The rebound paradin in crow paht

8.7

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.

  9 chapter
  2 วิจารณ์
  10.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

8) Carrion part 5 : Beneath the surface

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ต้นไม้สีดำ

คือผลมาจากการถูกความมืดกลืนกิน

สูงจากรากขึ้นไปเธอถึงจะเห็นแสงจันทร์

แสงจันทร์ที่กระทบกับผิวของใบไม้

กระทบกับใบหน้า

เมื่อรู้ตัวว่าอยู่บนยอดของต้นไม้ อย่าได้มองลงมานะ

สีดำรอบ ๆ ตัวเธอ…

 

                เจ็บ.. จมูกฉัน…..

                ขยับไม่ได้ ฉันจุกท้อง

                หายใจไม่ได้  เศษผงของดินที่แห้งกระจายเข้าปากผ่านลำคอ จมูกที่สูดดมสิ่งเหล่านั้น แทบทำให้หายใจไม่ออก

 ไม่ต่างจากการหายใจผ่านควันไฟ หรือควันบุหรี่ ความโกรธมาจากชายหนุ่มเขาหนีไม่ได้ เขาร้องไห้เพื่อบรรเทาความทรมาน

 ไม่ได้  มีแต่สิ่งที่เขาทำไม่ได้ทั้งนั้นเมื่อความคิดเช่นนี้เกิดขึ้นมาชายหนุ่มก็เริ่มหมดใจไม่ใช่เลย

 

               ขุนนางที่เตะเขาไม่สามารถเทียบได้ กับตอนที่ถูกดาบจ่อคอ ถูกเตะกระเด็นหน้าจูบเสาไม้หนา เหตุการณ์เหล่านั้น

 เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มจำดีที่สุดในช่วงเวลาที่เขาได้ห่างจากคนสำคัญมาไกล ความทรงจำที่ดีที่สุดคืออะไร แล้วจำอะไรได้ดีที่สุด

 คำตอบนั้นของชายหนุ่มตัวคงเป็นตอนรอดตายและยอมแพ้ให้ความตาย โดยในช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้นึกถึงสิ่งสำคัญ

 หรือคนสำคัญ

 

                แต่ตอนนี้เขากลับมานึกถึงได้เต็มอก ไม่แน่ในตอนนี้ที่นึกออกเพราะถูกเตะบนพื้น หรือเพราะแต่ก่อนเขาเคยถูกรุมเตะ

 กองพื้นก็อาจเป็นสาเหตุ ความคิดของชายหนุ่มผู้นี้ช่างสับสน

               

                “ ฮือ! ”  ชายหนุ่มจับขาซึ่งกำลังจะโค้งลงมาของขุนนางไว้ได้ การเตะครั้งนี้จึงหยุดลง ขุนนางเชเล็กน้อยก่อนจะ

 เปลี่ยนขาเตะเข้าหาหน้าของชายหนุ่ม จมูกที่น่าสงสารถูกทำร้าย มือของชายหนุ่มปล่อยขาขุนนางแบบยอมจำนน วิสัยทัศน์

 ของชายหนุ่มช่างมึนมั่วจนเขาไม่เข้าใจภาพจากดวงตาคู่นั้นได้เลย

 

                มีเสียง กับกลิ่นของเลือดข้างใบหู เสียงกรี๊ดร้องจากความกลัวจากข้างๆ

 ชายหนุ่มยกหัวขึ้นจากพื้นดินมองหาที่มาของเสียงที่หวาดกลัว ตาของเขาพร่ามัว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองกำลังมองอยู่

 ชายหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ควรนอนให้เสียเวลาเช่นนี้ เขาลุกขึ้น ขุนนางตัวโตไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น ชายหนุ่มไม่ต่างจากตะปูที่ถูกค้อน

 ตอกเข้าลงไปบนไม้ ขุนนางคือค้อนที่มีความคิดดุดันในมุมมองของสิ่งที่เกิดขึ้น ขุนนางเตะชายหนุ่มจมลงไปบนพื้นดิน

 ขุนนางหยุดการเตะของตน หัวใจที่ร้อนรุ่มต้องหยุดลง เพราะการขัดขวาง การห้ามที่ทำให้เขาหัวเสียนั้น มาจากอัศวิน

 โดยการผลัก แรงผลักที่ส่งมาอย่างหนักแน่น กับการไม่กล่าวบอกให้ขุนนางทราบถึงการกระทำสบประมาทสถานภาพที่ภาคภูมิ

 เป็นสิ่งหนึ่งที่ชวนเดือดดาล

 

                อัศวินไม่สนใจ

                ชายหนุ่มยกหัวขึ้น เขาเห็นอัศวินก้าวเข้ามาใกล้ตัว ชายหนุ่มรีบพลิกตัวคว่ำเพื่อคลาน ด้วยแรงที่มีตอนนี้คงจะลุกแล้ว

 วิ่งหนีคงจะไม่ได้ อศวินมองไปยังชายที่คลานบนพื้นดินแล้วยกขวานขึ้นทันทีที่เข้าใกล้มากพอ นักบวชกับหญิงชราเฝ้ามอง

 ชายหนุ่ม และชายวัยกลางคนที่ดิ้นรน พวกเขาฝ้ามองทั้งสองอย่างเงียบสงบ หญิงชราอาจไม่ได้ยืนมองย่างเย็นชาแบบนักบวช

 เพราะสามีของเธอกำลังลำบากอยู่ในขณะนี้

 

                        ดาบพกสั้นแทงเข้าไปในอกของชายวัยกลางคน ความประหลาดใจที่ทำให้ชายชรายังคงกดมีดลงไปที่อกของ

 ชายนอกรีต คือความชราของตนแรงที่มีของชายชราไม่สามารถปักดาบสั้นลงไปได้ลึกมานัก หรือเขาไม่สามารถปลิดชีพอีก

 ฝ่ายได้ ชายวัยกลางคนประหลาดใจไม่น้อยเช่นกันว่าทำไมชายชราผู้นี้ ไปหาแรงมาจากที่ใดกัน หรือตัวเขาเองเสียแรงจาก

 บาดแผล ไม่สิแผลจากแขนที่เหลือยังคงไหล กับแผลใหม่บนอกที่เลือดค่อยๆ ไหลออกมาเยอะขึ้น

 

                อัศวินยกขวานขึ้นเอียงไปข้างลำตัว เสียงเกราะดังกระทบกันช่วงบริเวณหัวไหล่ของอัศวินเสียงดังกระทบของอากาศกังวานชั่วขณะ

                เสียงที่ว่าไม่ได้เกิดจากการกระทำของอัศวิน

                เหล่าเศษก้อนของวัตถุทรงกลมเล็ก ๆ กระจายตัวตกลงบนพื้น ชายหนุ่มหยุดไถลตัวไปกับฝุ่นเพื่อกลับมองข้างหลัง

                อัศวินหัวเหลี่ยมนั้นคือชื่อที่ชายหนุ่มใช้เรียกเมื่อเห็นรูปทรงของหมวกเหล็ก ถึงแม้หมวกเหล็กที่อัศวินสวมอยู่จะมีรูปร่างเหลี่ยม

 แต่ก็ยังมีการออกแบบมาอย่างสวยงาม ซึ่งตอนนี้หมวกเหล็กของอัศวินถูกทำให้บุบเสียรูปทรง

                อัศวินรวบรวมการรับรู้ เพื่อจับหาว่าอะไรกระทบเข้ามาที่หน้าของตน แล้วอะไรที่ว่าต้นตอมาจากที่ใด

                ในพุ่งหญ้าที่มีโทนสีเทามืดในป่า มีเศษผ้าปลิวขยับไปมาตามรูปทรงที่ผ้าผูกหมัดติด ร่างคนจรยืนมองข้าม

 เหล่าต้นไม้รอบตัวไปหาอัศวิน อัศวินรีบกลับไปทำตามภารกิจของตนขวานกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมเหวียง ชายหนุ่ม

 สดุงถีบตัวไถลไปตามพื้น เพราะเขากำลังเจอกับความตาย นักบวชหรี่ตาลงมองสำรวจเข้าไปในป่า แน่นอนสายตาของเขา

 มีสามารถจับการมาของก้อนหินที่กระทบเข้าหัว มิเชล ได้ และนักบวชรู้ว่าร่างกายไม่สามารถหลบการมาของหินได้หาก ตนอยู่

 ในตำแหน่งของ มิเชล

               

                นักบวชจับมีดสั้นสำหรับปาสังหารสิ่งที่เป็นภัยภายใต้ผ้าคลุม สายตาของเริ่มกระจ่างชัดเจนเมื่อในที่สุดรูปร่างภายใต้

 เงาของป่า เริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ชวนสงสัย คนจรในป่าถืออะไรบางอย่าง สิ่งที่ถือนั้นมีการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด

 

                เสียงกระทบจากหมวกเหล็กของอัศวินมิเชลกับเสียงแก้วแตกหัก ส่งเสียงผสานกันตรงศีรษะของอัศวิน

                เสียงร้องที่ก้องอยู่ในหมวกเหล็กของอัศวิน ไม่สามารถจับใจความได้ว่ากำลังกล่าวอะไร นักบวชไม่เข้าใจว่า

 เกิดอะไรขึ้นกับผู้ติดตามของตน สิ่งที่เห็นคือฝุ่นควันลอยรอบหมวกเหล็ก นักบวชจับมีดสั้นแน่นแล้วขว้างเข้าไปในป่าที่ร่างสีดำ

 ที่เคลื่อนไหวอย่างสัตว์ป่าที่หวาดกลัว

                ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากพื้นถึงจะเจ็บที่ลำตัว แต่นั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ตรงหน้าชายหนุ่มมีมีดพกวางอยู่ เขา

 ไม่รู้ว่าทำหล่นไปตอนไหน แต่เขาจำได้ว่าเก็บตัวมีดเข้าไปในตัวกลไกเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ก่อนจะจับตัวขุนล่ม

 ไปกองบนพื้นดิน ขุนนางเห็นชายหนุ่มกำลังลุกหนีในช่วงที่ตัวขุนนางกำลังตกใจกับท่าทางของอัศวิน

 

                “ จะไปไหน ”

                ขุนนางถีบลงไปที่หลังของชายหนุ่ม นั้นคือโอกาสสำหรับชายหนุ่มเขาคว้ามีดพกขึ้นมาได้ เมื่อถูกถีบส่ง

                กรัก

                เสียงสลักของมีดพกเล่มนี้มีเสียงที่เป็นแกลักษณ์ ที่ทำให้ชายลืมหายใจไปชั่วครู่

                ชายหนุ่มพลิกร่างกายหนักๆ ของตนไปทางขว้าเพื่อลุกขึ้นในจังหวะที่ขุนนางถีบเท้าไปหาชายหนุ่ม

 ขุนนางไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มลุกขึ้นมาได้ที่หวัง ชายหนุ่มพลิกตัวหงายกวาดใบมีดไปในอากาศอย่างรุนแรงจนเกิดเสียง กึก

 ตรงหัวไหล่ พร้อมความรู้สึกปวดที่ตามมา ขุนนางตัวโตเปล่งเสียงใหญ่ร้องตกใจใหญ่ตามตัว ร้องเท้าหนังสัตว์สีน้ำตาลชุม

 ด้วยของเหลวสีดำ คงต้องกล่าวว่าของเหลวนั้นคือเลือด ใบหน้าชายหนุ่มถูกเลือดกระเซ็นมาโดน ขุนนางถอยกลับโดยใช้

 ขาเดียวกระโดนไปมา เขาค่อยๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดแล้วความกลัวเล็กน้อย ที่ใครบางคนสามารถมองเห็นความกลัวที่

 แอบอยู่ในส่วนที่ลึกของใจขุนนาง อัศวินฟาดฟันขวานอย่างหงุดหงิดไปโดนขุนนาง โชดดีของขุนนางที่เขาไม่โดนด้านคมของขวาน

 อัศวินผู้ว่าถูกชนมาที่ขวานไม่เห็นขุนนางหรือรู้ว่านั้นคือขุนนาง อัศวินหันไปตามเสียงร้องเจ็บของขุนนาง ที่ล้มลง

 ยกขวานขึ้นไปพร้อมความรู้สึกระคายเคืองที่ดวงตา น้ำตาทำให้เห็นภาพเลือนราง

               

                  “ ช้าก่อนมิเชล! ” พร้อมกับเสียงตะโกน “ เดี๋ยว ” ดังพร้อมกัน

                  อัศวินรับรู้ถึงเสียงที่คุ้นเคย

 ขวานลดลงและเสียงร้องโอดครวญของอัศวินก็ตามมา เสียงวิ่งย่นระยะเข้ามาใกล้หูนักบวช หญิงชราที่ยืนข้างหลัง

 นักบวชร้องประหลาดใจ นักบวชหยิบมีดสั้นปาไปหาชายหนุ่มที่วิ่งเข้ามาหาพร้อมมีดพกในมือ นักบวชปาอาวุธสังหารเข้าไป

 โดนช่วงหน้าอกของชายหนุ่มจุประสงค์หลักเพื่อตัดหัวใจที่เต้นอยู่ตรงหน้า อีกใจหนึ่งนักบวชเกือบจะปาเข้าไปยังใบหน้าของ

 ชายหนุ่ม แต่เนื่องด้วยระยะห่างช่างสั้นยิ่งนัก เขาจึงไม่คิดว่าการเล็งไปที่จุดนั้นจะปลิดชีพชายผู้โง่เขลาที่วิ่งเข้ามาได้

 

                  นักบวชพลาด

                  มีดสั้นนั้นกระเด็นออกจากตัวชายหนุ่ม เปรียบเสมือนนักบวชพึ่งปาก้อนหินใส่ชายหนุ่ม ไม่ใช้มีดมีคม

                  ชายหนุ่มวิ่งเอนเอียงลงไปหาพื้นเล็กน้อยก่อนใช้มือที่ว่างพลักไปที่พื้น ให้กลับมาวิ่งอย่างสมดุลเข้าหานักบวช

                  นักบวชเลือกคว้ามืดสั้นอีกครั้ง เขาหยิบออกมาอย่างรวดเร็ว การเลือกทำเช่นนี้ทำให้เขาไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่มเข้า

 มาใกล้เกินไป ชายหนุ่มฟาดมีดพกในมือไปโดนช่วงซี่โครง หรือบริเวณใต้แขนของนักบวชก่อนลากแขนของตนกลับมาเพื่อ

 ทำท่าป้องกัน ก่อนนั้นเขาพบว่ามีความรู้สึกเจ็บช่วงท้องของตนเอง ชายหนุ่มพลักตัวเองออกเล็กน้อยพบว่าเขาถูกแทงกลับมา

 โดยนักบวช เมื่อรู้ว่าถูกแทงชายหนุ่มรีบถีบตัวไปชกนักบวชเข้าที่หน้าด้วยมือเปล่าในตอนที่นักบวชไม่ได้เตรียมตัว และ

 ตกใจกับผลลัพธ์ในการกระทำของตน

 

                “ ยะ! ”

                เสียงร้องของหญิงชราดังขึ้นเมื่อนักบวชตุปัดตุเป๋ไปที่พื้น ชายหนุ่มมองไปเห็นหญิงชราทำสีหน้าประหลาดใจ

                ชายชรา นอนสลบหงายบนพื้น บนหัวมีเลือดป้ายหน้าผากของชายชรา ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงมองห่างออกไป

 เล็กน้อยพลางๆ นั้น เห็นหีบหรือโลงที่ฝาเปิดถูกวางบนพื้นผ่านตา ในตรงหน้าเมื่อมองตรงหน้าชายหนุ่มเขาเห็นชายวัย

 กลางคนขยับตัวไปมาอย่างเจ็บปวดโดยที่มีมือกุมของเหลวสีแดงไว้ที่อก ในขณะที่รอบตัวมีเสียงความวุ่นวาย

               

                เสียงร้องเจ็บปวดของขุนนาง

                เสียงร้องตกใจของหญิงชรา

                เสียงนักบวชที่กำลังลุกขึ้นอย่างสับสน

                เสียงของคนจรในป่าได้ยินว่าเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ

                แล้วเสียงของชายวัยกลางคนกล่าวถึงบางอย่างที่เบาจนชายหนุ่มไม่เข้าใจ

                และเสียงตะโกนของใครสักคน

 

                ใครล่ะ?

                “ เป็นไรไหมลุง!  ”

                ชายหนุ่มถามชายวัยกลางคน ขณะนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ถาม พร้อมมองเลือดที่ทะลักออกมาจากอก

                ไม่น่าถาม

                ชายหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ หาต้นเสียงของเสียงตะโกนที่ยั้งคงดังอยู่รอบ ๆ โดยมีเสียงใหม่เพิ่มมาด้วยซึ่งดูเหมือน

 อะไรบางอย่างตัดผ่านอากาศไป อัศวินเหวี่ยงขวานไปรอบ ๆ

                อัศวินใช้ขวานเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมากเกินไป จนกระทั่งเขาไม่สามารถยืนอยู่เฉยได้

                “ ฮ่า! ” ชายหนุ่มกระโดดโย่งไปทางที่หีบได้เปิดทิ้งไว้ เขานั่งลงข้างหีบ ยกฝาหีบไม้ขึ้นแล้วหันไปผชันหน้ากับอัศวิน

 เมื่อชายหนุ่มพยายามจะลุกขึ้นเขาถูกขวานฟาดผ่านฝาหีบไม้หนา ตัวของเขาเอียงไปตามทิศทางของขวานจนเกือบล่มลงพื้น

 ด้วยรูปร่างของฝาของหีบเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชายหนุ่มเปลี่ยนรูปแบบการถือฝาไม้ ใช้ด้านความยาวที่มากกว่าดันอัศวินให้ถอยหลังออกห่าง

               

                โอ้ยเจ็บลำตัว! ชายหนุ่มโวยวายข้างในหัว

 

                นักบวชหายจากการชกให้ล้มลงของชายหนุ่ม เห็นช่องว่างในท่าทางของชายหนุ่ม ที่ลืมนึกถึงการมีอยู่ของนักบวช

 นักบวชควักมีดพกเล่มหลัก แม้ตนเองจะรู้ว่ากำลังมีเลือดไหลออกมาภายใต้แขน มีดที่ได้ควักออกมาเล่มนี้มีความสำคัญ

 กว่าเล่มอื่น ๆ ที่ขว้างใส่ศัตรู มีดเล่มนี้มีไว้เพื่อสังหารศัตรูของเขา ถึงคำใช้กล่าวเป็นคำว่า ‘นักบวช’ แต่นั้นคงไม่ใช่สำหรับชายคนนี้

 ในช่วงพริบตาเสียงลมที่รุนแรงผ่านเข้าหูของนักบวช จากมุมมองของเขากบาลของเขาสั่นสะเทือน ท่ามกลางร่างที่เอียงตัวลงไปบนพื้น

  หญิงชรากำลังปลุกสามีของตนเมื่อเธอมองเห็นนักบวชล่มลงบนพื้น ทุกอย่างดูจะสิ้นหวังสำหรับเธอผู้นี้

 

                ชายหนุ่มใช้ฝาหีบไม้เป็นโล่ด้วยความกลัวกับแรงกายที่มีผลักตัวเอง กระแทกไปที่ไม้จากลักษณะด้านยาวดันอัศวิน

 เปลี่ยนไปเป็นลักษณะเบนลงไปทางพื้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ชายหนุ่มถีบตัวเข้าไปกระทบบนพื้นที่ว่างของฝาหีบไม้ ผลลัพธ์ทำให้

 อัศวินผู้ประสบปัญหาเรื่องการมองเห็น ด้วยความระคายเคืองจากการโจมตีของคนจรในป่า ชายหนุ่มสามารถทำให้อัศวิน

 หัวเหลี่ยมล้มลงได้ เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มไม่รอช้าพุ่งไปฉกฉวยขวานในมืออัศวิน เมื่อฝาหีบทับตัวถูกดันออกตัวของ

 อัศวิน ชายหนุ่มสู้แรงดึงขวานกับอัศวินอย่างสุดตัวและหยาบหยามอัศวิน ชายหนุ่มเตะแขนข้างหนึ่งของอัศวินผู้รั้งขวาน

 ในมืออย่างไม่ยอมถดถอย นั้นคือใจของผู้ศรัทธา แต่มือของอัศวินก็ได้หลุดออกมานับตั้งแต่การเตะครั้งที่สามของชายหนุ่ม

               

               “ เท้าฉัน ” ชายหนุมร่นถอยเมื่อได้ขวานยาวมาอยู่ในมือ อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าเขาได้เตะเข้าไปที่เกราะเหล็ก

 โดยจังหวะนิ้วเท้าเข้าปะทะผิดมุมช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงยืนเขย่งชั่วครู่  “ ยา ลุกนะ เอือ… จมูกฉัน! ”

 เขาพูดออกมาด้วยเสียงอื้ออึง ชายหนุ่มยกแขนขึ้นเพื่อให้เสื้อขาดๆ เช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก แม้ว่าเขายังพยายามจะใช้

 ขวานจ่อไปที่อัศวินไม่ให้ขยับหรือลุกขึ้นมาต่อสู้

 

                เสียงฝีเท้าดังข้างหลังหูชายหนุ่ม เขารีบมองไปข้างหลังชั่วครู่ เห็นหญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้ามอซอเต็มไปด้วยสายรัด

 แขนหลากสี เธอนั่งลงข้างๆ ร่างของชายวัยกลางคนผู้ดิ้นรนให้พ้นจากตวามทรมาน

 

                “ เป็นอะไรไหม? ”  ชายหนุ่มถามไปยังสาวสมุนไพร

               “ เขาไม่เป็นไร เดียวฉันจะดูเขาเอง ” เธอตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นซึ่งเธอพยามแสดงออกมาให้เห็นน้อยมากจน

 ชายหนุมเกือบจะโล่งใจได้เล็กน้อย แต่ถว่าเขากลับมาคิดว่าคำตอบของคำถามมันไม่ตรงกัน

                “ ที่จริงฉันหมายถึงเธอ แต่ก็โอเค ฝากดูเขาด้วยล่ะกัน ” ชายหนุ่มพูดเช่นนี้ ขณะที่มองเห็นสีเลือดเข้มที่รอยขาดของ

 เสื้อตัวหนาบนแขนของสาวสมุนไพร ชายหนุ่มหันกลับมาข้างหน้าเห็นอัศวินหัวบุบขยับตัวลุก ชายหนุ่มจึงเริ่มเหวี่ยงขวานฟาด

 ไปที่หน้าของอัศวินหรือหมวกเหล็ก เสียงโลหะกระแทก จากการใช้ด้านไม่มีคมตีไปที่หมวกเหลี่ยมๆ ของอศวิน  ชายหนุ่มเห็น

 รูปร่างอัศวินคงไม่มีการลุกขึ้นมาจัดการเขาได้ทันทีแน่นอนเพราะขีดจำกัดในการเคลื่อนไหวภายใต้ชุดเกราะอัศวิน

 เมื่อศัตรูล้มลงชายหนุ่มคิดว่าเขาได้เปรียบ

 

                เมื่อรู้แล้วว่าตนเองสามารถรับมือกับอัศวินได้เขาก็หันไปหาภัยคุกคามอื่น บนพื้นดินมีรอยเลือดแสดงเป็นเส้นทางที่มุ่ง

 ไปหาผู้ทาเลือดลงไปบนพื้นดินหยาบแห้ง ขุนนางนั่งพึงกำแพงโบสถเก่ากุมเท้าตัวเองอย่างเจ็บปวดและตื่นตระหนก ขุนนาง

 กำลังทำให้ชายหนุ่มเกร็งคออยู่นิดหน่อยเมื่อขุนนางจ้องมองเขาอย่างมีเจตนาร้ายเต็มเปียม ห้างออกไปนิดหน่อยร่างนักบวช

 นอนเงียบบนพื้นหัวของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แล้วยังมีเลือดที่ไหลออกมาของนักบวช แต่ชายหนุ่มก็หวังเผื่อไว้ในใจไม่ให้

 นักบวชตื่นขึ้นมาขว้างมีดอย่างบ้าคลั่ง ชายชรานอนนิ่งข้างๆ หญิงชราที่ร้องไห้ซึ่งเธอร้องออกมาเป็นเสียงแหลมสูงแล้วสดุด

 กระโดดไปมาเป็นเสียงสะอึก มองเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกบ้างอย่างทำให้เข้าไม่สามารถหายใจโล่งได้ในขณะนี้ เขาไม่มี

 ความคิดแง่บวกใดๆ เกิดขึ้นนอกจาก

 

                ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าเล่นงานเราแล้ว

                “ …เดียว ไปดูหีบ ” ชายวัยกลางคนบอกสาวสมุนไพร ในสภาพของมนุษย์ใกล้ตาย

                “ ไม่ ฉันต้องช่วยคุณให้ได้สะก่อน ตอนนี้ฉันพยายามห้ามเลือด-”

                เธอปฏิเสธเสธ แต่เขาตอบกลับมาด้วยเสียงที่หนักกว่า

               “ ข้างในนั้นมีคนอยู่ไปช่วยเธอเร็ว… ”  สาวสมุนไพรทำหน้าประใจ พลางเรียกชายหนุ่มทันที

               “ คุณไปดูหีบนั้นเร็ว ”  ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น ความรู้กังวลก็ล้นออกมาจากบ่า แขนที่ถือขวานจ่อหน้าอัศวินขยับไปมาหรือตวัดไปมา

                “ อยู่ตรงนี้อย่าลุกขึ้นมาเชียวนะ ”

                ไม่งั้นฉันวิ่งไปกระถีบใส่แน่

 

                ชายหนุ่มเดินถอยหลังเข้าหาหีบด้วยท่าทีระมัดระตัว อัศวินจ้องมองเขาแม้จะมองไปเห็นดวงตาของใบหน้า ขุนนาง

 เหมือนพยายามจะลุกหางตาของชายหนุ่มสังเกตเห็น เมื่อมองไปขุนนางก็ถอดใจก้นติดดินเหมือนเดิม “ ดี… นั่ง ” ชายหนุ่มพูด

 ขุนนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก หน้าประตูโบสถชายหนุ่มชงักไปชั่วครู่เขาเห็นเงาคนภายใต้แสงเทียนภายในโบสถ

                “ เกิดอะไรขึ้น? ”  สาวสมุนไพรกล่าวตอนพบว่าชายหนุ่มยืนนิ่งไม่รู้แก่นสารของสถานการณ์ ชายหนุ่มสะบัดหน้ามอง

 ไปทางหีบ พร้อมกับคิดหาเหตุผลของเงาดำเมื่อครู่ ตอนนี้ราตีมาเยือนแสงจันทร์คงทำให้เกิดเงาหลอกตาเป็นธรรมดา ก่อนที่

 ชายหนุ่มจะตัดสินใจคิดเช่นนั้นกลับเป็นว่าเขาดันตาค้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในหีบผ่านหัวไหล่ หรืออาจเป็นคนที่อยู่ในหีบ

 

                ‘ กรัก ’  เสียงอะไรบ้างอย่างดังขึ้นกะทันหัน พร้อมเสียงโลหะกระทบกัน ชายหนุ่มสดุงเพราะเขารู้ว่าเสียงมาจากไหน

                อัศวินลุกขึ้นมาจากพื้น

                อัศวินมิเชลกับชายหนุ่มจ้องมองหาซึ่งกันและกัน

                ชายหนุ่มพึงรู้ตัวว่าระยะห่างในการโจมตีอัศวินนั้นมันห่างเกินไป

                อัศวินมองชายหนุ่มก่อนจะหันหน้าไปยังนักบวชแล้วตรงไปทางของนักบวชผู้นอนนิ่งบนพื้นดิน ขุนนาง ชายหนุ่ม

 และสาวสมุนไพรพลางหยิบของเล่นหรืออาวุธทรงพลังของตนเอง ทั้งสามจ้องอย่างสงสัยและ งุนงง ชายหนุ่มมองอยู่ท่าทีที่

 เงียบขรึมของอัศวิน ไม่มีท่าทีของการตั้งตัวโจมตีใดเลย มีแค่การเดินเขาไปหานักบวชอย่างเงียบครึม แท้จริงแล้วเสียงชุดเกราะจะไม่เงียบก็ตาม

 

                ‘ พุบ ’ เสียงของร่างของนักบวชถูกยกขึ้นบนอ้อมแขนของนักบวช  ในตอนนี้ชายหนุ่มเขาไม่รู้ต้องทำยังไง เหมือน

 กับว่าเขากำลังจะปล่อยให้ทั้งอัศวินและนักบวชหนี จากสถานการณ์ที่เขาเห็นมันเป็นเช่นนั้น ซึงกำลังเป็นเช่นนั้นจริงๆ สิ่งที่

 เกิดขึ้นในโบสถเช่นเดียวกับนอกโบสถ เขายังไม่ได้คำตอบจากปากทั้งสองของผู้เกือบจะสังหารชายหนุ่ม แม้นนั้นจะไม่รวมขุนนาง ชายชรา

 ที่ชายหนุ่มลืมนึกถึงไปในตอนนี้

 

                “ เดี๋ยว! ”  ชายหนุ่มพูด พร้อมกำขวานแน่นมุ่งไปหาอัศวิน เขารู้สึกเจ็บตรงซี่โครงเมื่อพลันเริ่มหันตัว เสียงพูดข้างๆ ได้

 รั้งชายหนุ่มไว้ก่อนจะก้าวหรือได้ทำอะไร

                “ ปล่อยพวกนั้นไป ” สาวสมุนไพรที่มืออาบไปด้วยเลือด บอกชายหนุ่ม “ ตาของอัศวินยังคงมองไม่ค่อยชัด และน่าจะ

 กำลังทำให้คายคันดวงตาอยู่แน่ เขาสู้ไม่ได้แน่ ”

                “ ไรนะ?! ”  ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองที่สาวสมุนไพร ใบหน้าแสดงออกมาหาหญิงสาวด้วยความงงงวย

                 ชายหนุ่มยังคงมองอัศวินอย่างแน่วแน่ จนขุนนางพูดอะไรบางอย่าง พร้อมหน้าที่ดูซีด แต่ยังคงความสุขุมไว้ได้อยู่

                “ นี่ไม่ได้คิดจะหนีจริงๆ ใช่ไหม? อย่าทำเสียเกียรติอัศวินเชียวนะ ” ขุนนางกล่าวจบแล้ว อัศวินก็วิ่งได้เข้าไปในความ

 มืดของป่าในราตีที่เหลือเพียงรอยเลือดของนักบวชหยดเป็นทาง ขุนนางสบถออกมาจากปากเป็นคำที่ไม่ดีนัก

                ชายหนุ่มไม่สนว่าขุนนางพูดอะไรออกมา เพราะตัวปัญหาได้เดินจากไปแล้ว

                ชายหนุ่มเริ่มกลับไปดูภายในหีบ เขาวางขวานพิงหีบไม้ไว้ ใช้มือทาบขอบไม้มองร่างมัมมี่สีเทาคล้ายกับขี้เถ้าในหีบที่

 เป็นเหมือนโลงศพนี้  รูปร่างของสิ่งที่อยู่ในหีบเป็นมนุษย์แน่ ๆ มนุษย์ที่ถูกพันรอบด้วยผ้ามากมายจนกลายเป็นเหมือน

 การดองศพ เขาเห็นสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ การเคลื่อนไหวตรงช่วงอกของร่างมัมมี่ ส่วนหัวนั้นได้ถูกผ้าพันโดยรอบเปียกชุ่ม

 ไปด้วยน้ำ ผ้าขยับขึ้นลงเหมือนกับกำลังหายใจ

               

                “ ชิป… ใช่จริงเหรอเนี่ย? ”  ชายหนุ่มเร่งรีบใช้มือเกะผ้าที่พันรอบส่วน การพันซ้อนทับไปมาสร้างความลำบากให้ชาย

 หนุ่มในตอนปลดออก

                “ ข้างในนั้นมีอะไรกันแน่? ” สาวสมุนไพรถามชายหนุ่ม ด้วยสีหน้าที่กังวล

                “ มีคนถูกผ้าหมัดตัวไว้ในนี้ เหมือนจะหายใจไม่ออก ฉันกำลังแก้หมัดผ้าพวกนี้ออกอยู่ ”  เขาบอกกลับไปด้วยเสียง

 ที่มุ่งมัน แม้จะแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเส้นผมสีดำหลุดออกมาจากผ้าพันสีเถา จนเมื่อเขาคิดได้ว่ามันใช้เวลาเยอะและ

 ลำบากเกินความจำเป็น เขาเลยได้หยิบมีดพกประจำตัวออกมาถึงจะเลอะเลือดนิดหน่อยแต่สิ่งนี้ตัดผ้าพวกนี้ชาดแน่

 

                สาวสมุนพบว่าชายวัยกลางคนอาการของเขายังน่าเป็นห่วงเธอไม่ได้มีความรู้เรื่องการช่วยชีวิตคนมากนัก และเธอมี

 แต่ความรู้เรื่องสมุนไพรกับดอกไม้ อะไรกินได้อะไรกินไม่ได้ เธอบอกกับชายวัยกลางคนให้ใจเย็นพลางใช้ผ้ากดบาดแผลไว้

 จนกระทั้งเธอเริ่มหันไปเห็นชายอีกคนที่กำลังบาดเจ็บ โดยเธอเป็นผู้ทำให้ขายชราต้องนอนสลบ เส้นของเขาเปรอะเลือดแผล

 จากอาวุธของเธอนั้นรุนแรงกว่าที่เธอคาดเอาไว้ เธอเผลอหลุดคำพูดหนึ่งออกมาจากปากเธอไม่สามารถเก็บมันเอาไว้ในอกได้

               

                “ ขอโทษ… ”  เสียงพูดเบาๆ

               

                หญิงชรานั่งเงียบสงัดได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะร้องเสียงแหลมดัง ลนไปหาสาวสมุนไพร ชายหนุ่มกับสาวสมุนที่ได้ยินเสียง

 ต่างตกใจในโทนเสียงประหลาดของหญิงชรา ชายหนุ่มเห็นว่าอันตรายจึงกระโจนข้ามหีบไปหาสาวสมุนไพร เพราะหยิบชรา

 พกบางอย่างไวในมือ มีดที่ชายชราเคยถือตอนนี้อยู่ในมือของภรรยา

 

                สาวสมุนไพรไหวตัวออกมาทัน เธอผลักตัวออกลุกขึ้นจากพื้น ในตอนนั้นหญิงชราก็ยังวิ่งเข้าหาหญิงสาวสุดแรงกาย

มีดพกมีเป้าหมายชัดเจน เพื่อแต่ว่าชายหนุ่มจับหญิงชราได้ก่อน ชายหนุ่มขับแขนกับคอได้หญิงชราหมดโอกาสและสิ้นหวังอีก

ครั้งเมื่อแรงของตนสู้แรงชายหนุ่มไม่ได้เขาเหวี่ยงหญิงชราให้ล้มลงไป จับแขนที่กำมีดไว้ก่อนจะดึงออกมาจากมือเธอ ชายหนุ่ม

ยืนหายใจไม่เป็นสุข หัวใจเต้นเร็วและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ด้วยบางสาเหตุที่เขากลัว

               

                 “ ขอโทษครับ ” เขาพูดเมื่อตอนหญิงชราล้มไปที่พื้น ชายหนุ่มมองไปหาสาวสมุนไพรเมื่อเห็นว่าหญิงชราไม่ลุกขึ้นมา

 และเธอเริ่มกลับไปร้องไห้อีกครั้ง

                สาวสมุนไพรยืนใจหายอยู่ห่างๆ ก่อนเรียกชายหนุ่มด้วยท่าทีตกใจ

                “ หน้าโบสถ! ” สาวสมุนไพรชี้ไปทางประตูโบสถ

                “ อือ! ”  ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความประหลาดใจของคนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงทางเข้าโบสถเก่า

 คนที่ปรากฏตัวคือหญิงสาวอีกคนที่มีใบหน้าฟกช้ำ รอยไหม้ตีตราบนใบหน้า เธอผู้นี้ดูอ่อนแรงแม้เธอจะยืนอยู่เฉยๆ ขุนนาง

 ประหลาดใจเช่นกัน แต่ยังไม่พูดอะไรเหมือนเขารออะไรบ้างอย่าง หญิงสาวในก้าวออกมาเล็กน้อย

 

                เธอเดินมาทางฉัน ชายหนุ่มคิดพลางเห็นขุนนางเอาตัวพิงกำแพงลุกขึ้นโดยมีเท้าข้างเดียวที่แตะพื้น

                “ แกนั่งลงไปเลย แกจะไม่หนีไปไหนทั้ง- ”

                “ ขอมีดนั้นด้วยค่ะ ”  สาวผู้นั้นเดินมาถึงตรงหน้าชายหนุ่ม

                “ หา?.. ”  ชายหนุ่มตอบสนองแบบเกรงกลัวสาวผู้นี้ รูปลักษณ์ทำให้เขากลัว ตามมาพร้อมกับคำถามว่าเมื่อตะกี้พูดว่าอะไรนะ?

                “ ขอมีดนั้นด้วยค่ะ ”  หญิงสาวกล่าวประโยคเดิม

                ชายหนุ่มถึงจะใจคอไม่ดี แต่ก็มอบมีดที่แย่งมาจากหญิงชราให้หญิงสาวผู้นี้

                “ ขอบคุณ… ที่มาช่วยพวกเรา ”  ชายหนุ่มไม่ทันได้ปลื้มกับคำพูด ก็ได้มีเสียงของบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวหันจากชายหนุ่ม

 เสียงนั้นมาจากหีบไม้หรือโลงศพ

                ชายหนุ่มมองหญิงสาวเดินไปหาขุนนางก่อนตนเองจะเดินกลับไปที่หีบไม้ คิดอย่างสงสัยเธอคนนั้นจะทำอะไร บางที

 เธออาจไปฆ่าขุนนางคนนั้นนึเปล่า

                “ นี่เธอจะทำอะไรน่ะ? ”

                “ ปล่อยเธอเถอะ เธอมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในตอนนี้ ทั้งเด็กคนนั้นและคนในนั้น ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นขณะที่เอน

 ตัวลุกขึ้นนั่ง เบื้องหลังสาวสมุนไพรบอกไม่ให้ขยับตัว “ ดูสิ่งที่พวกนั้นทำกับหน้าเด็กคนนั้นสิ… ถึงฉันจะมีส่วนที่ไม่สามารถเข้า

 ไปห้ามพวกนั้นไม่ได้… ”  ชายวัยกลางคนทำหน้าเศร้าสลด ถ้าชายหนุ่มไม่สับสนก็คงสงสารชายผู้นี้ไปแล้ว

 

                หน้าที่ไหม้เป็นภาพที่ชายหนุ่มนึกขึ้นมาได้ ชายหนุ่มขยับไปมองข้างในโลงศพ

                ผ้าพันใบหน้าถูกตัดขาดออกจนหมด ใบหน้าภายใต้ผ้าเหล่านั้นมีดวงตาที่จ้องมองกลับมาที่ชายหนุ่มอย่างหวาดกลัว

ไม่ต่างจากเขา ณ ตอนนี้ สภาพของมนุษย์ในนี้แค่ใบหน้าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าหญิงหรือชาย แค่ดวงตาเท่านั้นที่เขาเห็นใน

ความมืด และปากที่ขยับไปมาพยายามจะสูดอากาศเข้าไป

 

                “ เป็นอะไรไหม? ”

                ชิป… อีกแล้วต้องเป็นอยู่แล้วในสภาพนี้ ถามอะไรโง่ๆ

                “ ไปให้พ้นฉัน แกได้เป็นคนนอกรีตไปแล้ว ” หญิงสาวอ่อนแรงที่รับมีดจากชายหนุ่มถูกผลักล้มลง  “ บอกเลยถ้าพวก

 แกฆ่าฉันผลที่ตามมามันมากกว่าทำร้ายฉันเสียอีก พวกทหารของเฮนรี่ ทหารสัญลักษณ์กากบาท พวกนั้นจะตามล่าแก

 จนกว่าหัวพวกนอกรีตทุกคนจะถูกตัดประจาญทั่วอณาจักร! ” 

                เสียงของขุนนางเริ่มข่มขู่หนักขึ้น หนักขึ้น ทุกลมหายใจของเขา

                ทุกคนภายในบริเวณได้ยินขุนนางกล่าวออกมาชัดเจน

                เสียงลมผ่านต้นสนใกล้โบสถช่วยเพิ่มบรรยากาศความเงียบสงบในค่ำคืนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                จนกระทั่ง

                ชายหนุ่มทำลายความเงียบ เสียงฝีเท้าหนักแน่น ซึ่งมาจากชายหนุ่ม

               ‘ ตึง! ’

 

                เขาชกขุนนางก่อนกดคอขุนนางพลางพยายามกดเขาชิดกับกำแพงโบสถ โดยขุนนางพยายามผลักชายหนุ่มออก

 ขุนนางหายใจไม่ได้ เพราะแขนของชายหนุ่มกดคอของเขา ชายหนุ่มไม่สนใจขุนนางว่าจะหายใจได้หรือไม่

                “ ... ”  หญิงสาวอ่อนแรงมองชายหนุ่ม เหมือนเธอเห็นบางอย่างจากชายหนุ่มที่ทำให้เธอประหลาดใจ

                “ จะบอกอะไรให้ พวกเหล่าถูกไอ้พวกนั้นตามล่าอยู่แล้วเว้ย อาก! ” ชายหนุ่มหันหน้าหนีมือที่พยายามจะควักตา

 ของเขา เขามองหญิงสาวบนพื้นพร้อมกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ “ เธอจะทำอะไรก็ทำสิ ”

                หญิงสาวพยักหน้าตอบ เธอลุกขึ้นและยังคงถือมีดไว้ในมือ

                ไม่ช้าความวุ่นวายในราตรีนี้ค่อยๆ จบลง

               

               

 

 

 

 

 

 

 

[มุมนักเขียน]

สวัสดีปีใหม่ 

 

บทนี้ นักเขียนยาวหน่อยเพราะก่อนหน้ากะจะเขียนสั้นไปหน่อย ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้หรือลากมาเจอเช่นเคย

ขออภัยที่กว่าจะลงบทใหม่เนี่ยนานพอควร เพราะช่วงนี้นักเกียบจะหมดกำลังใจ แต่คนเขียนก็ยังเห็นจำนวนเลขเพิ่มขึ้นก็ยังกลับมาเขียนเรื่อยๆ (หวังว่าไม่ใช่บัคนะ แล้วก็ผ่านมาหลายปีแล้วด้วย) 

 

ตอนนี้นักเขียนคิดจะลงนิยายเว็บอื่นด้วยดีมั้ยเพื่อดูว่ามีคนอ่านเรื่องของเรารึเปล่า เช่น ธัญวลัย คนเขียนก็ไม่ทราบว่าจะลงได้รึเปล่า

แต่ถึงจะลงเว็บอื่นแต่บทใหม่หรือตอนใหม่คงจะลงเว็บขีดเขียนก่อน เหมือนเช่นเดิม

 

อย่างไรก็ตามหากยังมีู้อ่านที่ติดตามเรื่องนี้อยูช่วยพิมพ์บอกคนเขียนด้วยนะ หรือมีคำศัพท์เสนอแนะ คำแนะนำ ก็บอกได้นะ

 

เราจะได้รู้ว่ามีคนอ่าน...  (ó﹏ò。)

 

สำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ก็เจอกันในบทใหม่นะ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

อยากให้เขียนเรื่องไหนต่อก่อน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา