สุริโยไขแสงส่องฟ้า

-

เขียนโดย Bush

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.01 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,560 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 14.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) ก่องข้าวใบน้อย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ผมไม่ใคร่จักแน่ใจเท่าไรว่า เอ้อ ผมไม่ได้ฆ่าเมียผม ผมเป็นมุสลิมแต่ติดยางอมแงมตั้งแต่วัยสิบสี่ไม่ถึงสิบห้าปีดีเลยครับเธอเป็นอเมริกันมาทำข่าวนานแรมปีแล้ว แต่ว่าไม่อยากกลับไปชดใช้ความผิดทางแพ่งเรื่องรู้เห็นเป็นใจในการเปิดธุรกิจบังหน้าการค้ายานรกที่นิวยอร์ค เมื่อเกือบปีที่แล้วมานี้คือ มันมากับผัวเก่ามันไอ้ไบร์ด...มันชื่อนังโรส มอร์แกนส์พ่อมันทำไร่ส้มอยู่ที่แถวมิชิแกนแต่ให้ตายเถิดพระเจ้ามันกวนส้นตีนส้นมืออย่างแรงเช้าบรรเลงเพลงด่าพี้ยาแย่งยาแย่งโคเคนเสียด้วยซีมันชอบมากกว่าอย่างอื่น โคเคนมันใช้ง่ายพี่ตำรวจก็รู้แต่หายากแพงโคตร เงินผมไม่มีผมลงทุนร่วมงานในกองทัพเซิร์ซตระเวนฆ่าดะระเรื่อยไปทั่วทุกหัวระแหงตำรวจบนโรงพักนี้ เมื่อสองสามเดือนที่แล้วฝีมือผมเองฝากไว้ให้เป็นขวัญตาหนึ่งศพ เอ้อ เป็นไอ้จ่าโทนั่นแหล่ะครับ....” เจ้าโจรใจเหี้ยมมันเล่าดะส่งไปหารู้ไม่มันเรียกน้ำตาจ่าโทในร่างแวมไพร์ได้อย่างแรงและแน่นอนวันนี้มันอยู่หมัด “โมฮัมหมัดมาเรมขื่อกูเอาตายกูจ่าโทเสียน้ำตาอีกจนได้หลังจากเสียชีวิตให้กับมึ้งไปรอบหนึ่งแล้วไอ้เห้...นี่แน่ะมามะมาร่วมทัพ Arabian Gini กับพวกกูซะดีๆ”
ผู้ใช้มุกสอยดาวของพวกสาวๆ ในกลุ่มเดียวกันกับวีนัสยังคงต้องพลอยตกระกำลำบากค่ำนี้ไม่มีที่ไปนอกจากแอบเข้าไปซุกหัวนอนอยู่ในตัวปราสาทด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนระงับเอาไว้ไม่อยู่ “ตายเป็นตายไม่ไหว กูอยากรู้มากว่ะ ใครไม่ไปช่างหัวแม่ง” สาวๆ ในกลุ่มนั้นพากันตัดสินใจเยี่ยงนี้ ดังนั้น จึงมีอยู่หลายคนที่ค่อยๆ ทยอยเดินกลับลงไปตามทางเดินเก่าที่มุ่งหน้าตรงไปสู่ตัวปราสาทอีกหน วีนัสทำท่าลังเลๆ เหมือนพยายามจะชั่งใจอยู่เล็กน้อย และในที่สุดเธอตัดสินใจในวินาทีนั้นเองว่า “ตายก็ตายว่ะทำไงได้อยากรู้อยากเห็นนี่หว่า อีกอย่างไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่เหลืออะไรแล้วนี่ ความรักรึ ช่างน่าสงสารตัวเองเสียนี่กระไร เอาล่ะ เฮ้ย ไปด้วยคน รอกูด้วย”
เสียงทนายชาวตุรกีเป็นแขกหนุ่มหน้าตาเข้มหลายคนรวมกลุ่มกันอยู่ ด้วยท่าทางมีอารมณ์ขันบุคลิกแกเป็นคนอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดเสียงแกคุยกันอย่างแจ่มใสเริงร่าราวกับนกคิรีบูนรุ่นหนุ่มๆ ที่กำลังสดใส พอเริ่มออกตัวได้ก็โบกบินสู่ท้องฟ้าปร๋อไปเลยทีเดียว...
“ผมเป็นเด็กพี่เพิ่งเรียนจบมีใบอนุญาตทนาย แต่พี่ก็เห็นอยู่บ่อยๆ ผมโดนพี่ต้อนกันเข้ามุมเป็นประจำ บางทีผมก็โดนอำ โดนล่อลวงสารพัด เกือบโดนรุมขึงพืด เพราะพวกเฮียอารมณ์เปลี่ยวมองเห็นว่าผมสวย หน้าหวานเหมือนผู้หญิง บางทีเฮียแกล้งเอาวิกผมยาวทรงฟาร่าฟลอเซ็ทมาสวมบนหัวกบาลให้ผม แล้วชมว่าผมสวยไว้ผมงามรับเหมาะเจาะกับใบหน้า ทันสมัยเป็นบ้านน้อยของเฮียเอาม่ายอยู่ร่ำไป มามะวันนี้มาร่ำสุรานารี มีหรือยังคนสวยอ่ะ ดูสิฮ้าหนูน่ะ วุ้ย ทั้งสวยทั้งงามอย่างกับนางฟ้าชาลีผมยาวเคลียบ่าเสียด้วยซีจ้ะฮ่ะๆ” เสียงทนายรุ่นพี่ชาวเติร์ก ตุรกีงามไม่ต่างกันแลดูเป็นผู้ใหญ่เคร่งขรึมแกล้งส่งเสียงแซวเจ้าเด็กทนายหนุ่มทั้งกลุ่มที่มาสังสรรค์กันด้วยกลางดึกวันศุกร์อย่างนี้ “เอ...วันเสาร์หยุดงานศาลไม่เปิดทำการนี่หว่ารีบกลับทำไมกันล่ะว่ะ หนุ่มเอย ว่ากันว่าไอ้เติร์กมันกร่างอยู่ที่นิวยอร์ค ไม่กลับมาแล้วไงทำไมมันโผล่หัวมาได้ นี่ระวังตัวนะพวกมึ้งกำลังจักลำบาก...ขาใหญ่เมืองนรกกลับมาตุรกีแล้วโว้ย”
ท่านเคาส์ เติร์กยืนมองทนายหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กลุ่มนี้ด้วยสายตาไม่ชอบมาพากลเหมือนแค้นเหมือนเยาะหยัน “ยิ้มมุมปากเสียด้วยโอ้ยหัวใจร่วงหล่นแทบเท้าอย่านะจ้ะอย่าไปเหยียบหัวใจหนุ่มใหญ่ของฉันเค้าล่ะเธอพ่อหนุ่มเอย...”
ท่านเคาส์ เติร์กเอ่ยปากด่าออกมาเป็นภาษาตุรกีหยาบๆ คายๆ หลายคำ ทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พวกทนายกลุ่มนั้นหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเริ่มมีน้ำโหมากขึ้นทุกทีๆ “เอาล่ะนะ พวกมึ้งออกไปให้หมดก่อนที่จักตายเป็นผีอยู่ที่นี่ตลอดกาล และกูจักไม่ยอมอนุญาตให้มึ้งออกไปไหนได้อย่างเด็ดขาดไม่ว่าที่ไหนก็ตามได้ยินมั้ยออกไปไอ้พวกผีนรก...” ทนายหนุ่มหน้าสวยคนเดิมเดินตรงรี่เข้ามาหาท่านเคาส์เข้าบ้างแล้วร้องด่าว่า....ซ้ำแกล้งพูดท้าทาย
“ระวังนะครับท่านพวกผมยังเด็กไม่อยากตายไวแต่ว่ากลัวมากๆ เหมือนเด็กอ่ะครับท่าน มันกลัวมากๆ จนรนรานซัดหมัดใส่ซัดตีนใส่ท่านเกิดพลาดไปทำเอาท่านถึงแก่ความตาย กลายเป็นหมดอนาคตในอาชีพทนายความไปเสียฉิบ โดนข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ท่านอ่ะแก่รุ่นปู่ผม ปาปาพ่อผมอายุคราวลูกท่านได้แล้วล่ะครับท่าน ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องเสียมารยาทพูดออกไปตรงกับใจไม่มีหมกเม็ดหรอกครับระดับพวกผม ทนายนะครับไม่ใช่โจรค้ายาเสพติด....ท่านเคาส์”
ยังมิทันเท่าไรสิ่งที่เรียกว่า แวมไพร์ ของท่านเคาส์ เติร์กได้ออกมาปรากฏโฉมให้เห็นนั่นก็ คือ เมื่อเขี้ยวสองข้างตรงมุมปากของท่านเคาส์ เติร์กถูกมองเห็นวาววับสีขาวทั้งแหลมทั้งคม พร้อมที่จักฉกต้นคอเหยื่อได้ทุกผู้คน
“โอ้ว พี่ครับแวมไพร์ เว้ย เฮ้ยผมจักบอกให้ฟังนะน้อง พี่เองรู้สึกว่าตัวพี่นี้ใกล้ตายยังไงไม่รู้สินะ เอาเป็นว่าพวกมึ้งจงฟังนี่คือ สาระอย่างถึงที่สุดเท่าที่กูเคยมี พวกมึ้งยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ในโลกต่อไป แต่พวกกูกำลังจักไม่มีชีวิตถึงพวกกูมีก็ย่อมใกล้ม้วยเต็มที่แล้วล่ะว่ะ แบงก์กงเต็กแบบสารพัดสกุลเงินที่ไอ้ท่านเคาส์กับไอ้พวกมะกันหัวดี หรือไอ้ยักษ์จีนี่ตัวโตๆ มันกำลังพิมพ์ออกมาใช้ในตลาดโลกนี่ล่ะ จักทำให้พวกมัน และพวกเราฉิบหาย แบงก์กงเต็กนี่สำหรับพวกพี่ที่ตายไปแล้ว น้องเอ้ย พวกมึ้งใช้ซื้ออะไรได้ว่ะ พี่ถามหน่อยสิ พวกมึ้งยอมรึว่ากลัวมันจนหงอ ซัดหมัดซัดตีนใส่มันไม่ออก รึว่ากลัวจนเกร็งจนหัวใจวายตายไปชนิดที่เรียกว่าตายในทันทีทันใด หัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลันเลยรึไงกันว่ะ น่าหัวเราะเยาะ เว้ย เอ้ย ป้าดตูด ป้าดไอ้ของลับผู้หญิง ป้าดใจ หน่อยน้อง รึไม่น้องก็ยกมือไหว้มัน หรือไม่อีกทีก็เอายังงี้สิ มึ้งก็กระโจนลงไปร่วมมือกับมันพิมพ์แบงก์กงเต็กออกมาใช้ให้มันบรรลัยกว่าเดิม รึไม่ก็ฉิบหายไวๆ กว่าเดิมหน่อย ยังงี้ยังเรียกได้ว่า มึ้งยังมีน้ำใจเว้ย ดีกว่ารอความตายอยู่เฉยๆ เพราะพวกมึ้งมันรีบตายกันเสียเต็มประดา...ถามจริงเหอะว่ะมีใจกันมั้ยน้องฮ่ะ ๆ ๆ”
ก่องข้าวใบน้อย ฤา หนูน้อยหมวกแดงนิทานแบบเทพนิยาย ฤา ท่านเคาส์แวมไพร์แห่งเมืองผู้ดีอังกฤษ ทำท่าจักฮากันไม่ใคร่ออกอีกต่อไปเมื่อ “ตั้งใจๆ จักไม่รักด้วยฉันไม่รู้จัก...ว่ารสรักท่านเคาส์รูปหล่อเป็นอย่างไรฟ่ะ” เสียงไบร์ดทำท่าเลียนแบบไอ้เจ้าหัวหน้าทนายหนุ่มใหญ่รูปงามที่บัดนี้มีสภาพเป็นแวมไพร์ไปแล้วเรียบร้อย “หลับตากูก็ไม่เคยฝันและใฝ่เหมือนกันว่าจักเป็นเยี่ยงนี้เว้ย...น่าโมโหอีมีรันดาเมียเด็กจอมแสบอีดำเคที่นี่ก็อีกกูจักเอาให้ตายคาที่ตายท้องกลม...”
ไร่ส้มขื่อก่องข้าวใบน้อย “มึ้งเชื่อกูเหอะมันใช่เลยเป็นเช่นนี้เลยไปปลื้มไปหลงเสน่ห์วัตถุยาใจยาอียาเลิฟโง่...” เสียงแมวตัวผู้อ้วนกลมเดินย้ายก้นเข้ามาพลางส่งเสียงร้องเหมือนแมวฟังคล้ายมันร้องออกมาว่า “หน้าโง่” ในสายวันอาทิตย์แบบนี้ทุกคนมักจักไปโบสถ์กันอย่างสม่ำเสมอเพื่อไปเป็นเพื่อนให้กับเคที่ที่กำลัง ว้าวุ่นใจ สับสน ขาดที่พึ่ง และกำลังใจทำให้เด็กหรือลูกในท้องของเธอเองน่าเป็นห่วงอย่างมาก “ยายมันก็เหมือนอย่างที่มึ้งร้องออกมามั้งไอ้เหมียวหน้าฉลาด มันหน้าโง่แรงเยี่ยงนี้อยู่พักใหญ่ๆ นานหลายสิบปีจนมีนังหลานเคที่ เฮ้อ แล้วชื่อมันแม่งฟังแล่วแปร่งหูโคตรๆ คาที่...” เสียงแมวตัวผู้ตัวนั้นส่งเสียงร้องออกมาเหมือนแมวฟังคล้ายมันร้องตอบกลับออกมาสวนหมับทันควันว่า “ตายคาที่ตายท้องกลมด้วย” เสียงตอบกลับมาเยี่ยงนี้เองทำให้ตาเฒ่ามอร์แกนเบิ่งตาโตด้วยความตกตะลึงนึกไม่ถึงอย่างแรง แกไม่เคยเจอกับเสียงประหลาดเยี่ยงนี้มาก่อนเลย “ตลอดชีวิตใกล้ตายแล่วเพิ่งเคยได้พบได้เจอรู้สึกมันแปลกพิลึกยังไงไม่รู้เหมือนกันว่ะช่างแม่งดีเหมือนกันเว้ยคิดเสียว่า อย่างน้อยก็ไม่เสียชาติเกิด ไม่เสียโอกาสที่ได้เกิดมาเป็นคนกับเค้าด้วยในภพนี้ ชาติหน้าเราค่อยว่ากันใหม่แล้วกันนะครับท่าน” มอร์แกนอดรนทนเก็บเรื่องประหลาดล้ำนี้ไว้ไม่ได้จนต้องเล่าออกมาเพื่อระบายความรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุดให้เพื่อนชาวไร่หนุ่มใหญ่มากแล้วผิวสีร่างค่อนข้างท้วมที่เป็นญาติผู้น้องของแม่เฒ่าแคทเธอลีนเองฟัง
“ยังดีคุยกันได้ทุกเรื่อง อย่างฉันนี่ทำเอาไว้เพียบ ไม่รู้จักคุยกันกับท่านของพี่มอร์แกนขาใหญ่ได้รู้เรื่องหรือเปล่า เกิดคุยกันไม่ได้ท่านโกรธขึ้นมา ฉันอาจถูกสาปส่งให้เป็นหมูเป็นหมาเป็นเดรัจฉานอะไรส่งๆ ไปตามกรรมชั่วของฉันที่ทำมาเองกับมือ ทั้งน้านแหล่ะ ทุกคนไม่มีใครรอดแต่พี่เก่งคุยกับท่านได้ แถมคุยกันรู้เรื่องทุกอย่างอีกด้วย เก่งมาก พี่ขาใหญ่มอร์แกนซ้าอย่าง ฉันไปก่อนล่ะ จักไปส่งส้มที่ตลาดค้าส่งตรงปั้มน้ำมันแขกก่อน เดี๋ยวค่อยเจอกันใหม่ ไอ้อัฟริกันอย่างฉันมันก็เยี่ยงทาสยังงี้ไม่เคยเปลี่ยนบทบาท และหน้าที่นี่ก้อ..คนขับรถ” ระหว่างทางคานส์ขับรถไปในใจนึกประหวัดถึงอดีตกาลครั้งรุ่นหนุ่มน้อยยังไม่มีความผิดใดๆ ติดตัวเลยพ่อแม่ของคานส์ใฝ่ฝันอยากเล่นการเมืองท้องถิ่นในมลรัฐโอไฮโอ หลังจากย้ายครอบครัวมาจากทวีปแอฟริกาแล้วเข้ามาทำมาหากินเลี้ยงชีพตั้งรกรากอยู่ในอเมริกาเป็นการถาวร แต่ก่อนหน้านี้ครั้งที่อาศัยและเติบโตในแอฟริกาพ่อแม่ และครอบครัวเดิมทำร้อนทำเข็ญกับคนอัฟริกันด้วยกันเอง ทั้งร่วมมือ ทั้งลงมือทำร้ายกันเองเพียงเพื่อให้ได้เงิน และงานที่มีเกียรติยศแบบ คนหน้าโง่เค้าทำมาหากินกัน ทั้งร่วมมือในการค้ายา พาคนลักลอบเข้าเมือง ฉ้อโกงหลวงของตนเอง เพียงเพื่อต้องการแลกเปลี่ยนกับสินบนอามิส หรือเงินค่าจ้างที่คนขาวนำมาล่อลวง เพียงเพื่อเป็นการหลอกใช้ให้ทำร้ายคนอัฟริกันด้วยกันเองจนครอบครัวของเค้าเองไม่สามารถจักใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป ทำให้จำเป็นต้องหลบหนีเข้าเมืองมาอยู่ที่อเมริกาบ้าง แต่ทุกคนกลับเห็นผิดเป็นชอบ มองว่านี่คือ โอกาสทองของครอบครัวตนเองแท้เทียว สุดท้ายจุดจบของ ชาวอัฟริกันหรือน้องอัฟเกือบกลายเผ่าพันธุ์เป็นสัตว์ ที่โดนทารุณกรรมผิดจากมนุษย์ธรรมชาติทั่วไปเค้า “อย่าเห็นแก่ตัวมัวพะวงลุ่มหลงริษยาไม่ควรที่ แก่งแย่งชิงดีเห็นผลแล้วว่า เยี่ยงเดรัจฉานกันหมดเทียวก่องข้าวของหม่องเราเองแม้มันใบจักเล็กจักน่อย ต้องคอยหมั่นดูแลรักและหวงแหน ต้องทะนุถนอมรักษาไม่ใช่ช่วยผู้อื่นทำลาย ไม่งั้นไม่จำเป็นต้องมานั่งพร่ำบ่นสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าให้ท่านเมตตาช่วยเหลือให้พ้นสภาพของเดรัจฉานไปให้เร็วให้ไวเสียที ดูเอาไว้เป็นเยี่ยงพวกกูจักสมน้ำหน้าให้ แล้วดูทำเป็นไปโบสถ์กันทุกอาทิตย์”
วงศ์แวมไพร์ละเลงวงศ์ไพฑูรย์ด้วยกลิ่นเลือดทุกวี่วารไม่มีเว้นวันหยุดใดๆ “เลือดเป็นอาหารชนิดเดียวที่เรากินได้ไม่งั้นเราก็ต้องตายแวมไพร์อย่างพวกเราเรียกว่าชั้นดีแม้ว่าไม่เด่นไม่ดังแต่ว่าเลือกกินเลือดพวกโฉดพวกชั่วคนดีมีศีลธรรมเราไม่กินเรามีคุณธรรมพอตัว เมื่อก่อนเข้าเป็นทนายใหม่ๆ หนุ่มน้อยยังไม่ใหญ่เท่านี้ผมทำงานแบบตั้งมั่นในความดีความงามเยี่ยงนี้แต่ก็ไม่มีบ้านมีรถไม่ไปถึงไหนเพื่อนผมเดี๋ยวก็มีสำนักงานในตึกหรูกลางกรุงอิสตันบูล มีรถหรูหลายคันราคากว่าสิบล้านกระจกนิรภัยใช้กันกระสุนคอนโดแบบหรูหราบนตึกระฟ้ากลางเมือง อยู่ๆ ผมเซ็งกับชีวิตมากๆ เข้าเลยลองศึกษาแนวทางดูลองเลียบๆ เคียงๆ กับพวกมันแล้วก็ค่อยๆ ร่วมด้วยช่วยกันกับพวกไอ้ เคาส์ เติร์กรูปงามนี่ แล้วก็มีตามใจนึกฝันบางอย่างมีดีกว่าที่คิดที่หวังไว้เรียกว่าเห็นหน้าเห็นหลังชั่วไม่เท่าไร แค่ว่าเออออ ช่วยห่อช่วยหมกไปตามกระแสของพวกมันไม่ต้องคำนึงถึงจรรยาบรรณอะไรมากแล้วก็ใช้ความรู้ทางกฎหมายกลิ้งไปบนใบบัวเหมือนหยดน้ำให้พวกมันพอมันพอใจในผลงานของเราก็ก้าวหน้าเพื่อนผมมันแนะแนวทางให้ แต่นั้นมาผมยิ่งได้ใจย่ามใจว่ากูพอตัวแล้ว เลยวกกลับมาล้มล้างพวกไอ้เติร์กมันแต่ว่ามันไม่ใช่อย่างนี้นี่หว่า กูกลายเป็นแวมไพร์เลยทีเดียว” โอ้อกเอยหัวอกของแวมไพร์หนุ่มใหญ่หล่อด้วยมากรายในทัพเยี่ยงนี้
ยอมทุ่มทุนสร้างทุกอย่างนั่นคือ ท่านเคาส์ เติร์ก แต่หนุ่มๆ พวกนั้นก็คิดไม่ต่างกัน “ข้าฯ เองคาลลิอัสเป็นเยี่ยงนี้เหมือนกันแต่ว่าเป็นเวลาอันสมควรแก่กรรมของพวกเติร์กทรชนที่ได้วนมาบรรจบ เป็นเวราที่พวกมันจักต้องชดใช้กรรมให้แก่แผ่นดินของรา ณ ดินดอนปากแม่น้ำ เมโสโปเตเมียน ลุ่มน้ำไทกริส-ยูเฟรติส และลุ่มน้ำไนล์ ทายาทแห่งแวมไพร์ที่จักต่อกรกับ พระบิดาแห่งแวมไพร์เยี่ยงมัน และธิดาของมันนัง มีรันดา ในใจมันกำลังคิดว่ามันแน่กว่าพ่อผีดิบของมัน ในความเป็นจริงมันก็พ่อลูกกันนั่นแหล่ะ แต่ว่าคนเยี่ยงผีดิบอย่างไอ้เติร์กมันทำริยำตำบอนได้มากกว่านี้ นี่เรียกว่า เลวระดับธรรมดา สามัญปกติตามสันดานของมันแค่นั้นเอง อยากเป็นเยี่ยงเจ้าไฟซาลนักบวชนั่นเองรึ พิโธ่พิถัง เอ๋ย นึกว่ากระไร เอาล่ะ เคลื่อนทัพกันได้แล้ว” กองทัพผีดิบแวมไพร์ขององค์กาหลิบรูปงามเดินตัวตรงแน่วไม่ไหวติงหน้าตานิ่งเฉยแลดูเลือดเย็น จนผู้ที่ได้พบเห็นคราวเคลื่อนพลผ่านย่างกรายไปตามถนนบนเส้นทางสายธุรกิจสำคัญของกรุงอีสตันบูลรู้สึกเย็นยะเยือกไปทุกอนูขุมขน
“มายังไง ไปยังไงว่ะ นั่นสิจู่ๆ ก็พรวดขึ้นมาอยู่บนถนน โน่นสาวๆ กลัวลนลานร้องหวีดกันเป็นแถว หลบเข้าบ้านเข้าช่องของเรากันดีกว่า เชื่อเหอะไม่ไหวน่ากลัวว่ะ กูผู้ชายแต่บอกไม่ถูกไม่ได้ปอดแหก แต่มึ้งดูกันเอาเองจักยืนดูอยู่ช่างหัวมึ้งปะไรกูไม่เอาด้วยไปเร็วเธอลูกเราอยู่ไหนมานี่มาหาปาปาเข้าบ้านเร็วพวกเราไม่ไหวสู้ได้เร้อว่ะยังงี้ กูไม่สามารถกูยอมสยบสู้ไม่ได้ลูกเร็วๆ มัวแต่อยากรู้อยากเห็นเดี๋ยวได้ตายฟรีแต่เด็กแต่เล็กวิ่งให้ไวๆ เฮ้ย ดูโน่นเร็วพาลูกเต้าเข้าบ้านกันเสีย....ดูสินั่น” เสียงชาวตุรกีหลายรายที่บังเอิญพักอาศัยหรือยืนเกะกะอยู่ในบริเวณนั้น ต่างพากันรีบร้องบอกกันต่อๆ ไป เพื่อให้รีบหลบไปเสียจากบริเวณที่กำลังจักเป็นสมรภูมิเลือดระหว่าง กองทัพร่วมชาติแบบมนุษย์กับกองทัพร่วมชาติแบบแวมไพร์เดิมๆ ของเติร์ก
ผ่านพ้นคืนนั้นไปรุ่งสางพบศพอดีตทหารมนุษย์นอนตายเกลื่อน แต่ครั้นพอตกช่วงสายๆ พวกเขากลับฟื้นขึ้นมาคล้ายกลับมีชีวิตเดินเหินออกไปจากบริเวณสนามรบแห่งนั้นได้เองอย่างน่าประหลาด “แวมไพร์แน่นอนอย่าไปเข้าใกล้พวกเขา” เสียงชาวเมืองอีสตันบูลโจษขานกันไปกลายเป็นข่าวดังทั่วประเทศไปได้ในชั่วเวลาอันรวดเร็ว เหตุการณ์สู้รบเยี่ยงนี้มีเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า.....ท่านเคาส์ เติร์กให้เศร้าใจ ระทมทุกข์ในค่ำคืนนี้ถือเป็นวันสิ้นสุด “แพ้ราบคาบไม่มีข้อสงสัยออกไปตายแน่”เสียงมีรันดาฟังดูเยาะหยันอย่างถึงที่สุด แต่เติร์กเหมือนหมดอาลัยตายอยากหมดหวังเสียจนหมดแรงอ่อนล้าแม้แต่จักโต้เถียงกับมีรันดาเหมือนเคย
ท่านเคาส์ เติร์กผู้บัดนี้บรรจงสวมชุดเกราะเยี่ยงวีรบุรุษนักรบชาวเติร์กโบราณในมือท่านถือดาบที่พร้อมจักประหัตประหารทุกคนแบบไม่ไว้หน้าไม่เว้นแม้แต่สักหนึ่งชีวิตเพื่อให้มีลมหายใจคงอยู่ต่อ
“ถ้าเป็นคนกูไม่มีวันยอมให้มันรอดเงื้อมมือ แต่นี่มันผีดิบที่กูทำมันขึ้นมาเองกับมือทุกตน อนิจจา ไม่น่าเลยกูเหมือนคนเสียประสาททำบรรลัยวอดวายกับชาติบ้านเมืองของตนเอง มันเป็นการกระทำที่สวนทางกันกับบรรพชนของกูอย่างสิ้นเชิงแต่กูไม่รู้จักแก้ไขเยี่ยงไร ได้แต่ขอโทษพวกมึ้งด้วยที่กูทำร้าย ทำให้พวกมึ้งกลายสภาพเป็นไอ้แวมไพร์กระหายเลือดของตัวกูเองเยี่ยงนี้ เอาล่ะ พูดไปใยให้เสียเวลา มึงเข้ามาเลย เข้ามาดื่มเลือดกู ลูกผู้ชายนักรบแห่งตาลีปัน ทำผิดแล้วย่อมกล้ายอมรับผิดและชดใช้ความผิดของตัวกูเอง กูมานี่เพื่อมารับโทษทัณฑ์ของตัวกูเองโดยดุษฏี เข้ามาได้เลย...”
ท่านเคาส์ เติร์ก ในยามนี้มีหน้าตาเคร่งขรึม ดูทระนงทะนงองอาจ ท่านถอดหน้ากากอัศวินออก เผยให้เห็นต้นคออันขาวโพลนได้อย่างแจ่มชัดในความมืดแห่งแสงจันทราข้างแรมอันมืดสนิท แรมสิบห้าค่ำ เดือนเก้า ปีคริสต์ศักราชสองพันสิบหก
จากคืนวันนั้น จนกระทั่งหลายปี หลายรัตติกาลผ่านพ้นไป ไม่เคยมีใครได้พบได้เห็น ท่านเคาส์ เติร์ก และกองทัพแวมไพร์แห่งองค์กาหลิบอีกเลยไม่ว่าที่แห่งหนตำบลใดในโลกมนุษย์ใบนี้....
เสียงเพลงห้าร้อยไมล์ดังกระหึ่มไปทั่วท้องไร่ส้มสีทองสุกอร่าม ชาวไร่บรรจงเก็บผลส้มด้วยวิธีเก็บด้วยมือแบบง่ายๆ เดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเขาสวมถุงมือใช้กรรไกรริดผลส้มที่กำลังได้ที่รอให้สุกงอมอีกทีหลังจากริดมันออกจากขั้วใบที่ยึดติดกับกิ่งก้านสาขาของลำต้นส้มซันควิซซึ่งไม่ค่อยสูงมากเท่าไรจากพื้นดิน....
เคที่เจ็บท้องอย่างรุนแรงในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง ปู่มอร์แกนรับอาสาขับรถตรงดิ่งไปโรงพยาบาล ซึ่งนำตัวเคที่ขึ้นเตียงเข็นเข้าห้องคลอดในทันทีที่รถได้แล่นเข้ามาจอดหน้าอาคารรับผู้ป่วยเข้าของโรงพยาบาลแห่งนั้นเอง
“มันตื่นแล้วผิวหมึกเหมือนกูกับมึ้ง ทำเป็นตัวตลกนังเคที่เดี๋ยวกูเตะชัก กูนึกแล้วทีเดียวว่าผลงานของกูเอง ไงลูก อ่ะๆ ๆหมึกดำ ๆ ๆ เอ๋ย... ไบร์ดมันมาเข้าฝันบอกไว้แล้วหลายคราวว่า ถ้าลูกมึ้งกูไม่แตะไม่ต้องไม่ทำร้าย แต่ถ้าลูกมันมึ้งตายท้องกลมแน่นอน หนอยทำจัญไรริยำหญิงร่วมหัวกับไอ้แวมไพร์นั่นฆ่ามัน...เป็นกูล่ะก้อเล่นหนักกว่านั่นอีก โฮะ ๆ ๆ...” เสียงคานส์พ่อมือใหม่ร้องเพลงกล่อมลูกด้วยเพลงทำนองคันทรี่ โอไฮโอ... “โอโฮๆ ๆ โฮ โฮ่.... เฮฟวึน อิน เดอะ ฟาร์ม...”
ค้างคาวบินวนไปว่อนมาทั่วท้องฟ้าในยามเย็นย่ำค่ำใกล้สนธยา ฉวัดเฉวียนไปมาราวกับมารอดูท่าที ครั้นพอเห็นประจักษ์แก่สายตาว่าความเป็นจริงเป็นเยี่ยงนี้ จึงพากันถอยทัพกลับไปดั่งคำมั่นสัญญาที่ได้เคยลั่นวาจาให้ไว้อย่างลูกผู้ชาย...
เคที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเหมือนเธอรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้ว “ลูกเราชื่ออะไรดีคานส์” พ่อคานส์ทำท่านิ่งคิดอยู่สักพักใหญ่ พอเหลือบตามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามองเห็นหมู่ค้างคาวบินเวียนว่อนคล้ายได้บินกลับรังนอนไปแล้ว จึงทำท่าเหมือนคิดขึ้นมาได้ “มันชื่อไอ้ไบร์ท แสงสว่างๆ แห่งดวงตะวัน”
ค้างคาวผีแวมไพร์มันย่อมกลัวแสงแดด แสงสว่าง ใช่สิ “มิน่ามึ้งเลยได้ชื่อนี้ให้ลูกมึ้งก็ดีน่ะ โธ่เอ๋ยคิดว่าอะไรหวิดตายท้องกลม แม่เจ้าเว้ยลูกเลี้ยงกู โฮ โฮ่ โฮ๋....” ปู่มอร์แกนขับรถมารับทั้งสามคนพ่อแม่ลูกกลับบ้านพักไปโดยสวัสดิภาพระหว่างทางพ่อเฒ่ามอร์แกนแกเล่นขับรถไปร้องเพลงไปผิวปากเป็นทำนองเพลงหวือหวาไปในห้วงทำนองแห่งสวรรค์บ้านไร่ แห่งโอไฮโอ....รถกระบะคันนั้นแล่นผ่านไปตามทางแลเห็นไร่ส้ม สองฟากซ้ายและขวาดูงดงาม สวยแบบธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง รสเปรี้ยวหวาน ที่อุดมไปด้วยวิตะมินซีให้ความรู้สึกสดชื่นและกระปรี้ประเปร่าทุกคราวที่ได้ลิ้มรสส้มชนิดนี้ไม่ว่าใครก็ตาม และไม่ว่าจักรับประทานส้มนี้ที่ใดๆ แห่งหนตำบลไหนในทั่วทุกมุมโลกก็ตามที.....
สุริยาไขแสง ส่องสว่างกลางใจ รับประทานส้มแล้วสดชื่นฉันใด แสงตะวันย่อมนำความสว่างมาให้อย่างสม่ำเสมอฉันนั้นไม่เคยขาด “พูดจาแบบสุนัขรับประทานได้ก็เป็นการดีกว่าหนาไบร์ด” มิสเตอร์ ทรัมป์ ตัวจริง หรือ เดฟวี่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังไบร์ดเลยพลอยชะงักงันนิ่งเงียบตามไปด้วย
“กูคิดว่าเห็นด้วยไอ้ตุ๊ดจอมบงการนั่น มันยังทำท่าเสียยังกับโอ้ยพระเอก ...องค์กาหลิบมาเองไอ้เสียงพูดแบบอังกฤษแบบนั้นสุนัขมันยังไม่แดก แล้วพวกกูโง่หรือฉลาดกว่าพวกน้องหมาพวกนั้นว่ะไบร์ด กูในฐานะทนายความเก่าขอคำยืนยันจากปากของคุณมึ้งไอ้ไบร์ด” ไบร์ดไม่ตอบแต่กลับทำท่าเคร่งขรึมจริงจังยกมือขึ้นทำท่าแบบสารภาพบาป “อาเมน เห็นแก่พระเจ้า”
เสียงระฆังวิวาห์ดังกังวานขึ้นอีกครั้งในโบสถ์หรูกลางนครนิวยอร์คเจ้าสาวคนสวยคนเดิม “นางสาวมิลานเจ้าจักยอมรับท่านประธานาธีบดี ฯลฯ บุช วิก จอบ เป็นสามีอย่างถูกต้องรึไม่” นางสาวมิลานตอบรับไปอย่างแม่นบท ว่า “ยอมรับค่ะ” จบพิธีลงด้วยคำอำนวยพรของท่านบาทหลวงรุ่นหนุ่มไล่เรี่ยกันกับสองบ่าวสาว “ขอให้พวกคุณสู่สุขสงบเสียที”
ทั้งคู่มีสีหน้าแดงกล่ำด้วยอารมณ์ฉิวโกรธขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ และคิดไม่ถึงว่าจักได้รับคำอำนวยพรเยี่ยงนี้ ระหว่างทางเดินปูด้วยพรมแดงราดทอดยาวออกไปสู่ด้านนอก ทั้งคู่จึงก้าวเดินออกมาเป็นจังหวะย่างเท้าที่เหมือนเสือตัวผู้และตัวเมียสองตัว กำลังย่างเท้าก้าวสามขุมเข้าไปหาเพื่อตะปปเหยื่อ เมื่อย่างเท้าออกไปถึงภายนอกบริเวณหน้าโบสถ์ ซึ่งรถสีดำสนิทติดฟิล์มนิรภัยกันกระสุนสีดำทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่ผู้โดยสารในรถหรูหราคันงามของทั้งคู่ที่จอดเทียบรออยู่ ทันทีที่เธอได้ขึ้นนั่งบนที่นั่งประจำคนขับซึ่งครั้งนี้ นางสาวมิลาน กลับเป็นสารถีเสียเอง เริ่มแรกรถทำท่าแล่นออกไปอย่างปกติที่ควรจักเป็น แต่แล้วจู่ๆ รถกลับเข้าเกียร์ถอยหลังกลับเข้ามาพุ่งเข้าใส่ฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรวมตัวกันอยู่ และได้เริ่มต้นพูดคุยถึงความเป็นไปต่างๆ นานาอันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเจ้าสาว หรือตัวมีรันดาอย่างไม่ต้องสงสัย โศกนาฏกรรมคราวนี้ทำให้ทั้งคู่วิวาห์หมาดๆ นี้เสียชีวิตตายคาที่เกิดเหตุบนรถคันงามคันนั้นนั่นเองสภาพร่างของทั้งสองผัวเมียคอหักหมุนได้รอบเลือดเต็มตัวเกรอะกรังไปหมด เพราะโดนกระจกรถและวัตถุในรถที่เกิดความเสียหายแตกหักกระทบเข้าใส่ บ้างก็ยังมีเสียบทะลุไปตามร่างกาย ล้วนแล้วแต่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้มาร่วมงานหลายสิบคนมีทั้งตาย และบาดเจ็บตั้งแต่แค่มีรอยถลอกไปจนถึงบาดแผลสาหัส....
ข่าวการอสัญกรรมอย่างปัจจุบันทันด่วนของท่านประธานาธิบดี บุช ถูกเล่าขานกันต่อมาอย่างไม่รู้จบ บ้างว่ากรรมเวรตามมาทัน บ้างว่าเพราะมีรันดามีเลือดหยิ่งทะนงตามสายเลือดยอมเสียสละชีวิตเพื่อแผ่นดินตุรกี บ้างเล่าลือว่าตามวิสัยแวมไพร์ย่อมโมโหร้ายเยี่ยงนี้ สุดแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล และยังคงเล่าลือกันไปต่างๆ ต่อไปอีกตราบชั่วกาลนานถึงตำนานแห่งปราสาทแวมไพร์ผีดิบ...ของท่านเคาส์ เติร์กแห่งตุรกีรูปงามผู้นี้....อาเมน กรรมมันตามมาทันย่อมเป็นเยี่ยงนี้มิเป็นอื่น...
สุริโยไขแสงทุกวี่วารวาระครบยี่สิบสี่ชั่วโมงย่อมเท่ากับหนึ่งวันไม่เคยเปลี่ยน แต่ละวันล้วนกรรมวิ่งตามวงล้อแห่งสุริยาเทพหมุนรอบวนไปทั่วทุกซอกทุกมุมโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชนิดที่ไม่เคยมีใครเลี่ยงหลบกรรมของตนเองได้พ้นไม่เคยมีเลย....

ห้ามสำนักพิมพ์ทุกแห่งลอกเลียนแบบ
อนุญาตเฉพาะผู้ว่างงานทุกประเภท

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา