องไห้...วีจะไม่ร้อง....ฮือออออ” ทั้งๆ ที่ปากก็พ่ำเพ้อว่าจะไม่ร้อง แต่น้ำตากลับไหลออกอย่างต่อเนื่อง...
“ใช้ชีวิตต่อไปนะวี...”
.
.
สามเดือนผ่านไป
กริ้งๆ
เสียงกระดิ่งของประตูหน้าร้านกาแฟดังขึ้น บ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้าร้าน
“เชิญค่า....อ้าว...พี่วี!!” โบว์เรียกเจ้าของร้านอย่างสุดเสียง วียิ้มให้บางๆ แล้วเดินเข้ามาในร้าน ในมือถือของพะรุงพะรังมากมาย หญิงสาวรีบเข้ามาช่วยถือทันที
“มาๆ โบว์ช่วย” หญิงสาวรับของไปเก็บที่ วีก็วางบางส่วนไว้หลังเคาท์เตอร์
“มีอะไรขาดเหลืออีกมั้ย?” วีถามออกมา เพราะของที่ซื้อมาทั้งหมด ก็ซื้อเพราะโบว์โทรไปบอกว่ารายการของที่ต้องใช้ในร้านหมดแล้ว
“น่าจะครบหมดแล้วค่ะ แล้ววันนี้พี่วีไม่ไปทำงานหรอคะ??” โบว์ถามขึ้นมา เธอก็ยังทำงานอยู่ที่ร้านดั่งเดิม แม้ว่าจะทำคนเดียวก็ตาม แต่วีเจ้านายของเธอก็มักจะแวะมาแบบนี้เสมอ
“ไม่ล่ะ วันนี้พี่ไปทำบุญมา....” วีบอกออกมา เพราะเขาไปทำบุญที่วัดเดิมที่เคยไปกับเหนือ และหลวงพ่อก็มองเขาราวกับว่าเขานั้นไม่ได้อยู่คนเดียว
“อา...ไม่ได้ละๆ โบว์ก็ยังไม่มีเวลาเข้าวัดบ้างเลย นี่ถ้าพี่เหนือยังอยู่นะ คงชวนโบว์ไปวัดบ่อยๆ แน่เลย อุ้ย! ขอโทษค่ะ” โบว์พูดออกไปเมื่อเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรพูดแบบนั้นเพราะกลัวว่าวีจะยังทำใจไม่ได้ แต่ร่างสูงกลับไม่คิดอะไร พร้อมกับส่งยิ้มให้โบว์
“งั้นวันนี้พี่ฝากร้านด้วยละกัน....” วีบอกออกมาด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวยิ้มรับ ประจวบกับลูกค้าเข้าร้านพอดี
“ยินดีต้อนรับค่า....”
วีเดินออกมานอกร้าน ตอนนี้เย็นมากแล้ว พระอาทิตย์กำลังลงสุดขอบฟ้า แสงเหลืองอร่ามทำให้วีอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง....
“วีคิดถึงเหนือจัง....” วีพึมพำออกมาพร้อมกับมองพระอาทิตย์ตรงหน้าที่กำลังตกดินลงเรื่อยๆ สายลมที่พัดเข้ามาปะทะกับหน้าของวีอย่างจัง ทำให้มีเศษฝุ่นบางอย่างนั้นเข้าตา วีจึงหันหน้าหลบแรงลมพัดนั้น
* “วี......” *เสียงเรียกแว่วมาพร้อมกับสายลม ทำให้วีหันไปมองตรงหน้าใหม่อีกครั้ง แต่มันกลับไม่มีใคร... วียิ้มออกมาบางๆ เขารู้ดีว่าเหนือไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน... ยังคงอยู่ในใจเขาตลอดเวลา....
.
.
.
END
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านจบแล้วได้โปรดคอมเม้น....
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ