ดวงตาที่มองไม่เห็นดวงใจ
เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม
วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 14.04 น.
แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 14.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนั่นเป็นเรื่องน่าขันสมัยที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ตอนนั้นฉันยังเป็นโรคแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกอยู่เลย ความที่แขนฉันใช้งานได้ข้างเดียว วิชาไหนที่ต้องเน้นภาคปฏิบัติฉันจึงแอนตี้มากถึงมากที่สุด! ถึงไม่ชอบมากแค่ไหน แต่ใครเล่าจะหลีกเลี่ยงวิชาภาคบังคับได้ ฉันจำทนเรียนวิชาพละ ดนตรี-นาฏศิลป์ และการงานอาชีพฯ อย่างเบื่อหน่ายทุกเทอม ฉันสอบว่ายน้ำไม่ได้ก็ต้องทำรายงานแลกคะแนน ฉันสอบเตะฟุตบอลไม่ได้ก็ต้องทำรายงานส่ง เพราะต้องสะสมคะแนนให้ทันเพื่อน ฉันสอบเล่นซอไม่ได้ก็ต้องสอบท่องโน้ตเพลงขอคะแนนจากครูผู้สอน
บางเทอมต้องนั่งแกะสลักผักผลไม้ บางเทอมต้องเย็บปักถักผ้าในรายวิชาการงานอาชีพฯ แค่ฉันนั่งสอดด้ายใส่เข็มนี่ก็เหงื่อแตกเป็นกะละมังแล้ว ยากนะ! งานที่จำเป็นต้องใช้สองมือแล้วฉันต้องใช้มือข้างเดียวในการทำงานส่ง กระทั่งฉันเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ฉันต้องต่อแผงวงจรไฟฟ้าในวิชาการงานอาชีพฯ เวรก๊ำเวรกรรม! ฉันจะหนีพ้นวัฏจักรวิชาพาวินาศได้อย่างไร
ขณะที่ฉันกำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากับอุปกรณ์ต่อแผงวงจรไฟฟ้า ครูอิศรกับแค็ปก็เดินมาหาฉันที่โต๊ะ
“ทำเป็นมั้ยวิสา”
“หนูจะแย่แล้วค่ะ อะไรเป็นอะไรหนูไม่รู้จักสักอย่าง” ถึงครูจะเคยสอนแล้วก็เถอะ “หนูตามครูกับเพื่อนไม่ทันเลยค่ะครู”
“ไม่เป็นไร ครูหาผู้ช่วยให้เธอแล้ว” ครูอิศรผายมือไปยังคนที่ยืนข้าง ๆ “แค็ป ช่วยเพื่อนหน่อยนะ เพื่อนไม่ค่อยแข็งแรง”
“ครับ” แค็ปรับคำ
ครูอิศรเดินกลับไปที่โต๊ะ แค็ปนั่งลงเก้าอี้ตรงข้าม อธิบายอุปกรณ์แต่ละชิ้นอย่างช้า ๆ และสอนให้ฉันรู้จักการต่อแผงวงจรไฟฟ้าฉบับเข้าใจง่าย ลองให้ฉันต่อแผงวงจรเอง ขั้นตอนไหนต้องใช้สองมือ แค็ปก็จะเป็นมือขวาให้กับฉัน แต่จู่ ๆ มอสก็ลากแค็ปออกมาจากกลุ่ม
“มากไปแล้วแค็ป เดี๋ยวฉันสอนเอง”
“มอส เพื่อนกำลังเรียนต่อแผงวงจร อย่ามากวนเพื่อนสิ” ยิ่งเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย
“ผมช่วยนะครับ”
“อือ”
มอสอธิบายแบบวกไปวนมาตามที่เขาเข้าใจ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เข้าใจด้วยเลย ถ้าทักษะการพูดแย่ขนาดนี้ทำไมไม่ให้แค็ปมาไม่รู้ เฮ้อ!
ใช้เวลาไม่นานก็ต่อแผงวงจรเสร็จ...ด้วยฝีมือของเจ้ามอส ฉันจะถูกหักคะแนนไหม? งานของตัวเองแต่สำเร็จด้วยฝีมือเพื่อน ฉันแอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ต้องขอบคุณเขาที่ช่วยให้งานของฉันเสร็จ เหลือก็แต่นำแผงวงจรใส่ในโคมไฟที่เตรียมมา โชคดีที่บ้านมีโคมไฟเก่า ๆ ที่เสียแล้ว ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ฉันจึงนำมันมาใช้โดยไม่คิดอะไร แต่ไม่คิดเลยว่าการใช้ของมือสองสภาพดีกลายเป็นว่าจะทำให้ครูผาณิตหาประเด็นมาหักคะแนนฉันได้ ฉันส่งงานในคาบเรียนพร้อม ๆ กับเพื่อน และพอถึงเวลาประกาศคะแนน ฉันถึงกับหน้าชาไปเลย
“วิสา แผงวงจรไฟฟ้าแค็ปกับมอสช่วยทำ ตัวโคมไฟก็ไม่ได้ทำขึ้นมาเอง ครูขอหักคะแนนเธอครึ่งหนึ่งนะ” ครูผาณิตอธิบาย ฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ก็ได้แต่ตอบรับคำไป
อันที่จริง ฉันทำใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกหักคะแนนแน่ ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าสาเหตุจะมาจากฉันนำวัสดุเหลือใช้มาต่อแผงวงจรไฟฟ้า ฉันจิตตกมาก เพราะเพื่อนบางคนเขาซื้อไม้แกะสลักมาทำโคมไฟ ไม้ที่ผ่านการแกะสลักเคลือบด้วยสีย้อมไม้!!! แค่ใส่แผงวงจรไฟฟ้าก็เสร็จแล้ว แต่กลับมีแค่ฉันที่ถูกหักคะแนน ฉันคิดว่าครูผาณิตไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เธอมองไม่เห็นความเป็นจริงเลยว่าฉันได้โคมไฟเก่า ๆ มาได้อย่างไร เห็นแค่กระจกเพ้นท์ลายฉันก็กลายเป็นนักเรียนจอมโกง...โกงที่ไม่ได้ทำขึ้นมาเองแล้ว
หลังเลิกเรียน ฉันเดินไปที่ร้านไอศกรีมอย่างเซ็ง ๆ ก้นถึงเก้าอี้ถึงได้รู้ว่าแค็ปกับมอสเดินตามมา ทั้งสองต่างให้กำลังใจฉัน
“ไม่เป็นไรนะครับ” มอสบอก
“อืม...วันแบบนี้ก็คงต้องมีกันบ้างแหละ”
“ใช่แล้ว มากินไอติมแก้เซ็งกันเถอะ” แค็ปสำทับ “มอสเลี้ยงนะ”
“ได้ไง แกสิเลี้ยง กระเป๋าตุงไม่ใช่หรอ”
“ก็ได้ นาน ๆ ทีจะได้มากิน”
“จริงดิ” ฉันเนี่ยหูผึ่งเลย
“โกหกมั้ง น้ามุ้ยขอเมนูด้วยครับ”
แม้นึกถึงทีไรก็จิตตกทุกที แต่ในความโชคร้ายยังแฝงไปด้วยความโชคดี อย่างน้อย ๆ ฉันยังได้กินไอศกรีมฟรี
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ