เมื่อรักมาเยือนผม
เขียนโดย เทพธิดาติดปีก
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.40 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 19.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ความรักของผม....
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งผมจะต้องลากสังขารอันเชื่องช้าของผมมาที่วิทยาลัยเหมือนอย่างทุกวันเป็นปกติ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่มันผิดปกติไปจากทุกวันที่ผ่าน ๆ มาของผมนั้นก็คือ เช้าวันนี้ตอนที่ผมกำลังอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะมายังวิทยาลัย ผมดันนึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่ได้ใช้ยาสระผมคู่ใจที่ไม่ว่าผมจะอาบน้ำตอนไหนหรือเมื่อไรผมจะต้องหยิบมันมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวผมตลอด แต่แล้ววันนี้ผมกลับลืมหยิบมันมาใช้
ผิดปกติ มันผิดปกติมาก วันนี้ผมลืมใช้มันได้ยังไงในเมื่อเช้าของทุกวันผมจะต้องหยิบมาใช้เหมือน ๆ กันกับทุกที
เฮ้อ สงสัยวันนี้ผมจะต้องเจอเรื่องแย่ ๆ แต่เช้าแหงเลย
ตรึ่ง......
ใครมันส่งข้อความมาแต่เช้านะ ผมก้มลงหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ใกล้จะใช้การไม่ได้จากกระเป๋าเป้ของผมขึ้นมาก่อนจะรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา พี่ไมค์นั้นเองครับที่เป็นคนส่งข้อความมาหาผม นึกว่าจะเจอเรื่องแย่ ๆ แต่นี่กลับเจอเรื่องดี๊ดีแต่เช้าซะงั้น หุหุ ^^
(มอนิ่งครับ ^^)
พี่ไมค์คือคนที่ผมทักไปคุยกับพี่เขาทางเฟสบุ๊คเมื่อสองสามวันก่อน เห็นว่าพี่แกน่ารักดี แถมพี่เขาก็ยังไม่มีแฟนอีกด้วยผมคิดว่าคงไม่ได้ผิดอะไรถ้าหากผมจะลองทักพี่เขาไปดู โชคดีของผมที่พี่เขาไม่หยิ่งอะน่ะ
[มอนิ่งค้าบ ^-^]
ผมตอบแชทพี่เขาไปปกติเหมือนอย่างกับทุกครั้งที่พี่เขาทักผมมา ผมไม่กล้าเล่นตัวมากผมกลัวจะนกอีก ก็แหงแหละหน้าตาผมก็ไม่ได้จะหล่อมากเหมือนอย่างคนอื่นเขาสักหน่อย ผมก็ต้องเจียมตัวบ้าง อีกอย่างผมก็นกตลอดอ่า ผมเคยทักคนหล่อไปทางเฟรชบุ๊คตั้งหลายสิบคน ตอบผมกลับมาแค่คนเดียว ให้ตายเถอะครับผมก็เศร้าเป็นนะครับ T-T... เห็นผมแบบนี้ผมก็ใช่ว่าจะเป็นคนขี้อ่อยมากขนาดนั้นสักหน่อย โธ่....หน้าจะเห็นใจผมบ้าง คนหล่อก็แบบเนี้ย หยิ่ง ไม่เหมือนกับพี่ไมค์ ทั้งหล่อ น่ารัก แถมเฟลลี่อีกต่างหาก น่ารักเนอะ >///<
ตรึ่ง.......
(ไปเรียนยังเอ่ย)
[มาแล้วครับ แล้วพี่ไมค์ทำไร]
(ฟังเพลงๆ พอดีมันว่าง)
[อ้าว...แล้วไม่ไปโรงเรียนหรอพี่]
(อ๋อ เปล่าอ่า พอดีโรงเรียนพี่หยุด อาจารย์ไปประชุมกันทั้งโรงเรียน) ถ้าไม่ได้ไปไหน จะลองเข้ามาวิ่งเล่นในหัวใจผมก็ได้นะครับ ผมไม่ว่า อิอิ (สิ่งที่คิด)
[ดีอ่า วิทยาลัยแม็คไม่เห็นหยุดบ้างเลย ขี้เกียจมากขอบอก]
(ดีแล้วๆ ตั้งใจเรียนไป555) มีความเป็นห่วงเป็นใยไปอี๊ก 0//0
[หงะ....เศร้าเลย T-T]
(555 เครๆ งั้นพี่ไม่กวนและ ตั้งใจเรียนน่ะ สู้ๆ ^^) โธ่ มาไวไปไวซะเหลือเกิ้น ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ยังดีที่ได้คุยกับพี่แก เห้อ....ถึงอยากจะคุยต่ออีกนิดก็เถอะ เสียดายอ่ะ T/T
[ครับพี่ไมค์ >_<]
พี่ไมค์น่ารักอ่า ถ้าได้มาทำสามีก็คงจะดีต่อชีวิตของผมอย่างยิ่ง หุหุ มีความอยากได้ไปอีกครับ
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรจ๊ะกะเทยหัวโปก”
ไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยซินแสหมอดูประจำห้องผมเอง -_- มันชื่อว่าพลอยฟ้า แต่ขี้เกียจเรียกชื่อเต็ม ๆ เรียกมันสั้น ๆ ว่าพลอยก็พอเปลืองน้ำลาย555 หยอก ๆ ไม่รู้ว่าฉายาของมันจะจริงอย่างที่ได้ฉายามาไหม เรื่องดูแม่นหรือเปล่าผมเองก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่เห็นเพื่อน ๆ ในห้องชอบพากันไปให้มันทำนายให้อยู่บ่อย ๆ ทั้งเพื่อนในห้องต่างห้องเรียนก็ต่างพากันมาให้มันทำนายให้ทั้งนั้นอ่ะ สำหรับผมผมว่าหมอดูก็คู่ก็หมอเดาแหละ เชื่อมาก ๆ ก็ไม่ดี
เฮ่อ น่าเศร้าใจนักพอมันเจอหน้าผมทีไร สิ่งแรกที่จะได้ยินจากปากของเพื่อนคนนี้คือคำติดปากที่มันนิยมเรียกผมว่ากะเทยหัวโปกนั้นเอง ที่จริงผมก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนผมมันต้องการจะสื่อว่ามันคิดจะด่าผมทางอ้อมหรือคิดจะล้อฉายาผมเล่น ๆ กันแน่ มันถึงได้ตั้งฉายาให้กับผมว่ากะเทยหัวโปก เรียกซะเสียภาพพจน์หมดเลย ผมก็เคยถามมันว่าชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา มันบอกกับผมว่าเห็นว่ามันเข้ากับเบ้าหน้าอันซื่อบื้อของผมมันเลยเรียกผมแบบนี้จบนะ นั่นแหละคือคำตอบของเพื่อนพลอย
เฮ้อ มันเป็นแบบนี้ของมันทุกวันแหละ ผมควรจะชินได้ล่ะเดินเข้าห้องวันไหนไม่ได้ยินมันพูดทักทายผมแบบนี้ วันนั้นพายุสึนามิคงเข้ามายังประเทศไทยเชื่อผมได้เลย
ที่จริงผมไม่เข้าใจว่านางมีปัญหาอะไรข้องใจกับผมมากไหมถึงได้ชอบทักผมแบบนี้ทักผมได้ทุกวี่ทุกวัน อย่าให้ผมมาเช้ากว่ามันบ้างก็แล้วกันผมจะเรียกบ้างว่า ยัยซินแสหน้าผี หึหึ แรง้งงง.....^0^
“เปล่าซะหน่อย” ผมตอบมันไปอย่างเลี่ยงๆ
“หร่าาาาา”
“ขอรับ ทำมะ ข้องใจเรอะยัยหมอผี -/-”
“เปล้า... แค่ถามดูเฉย ๆ ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าคุยกับผู้ชาย 555^,^” ดูมันซิครับ รู้ก็รู้อยู่ว่าผมคุยกับผู้ชาย มันก็ยังจะเหน็บแนมผมไม่เลิก ดู้ดูมันครับ
“แม็ค” อะไรของนางอีกล่ะที่นี้ เรียกผมซะเสียงห้วนๆ เลย บอกเลยว่ากูตามมึงไม่ทัน
“ว่า”
“ตอนนี้กำลังคุยกับใครเป็นพิเศษอยู่รึเปล่า”
“ก็พอมีบ้าง ทำไมอ่ะ” อยู่ดี ๆ คิดจะถามก็ถามซะหน้าจริงจังเลยแฮะ
“เฮ้ยจริงดิ! ....”
“เออจริง แล้วจะทำเสียงสูงเพื่อ” ตกใจหมด
“เพื่อนแม็ค......”
“อะไรๆ มีไรวะ”
“อันนี้ก็ไม่รู้จริงไหมน่ะ แต่ว่าช่วงนี้ก็ระวัง ๆ ปัญหาเรื่องคนรักนิดหนึ่งบ้างก็แล้วกันนะ”
“ปัญหา ปัญหาอะไรวะ”
“เออ กูก็ไม่รู้ กูเตือนไว้งั้น ๆ แหละ ก็นะก็แค่เรื่องที่เดาเท่านั้นไม่ต้องคิดมาก”
หา.....เดา ฉิบหายกูก็นึกว่าอะไรเถอะ ไอ้เราก็เผลอดันคิดมากตามมันไป ที่แท้ มันใช้คำว่าเดาครับ -_-
“ที่หลังมึงช่วยอย่าเดาทีได้ไหม นี่กูคิดจริงนะเว้ย”
“555+ เอ้าหรอ โทษทีว่ะ อิอิ ^0^” เกลียดมึงได้ไหมเนี่ยพลอย
“แม็ค อย่าไปเชื่อไอ้พลอยมัน พอมันบอกว่าเดาแม่งกูเห็นมันแม่นทุกครั้งเลย” กิ๊กสาวหวานประจำหลังห้องตะโกนบอกผมขึ้น
“แค่เดาเนี้ยนะ”
ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริงได้ ผมคิดว่ากิ๊กมันคงจะแค่แกล้งพูดเล่นกับผมมากกว่า อีกอย่างถ้าการเดาของพลอยมันจะแม้นอย่างที่กิ๊กบอก ผมคงจะต้องคิดหาของมาเซ่นไหว้เพื่อขอให้มันทำนายเรื่องความรักอย่างจริงจังให้กับผมเลย
“เชื่อกู มันแม่นจริง”
0-0 เอ่อ ผมต้องเชื่อใช่ป่ะ ชักจะเริ่มปวดสมองซีกขวาของผมซะแล้วซิ ก็อย่างที่ผมบอกไปว่าผมนะเครียดจริง ก็จะไม่ให้ผมคิดมากได้ไงในเมื่อผมยิ่งไม่ค่อยมีผู้ชายให้ตกถึงท้องอยู่ พอหันไปมองหน้าพลอย ผมก็ยิ่งขวัญเสียเข้าไปใหญ่ แม่งยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมบุกโลกเลย
โอ๊ย.....ซวยแต่เช้า ผมว่าแล้วเรื่องที่ผมไม่ได้สระผมคู่ใจของผมมา มันต้องมีเรื่องซวยเกิดขึ้นกับผมแหงๆ แล้วมันก็จริงตามที่ผมคาดการไว้เป๊ะ เอ้....ไม่ม้าง....หมอดูก็คู่กับหมอเดานั่นแหละน่า...คิดมากว่ะแม็ค (ปลอบใจตัวเองแป๊บ T.T)
ผมเดินมานั่งที่โต๊ะประจำของผมอย่างปวดตับ จะเกิดอะไรขึ้นกับผมฟร้ะ รู้งี้ผมหาซื้อน้ำยาสระผมคู่ใจพกมาวิทยาลัยด้วยก็ดี
สาธุ.....ขออย่าให้การเดาของพลอยเป็นจริงด้วยเถอะ ลูกช้างอยากได้พี่ไมค์มาทำสามีจริง ๆ ครับ
“อีแม็ค นี่มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย เห็นมึงนั่งทำหน้างอเป็นกะเทยหลงยุคเป็นพันปีมาสักพักและ” ดูยัยเพื่อนผมอีกคนทักผมซิครับ ถามจริงนี่มันใช่เพื่อนตรูไหมว่ะเนี้ย เพื่อนเจนครับถามจริงเถอะ เห้อ -_-
“เครียดว่ะ”
“เรื่อง”
“จะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชาย” อันโกะเพื่อนผมที่เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายกำลังนั่งตบแป้งราคาไม่ถึงร้อยพูดขึ้น ขนาดพูดนางก็ยังไม่วายจะหันหน้าออกจากกระจกแล้วหันหน้ามาสนใจผม ก็งี้แหละถ้ากระจกไม่แตกให้ตายมันก็ไม่คิดที่จะหันมาสนใจผมหรอกครับ เป็นไงเพื่อนรักผมมากใช่ไหม รัก รักกูจริง ๆ นี่ขนาดกฎของวิทยาลัยไม่ให้แต่งหน้าจัด นางก็จัดได้ว่าไม่เหลือพื้นที่บนใบหน้ามันที่จะเหลือพื้นที่ให้รูขุมขนได้หายใจหายคอครับ ผมล่ะเบื่อหน่ายมันจริงๆ -_-
“แม็คมึงไม่ต้องเครียดเว้ย มึงปรึกษาพวกกูได้” คำพูดที่กินใจนี้ เป็นคำพูดของเพื่อนไอซ์เพื่อนของผมอีกคนนั้นเอง อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่ยังคิดเป็นห่วงผม ซึ้งเลยครับ T-T
“เออ ช่างมันเถอะ กูไม่เป็นอะไรหรอก”
“แน่ใจ” เจนพูด
“อืม แน่ดิ”
ใครจะกล้าพูดบอกพวกมัน ขืนหลุดปากพูดไปเดะก็โดนพวกมันหาว่าขี้อ่อยอีก ที่จริงผมไม่ได้อ่อยแค่อยากดูน่าอร่อยก็เท่านั้น เออะ มันใช่ประเด็นป่ะ -.-
“เออนี่ พวกมึงรู้ข่าวอีมุกยัง” อันโกะสายขี้เม้ามอยชาวบ้านเริ่มขึ้นอีกแล้วครับ
“เรื่องอะไรวะมึง”
“ไอซ์ กูถามจริงวัน ๆ นี่มึงมัวไปทำอะไรห๊ะ ถึงได้ไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองเขาเนี่ย”
“เอ้า กูไม่ได้ขี้สอดรู้สอดเห็นเหมือนมึงป่ะอัน พอดีไม่ว่างหัวสมองมีแต่เรื่องเรียนว่ะ”
“จ้า.......เพื่อนไอซ์ ถ้ากูไม่สอด แล้วพวกมึงจะรู้เรื่องคนอื่นเขาไหม กูถามทีเถอะ”
“ไม่รู้ไง กูถึงถามมึงเนี่ย” เอากับมันสองตัวซิครับ เถียงกันได้ทุกวัน
“พวกมึงสองตัวหยุดเถียงกันได้และ กูปวดหัว” เจนพูดขึ้น
“เมื่อวานทะเลาะกะผู้ชายมาใช่ไหม วันนี้มึงถึงได้ปวดหัวกับพวกกูเนี้ยเจน”
“เปล่า พอดีกูกำลังใช่สมาธิคิดเรื่องผู้ชายอยู่อ่ะ โทษที ๆ ^0^”
“แร้งงงงง/แร้งงงงง/แร้งงงงง” (เสียงประสานผม อัน ไอซ์)
เฮ่อ แก๊งผมหรอเนี่ย บอกเลยว่าพวกมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาหรอก ถ้าให้เพื่อนสักคนในห้องมาคบกับพวกผมบอกได้คำเดียวว่าไม่มี ก็แหงแหละวัน ๆ ก็พูดแต่เรื่องสาระเทระไร้สาระกันทั้งนั้นครับ
อย่าหาว่าผมอย่างโน้นอย่างนี้เลยครับ ทุกวันพวกผมก็ไม่มีใครอยากจะคบและ 5555 ก็เพราะมีเพื่อนแบบพวกมันไง ผมถึงกลายเป็นคนโสดและขายไม่ออกถึงทุกวันนี้ (เกี่ยวกันไหมวะ?)
“แล้วตกลงเรื่องที่จะเม้าให้ฟังมันเรื่องอะไรวะ” พวกผมพากันซุ่มหัวเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ
“คืองี้ เมื่อวานตอนที่กูกำลังนั่งรถกลับบ้าน กูได้ยินคนบนรถเขาเม้ากันว่า คนอีมุกห้อง4แม่งยกพวกไปตบเด็กภาษาโรงเรียนยาฮีเว้ย”
“มุกหน้าวอก ๆ อะหรอ” เจนนี่ถาม
ก็อย่างที่เพื่อนผมพูดนั่นแหละครับ คนที่ชื่อว่ามุกไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเธอ เพราะคุณเธอดังมากในวิทยาลัยของผม เธอได้ฉายาว่าลิงหน้าวอกประจำห้อง4สาขาคอมพิวเตอร์และนางยังขึ้นชื่อในเรื่องชอบวางท่าทำตัวสวย วัน ๆ หาแต่เรื่องชาวบ้านชาวช่องจนคนทั้งวิทยาลัยรู้จักนาง
“เออๆนั่นแหละ ผลสรุปรู้ไหมเป็นไง”
“เป็นไงอ่า ฝ่ายโน้นเดี้ยงหรอ”
“โนว.....ค่ะเพื่อนไอซ์ เรื่องมันมีอยู่ว่า”
“ว่า...”
“เห็นว่ายกพวกไปตั้งสิบกว่าคน สุดท้ายนางหน้าเสียกลับบ้านจ้า 5555 สมญานามเรื่องหมาบ้าตอนนี้เป็นสมญานามหมาหน้าแหก ว้ากฮาฮา ^0^”
“ทำไมว่ะน่ะ ก็ไหนว่ายกพวกไปตั้งสิบกว่าคนไง”
“ใช่อยู่ว่าสิบกว่าคน แต่แม่งนางลืมเว้ยว่าฝั่งทางนั้นเขามีตั้งยี่สิบกว่าคน แค่สิบคนจะไปช่วยอะไรได้ล่ะคะ แหม กูนี้แทบหลุดขำก๊ากออกมาบนรถแหนะ 555+ อันโกะถูกใจสิ่งนี้เจ้าค่ะ วะฮา ฮา ^0 ^” นางพูดไปหัวเราะจนฟันยื่นมาด้านหน้าไป เห้อ เพื่อนผมครับเพื่อนผม- -
“ฉิบหาย ป่านนี้นางไม่หาที่มุดหน้าหนีความอายไปแล้วหรอวะเนี้ย”
“โอ๊ย...เจนมึงก็ว่าไป กูรู้ข่าวมาอีกว่านางไปฟ้องสารมีนาง แต่สุดท้ายสารมีนางก็ด่าตอกหน้านางว่าหน้าโง่ให้ค่า555+ พูดอีกกูก็ขำอีกว่ะมึง”
“ขำมากไหมคะคุณอันโกะ”
“เออ ก็มากน่ะซิถามได้555+”
“ขำมากเลยหรอ”
“ก็เออดิว่ะ อย่าถามมาก "
" อีอัน... " เจนพูดพร้อมสะกิดแขน
" อะไร แล้วนี่พวกมึงจะถามย้ำกูทำเพื่อ”
“อีอัน พวกกูไม่ได้ถามมึง” เจนนี่หันไปบอกเพื่อนอย่างหน้าเสีย
“อะไร มึงว่าไงนะเจน "
" โน้น ท่านผู้นั้นข้างหลังมึงโน้น " เจนพูดพร้อมทำท่าทางให้อันโกะมองไปตามสายตา
" อะไร " อันโกะทำท่าทางเลิกลักก่อนจะยอมหันหลังมองตามที่เพื่อนบอกอย่างเซง ๆ
" จะเข้.....แล้วไง 0 [] 0 ”
" อะไรน๊าาาา.... "
“อาจารย์แต....T-T ”
“คร่า....ใช่ค่ะอาจารย์แตเองค่ะ^^”
“คือหนูเปล่าขำค่ะ แค่กำลังร้องเพลงกันเฉย ๆ ^-^”
“อะหรอค่ะ ไหนลองร้องไห้ครูฟังสักท่อนซิ”
“555+ ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคย....เอ่อ ขอโทษค่ะ ลืมเนื้อเพลงพอดีเลยค่ะอาจารย์ ^^!”
“ดี ในเมื่อลืมครูก็จะให้เธอได้ระลึกชาติได้ดีมะ”
“ไม่ค่ะอาจารย์ “
“หึหึ ไม่ทันแล้วค่ะ หัวหน้าห้อง หลังหมดชั่วโมงรวบรวมสมุดเพื่อนทุกคนแล้วให้ผู้หญิงแข็งแรงยกไปไว้ที่โต๊ะครูด้วย จะได้คิดไปเดินไปว่าชั่วโมงเรียนควรทำอะไรน่ะจ่ะ”
“ค่ะอาจารย์^^” น้ำหนึ่งหัวหน้าห้องตอบอาจารย์อย่างติดตลก
“เฮ้ย พวกมึง ผู้หญิงแข็งแรงนี้หมายถึงใครวะ” อันโกะหันมากระซิบถามพวกผม
“ก็มึงไง ผู้หญิงแข็งแรง5555+ว้าย ๆ ” เจนนี่ตอบมันอย่างเสียงดังฟังชัด
“ห๊า...เชดครก “คำอุทานของนางอันทำเอาผมกับไอซ์แทบจะหลุดขำก๊ากออกมาทันที
เวลา 11:30 น.
หลังจากหมดคาบเรียนของช่วงเช้า พวกผม4คนก็ต้องลงไปซื้อของมากินกัน ก่อนจะแอบเอาขนมขึ้นมายังห้องเรียนเพื่อจะได้มานั่งเม้ามอยส์กันต่อเหมือนอย่างทุกครั้ง
พวกผมมันเป็นพวกเด็กดีกันครับ กฎเขาห้ามเอาอาหารขึ้นมารับประทานบนห้อง พวกผมหรอ ต้องเอาขึ้นห้องให้ได้ หุ หุ ^0^ เด็กดีใช่ไหมล่ะ
“เย็นนี้กูกะว่าจะไปเดินห้างให้หายเครียดเรื่องอาจารย์แต ใครสนใจไปเดินเป็นเพื่อนกูบ้างยกมือ” อันโกะพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางยกมือขึ้น
“หึ เย็นนี้กูขอผ่านว่ะอัน พอดีคุณแฟนจะมารับไปดูหนังอ่ามึง”
“แหม...เพื่อนเจน พอผัวมึงมารับแค่เนี้ยมึงก็ไม่สนใจเพื่อนอย่างกูเลยน่ะเพื่อน....เอ้ย”
“Sorry ว่ะ แต่ว่าดุกดิ๊กกูสำคัญกว่ามึงป่ะว่ะ” ดุกดิ๊กคือฉายาที่ใช้เรียกแฟนของนางครับ เออก็คิดตั้งได้เนาะ - -
“เออ...เบื่อคนมีผู้แล้วเว้ย...- () -”
“เย็นนี้กูก็ขอผ่านว่ะอัน พอดีพี่ติ๊กจะมารับ”
“ไอซ์ มึงก็ด้วยหรอว่ะ T0T”
“โทษทีว่ะ กูเลื่อนมันมาบ่อยแล้ว ครั้งนี้กูปฏิเสธมันไม่ได้จริง ๆ ”
“ให้มันได้แบบนี้ดิ แล้วมึงอ่ะแม็คว่าไงคนไร้คู่เช่นมึงไปกะกูชิมิ^^” พูดด้วยท่าทางยิ้มจนแก้มปริ
“วันนี้ขี้เกียจ ขอผ่านเหมือนกัน”
“โอ๊ยยยย...นี่กูต้องไปคนเดียวใช่ป่ะ ลำไยค่ะ-/-” สมหน้ามึง ใครใช้ให้พูดเรื่องปมกู เชอะ -/-
หมั่นไส้มันก็จริง แต่อีกประเด็นคือผมเหมื่อยที่จะเดิน ยิ่งจะต้องไปเดินห้างกับเพื่อนอันโกะแล้วด้วยยิ่งไม่ไหวใหญ่ ขืนไปกับมันสองทุ่มก็เอาไม่อยู่ คงจะต้องเดินขาลากเหมาครีมยี่ห้อใหม่ ๆ กับมันจนดึกดื่นแน่นอน ห้างไม่ปิดมันก็คงไม่กลับอ่ะ ผมเคยไปกับมันมาแล้ว เล่นเอาผมแทบจะคลานกับบ้านเลยทีเดียววันนั้น ถ้าจะไปกับมันผมคงต้องดื่มยาชูกำลังสักสองสามขวดเห็นจะได้ - -
ตรึ่ง.......
บทสนทนาของพวกผมดำเนินไปได้ไม่นานกระเป๋ากางเกงของผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าขึ้น ใครมันส่งอะไรมาหาผมตอนนี้ว่ะปกติตอนเที่ยงแบบนี้เสียงแจ้งเตือนเฟรชบุ๊คของผมจะเงียบเป็นป่าช้าไปแล้ว แปลกมา ผมก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะมองไปยังกล่องข้อความที่เด้งโชว์อยู่บนหน้าจอ
(เลิกยุ่งกับผัวกูได้และ)
“0_0”
นิ่งไป10วิ ข้อความที่โชว์ให้เห็นเป็นข้อความของพี่ไมค์นั้นเองที่ส่งมาหาผม เอาแล้วไงนี่ผมเผลอไปคุยกับคนมีเจ้าของหรือนี่ แต่สถานะบนเฟรชบุ๊คพี่ไมค์แกก็ขึ้นว่าโสดหนิ หรือว่าผมพลาดอะไรไปงั้นหรอ
[ครับ] เอือก โคตรเจ็บจี๊ดดดด.....เลย
เฮ้อ.....ผมคงจะตอบอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะผมกับพี่ไมค์เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าจะเลิกคุยก็ไม่ได้ผิดอะไร ผมก็แค่ไม่มีคนคุยเหมือนอย่างเดิมก็แค่นั้น ถึงผมจะรู้สึกเสียใจมากก็เถอะแต่จะให้ผมไปแย่งแฟนคนอื่นมาเป็นของผม ผมก็คงจะไม่ปลื้มกับความคิดนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่ สุดท้ายคำทำนายของยัยเพื่อนพลอยก็เป็นจริงเข้าให้ ผมมองไปยังโต๊ะหน้าห้องที่เป็นที่ประจำของพลอยก็เห็นว่าพลอยกำลังคุยอะไรกับข้าวปุ้นเพื่อนสนิทของเธออยู่ ผมอยากจะรู้ว่าเมื่อไรผมถึงจะเลิกนกกับเขาสักที ผมควรเข้าไปขอความคิดเห็นของพลอยไหม
“0_0” เออะ แย่แล้ว พลอยมันหันมาหาผม
“^^”
อ้าว ยิ้มให้ซะงั้น ปกติแล้วผมเองก็สนิทกับพลอยนะ แต่ว่าก็ไม่กล้าที่จะถามหรือเล่าอะไรให้ฟัง กลัวพลอยจะรำคาญผม ผมเป็นผู้ชายจำพวกกลัวคนรำคาญเอามาก ๆ ซะด้วย
เฮ่อ....เบื่อชีวิต จะมีใครที่เป็นเหมือนอย่างผมบ้าง คุยกะใครได้ไม่นานก็มักจะมีเรื่องพวกนี้เข้ามาตลอด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ผมควรทำไงดีหรือผมควรจะลองเข้าไปคุยกับพลอยดูเผื่อผมจะมีดวงได้แฟนกับเขาบ้าง ตัวผมจะโสดนานเกินไปแล้วเกิดมาจนอายุ19 ปีแล้วก็ยังไม่เคยคบใครเลยสักคน โธ่...ชีวิตผมมันน่าเศร้าและแสนเวทนาเหลือเกินครับ
“แม็ค มึงเป็นไรเนี้ยทำหน้าอย่างกับปวดท้องอึ”
ผมควรจะตอบกลับไหม ดูนางเจนพูดเข้า
“เจน มึงจะถามกูดี ๆ บ้างไม่ได้หรือไง ดูถามกูแต่ล่ะครั้งหน้าตอบมึงมากกกก....”
“ก็ปากกูเป็นแบบนี้จะให้กูทำไง ร้อยวันพันปีมึงไม่เห็นจะซีเรียสสส....วันนี้ผีเข้ามึงหรือไงหะ”
เอาเข้าไป เฮ่อ ไม่หน้าถามมันเลย ก็รู้ ๆ อยู่ว่ามันคงจะตอบผมแบบนี้ ให้ตายเถอะแจ็คสันถูกผีเข้า....
“เออ กูขอโทษที่ถามละกันนะ”
" อะไรของมึง -_- "
เอาว่ะถ้ามัวแต่นั่งคิดก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา ไม่รู้ผมเกิดผีเข้าอะไรขึ้นมาตอนนี้อยู่ดี ๆ ผมก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพลอยที่ตอนนี้กำลังนั่งจด ๆ จ้อง ๆ เขียนอะไรอยู่สักอย่าง อย่างชับไว ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะที่ว่างข้างพลอย
“ว่าไงกะเทยหัวโปก” พลอยถามผมขึ้นตามปกติโดยที่ตาก็ยังคงจับจ้องตัวหนังสือที่เธอยังคงขีดเขียนอยู่เหมือนอย่างเดิม
“ขอคำปรึกษาหน่อยดิ”
“เรื่องผู้ชายใช่ม่ะ” 0-0
เออพลอยมันรู้ได้ไงวะว่าผมจะขอคำปรึกษาเรื่องนี้กับมัน หรือว่าหน้าผมบ่งบอกออกมาเป็นตัวหนังสือว่าอยากได้ผู้ชายจนตัวสั่นหว่า...เอ๊ะหรือยังไงกัน นี่ผมชักจะเริ่มเชื่อแล้วซิว่าพลอยมันมีญานทิพย์จริงๆ แม่นอย่ากับตามองเห็นแหนะ
“ว่าไง ตกลงใช่ไหม”
“มึงรู้ได้ไง”
“เดาเอา” นี่ขนาดมึงเดาเอานะ ถ้ามึงทำนายว่าบ้านกูไฟไหม้นี่ไม่ใช่ว่าบ้านตรูไฟไหม้จนวอดวายเลยรึ -_-
“คือกูอยากรู้ว่าเมื่อไหร่กูถึงจะหายนกสักที มึงบอกกูหน่อยดิว่ากูควรทำไง”
“ก็ไม่ต้องทำไง อยู่นิ่ง ๆ ทำหน้าซื่อบื้อของมึงแบบนี้ต่อไปนั่นแหละ”
“เฮ้ย...เอาดีๆ ดิว่ะ นี่กูซีเรียสนะมึง”
“ก็บอกอยู่นี้ไง เชื่อกู มึงแค่เป็นปกติของมึงแบบนี้แหละ ไม่กี่วันรับรองมึงได้เจอของจริงสมใจอยากมึงแน่ หุหุ^0^ ฟันธง.....”
อะไรของมัน ผมไม่เห็นจะเข้าใจตรงไหน ถ้ามันบอกแบบนี้ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้วไหมยังไม่เห็นจะขายออกเลย แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพลอยมันจะสื่ออะไรกับผมกันแน่ ไม่ใช่ว่าพลอยมันคิดจะหลอกผมหรอกนะ
“จริงไหมเนี้ย กูเชื่อมึงได้ใช่ไหมพลอย”
“เออ เชื่อกูซิ”
“มึงรู้ได้ไง”
“กูเดาเอา”
เกลียดมันก็ตรงเนี้ยแหละ ถามมันทีไรมันก็ชอบบอกผมว่ามันเดาเอาทุกที ผมนี่เซงกับมันจริงๆ เลย
“เออ กูจะลองเชื่อมึงก็ได้”
“อ่อ...แม็ค กูขอเตือนมึงอย่างน่ะ มึงควรเตรียมพร้อมเสียเวอร์ จิ้นให้พี่เขาไว้ด้วยล่ะคนนี้มีโอกาสเสียตัวตลอด 5555 ครั้งนี้ของจริงนะเว้ย ^0^”
“0///0ไอ้บ้า มึงพูดอะไรกูไม่เห็นเข้าใจ”
“ก็แล้วแต่ ครั้งนี้กูเตือนมึงแล้วน่ะแม็ค”
อะไรของมันฟร้ะเนี้ย ผมยังไม่มีแฟนนี่พลอยมันกะจะยัดเยียดให้ผมเสียตัวเลยหรอวะข้ามขั้นเร็วไปไหมเพื่อน -_-! เอิ่ม...ใครจะกล้าบอกว่าผมก็เขินเป็น มีแฟนคนแรกก็เสียเลยหรอ แน่นอนจริงๆ เลยผมคนนี้ หุหุ ก็พูดไปนั้น^0^
หลังจากที่ผมไปขอคำปรึกษากับพลอยงานก็เข้าผมทันที พี่แนนที่เป็นญาติห่าง ๆ ผมที่ตอนนี้พึ่งกลับมาจากการหยุดเรียนจากกรุงเทพได้ส่งข้อความมาหาผม พี่แนนกับผมเราอายุห่างกัน 2 ปี แน่นอนว่าผมกับพี่แนนเราสนิทกันมาก ช่วงก่อนเลิกเรียนพี่แนนแกส่งข้อความมาขอร้องผมว่าเพื่อนสนิทของพี่แนนมีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อยและตอนนี้ก็ไม่มีที่ให้ไปพี่แนนเลยขอร้องผมให้ผมช่วยรับเพื่อนพี่แนนมาอยู่ที่บ้านของผมสักหนึ่งอาทิตย์ได้ไหม พอผมถามว่าทำไมพี่แนนไม่พาไปอยู่บ้านของพี่ล่ะพี่แนนตอบผมว่าเพื่อนพี่เขาเป็นผู้ชาย แล้วพี่แนนแกเป็นผู้หญิงเลยพาไปอยู่ด้วยไม่ได้ผมก็เลยซวยต้องเป็นแพะรับบาปของพี่แกแทน เฮ่อ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เศร้าจริง ๆ เลยครับ เพื่อนผู้ชายไม่มีคนอื่นหรือไงฟร้ะ
และยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ความซวยของผมก็ยังไม่จบครับ ตอนนี้ผมกำลังนั่งรถทัวร์เตรียมจะกลับบ้านของผม ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ผมเลือกที่จะมานั่งติดริมหน้าต่างฝั่งซ้ายของรถ ผมพึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งข้าง ๆ ผมไม่รู้ว่ามานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ผมเองก็ไม่แน่ใจ ผมลองมองดูแล้วคนที่มานั่งข้าง ๆ ผมเป็นผู้ชายแปลก ๆ ที่ผมว่าแปลกเพราะพี่แกทั้งสวมหมวก ใส่แว่นตา ใส่เสื้อผ้าแขนยาวปิดเนื้อหนังในตอนเย็นแบบนี้ แค่นั้นผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรกับรสนิยมของเขาหรอกน่ะ ถ้าไม่ติดตรงที่ตอนนี้เขาหลับแล้วยังจะเอาหัวมาพิงที่ไหล่ของผมอีก ตัวก็ไม่ใช่เบา ๆ นะครับทับมาได้ ถามหน่อยนี่โลกกะจะเล่นตลกกับผมหรือเปล่า ทำไมถึงได้ให้ผมเจอแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องได้ทุกวี่ทุกวัน ผมก็เบื่อเป็นน่ะครับ
ตรึ่ง........
ยังไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ของผมก็สั่นเตือนบอกว่ามีคนทักแชทมาหา สงสัยจะเป็นพี่แนนที่ส่งข้อความมาผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกดดู และก็แน่นอนว่าเป็นพี่แนนตามที่ผมได้คาดการไว้ในตอนแรก
(ใกล้ถึงบ้านยัง)
[จะถึงแล้ว พี่แนนจะให้แม็คไปรับเพื่อนพี่ที่ไหน]
(บ้านพี่ก็แล้วกัน ได้ไหม)
[ได้ๆ ถ้ายังไงแม็คถึงบ้านแล้วจะรีบไป]
(ขอบคุณน่ะน้องรัก T-T)
[ไม่เป็นไร ยังไงพี่แนนก็เป็นพี่แม็ค]
(รักน้องคนนี้ที่สูดดดดด......)
[เหมือนกันนั่นแหละ...]
สุดท้ายก็จบตรงที่บอกว่ารักตลอด พี่แนนนะพี่แนนเห็นผมใจอ่อนหน่อยไม่ได้เลยพอมีเรื่องทีไรก็ทักมาขอร้อง
ผมตลอดยิ่งเรื่องเงินนี่บ่อยมาก ปัจจุบันนี้ยืมไปสามพันแล้วก็ยังไม่คืนครับ
0-0 โอ่ะ!!!! รู้สึกเหมือนมีน้ำอะไรสักอย่างกำลังซึมเข้าไปในแขนเสื้อของผม อย่าบอกน่ะว่า..ผมเหล่ตามองที่คนที่นอนพิงผมอยู่ข้าง ๆ ........นั้นไง นั้นไง กูว่าแล้ว....0 [] 0
อี๊!!!!!! .....น้ำลายพี่แกที่นอนเอาหัวพิงที่ไหล่ของผมกำลังหยดย้อยลงใส่แขน เวรเอ๊ย แฟนก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่ใช่ ไหงถึงได้ช่างกล้านอนน้ำลายไหลย้อยใส่วะ อยากจะเห็นหน้านักถ้าไม่ติดตรงที่มีหมวกมาบังผมคงจะได้เห็นใบหน้าของชายที่มีความกล้าสูงคนนี้ไปนานแล้ว
“พี่ครับ ๆ ตื่นเถอะครับ” ผมสะกิดเรียกชายแปลกหน้าอยู่พักใหญ่ ๆ แต่พี่แกก็ไม่วายยังจะหน้าด้านทำเป็นหูทวนลมใส่ผมอีก โอ๊ย....ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ก็ขออย่าได้ให้ผมต้องมาเจอะเจอกับพี่แกอีกเลย
กว่าจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้ผมนี่ต้องปาดเหงื่อทิ้งไปตั้งหลายต่อหลายรอบ ขนาดตอนที่ผมจะลงจากรถพี่ชายแปลกหน้าแกยังจะดึงแขนเสื้อผมไว้อีก โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมลงจากรถทัวร์ทัน ไม่งั้นป่านนี้ผมก็คงจะนั่งนิ่งทำหน้ามึนอยู่บนรถต่อแหง ๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ขืนไปรับเพื่อนพี่แนนในสภาพนี้ มีหวังเพื่อนพี่แนนได้สลบเพราะกินน้ำลายแสนเย้ายวนที่ติดเป็นรอยคราบตรงแขนเสื้อผมแน่
[กำลังออกไปรับน่ะพี่แนน]
พอส่งข้อความไปบอกพี่แนนเสร็จผมก็เตรียมซ้อนขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าของที่บ้านออกไปรับเพื่อนพี่แนนทันที หวังว่าเพื่อนพี่แนนคงจะไม่ใช่พวกที่ไม่ชอบอาบน้ำก่อนเข้านอนหรอกนะ เพราะผมเกลียดคนสกปรกมากที่สุด
20 นาทีผ่านไป
“อ้าว ไหนเพื่อนพี่แนนอ่า”
“รอแป๊บนึง พอดีมันเมารถทัวร์เลยขอตัวไปอ้วกในห้องน้ำน่ะ”
“อ๋อ-_-”
เพื่อนพี่แนนเป็นผู้ชายนี่ผมเข้าใจถูกแล้วใช่ไหม แต่ก็เอาเถอะเพื่อนพี่แกก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอยู่แล้ว
“โทษทีวะ พอดีกูไม่ค่อยชินกับรถทัวร์เท่าไหร่”
“เออ นี่มึงโอเครแล้วใช่ป่ะ น้องกูเขามารอมึงนานแล้วเนี่ย”
“กูดีขึ้นแล้ว”
“แม็ค นี่เพื่อนพี่ชื่อไอ้เชนพี่ฝากมันด้วยนะ”
ผมที่กำลังหลับตาเอาหน้าหมอบไปกับรถเพื่อขั้นเวลารอเพื่อนพี่แนน พอได้ยินที่พี่แนนพูดขึ้นผมก็ค่อย ๆ เงยหน้าหันไปมองตามเสียง แล้วร่างของผู้ชายที่สูงราว ๆ ประมาณร้อยแปดสิบกว่า ๆ ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมแทบจะกลืนน้ำลายลงไม่ทัน นี่มันไอ้คนที่นอนพิงไหล่เราบนรถทัวร์เมื่อกี้นี่หว่า ถึงแม้ว่าพี่แกจะมีหน้ากากอนามัยมาปิดที่ใบหน้าเสริมก็เถอะยังไงผมก็ยังจำได้ขึ้นใจไม่ว่าจะเป็นหมวกที่พี่แกใส่หรือชุดเสื้อผ้าแขนยาวขายาวที่ปิดบังผิวหนังยังไงผมก็จำได้ไม่มีวันลืม โธ่เอ๊ย เวรกรรมอะไรของผมนักก็ไม่รู้ที่ต้องมารับคนที่ไม่อยากจะเจอะเจอ หนำซ้ำผมยังต้องดูแลพี่แกตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ อีก ซวยของแท้ ไอ้แม็คเอ๋ยดวงตกของแกแท้ ๆ เฮ่อ
“เชน นี่น้องกูชื่อแม็ค”
“ฝากตัวด้วยน่ะน้อง”
“ครับ-_-” ถึงผมจะไม่เต็มใจก็เถอะ ตามมารยาทเนอะ
หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จซับผมก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์เครื่องเก่าพาพี่เชนมายังบ้านของผม และดูเหมือนแม่ผมจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดคงจะไม่ได้กลับมาบ้านอีกสักพักและส่วนพ่อผมก็ไม่ต้องพูดถึง ลายนั้นคงจะไม่มีวันกลับมาที่บ้านแน่เพราะท่านเสียไปนานแล้วปัจจุบันผมเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว แต่เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงว่าเวลาเกิดอะไรขึ้นกับผมแล้วจะไม่มีใครรู้ครับ เพราะข้าง ๆ บ้านผมยังมีพี่น้องของแม่ค่อยสอดส่องผมอยู่ ถึงจะไม่จำเป็นกับผมมากก็เถอะ
“พอดีบ้านผมไม่มีห้องว่างเหลือ ถ้าพี่ไม่รังเกียจพี่นอนที่ห้องของผมแทนได้ไหมครับ เดี๊ยวผมจะไปนอนห้องแม่เอง”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเว้ยพี่อยู่ได้ แล้วอีกอย่างพี่ว่าน้องนอนห้องเดียวกับพี่เนี่ยแหละพี่ไม่อยากนอนคนเดียวว่ะ”
“เอ่อ...มันจะดีหรอครับ คือ...” คือประเด็นคือตรูไม่อยากยุ่งไปมากกว่านี้อ่ะ ไม่อยากซวยเข้าใจตรูเถอะนะ
“เอ้าหน่า เชื่อพี่เถอะ น้องนอนห้องเดียวกับพี่เนี่ยแหละพี่ไม่ถือ”
ถึงพี่จะไม่ถือแต่ผมถือนี่หว่า ยิ่งพี่แกเป็นผู้ชายแท้แล้วด้วยผมยิ่งไม่ควรจะนอนห้องเดียวกับพี่เขา เฮ่อ นี่พี่แนนไม่ได้บอกพี่เชนไปหรือไงว่าผมเป็นเกย์เนี่ย รู้ไหมว่าผมจะแย่....เนี่ย
“คือผมว่าผมควรไปนอนที่ห้องแม่ดีกว่า”
“แม็ครังเกียจพี่หรอ”
“เปล่าครับ”
“ถ้าเปล่าก็แสดงว่าแม็คนอนร่วมกับพี่ได้ แต่ถ้าแม็ครังเกียจพี่ แม็คจะไปนอนห้องอื่นก็ได้นะ พี่ไม่ว่าหรอก” พูดไปทำหน้าเศร้าไป นี่ถ้าร้องไห้ได้คงร้องอ่ะ -_-
“เอ่อ...งั้นผมนอนห้องเดียวกับพี่ก็ได้”
เล่นพูดมาแบบนี้แล้วจะให้ผมปฏิเสธพี่แกได้ยังไงเล่า โด่...ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ผมไม่รู้ด้วยแล้วน่ะ (ว่าไปนั้นอีก เมื่อกี้พึ่งจะบอกไปว่าไม่อยากยุ่งกับเขาอยู่แท้ ๆ ยังไงวะผมเนี่ย)
แต่ผมคิดว่าพี่หน้าจะปลอดภัยเมื่อผมลองมองสำรวจดูพี่เขาแล้ว -_- มิดชิดทุกสัดส่วน
“แม็ค พี่ขอถามหน่อยห้องน้ำห้องแม็คอยู่ตรงไหนพี่อยากอาบน้ำอ่า”
“เดินตรงไปอยู่ทางขวามือจะมีป้ายเขียนไว้บอกหน้าห้องเลยพี่”
“โอเคร ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้กินระหว่างรอพี่อาบน้ำเสร็จก็แล้วกัน”
“อืม ได้ดิ”
แล้วทีนี้ผมจะทำยังไงดี ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่นิดก็รู้ ๆ อยู่ว่าผมมันเป็นคนจำพวกขี้อายพูดก็พูดเถอะเกิดมายังไม่เคยนอนห้องเดียวกับคนอื่นเลย ผมจะนอนหลับไหมล่ะคืนนี้ยังดีที่พรุ่งนี้วิทยาลัยผมหยุด ไม่งั้นสงสัยผมคงได้แหกขี้หูขี้ตาไปวิทยาลัยแหง เอ้าวะ ไหน ๆ ก็ลองนอนร่วมกับคนอื่นดูบ้างสักครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร
“แม็คมาหาพี่แป๊บดิ”
เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ หรือจะอาบน้ำเสร็จแล้ว
“ครับว่าไงครั....0_0”
เฮือก.....0 [] 0 โอ้ววว.....โนว
พ่อเจ้าแม่เจ้าช่วยลูกช้างด้วย ใครก็ได้ช่วยลากผมออกจากห้องตอนนี้และเดี๋ยวนี้ที่ ไม่งั้นผมคงได้เลือดกำเดาพุ่งหมดตัวอยู่ตรงนี้ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาแน่ ๆ ชายที่ปิดบังร่างกายและใบหน้าบัดนี้ผมได้ประจักษ์แล้วว่าพี่เขาหล่อขั้นเทพจริง ๆ พี่ไมค์ที่ว่าหล่อน่ารักยังเทียบกับพี่แกตอนนี้ไม่ติดฝุ่น นี้ผมฝันไปหรือเปล่าผู้ชายหน้าตาโคตรหล่อสุดเท่คนนี้มาอยู่กับผมแน่หรอเนี้ย ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำที่พึ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาด ๆ พร้อมกับโชว์รูปร่างท่อนบนที่มีซิกแพคเป็นลอน ๆ แผ่รังสีสง่าที่มีผ้าขนหนูผืนน้อยปิดบังท่อนเหล็กสุดแกร่งเอาไว้ ตอนนี้ทั้งเลือดที่สูบฉีดหัวใจที่บีบรัดหน้าอกผมอยู่ทำให้ผมแทบหยุดลืมหายใจไปเลย ไม่นะไม่ ผมไม่ควรใจสั่นกับผู้ชายที่ผมจะต้องนอนร่วมห้องด้วยนานถึงหนึ่งอาทิตย์ ไม่ได้น่ะ ไม่ได้เด็ดขาด
“คือ พี่จะถามเราว่าจะเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ที่ไหนได้บ้าง”
“..........”
“แม็ค....”
“..........”
“น้องแม็ค แม็ค เฮ้...น้องแม็คครับ”
“คะ...ครับ ๆ ว่าไงพี่”
“น้องแม็คเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าแดง ๆ น่ะ”
“ครับ เอ่อ....ไม่ได้เป็นอะไรครับ^-^ แค่ดูหัวนมพี่เฉย ๆ ” ช่วงคำพูดสุดท้ายผมพูดอุทานเบา ๆ เพื่อให้ผมได้ยินคนเดียว
“หรอ งั้นก็ดีแล้ว พอดีเมื่อกี้พี่จะถามเราว่าเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ตรงไหนได้บ้าง พอดีพี่ไม่รู้ว่าจะต้องเอาไว้ที่ไหน”
“เอาไว้ตรงตะกร้าผ้าที่อยู่หน้าห้องน้ำเลยพี่”
“โอเคร ๆ อ่อ...” ระหว่างที่พี่แกกำลังจะเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ตะกร้าพี่เชนก็หันหน้ากลับมามองหน้าผมอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ตรงนี้
" ถ้าอยากดูขนาดนั้น พี่ให้เช่าหัวนมพี่ไปดูเล่นเอามะ หึหึ ^^ " พูดจบพี่แกก็เดินไป เฮือก....ใจหน่อใจ......ทำไมถึงเต้นแรงแบบนี้ฟร้ะ
โอ๊ย...ปวดหัวตึ๊บเลยงานนี้ บอกได้เลยว่าดีงามแต่ดีงามผิดเวล้ำเวลาไปหน่อย ถ้ายังเล่นโพล่มาในสภาพกึ่งถอดครึ่งเปลือยแบบนี้อีกล่ะก็ มีหวังได้หลงรักนางแน่ ๆ เลย ฮู้ยยย....จะหล่อไปไหนก็ไม่รู้พี่เอ๋ย ไม่ไหว ๆ ผมไปหาเตรียมกับข้าวต่อก่อนดีกว่า ขืนผมยังยืนทำหน้าเอ๋อ ๆ อยู่ตรงนี้ต่อมีหวังใจขาดตายก่อนครบหนึ่งอาทิตย์พอดี
ครู่ต่อมา
“มีอะไรกินบ้างแม็ค”
พี่เชนที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเดินเข้ามาถามผมในขณะที่ผมกำลังนั่งรอมาม่าสุกอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“มีมาม่าครับพี่^_^”
“มาม่าหรอ0_0”
“ครับ^^”
เอ่อ...คืองี้ จะให้ผมพูดว่าไงดีล่ะ คือผมทำกับข้าวอย่างอื่นไม่เป็นเลยครับ จะให้ผมทอดไข่ก็คงจะเกินความสามารถของผมไปหน่อยอ่ะนะ ผมเลยตัดสินใจใช้ตัวช่วยที่ผมคิดว่าผมถนัดที่สุดนั้นก็คือการต้มมาม่ากินนั้นเอง รับรองว่าอร่อยชัวร์
“แล้วไหนมาม่าพี่อ่ะ”
“นี้ครับผมต้มเผื่อพี่ไว้แล้ว”
ผมหันไปหยิบชามมาม่าที่วางอยู่ข้าง ๆ ชามของผมส่งยื่นไปให้พี่เชน พี่เชนยิ้มให้ผมก่อนจะหยิบชามมาม่าของพี่เขาไปถือในมือก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับผม
“ขอบใจ ^^”
“ครับ” 0///0
การที่พี่เชนส่งยิ้มให้ผมแบบนี้มันเป็นอันตรายต่อหัวใจผมอย่างแรง นี่ขนาดผมมองพี่เชนแบบผ่าน ๆ ผมยังรู้สึกเขินเลยอ่ะ คนอะไรแต่งตัวธรรมดายังน่ารักขนาดนี้ อยากจะขย่ำขยี้ให้ป่นปี้คาเตียงซะจริง อุ้ย....คิดไรอยู่วะเนี้ย...เขิน ๆ >///<
เฮ้อ....ผมล่ะอยากจะพูดขอโทษพี่แกเหลือเกินที่ผมเคยคิดไม่ดีกับพี่แกไว้ในตอนแรกว่าไม่อยากเจอะเจอพี่เขา ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะไม่หลุดพูดคำนี้ออกมาเลยสักนิด
“อื้ม แม็คทำมาม่าอร่อยดีน่ะ” นี่พี่แกแกล้งพูดชมประชดผมเล่นหรือเปล่าวะ ที่มันอร่อยก็เพราะมันมีเครื่องปรุงมาให้แล้วป่ะ
“ผมว่าใครทำก็อร่อยเหมือนกันแหละครับ”
“เอ้าหรอ ไม่รู้ดิพี่พึ่งเคยกินมาม่าเป็นครั้งแรก”
“หา....พี่พูดล้อแม็คเล่นหรือเปล่าเนี้ย”
“เปล่า พี่พูดจริง”
พูดเฉย ๆ ผมคงจะไม่เชื่อพี่เขาง่าย ๆ หรอกถ้าไม่ติดตรงที่พี่เชนทำหน้าตาจริงจังประกอบกับคำพูดของพี่แกด้วย นี่มันยุคสมัยไหนแล้วพี่เชน ถามจริงพี่ไปมุดอยู่หลุมไหนมาถึงไม่เคยกินมาม่าวะเนี่ย หรือว่าผมแปลกที่เคยกินฟร้ะ
และดูเหมือนว่าพี่เชนจะเห็นว่าผมทำหน้าเหวอ ๆ กับคำตอบของพี่แกอยู่ พี่เชนเลยตอบข้อปัญหาที่ค้างคาใจให้ผมฟัง
“ปกติพี่เคยกินแต่พวกแซนด์วิชก่อนไปเรียนอ่า เพราะพี่ต้มมาม่าไม่เป็นเลย”
“.......”
โวะ...ยิ่งพี่เชนคิดจะอธิบายให้ผมฟังผมก็ยิ่งหน้าเหวอหนักเข้าไปใหญ่นี่ยังมีคนที่ทำอะไรไม่เป็นหนักกว่าผมอีกหรอ ผมควรจะดีใจซิน่ะที่ยังมีคนประเภทเดียวกันกับผมหลงเหลืออยู่บนโลกเนี่ย
“พี่กินได้ยังอะแม็ค หิววะ”
“ครับ ๆ เชิญพี่กินได้เลย”
“โอเคร^^”
แล้วพี่เชนก็เปิดฝาชามมาม่าออกก่อนจะรีบโซ้ยมันเข้าปากอย่างเร็ว ผมก็พึ่งจะเคยเห็นคนกินม่ามาได้น่าอร่อยมันก็วันนี้แหละ คนอะไรกินมาม่าได้น่ากินเหลือเกิน ปากที่อมชมพูกำลังดูดกลืนเส้นมาม่าที่เหนียวนุ่มพร้อมกับเม้มริมฝีปากบางฉ่ำลงงับเส้น โอ๊ย...เซ็กซี่เป็นบ้า อีกอย่างถ้าจะดูน่ากินขนาดนี้พี่ไปเป็นนายแบบเถอะวะ ผมคิดว่ารุ่งชัวร์
“มีอะไรติดหน้าพี่หรือไง เห็นมองหน้าพี่ตั้งนานและ” พี่เชนพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามามองผม
“ผมไม่ได้มองพี่สักหน่อย”
“หึ หรอ ^^”
“-///-”
ผมไม่ตอบแล้วหันมาสนใจชามมาม่าของผมแทน ผมรีบเปิดฝาชามม่ามาก่อนจะรีบตั้งหน้าตั้งตากินแบบที่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีพิรุธสุด ๆ เท่าที่ผมจะทำได้ ว่าแล้วไงว่าต่อมชอบมองผู้ชายของผมนี้มันแก้ไม่หายจริง ๆ เผลอเป็นจ้องตลอด
เรื่องนี้ผมไม่ผิด ถ้าจะผิดก็ผิดที่พี่เชนนั่นแหละที่ดันเกิดมาหล่อเกินไปตั้งหาก
“แม็ค บ้านแม็คไม่มีใครอยู่หรอ”
“ครับออกไปทำงานหมด” ถึงจะมีแค่แม่ผมคนเดียวก็เถอะ
“ก็ดี ^^”
“ครับ?”
0-0 ...ฮืม ก็ดีงั้นหรอ ผมเงยหน้ามองพี่เชนอย่างหาคำตอบกับความหมายที่พี่เชนพูด สงสัยเมื่อกี้พี่เชนคงเผลอหลุดปากพูดอะไรแปลกๆ ออกมาแบบไม่คิดมั้ง เห็นพี่แกไม่ได้สนใจกับคำพูดที่พูดเมื่อกี้ของเขาเลยสักนิดเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินซดน้ำมาม่าลูกเดียว โด่ ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดเข้าข้างตัวเอง >/<
จากนั้นทั้งผมและพี่เชนเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อจนถึงเวลาเข้าห้องเตรียมตัวจะนอนผมจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนเพื่อหวังว่าพอผมออกมาจากอาบน้ำเสร็จแล้วพี่เชนแกจะเผลอหลับไป แต่แล้วความหวังสุดท้ายของผมก็มะลายหายไปในอากาศ พี่เชนยังไม่หลับแถมตอนนี้ยังนอนกระดิกขาเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจเฉิบอีก
“เสร็จแล้วหรอ”
“ครับ แล้วทำไมพี่ยังไม่นอนอีกล่ะ”
“หือ....ถามได้ก็รอนอนพร้อมแม็คอะดิ”
“นอนพร้อมผม”
“ใช่”
แล้วทำไมพี่เชนต้องรอนอนพร้อมเราด้วยอ่ะ ทั้งทั้งที่พี่เขาจะนอนหลับไปก่อนผมก็ได้แท้ ๆ อีกอย่างผมก็คงจะไม่ว่าอะไรหากพี่เขาจะนอนไปก่อน
“ที่หลังพี่เชนไม่ต้องรอผมก็ได้ครับ พี่หลับก่อนผมได้เลย”
“.......”
พี่เชนไม่ได้ตอบอะไรผม ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเหมือนกันก็เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จไว้ตรงโต๊ะมาเล่นแก้เซงบนเตียงนอนที่มีพี่เชนนอนอยู่ข้าง ๆ
ผมเปิดเช็คเฟรชบุ๊คของผมดูผมก็เห็นว่ามีข้อความจากพี่แนนส่งมาหาผมตอน18.15น. มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย
(แม็คปลอดภัยดีไหม)
ปลอดภัย? ไหงพี่แนนถึงส่งข้อความมาถามผมแปลกๆ แบบนี้อ่า ผมก็ต้องปลอดภัยดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง สงสัยพี่แนนแกคงจะเป็นห่วงตอนที่ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์พาพี่เชนมาส่งที่บ้านผมหรือเปล่า มั้ง หรือหมายถึงอะไร
[ปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง แล้วพี่แนนทักผมมาแค่เรื่องนี้หรอ]
ผมตอบข้อความกลับพี่แนนไม่นานพี่แนนก็เปิดอ่านกล่องข้อความของผม
ตรึ่ง.........
(เอ่อ...พี่ก็แค่ถามดูเพื่อแม็คเป็นอะไรไง) หืม.....นี่พี่แนนเริ่มทำให้ผมสงสัยมากกว่าเดิมอีกนะ เป็นไงอะไรผมงง
[หมายความว่าไงพี่]
(เปล่าพี่ก็แค่ถามไปงั้นแหละ แล้วไอ้เชนอยู่ไหนอ่า)
[พี่เชนก็นอนอยู่ข้าง ๆ ผ.......]
0 [] 0 เหวอ....โทษถัง ผมกำลังพิมพ์ข้อความเตรียมจะส่งพี่แนนอยู่ดี ๆ สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับพี่เชนที่เปลือยท่อนบนนอนหันหน้ามามองทางผมอยู่ แค่นั้นมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะแต่ผมมีคำถามที่อยากจะถามพี่เชนว่าแล้วทำไมพี่เชนจะต้องมองมาทางผมและยังทำตาหวานเยิ้มส่งมาให้ผมด้วยวะ
“พี่เชนกำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“นอนไง^^”
“นอน...” ผมถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ^^”
“เอ่อ...คะ...ครับๆ นอนก็นอนผมไม่กวนพี่แล้ว^_^”
โอ๊ยนี่มันอะไรฟร้ะเนี้ย...ผมรีบหันหน้ากลับมองจอโทรศัพท์แทนก่อนจะพิมพ์ข้อความที่ผมพิมพ์ค้างไว้ในตอนแรกกดส่งให้พี่แนนใหม่อีกครั้ง
หัวใจผมจะวายตาย อย่าบอกน่ะว่าตอนนอนทุกครั้งพี่เชนแกต้องนอนถอดเสื้ออ่า นี่มันจะไม่กลั่นแกล้งผมเกินไปหน่อยหรอ ผมก็มีความรู้สึกน่ะเฟ้ย
ตรึ่ง.....
(หรอ งั้นก็ขอให้โชคดีน่ะน้องพี่ สู้สู้)
“-0-”
โชคดี สู้สู้งั้นหรอ คือ.........ใครก็ได้ช่วยมาอธิบายให้ผมฟังทีผมประสาทจะกิน
“เป็นไรแม็ค”
เฮือก!!!
ผมสะดุ้งตกใจเสียงพี่เชนเล็กน้อย ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกน่ะ เพียงแค่ผมรู้สึกเสียวสันหลังเล็กน้อยแบบบอกไม่ถูกผมคงคิดมากไปเองมั้ง
“เปล่าครับ”
“งั้นก็ดี พี่ว่าเรานอนได้แล้วนี่มันก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้วด้วย”
“ครับ งั้นผมลุกไปปิดไฟก่อนนะ”
“อืม^^”
พูดก็พูดเถอะ ผมชักเริ่มไม่ชอบรอยยิ้มแสนกินใจของพี่เชนซะแล้วซิ มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้อันนี้ผมเองก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเหมือนกัน อีกอย่างบางครั้งรอยยิ้มของพี่เชนมันก็ทำให้ผมใจเต้นแรงอย่างมากด้วยซิ
ผมลุกไปปิดไฟที่ฝาผนังห้องของผมก่อนจะเดินเข้ามานอนที่เตียงตามปกติ ผมนอนลงและหันหลังให้พี่เชนมาอีกด้าน ผมนอนหลับตาข่มตัวเองให้หลับอยู่นานแต่ผมก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้อีกอยู่ดี สุดท้ายผมก็ได้แต่นอนหลับตาไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้นต่อไปครับ จนกระทั่งความรู้สึกของผมมันสัมผัสได้ถึงเตียงนอนที่ยุบลงใกล้ ๆ กับที่ผมนอนอยู่ แขนของใครสักคนผาดลงมาไว้ที่เอวของผม เสียงหายใจที่ไล่รดอยู่ที่ต้นคอ เนื้อที่แนบชิดกันที่หลัง ผมตอนนี้ได้แต่นอนตัวแข็งทื่ออย่างกับเสาร์ปูนบ้านไม่มีผิด ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยและผมก็ไม่รู้ว่าการกระทำแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ นี่ผมกำลังโดนพี่เชนกอดอยู่งั้นหรอ
ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงหัวใจผมเริ่มเต้นแรงและดังขึ้นอย่างผิดปกติ ขอร้องอย่าให้พี่เชนจับผมได้เลย ผมแกล้งขยับตัวกระเถิบหนีแต่มันก็ไม่เป็นผมเพราะยิ่งผมทำท่าจะหนีพี่เชนก็ยิ่งกอดรัดผมมากกว่าเดิมเท่านั้น ทำไงดี คืนนี้ผมจะทำยังไงดี ใครก็ได้ช่วยด้วย.....T0T
“กูก็บอกแล้วไงว่ากูยังไม่ได้ทำอะไรน้องมึง นี่มึงหัดเชื่อใจกูหน่อยได้ไหมวะ”
“อย่ามาสตอ กูไม่เชื่อคนอย่างมึงหรอกไอ้เชน”
“มึงพูดแบบนี้กูเสียหายนะเว้ย”
“เสียหาย เสียหายอะไรของมึง”
“กูก็ไม่รู้ ที่กูรู้คือถ้าเกิดน้องเขาตื่นขึ้นมาแล้วได้ยินที่มึงพูดกูจะฟ้องไอ้พีช”
พอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินบทสนทนาแปลก ๆ ชวนเข้าใจผิดเข้าให้เลย ขอให้ผมนอนต่ออีกสักนิดไม่ได้เลยใช่ไหมรู้ไหมว่าผมพึ่งจะได้นอนหลับสนิทก็ตอนใกล้จะสว่างนี่เอง กว่าผมจะทำใจยอมรับให้ตัวเองชินกับอ้อมกอดสุดแกร่งของพี่เชนได้มันนานซะจนผมลืมไปแล้วว่าพี่เขาอาจจะแค่เผลอนอนกอดผมเฉย ๆ ก็ได้ (พึ่งคิดได้ตอนใกล้จะเช้าครับ)
“ไอ้เชนนี่มึงขู่กูหรอ”
“ครับเพื่อน”
“ขอโทษที่ต้องขัดนะครับ คือช่วยไปเถียงกันไกล ๆ หน่อย ผมจะนอนต่อ” ผมพูดขัดขึ้นในขณะที่พี่เชนกับพี่แนนเตรียมจะฟาดฟันกันอย่างดุเดือดต่อในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
“เห็นไหมไอ้แนนน้องแม็คตื่นเลย”
“เชี้ยก็กูไม่รู้นี่หว่า กูขอโทษ”
“มึงออกมาเคลียร์กับกูข้างนอก”
ไม่นานนักบรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมก็สงบลงในที่สุด คาดว่าพายุเฮอริเคนลูกใหญ่คงจะผัดผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว นอนต่อเอาแรงดีกว่าผม คอกฟี้ คอกฟี้….
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นหรือเปล่าเนี่ย พอผมตื่นนอนขึ้นมาก็ไม่เจอพี่ทั้งสองอยู่ที่บ้านผมแล้วไม่ใช่ว่าจะไปฟาดฟันกันต่อที่นอกจักรวาลหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็คงจะไม่ออกไปช่วยห้ามศึกของพี่ทั้งสองแกอย่างแน่นอนอ่ะเพราะผมคงไปไม่ถูกอ่ะ
“อ่าวตื่นแล้วหรอ” พี่เชนที่ไม่รู้โพล่มาจากซอกไหนถามผมขึ้น
“ครับ แล้วพี่แนนล่ะครับ”
“รายนั้นพี่พึ่งขี่รถไปส่งบ้านมา” มิหน้าล่ะ ก็ว่าอยู่ว่าหายไปไหนกันหมดเล่นเอาผมคิดไกลไปถึงโน้นเลย
“แล้วนี่แม็คจะออกไปเที่ยวไหนหรอ แต่งตัวซะเนียบเชียว”
อ๋อ ลืมบอกไปเมื่อกี้ไอซ์โทรมาชวนผมไปห้างเปิดใหม่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของผม ผมก็เลยว่าจะออกไปเหล่ผู้ชายแถวนั้นสักหน่อยเผื่อผมจะมีดวงได้หิ้วกลับมาบ้านบ้าง นี่ผมไม่ได้อ่อยนะผมแค่ยั่วเฉย ๆ ^,^
“ผมจะออกไปเที่ยวห้างกับเพื่อนน่ะครับ”
“ขอพี่ไปด้วยคนดิ”
“......”
“อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาอ่า นะ ขอพี่ไปด้วยคน *-*” สายตาเป็นประกายเชียวนะ
“จะดีหรอครับ”
“ดีดิ นะพี่ไปด้วยนะ ตั้งแต่มาที่นี้ยังไม่ได้เที่ยวไหนเลยอ่า นะ ๆ ๆ ๆ ^^”
“ครับ -_-”
หนสุดท้ายผมก็ปฏิเสธไม่ลงจนได้ คนอุตส่าห์กะว่าจะออกไปเที่ยวเหล่หนุ่มให้หายสมใจอยากสักหน่อยไหงมันถึงกลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ เอ่อ....แต่ใช่ว่าจะไม่ดีไปซะหมดอะน่ะ...^-^..
แล้วไหนไอซ์มันบอกผมว่าให้ผมรอมันอยู่ที่หน้าโรงหนังไง นี่ผมรอมันจนลากผมจะงอกลงบนพื้นได้แล้วมั้ง รู้ไหมว่ายิ่งมันมาช้ามากเท่าไร ผมก็ยิ่งจะละลายเป็นไอศกรีมมากเท่านั้น จะให้ผมทำยังไงในเมื่อมีผู้ชายสุดหล่ออย่างพี่เชนมานั่งจ้องหน้าผมอยู่แบบนี้ กะจะมองให้ผมคนนี้หัวใจวายตายเลยหรือไง หัวใจผมยิ่งอ่อนแอต่อความน่ารักของพี่แกอยู่ด้วย
ตริ่ง..ตริ่ง.... (เสียงเมจเซตดัง)
(โทษทีวะมึง กูว่ากูคงไปไม่ได้แล้วว่ะ แม่งแฟนกูไม่ให้ไป ขอโทษน่ะมึง...ไว้วันหลังกูเลี้ยงข้าวขอโทษมึงอีกทีนะ)
สรุป วันนี้ผมโดนเบี้ยวนัดชิมิ - - เอิ่ม...แล้วจะเอาไงต่อดี จะกลับบ้านเลยหรือจะเดินเที่ยวต่อดี ผมเงยหน้าจากมือถือพร้อมกำลังใช่ความคิดว่าควรกลับบ้านดีไหม แต่ทว่าสายตาของคนตรงหน้ามันฟ้องว่าพร้อมเที่ยวเต็มที่เนี่ยดิ
“เพื่อนแม็คใกล้ถึงยังอ่ะ”
“เอ่อ..คือว่าเพื่อนผมมันส่งข้อความมาบอกผมว่ามันไม่มาแล้วครับพี่”
“งั้นปะ...” พี่เชนพูดพร้อมกับจับมือผมให้รุกขึ้นยืนตามพี่เขา
“ไปไหนครับ” ผมถามอย่างงง ๆ
“ไปเดินเที่ยวกัน พี่อยากเที่ยวกับแม็ค”
“หึ่ม..กับผม?”
“เอ้า..ใช่ดิ ปะเร็ว รอไร” พูดจบก็เดินลากผมให้เดินตามไปทันที
“ครับ ๆ ”
หลังจากนั้นพี่เชนก็พาผมเดินไปดูเสื้อผ้าออกมาใหม่บ้าง ดูรองเท้าบ้าง พาไปเล่นเกมส์หยอดเหรียญ กินไอศกรีมบ้าง เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกสนุกไปกับพี่เขานะ ถ้าไม่ติดที่ว่าพี่เขาพาผมเดินเที่ยววนติดต่อกันเป็นเวลาสามชั่วโมงติดแล้วอะน่ะ -_- บอกเลยตอนนี้ขาผมล้ามาก ๆ แต่ไหงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมยังไม่มีทีท่าว่าจะเหมื่อยขาเหมือนกันกับผมเลยก็ไม่รู้ พี่เขาโดนตัวไหนมาถามจริงเถอะ
แต่ถึงเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็จะขอยอมเมื่อยขาแบบนี้ต่อไปครับ ^^ฟินในความหล่อของพี่แก
“แม็ค อยากกินไรหรือเที่ยวไหนต่อไหมครับ” นี่ยังคิดจะไปต่อที่อื่นอีกหรอเนี้ย...0 [] 0
“ไม่แล้วครับพี่เชน ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าครับ” ^-^”
“อะ งั้นก็ตามใจแล้วกัน”
สุดท้ายกลายเป็นว่าพี่เชนจับมือผมลากเดินอีกตามเคยครับ แต่นึก ๆ ไปแล้ว วันนี้ทั้งวันตลอดการเดินเที่ยว พี่เชนแกทั้งจับแขน กุมมือ กอดคอผม และอีกหลาย ๆ อย่างสารพัด ทำไมผมถึงพึ่งมาเอะใจตอนนี้วะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกดีหรอกน่ะครับ ผมแค่รู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือตกใจดีที่คนหล่อ หน้าตาดีอย่างพี่เชนจะมาใส่ใจในตัวผมได้ทั้งวันแบบนี้ โดยตลอดทั้งวันพี่เชนไม่แม้ที่จะบ่นหรือทำหน้าเซงกับผมเลยสักนิด ดีใจอ่ะ -///- (อมยิ้ม)
20 นาทีต่อมา
“โห้ ทำไมอากาศมันร้อนแบบนี้ว่ะ” พอกลับมาถึงบ้านพี่เชนแกก็นั่งบ่นรำพึงรำพันอยู่ตรงเก้าอี้อยู่อย่างนั้น ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่นั่งจดๆ จ้องๆ มองอาการของคนที่กระวนกระวายปนหงุดหงิดนิดหน่อยอยู่ภายในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าพี่เชนเองก็อยู่ในห้องกับผมเหมือนกัน อย่าพึ่งคิดไปไกลว่าทำไมพวกผมนั้นต้องอยู่ภายในห้อง ประเด็นคือในห้องอากาศมันไม่ร้อนเท่ากับอยู่ข้างนอกนั้นเองครับ ซึ่งก็เป็นความโชคดีของผมเหมือนเคย หุหุ นั่งมองคนหล่อนี่มันช่างเพลิดเพลินเสียจริงจริ๊งงง.........
“แม็ค แม็คร้อนเหมือนพี่ไหม”
คนอะไรขาวกระจ่างใสได้ขนาดนี้...ยิ่งมองก็ยิ่งหลงเลยแหะ เป็นไปได้จับทำสามีได้มะ อิอิ
“แม็คครับ ได้ยินพี่ไหม”
พี่เขาจะรู้บ้างไหมว่ายิ่งพี่เขาอยู่ใกล้กับผมนานเท่าไรใจผมก็ยิ่งสั่น หวั่นไหวแปลก ๆ
“แม็ค แม็คครับ ยู้ฮู้ เด็กดีของพี่....แม็คคคคค....”
“หะ ครับ ๆ ว่าไงครับ..” >0< ถึงกลับสะดุ้งไม่เป็นท่าเลยครับ
“หึหึ...มัวแต่มองพี่อยู่นั่นแหละ กลัวพี่หายหรือไงเราอ่า” ^^ โอ๊ย...ยิงคำถามมาซะตรงเลย
“ใครเขามองพี่เชน แม็คมองเสื้อที่พี่ใส่ต่างหาก เห็นว่าเท่ดีว่าจะไปหาซื้อมาใส่บ้าง” แถไปเรื่อย
“จริงงะ”
“จริงแท้แน่นอน แม็คจะโกหกพี่เชนทำไมละครับ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเราซะหน่อย555+” เอิ่ม.....-_- คือผมร้อนตัวไปเองใช่ไหม
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ล่ะ พี่ว่าพี่ร้อน พี่ขอถอดเสื้อนะ”
“หะ ๆ ...” 0-0
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไป พี่เชนก็เล่นถกเสื้อขึ้นแล้วจัดการถอดออกเป็นที่เรียบร้อย ดีจริงชอบ ๆ เอะอะถอด ๆ ชอบ..... โอ้มายก๊อต..... (พริ้บๆ 0 () 0 เลือดจะพุ้ง) ว้าว....ขาว...ซิกแพคแน่นเปี๊ยะ....ทำไง ทำไงดี กลัวใจลำบากจังเลย
ผมค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปยังต้นขาอ่อนที่ตอนนี้มันล่นขึ้น จนเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรที่ผมไม่คาดคิด ผมเห็นกางเกงในสีขาวตัวน้อยนิดหนอนตัวบิ๊กเบิ่ม ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรยังขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้า....อ๊ากกกกก แม็คครับแม็ค ใจเย็น ๆ ตัวเรา แย่แน่นี่ผมกำลังแข็งตัวหรอ...เอาแล้วไง แต่ทำไมสายตาของผมยังคงจดจ้องอยู่ที่เดิม ไม่ได้ ๆ ต้องมองไปที่อื่น ผมค่อย ๆ เลื่อนสายตาของผมอีกครั้ง โดยครั้งนี้มองให้สูงขึ้น และสูงขึ้นไปอีก สะดื้อน่ารัก....ซิคแพคเป็นลอนสวย....หัวนมชมพู....ลำคอหน้ากัด...ปากสีชมพูปนแดงนิดหน่อย...จมูกโด่ง....แก้มใส....ใบหน้าเข้ารูป....และคิ้วหนาสีดำทรงเสน่ห์...สุดท้ายดวงตา...เอิ่ม...ดวงตาก็...ก็...เอิ่ม..อ๊ากกกกก...... 0 [] 0 .....o...NO.....
“ว่าไง ตอนนี้กำลังมองกางเกงพี่แล้วก็สำรวจตรวจร่างกายพี่อยู่หรอครับ...น้องแม็ค” ^^ ไม่พูดเปล่ายังส่งยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยเล่ห์มาให้ผมอีก
“คือ...คือผมก็แค่อิจฉาหุ่นพี่เชนเฉยๆ แหละครับ แหม แค่นี้ขอผมดูนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้หรอ...” ^-^’
“งั้น...พี่ว่า....” อยู่ดี ๆ พี่เชนก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตรงมายังที่ผม ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนั้นเองครับ
“เอ่อ...อะไรหรอครับ เฮ้ย...พี่เชน.....”
ผมถึงกับหน้าเหวอ แทบไม่น่าเชื่ออยู่ดี ๆ พี่แกก็ผลักผมที่นั่งเก๊กทำหน้านิ่งอยู่ให้นอนลงราบไปกับที่นอน ไม่ผลักเปล่ายังกระโดดขึ้นคร่อมผมอีก...อ๊ากกกก....อะไรกันเนี้ยย...> [] < เอาเลย ๆ ๆ ผมยอม5555+
“พี่ว่า...พี่มาอยู่ใกล้ ๆ ...ให้แม็คสำรวจพี่ดีกว่า...ดีไหมคนดี^^” ผมนี่ขนลุกชูชันขึ้นมาทันที แค่พี่เขามากระซิบข้าง ๆ หูผม ผมก็ระทวยแล้ว โอ๊ย...ทำไมใจง่ายแบบนี้ว่ะ
“.........”
“พี่ว่าพี่ก็อ่อยแม็คสุดแรงแล้วน่ะ แม็คไม่ชอบพี่บ้างหรอครับ” 0-0? อะไรนะ นี่พี่เชนแกกำลังอ่อยผมอยู่หรอ
“พี่เชนพูดอะไร ผมไม่เข้าใจครับ”
“งั้นพี่ขอถามเราแล้วกันว่า...” พี่เชนค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาต่ำ มาที่ข้างหูผม
“ครับ”
“น้องแม็คชอบพี่หรือเปล่า..”
ลมหายใจอันร้อนผ่าวของพี่เชน ผมสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน มันทั้งร้อนทั้งหน้าขนลุก ใจผมตอนนี้มันเริ่มไม่เป็นสุข มันหวั่น ๆ กับสัมผัสอันแปลกใหม่ที่ผมพึ่งเคยรับรู้มันช่างแสนเย้ายวนให้ผมตกหลุมรักพี่เขาเหลือเกิน
“ผม..ไม่รู้..ผมไม่แน่ใจ” เสียงผมที่หลอดผ่านออกมาช่างฟังดูสั่นเครือ
“ช่างมัน พี่ขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน ว่าเราสองคนใจตรงกันนะ” ใจตรงกันงั้นหรอ?
“พี่ชอบน้องแม็คนะครับ”
“ครับ? 0 0”
“พี่ว่าพี่ทนไม่ไหวแล้วว่ะแม็ค”
“ไม่ไหว? ไม่ไหวยังไงครับ” หมายความว่า.... นี่เราจะเสียเวอจิ้นหรอเนี้ย ไม่นะ ไม่ 5555+ >0<
“ก็พี่เริ่ม.....ทนไม่ไหวแล้วอะ คิดว่าไง”
“หึ่มม....พี่เชน”
“ครับน้องแม็ค” ^^ ดูสายตาที่ไม่ทุกข์ร้อนทุกหนาวของพี่แก
“ผมเป็นผู้ชายนะพี่ พี่อาการไหนเนี้ย”
“พี่ไม่สน พี่สนแค่ว่าพี่อยากได้น้อง”
“นี่พี่เป็นเกย์หรอครับ” ผมนี่งงเลยนะถ้าอยู่ดี ๆ พี่เขาบอกว่าใช่อ่ะ
“555+ เปล่า พี่ก็เป็นผู้ชายเนี้ยแหละ เอ๊ะหรือว่าพี่เป็น แต่ถ้าเป็นก็ต้องเป็นหลังจากที่พี่เจอน้องแม็คแหละครับ”
“ไมเป็นงั้นอ่า”
“น้องแม็คต้องรับผิดชอบพี่ด้วย”
“ไมต้องรับอ่า แม็คยังไม่ได้ทำไรให้เลยนะ”
“ทำซิครับ ทำใจพี่ให้ตกหลุมรักน้องแม็คตั้งแต่สองปีที่แล้ว”
สองปีที่แล้ว ผมไปรู้จักพี่แกตอนไหนหว่า...ไม่หน้านะ ทำไมผมถึงจำไม่ได้ แล้วเมื่อไรพี่แกจะลุกออกไปจากตัวผมเนี้ย...เขินวุ้ย
“แม็คไม่เห็นจำได้เลย พี่เชนจำผิดเปล่า”
“ไม่ผิด ไม่มีวันผิดแน่นอน และเพราะแบบนั้น น้องแม็คถึงต้องรับผิดชอบพี่ไง^^”
“เอ้า...งี้ก็ได้หรอว่ะพี่ -/-”
“^^” ยัง ยังจะยิ้มอีก
“แล้วงี้แม็คต้องทำไงอ่า พี่เชนก็บอกแม็คมาดิ”
“ง่ายนิดเดียว” ง่าย? ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจก็ไม่อยากจะเชื่อ นี้ผมฝันอยู่รึเปล่านะ
“ครับ ว่ามา”
“น้องแม็ค......แค่ยอมเป็นแฟนพี่ก็พอครับ ตอนนี้และเดียวนี้....ได้ไหม”
“ห๊า..พูดจริงพูดเล่นเนี้ย “
“จริงจังมากบอกก่อนเลย “
“ทำไมถึงเป็นแม็ค พี่ออกจะหล่อหน้าตาก็ดูดีไร้ที่ติ คนอย่างพี่จะมาชอบผู้ชายหน้าธรรมดาแบบผมได้ไง “
“พี่ชอบแม็ค พี่พูดจริงนะ “ผมมองตาพี่เชนหลังจากที่ฟังที่พี่แกพูดออกมาสายตาของพี่เชนดูจริงจังผิดแปลกจากเดิมที่ดูจะออกแนวขี้เล่น ๆ
“เป็นแฟนพี่เถอะนะ ถึงแม็คจะจำไม่ได้ว่าเคยรู้สักพี่ไหม แต่พี่จำแม็คได้จำได้ไม่มีวันลืม แม็คเป็นแฟนพี่เชนไม่ได้หรอครับ “
โฮ้ เล่นพูดออกมาแบบนี้แล้วจะให้ผมพูดไรได้อีกล่ะ ถึงแม้ว่าผมจะชอบคนหล่อและหน้าตาดีขนาดไหน แต่ทำไมผมกลับพึ่งจะเคยใจเต้นรัว ๆ กับแค่ประโยคที่พี่เชนพูดออกมาเรียบ ๆ แบบนี้กันนะ นี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าเผลอตกหลุมรักเข้าให้แล้วเต็ม ๆ ถึงผมจะไม่แน่ใจว่าผมคู่ควรกับพี่เชนไหมรึเปล่าก็ตามใจผมตอนนี้ไม่อยากจะปล่อยโอกาสดี ๆ ครั้งนี้ให้หลุดลอยไปเลย ผมจะขอรับสิ่งมหัศจรรย์นี้ไว้เอง
“เอ่อ...ครับ แน่นอนว่าผมอยากจะเป็นแฟนพี่ครับ^^ “
“จริงนะแม็ค “
“ครับ “
“งั้นเรามาลองเลื่อนจากแฟนมาเป็นแฟนแบบแนบชิดกันดูไหม หุหุ ^^ “
“จะบ้าหรอพี่ มันเร็วไป “
“หยอก ๆ น่า พี่ชอบแม็คมากนะครับ ^^ “
“เอ่อ...ครับ>-< “เขินวุ้ย
เออะ อยู่ดี ๆ ผมก็ได้ผู้หล่อ ๆ มาเป็นแฟนซะงั้น จากที่นกมาหลายปีจีบคนอื่นไม่ติดก็หลายหน แต่ไหงพอจะได้แฟนก็ได้แบบปุบปับชับไวป่านสายฟ้าแลบแบบนี้หว่า คำทำนายของเพื่อนพลอยผมเชื่อแล้วมันเพื่อนผมเป็นของจริง สงสัยต้องหาของไปเซ้นไหว้ซะหน่อยและที่เป็นผู้มีพระคุณส่งคนหล่อแสนดีมาให้ผมคนนี้
ว่าแต่ผมไปรู้จักพี่เชนแกตอนไหนกันนะ...
2 ปีก่อน
เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ตัวอ้วนมีพุงดูสูงใหญ่กำลังเดินหลงกับเพื่อนที่พากันมาเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอย่างจังหวัดระยองกำลังมองหาหนทางติดต่อกับเพื่อนอยู่อย่างเคร่งเครียด
เด็กหนุ่มคนนี้กำลังประสบกับปัญหาครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ทางบ้านค่อนข้างมีฐานะร่ำรวยอยู่พอตัว และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาทิปกับเพื่อนในห้องเรียนของเขา ตอนนี้เขาไม่สามารถติดต่อกับเพื่อนของเขาได้เนื่องจากโทรศัพท์ของเขาดันแบตหมดในเวลาที่สำคัญแบบนี้ จะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี เขาคิดอยู่พักใหญ่ ๆ แบบนี้วลไปหลาย ๆ รอบ
จนในที่สุดก็มีเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขาค่อนข้างมากหน้าตาดูธรรมดาแต่แววตาและคำพูดที่เด็กคนนั้นพูดขึ้นทำให้ใจของเด็กหนุ่มวัย 19 ที่ชื่อว่าเชนพองโตขึ้นมา
“เอ่อ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ พอดีผมนั่งทำงานอยู่ที่ร้านข้าวตรงหัวมุมตรงโน้น ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ผมแอบเห็นพี่ยืนอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว ผมเลยคิดว่าผมอาจช่วยพี่ได้นะถ้าพี่ไม่รังเกียจที่จะให้ผมช่วยล่ะก็ “เสียงของเด็กผู้ชายอายุหน้าจะน้อยกว่าเขาได้ปีสองปีทำให้เขาหัวใจเต้นโครมครามอย่างดีใจ
“พอดีกำลังหลงกับเพื่อนที่มาด้วยกันนะ เอ่อ...ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้หรือเปล่าครับ “เด็กหนุ่มทำหน้าดูโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเด็กหนุ่มเชนสังเกตเห็น
“นี่ครับ ^^ “เด็กหนุ่มยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ทันทีอย่างไม่ลังเล เชนรีบรับไว้ด้วยความเกรงใจ เขามองการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาใจสงบจากที่กำลังกังวลและหวาดกลัวอยู่หน่อย ๆ ก่อนหน้านี้ ช่างเป็นคนดีจริง ๆ เขาคิดแบบนั้น
ไม่นานนักเขาก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จ ในเย็นวันนั้นเขายิ่งรู้สึกตกใจและแอบดีใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนที่ได้มาเที่ยวด้วยกันรู้จักกับเด็กผู้ชายที่ได้มาช่วยเหลือเขาไว้ น้องคนนั้นชื่อว่าแม็ค......
หลายวันหลังจากนั้นเขาก็สืบจนรู้ชื่อเฟชรของน้อง น้องชื่อแม็คมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน ดูเหมือนในเฟชรของน้องจะเป็นคนขี้เพ้อเจ้อหน่อย ๆ แต่อ่านหน้าเฟชรน้องไปเรื่อย ๆ ไปๆ มา ๆ เชนกลับรู้สึกสนุกกับเรื่องราวที่น้องอัพเดตในทุก ๆ วัน
เขาเริ่มรู้ตัวว่าเขานั้นอยากจะรู้จักน้องมากขึ้นกว่านี้ เขาจะทำยังไงดีนะ และในตอนนั้นเอง
[อยากเจอรักดี ๆ มีแฟนหล่อ ๆ ให้บอกคิดถึงบ้างจัง มันคงจะหายเหนื่อยนะ....]
น้องเขาชอบผู้ชายงั้นหรอ? สิ่งที่เขาควรคิดหลังจากเห็นโพสนี้ควรจะเป็น อะไรเป็นเกย์หรอกหรอ แต่ไม่เลย เขากลับคิดว่าถ้าเกิดว่าเขาหล่อและดูดีได้เขาจะสามารถเป็นคนนั้นของน้องแม็คได้รึเปล่านะ........เขาคิดว่าเขาคงตกหลุมรักน้องแม็คให้เข้าแล้ว และแผนการที่เขาจะปฏิวัติตัวเองเพื่อน้องแม็คและจะต้องทำให้น้องมาเป็นคนรักของเขาก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นเอง...............
จบบริบูรณ์จ้า....
เรื่องนี้แต่งไว้นานแล้วพึ่งเอามาลงให้อ่าน ยังไงติชมกันได้นะ....ขอบคุณที่อ่าน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ