wish of mortal ความปรารถนาของมนุษย์
เขียนโดย  gilos
 gilos
วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.30 น.
แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 20.38 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) wish of mortal ความปรารถนาของมนุษย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพราะโปรเจคที่จะทำต่อไป ต้องการข้อมูลจำนวนมากและนี่เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ผมแต่ง ถ้ามีอะไรแนะนำหรือติชม
หูข้ามันอือไปหมดวิสัยทัศน์เบื่องหน้าขุ่นมัวราวกับมีกระจกมาขั้นกลางระหว่างข้าและความเป็นจริงเอาไว้ก่อนที่ข้าจะล้มลงไปข้าได้กอดสิ่งหนึ่งเอาไว้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดแต่ที่ข้ารู้ก็คือมันต้องสำคัญกับข้าอย่างแน่นอนนั่นคือความทรงจำสุดท้ายก่อนที่ข้าจำอะไรไม่ได้อีก
ข้าลืมตาขึ้นมาจากก้นเหวของความมืดมืดที่ข้าถูกจองจำด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเทพเจ้าที่ข้าศรัทรามันทำให้ข้าหมดศรัธราต่อเหล่วทวยเทพที่มิเคยเห็นเหล่ามนุษย์อยู่ในสายตา นับตั้งแต่ที่ข้าตกอยู่ที่ก้นบึ้งของความมืดมิดมันก็เป็นเวลานานเท่าไหร่มิอาจรู้ได้แต่ข้าก็สามารถกลับมาจากก้นบึ้งแห่งความมืดได้ ตอนนี้ข้ากำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าสายลมที่พัดเข้ามาในหมวกของข้านั้นทำให้ข้าต้องก้มลงไปมองพื้นด้านล่างข้าเห็นแผลขนาดใหญ่บนอกของข้าแต่ข้ากลับมิได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าหลุดออกมาจากก้นบึ้งนรกเป็นแน่ถัดไปไม่ไกลจากสายตาข้าก็สะดุดเข้ากับธงตราทัพของกษัตริย์แห่งคอร์ดอร์ที่ปลิวไสวจนข้าที่ลอยอยู่ในอากาศยังมองเห็นได้ชัดเจนและเบื่องหน้าของข้าคือสนามรบสการ์แห่งกำแพงคีกัลกำแพงแห่งความสันโดดที่คอยปกป้องมนุษย์ภัยอันตรายจากปีศาจต่างๆ ถึงแม้ข้าจะลืมตาขึ้นมาได้ไม่นานข้าก็รู็ดีว่าข้ามาที่นี่ทำไม ยิ่งข้าเข้าใกล้สนามรบเท่าไหร่กลิ่นคาวของเลือดเนื้อที่สละชีพ ณ ที่แห่งนั้นมันทำให้รู้สึกถึงความสิ้นหวังของผู้คนที่ประจำอยู่ที่กำแพงนั้น ข้ารีบพุ่งตัวลงพื้นก่อนถึงข้ายกโล่ที่ขึ้นมากันการกระแทก ตัวข้าที่ควรจะแหลกสลายเพราะแรงกระแทกก็กลับยืนขึ้นมาได้ทำให้ข้ารู้ว่าพลังของเทพยังคงมีอยู่ในตัวข้า ฝุ่นจากการตกลงมาของข้าทำให้การปะทะหยุดลงชั่วคราว เสียงตะโกนแห่งชัยชนะดังขึ้นเมื่อเหล่าทหารเห็นข้าหลังจากฝุ่นเริ่มจางข้ากำหอกตะโกนเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ทหารชาวคอร์ดอร์ เสียงกู้ร้องและเสียงแตรแห่งความหวังบังเกิดขึ้นเมื่อข้าพุ่งเข้าสู่สนามรบ ชั่งแตกต่างเหลือเกินข้าที่เคยเป็นแค่ทหารธรรมดากลับต้องมานำผู้คนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างนี้ การปะทะยังคงดำเนินข้าฝ่าวงล้อมเข้าไปกลางวงของสัตว์ประหลาดก่อนที่จะกระแทกโล่ลงบนพื้น พละกำลังและความสามารถในการรบของข้าเพิ่มขึ้นทวีคูณและดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเสียงประทุของความสิ้นหวังก็บังเกิดเมื่อทหารนับร้อยที่ถูกบางสิ่งซัดกระเด็นไปบนอากาศ ข้าหันไปมันหันมามันง้างดาบข้ายกโล่ เพียงการตวัดของมันเพียงครั้งเดียวทำให้ข้ากระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรแขนขาของข้าที่รับแรงกระแทกนั่นไว้มันสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดดั้งถูกฉีกกระชากออกจากร่างกาย ข้าเรียกหอกของข้ากลับมาแล้วกระโจนใส่มันอย่างกล้าหาญ แต่เหล่าทหารที่สั่นกลัวก็ได้แต่ยืนมองข้าต่อสู้กับสิ่งนั้น ข้าโจมตีอย่างไม่มีการหยุดพักแต่กลับทำความเสียหายให้ร่างกายที่เน่าแฟะของมันไม่ได้เลยแต่กลับกันเพียงการเหวี่ยงดาบของมันเพียงหนึ่งครั้งกลับทำให้ข้ารู้สึกราวกับแบกปราสาทเอาไว้บนร่างกาย ในสนามรบมีแค่เสียงของข้าที่ตะโกนจนลำคอจะระเบิดออกมาเท่านั้นและในการโจมที่ครั้งสุดท้ายมันทำให้หอกและโล่ของข้าหลุดมือและกระเด็นออกจากข้าไป แสงจากหอกที่เหมือนดังความหวังมันค่อยๆจางไปพร้อมๆกับความหวังอันริบหรี่ เหล่าทหารที่ยังยืนอยู่มิใช่เพราะความกล้าหรือบ้าบิ้นแต่เป็นเพราะความกลัวที่ทำให้จิตใจอันแสนบอบบางแหลกสลาย เสียงอ้อนวอนต่อพระเจ้าดังระงมทั่วสนามรบ ข้าพยายามครั้งสุดท้ายข้าเรียกหอกกลับมาหวังว่าจะสามารถจัดการกับมันได้
"จงศรัธรา"
เสียงตะโกนของข้าทำให้การสวดอ้อนวอนหยุดลงข้าเรียกโล่กลับคืนมาพร้อมต่อสู้ ข้ากระโจนใส่มันอีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิม โจมตีของข้ามันไม่มีผลกับมันและข้าก็ถูกเหวี่ยงกลับมาด้วยแรงอันมหาศาล การกระทำของข้านั้นชั่งดูไร้ประโยชน์ทุกครั้งที่ข้ากระโจนเข้าไปผลก็ออกมาเหมือนเดิม
"จงสู้"
หอกข้าเริ่มมีแสงเปร่งประกายออกมาเหมือนดังความหวังเล็กๆในห้วงของความสิ้นหวังอันไพศาล มันเหมือนดั้งแสงสว่างเล็กๆในห้วงของความมืดมิดข้าพุ่งเข้าหามันอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหวังและแรงใจจนในที่สุดข้าสามารถทำให้มันหลั่งเลือดออกมาได้
"จงอย่าได้ดูแคลนมนุษย์ เจ้าสัตว์ประหลาด"
คำพูดของข้าเหมือนดั้งประกายแห่งความกล้า เหล่าทหารที่สิ้นหวังกำอาวุธในมือด้วยความกล้าหาญทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเหมือนดังของค้ำร่างกายไม่ให้ล้มลง เหล่าทหารหารระดมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าโจมตีสิ่งนั้นจนล้มลง เสียงกู้ร้องที่เหมือนการปลดปล่อยดังออกมาเป็นเสียงตะโกนที่ออกมาจากสุดลำคอดังไปทั่วสนามรบจนแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ข้าที่มองอยู่ก็กำลังจะดีใจแต่กลับต้องรีบวิ่งไปเพื่อบล็อคการโจมตีที่กำลังจะมาถึง เลือดและเศษร่างกายของคนนับร้อยกระเด็นมาโดนข้า ข้าช้าไป ข้าไม่สามารถปกป้องทหารที่กล้าหาญเหล่านี้ได้ มันทำให้ข้านึกออกถึงสิ่งที่ข้ากอดเอาไว้ก่อนที่จะถูกจองจำ มันคือร่างไร้วิญญาณของพี่ชายของข้าที่ยอมปลิดชีพตนเพื่อให้ข้าได้รับพลังนี้มา หอกและโล่ในมือข้าร่วงหล้นลงกับพื้น เหล่าทหารที่กลับมามีความหวังก็ทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นข้าทิ้งหอกและโล่ การโจมตีของมันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งตอนนั้นข้าได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ข้าสิ้นหวัง ข้าหมดกำลัง ข้าหนื่อยเหลือเกินข้าไม่คิดแม้จะแต่ป้องกันแต่เหล่าทหารที่ยังมีความหวังก็รวมตัวกันมาบังการโจมตีของมันไว้เพื่อไม่ให้ข้าต้องตาย เหล่าทหารที่นอนกองอยู่กับพื้นราวกับของเล่นอันเปราะบางมันทำให้ข้าได้สติ
"มนุษย์ชั่งกล้าหาญยิ่งนัก ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วจะมีเทพไว้ทำไมในเมื่อมนุษย์กล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงร่างกายจะเปราะบางแต่ใจกับแกร่งยิ่งนัก การตายของพวกเจ้าจะไม่สูญเปล่าเหล่าผู้กล้าเอ๋ย"
ข้าหยิบโล่ขึ้นมาเตรียมรับการโจมตีครั้งต่อไปเพื่อปกป้องเหล่าผู้รอดชีวิตจากการปกป้องข้า เสียงระเบิดดังสนั่นข้ากระเด็นกลับเข้าไปกลางวงเหล่าทหารโล่ของข้าหลุดมือข้าไปอีกครั้ง แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นมันหยิบเอาร่างไร้วิญญาณของเหล่าผู้กล้าของข้าไปกินต่อหน้าต่อตา ข้าที่เห็นแบบนั้นก็พุ่งไปโจมตีอย่างคนไร้สติข้ารัวหมัดใส่ใบหน้าของมันจนร่างของผู้กล้าคนนั้นร่วงลงมา ข้าพุ่งกระโจนไปรับไว้แล้ววางเธอไว้แล้วมีทหารนายหนึ่งเดินมากอดร่างไร้วิญญาณของคนรักเอาไว้เหมือนกับตัวข้าในอดีต แต่ข้าก็ยังมิทันได้หยุดพักมันง้างดาบไปสุดแขนเหมือนกับจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ข้านั้นอยู่ไกลจากโล่และหอกเกินไปทำให้เรียกมันกลับมาไม่ได้ ข้าวิ่งตรงไปที่มันเพื่อหยุดการโจมตีนั้นไว้แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปดาบมันกำลังเหวี่ยงมาแล้วโล่ของข้าก็ถูกเขวี้ยงมาเช่นกัน มันถูกส่งมาจากความหวังสุดท้ายของนายทหารคนที่ได้เสียคนรักไป การปะทะกันของดาบของมันและโล่ของข้าทำให้นายทหารผู้นั้นตายไปเพราะเข้ามาใกล้เกินไป ข้ายืนหยัดและปัดดาบของมันจนหลุดมือแล้วข้าก็ตะบัดโล่เข้าใส่ใบหน้าของมันอย่างรุนแรงซ้ำไปซ้ำมาจนมือและโล่ของข้าชุ่มไปด้วยเลือด มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วเหวี่ยงข้ากระเด็นมาอีกครั้ง ข้าพยามลากสังขารที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นมาจากพื้นแล้วก็มีทหารคนหนึ่งถามข้า
"ท่านไม่กลัวเลยหรือทำไมท่านทำเพื่อพวกเราถึงขนาดนี้"
"ข้ามิเคยหมดศรัธราในมนุษย์ เพราะจิตใจข้าเป็นมนุษย์แล้วข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเหล่าผู้คนที่ผู้กล้าของข้าปกป้อง ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้"
ข้าลุกขึ้นมาด้วยร่างกายโชกเลือด ข้าตะโกนสุดเสียงและพยามเรียกหอกข้ากลับมาแต่ที่กลับมานั้นไม่ได้มีเพียงแค่หอกแต่เป็นเสียงกู้ร้องของเหล่าทหารที่ศรัทราในตัวข้า หอกที่เคยมีแสงเพียงน้อยนิดมันก็เปร่งแสงออกมาดั้งความหวังและความศรัทราที่ข้าได้รับ ข้าตะโกนออกไปอีกครั้งเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ
"เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย จงยืนหยัดสู้เพื่อแสดงให้พวกเทพเจ้าที่โง่เขลาเห็นว่าพวกเจ้ามิได้เปราะบาง จงแสดงให้พวกเทพเจ้าที่มิเคยยื่นมือมาช่วยทั้งที่พวกเจ้าศรัธราว่าพวกเจ้าก็ทำได้ จงแสดงจิตใจอันสูงส่งออกมาเสียเหล่าผู้กล้าทั้งหลาย จงแสดงให้โลกแห่งนี้มิจำเป็นต้องมีเทพเจ้าอีกต่อไป"
เสียงตะโกนลั่นสนามรบเหล่าผู้กล้าของข้าเข้าประจานบานกับสัตว์ประหลาดนั้นอย่างกล้าหาญ
"ข้าขอละทิ้งนามเก่า และขอใช้นี้ชื่อเพื่อเหล่าผู้กล้าเพื่อเหล่าวีรชนเพื่อเหล่าผู้ล่วงลับและเพื่อผู้ศรัธราในตัวข้า นามใหม่ข้าคือ ความหวังและศรัธรา Sperios นี่มิใช้ปรารถนาธานของเทพองค์ใดแต่เป็นเพียงปณิธานของมนุษย์คนนึงเท่านั้น"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ
 
		 
		 
		



