เมื่อไม่เหลือใคร...
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ผมเกิดในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี แม่ของผมทิ้งผม น้องและพ่อตั้งแต่ผมยังเล็กๆเมื่อผมจบ ม.3 ผมได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่นี่โลกของผมเปิดออก ผมเป็นอิสระแล้ว ผมทำงานในบาร์ส่งตัวเองเรียน ด้วยการที่ผมไม่อยากเป็นภาระของใคร ผมตั้งเป้าไว้ว่าวันหนึ่งผมจะกลับไป จะส่งน้องเรียน ผมจะต้องได้ดีและพิสูจน์ให้ผู้ชายคนหนึ่งได้เห็นว่าไอ้ลูกชั่วๆคนนี้ก็ดีได้ด้วยตัวเองและผมก็บอกกับตัวเองว่าถ้าผมไม่ได้ดีผมจะไม่กลับไปให้ใครเห็นหน้า จะไม่กลับไปเหยียบบ้านให้เป็นขี้ปากใคร ผมใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไป
.....กรี้งงงงงงงงงงงงงงงงง...
“เอกนายอยู่ไหนเนี่ย” เสียงใสๆดังขึ้น
“จะไปแล้วรออยู่นั่นแหละเดี๋ยวไปรับ”
“เอกคืนนี้ไปกับพวกข้าป่ะ”บิ่นเดินเข้ามาทักผม
“โทษจริงๆวันนี้ต้องไปรับหมิวที่หัวลำโพงพอดีพึ่งกลับมาจากน่าน”
“อั้ยย่ะมีแฟนแล้วลืมเพื่อนเลยนะแกน่ะ”
...ณ หัวลำโพง...
“เอก!” ผมเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มให้ผมอย่างสดใส
“นี่!ยืนยิ้มอะไรของนายช่วยถือของหน่อย”
“เอ้า..แล้วก็ไม่บอก”
“แม้ฉันก็เห็นนายยืนยิ้มอยู่นั่น...คิดอะไรอยู่หรอ” เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างกวนๆ
“ก็คิดอยู่ว่าทำไมมีแฟนเตี้ยนัก 555”
“นี่! อย่างฉันน่ะเค้าเรียกว่าน่าทะนุทนอมย่ะ”
แล้ววันนั้นผมก็ไปส่งเธอที่บ้าน หมิวร่าเริงและกวนประสาทผมตลอดเวลาผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้เธอเสื่อมเสียและจะไม่ทำให้เธอเสียใจเด็ดขาด
และจุดเปลี่ยนชีวิตของผมก็เริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันพ่อแห่งชาติ
5 ธันวาคม 2548 ทางมหาวิทยาลัยจะทำการจัดงานวันพ่อทุกปีและในปีนี้
"เอกพ่อแกมาป่ะว่ะ”
“ไอ้บิ่นแกก็รู้ๆอยู่ อย่าพูดเลย หงุดหงิดว่ะ”
“ฝ่ายปกครองโทรถึงพ่อข้าให้มาร่วมงาน...เขินว่ะ”
“จะเขินอะไรพ่อนายนะ กราบพ่อตัวเองเสียหายตรงไหน” หมิวพูดขึ้น
“โห่..หมิวผู้ชายนะเว้ย ไม่เคยทำไรอย่างงั้นหรอก..โอ้ย..เครียด”
“เอกเค้าพูดจริงๆนะนายน่าจะกลับไปหาพ่อนายนะโรงเรียนอุตส่าห์ให้หยุดตั้งหลายวัน”
“ไม่” หมิวก็พยายามพูดต่อจนกระทั่ง
“แต่ฉันว่า...”
“อยากจะไปไหนก็ไปเลยไป!!!! ก็บอกให้หยุดพูดเรื่องนี้ซักทีเถอะ...น่ารำคาญ”
“มันเป็นไรของมันว่ะ...ไม่เป็นไรนะหมิว” หญิงสาวพยักหน้าเงียบๆ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมายุ่ง มาเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวของผมนักหนา ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตา ไม่เคยเห็นค่าของผม ผมไม่รู้เลยว่าพ่อจะสนใจรึป่าวว่าผมจะเป็นยังไงบ้าง พวกนั้นก็ชอบพูดแต่เรื่องนี้ก็รู้อยู่พูดทีไรก็ทะเลาะกันทุกที.
....ณ จ. เพชรบุรี....
“ได้ข่าวลูกชายผมบ้างไหมครับ”
“ขอโทษนะครับ ทางเรามีเรื่องเยอะอยู่แล้ว และเรื่องก็เกิดขึ้นมานานแล้วด้วย กลับไปเถอะครับลุง” ชายชราวัย 65 ปี เดินออกจากศูนย์แจ้งเหตุด้วยความเศร้าใจ
“เอกเองอยู่ไหน...กลับมาเถอะลูก”
ทุกวันเวลาสามทุ่มเขาจะมานั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านเพื่อเฝ้าคอยเด็กคนหนึ่งเป็นภาพของเด็กผู้ชายที่วิ่งเข้ามาถามนู้นถามนี่แต่เมื่อเขาเริ่มโตขึ้นชายชราก็สัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป หัวใจของผู้เป็นพ่อก็หามีความสุขไม่ เมื่อไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง
....ไนต์คลับแห่งหนึ่ง....
จังหวะดนตรีดังหนักๆตลอดเวลาไปตามเสียงเพลง
ในมุมหนึ่งของร้าน...
“เฮ้ย!เอกแกใจเย็น...ไปทำไรมาว่ะ”
“ทะเลาะกับหมิว” ไอ้บิ่นสีหน้าตกใจ
“อีกแล้วเหรอว่ะ...จะไปรอดกันไหมเนี่ย”
“กลับไปค่อยว่ากัน” บิ่นตบบ่าผมเบาๆ
“ก็แค่ผู้หญิง...ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากนักหรอก”
เสียงดนตรีเปิดตัวดังขึ้นดึงความสนใจจากคนในร้านทุกสายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวคนหนึ่งผิวของเธอขาวตัดกับเดรสเกาะอกสั้นสีดำเดินออกมาจากเวทีเปิดตัวด้วยริมฝีปากสายตาและท่วงท่าเต้นอันเย้ายวนของเธอ ที่เคลื่อนย้ายไปตามจังหวะเพลงบนเวทีทำให้ผมชะงักในความงามของเธอ เธอสวยมากจริงๆ
“เฮ้ย!!เอกแกอยากลองดูป่าวว่ะ..เอ้ยยย..ปอดนี่หว่าก็นึกว่าแน่ เอาหน่านานๆที ข้าไม่พูดเอ็งไม่พูดแล้วใครจะไปรู้ว่ะ”
.....ติ๊ดๆๆๆๆ
“ฮัลโหล...ว่าไง...เออๆเดี๋ยวไป” เพื่อนผมมันดูลุกลี้ลุกลน
“เฮ้ยข้ากลับแล้วนะพอดีมีธุระด่วน”
“เออๆ...เดี๋ยวเจอกัน”
03.15 น.
เวลานี้คนเริ่มทอยกันออกไปเพราะไนต์คลับใกล้จะปิดแล้ว
"ทำไมมาอยู่คนเดียวล่ะคะ” เสียงใสดังขึ้นข้างๆผม
“คุณ..”
“จีจี้ค่ะ...ไม่รู้ว่าอกหักมาจากไหนเนี่ย ต้องการใครนั่งเป็นเพื่อนรึป่าว”
นี่คือหญิงสาวคนนั้นที่อยู่บนเวที ผมยอมรับว่าเธอสวยจริงๆ
“สนใจไปต่อกับฉันไหม” เมื่อได้ยินประโยคที่เธอถามผมจึงลุกขึ้นทันที
“ขอโทษนะครับ..ผมไม่”
โครม!!!ด้วยฤทธิ์ของแอลกอร์ฮอล์ผมรู้สึกมึนมากและเซล้มลง เธอเบียดตัวใกล้ผมและ...เธอสวยจริงๆ
ตอนนั้นทุกอย่างเหนือการควบคุมแม้ว่าผมจะพยายามในตอนแรกก็ตามแต่สุดท้ายผมก็ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณของผมเอง
12.00 น. ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง...
“นี่ค่าตัวคุณ...เอาไปซ่ะคุณนี่มันร้ายนัก”
“Thank you อย่าพูดแบบนั้นซิ เมื่อคืนก็เห็นคุณมีความสุขเอง ไปเถอะเดี๋ยวแฟนจับได้ไม่รู้ด้วยนะ...คิดถึงเมื่อไหร่ก็โทรมานะคะ ฉันจะรอ”
ตั้งแต่วันนั้นผมไปหาเธอบ่อยขึ้น ผมได้เสพสุขเต็มที่กับเธอในทุกๆครั้ง เธอคือที่ระบายและปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจ ในตัว ในร่างกายของผม ผมกำลังหลงไปกับมันแต่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆและมันน่าเบื่อมาก คือ
“เอก..นายไม่รับสายฉันอีกแล้วนะ”
“พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ”
“ยุ่งๆๆๆตลอดเลย!ฉันชักจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะ”
“เธอเคยเชื่อในสิ่งฉันจะพูดบ้างไหม..คนที่เขารักกันเขาต้องไว้ใจกันไม่ใช่มานั่งจับผิดกันแบบนี้”
.....หมิว......
‘เธอเคยเชื่อในสิ่งฉันจะพูดบ้างไหม...คนที่เขารักกันเขาต้องไว้ใจกันไม่ใช่มานั่งจับผิดกันแบบนี้’ ประโยคนี้ดังก้องในใจของฉันตั้งแต่เช้าแต่ฉันสังเกตและสัมผัสได้ว่าเขาเปลี่ยนไป 2 ปี ที่คบกันมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เขาเปลี่ยนไปจริงๆ
2 วันต่อมา...
“ เอกนายอยู่ไหน”
“อ้อหมิวเค้าขอโทษจริงๆนะเค้ามีธุรกับเพื่อนนิดหน่อยอ่ะ”
“เอ้...จำได้ไหมน้าว่าวันนี้วันอะไร..”
“วันจันทร์ครับผม...แค่นี้นะต้องไปแล้วเดี๋ยวเจอกันนะครับ”
‘วันนี้วันเกิดฉันเอง...สุขสันต์วันเกิดนะหมิว’ ไม่นึกเลยว่าวันเกิดปีนี้ฉันเบิร์ดเดย์ตัวเองฉันจำได้เสมอว่าเอกไม่เคยลืมวันเกิดของฉันเลย แต่ไม่เป็นไรฉันจะต้องไว้ใจเขา
กลางดึกหญิงสาวเดินออกมาจากหอ ถนนแห่งอบายมุขข้างทางเต็มไปด้วยแสงสี ผับบาร์ต่างๆกำลังระดมเพลงไปตลอดทาง เมื่อเดินต่อไป หล่อนรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆมาบีบหัวใจของหล่อนเมื่อ
“เอกวันนี้เราไปต่อที่ไหนกันดีค่ะ”
เมื่อสายตาคู่นี้มองเห็นแฟนหนุ่มควงสาวเปรี้ยวคนหนึ่งออกมาจากไนท์คลับ ‘ นี่ใช่ไหมสิ่งที่นายเรียกร้องความไว้ใจจากฉัน นี่ใช่ไหมคือของขวัญวันเกิดที่นายเตรียมไว้ให้ ขอบใจนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง.....ลาก่อนเอก’ น้ำใสๆไหลออกจากตาคู่สวยเมื่อได้รู้ว่า คนที่หล่อนรัก ทรยศ
พักกลางวัน...
“ เอ้ยช่วงนี้แลไม่เห็นแกจะอะไรกับหมิวเลยว่ะ”
“เคลียร์กันแล้วไม่รู้เขาเป็นอะไร เขาบอกว่าขอห่างกันซักพัก”
“ผู้หญิงก็งี้แหละ..อย่าไปเอาอะไรมาก”
“ป่าวฉันก็ไม่ได้คิดอะไรดีแล้วเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมากังวล”
“แม้!!!แต่ก่อนล่ะหมิวอย่างงู้น...หมิวอย่างงี้ เจอน้องจีจี้ทีเดียวเป็นไงจอดเลยซิ”
“ถามจริงเหอะเอกแกไม่กลัวติดโรคหรอว่ะ ผู้หญิงอย่างว่านะเว้ย”
“อย่าพูดอะไรบ้าๆฉันก็แค่เล่นๆ”
1 ปี ต่อมา...
ผมจำได้ว่าช่วงนั้นผมรู้สึกว่าบางอย่างในร่างกายของผมแปลกไปผมเริ่มป่วยอยู่บ่อยๆ. มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ตอนนั้นผมคิดว่าอาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยอยากกินอะไร ผมปล่อยให้เป็นอย่างนั้นอยู่ประมาณหลายอาทิตย์แล้วจึงตัดสินใจไปหาหมอและวันนั้นเองจุดเปลี่ยนชีวิตของผมก็มาถึง
“คุณเอกอดุลครับ หมอเสียใจด้วยนะครับ ผลเลือดของคุณเป็นบวกครับ”
“ผมเป็น...”
“คุณติดเชื้อ HIV ครับ”
ทุกอย่างมันเร็วมากจนผมไม่ทันตั้งตัว ตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างถูกคิดวนเวียนอยู่ในสมอง ผมเป็นเอดส์และผมกำลังจะตาย และด้วยสภาพร่างกายของผมในตอนนั้นมันทำให้ผมทุกข์ทรมานมากผมต้องกินยาที่หมอสั่งตลอด แล้วยาบ้านั่นก็แพงมากๆสิ่งที่ผมต้องการตอนนั้นคือ เงิน
“เฮ้ย...ไอ้บิ่นแกว่างป่ะว่ะ”
“โทษจริงนะเว้ยตอนนี้ข้าไม่ว่างว่ะ...ต้องไปแล้วแค่นี้นะ”
ตอนนี้ผมถูกเพื่อนรักของผมปฏิเสธ ผมพยายามโทรไปหาหมิวแต่เธอบอกผมว่าเธอมีแฟนใหม่แล้วและไม่ให้ผมไปยุ่งกับเธออีกเดี๋ยวแฟนเธอจะเข้าใจผิด จริงๆแล้วผมไม่อยากให้ใครรู้เลย แต่โรคของผมร่างกายของผมกำลังประจานตัวผมเอง
สุดท้ายผมก็ถูกไล่ออกจากงาน ยอมรับว่าเวลานั้นผมแค้นผู้หญิงชั่วคนนั้นที่เอาโรคมาติดผม แค้นเพื่อนที่พอผมมีปัญหามันก็พากันทิ้งผมไป แค้นตัวเองที่โง่เอง โง่เองจริงๆ ผมมันชั่วที่หนีออกจากบ้าน ชั่วที่ทิ้งหมิวและทำให้เธอเสียใจ ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว พ่อคงเกลียดผมและคงสมน้ำหน้าที่ผมอยู่ในสภาพแบบนี้
ผมมันเลวและไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปกับผู้ชายที่ไม่มีใครต้องการ ผมหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งคิดขนาดจะฆ่าตัวตาย ให้มันตายไปพร้อมกับโรคบ้าๆที่มันกัดกินผม ผมคงตายอย่างไม่มีใครจดจำ และชื่อของผมจะหายไปจากแผ่นดิน
ในคืนนี้ พระจันทร์ดูมืดมนถนนภายในซอยเงียบกริบเห็นเพียงไฟสลัวๆตามทางซึ่งก็มีร้านอาหารและร้านขายของชำเปิดอยู่บ้าง และคืนนั้นที่ผมรู้ว่าโชคชะตาของผมก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปเมื่อผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่านและสะดุดตากับคอลัมภ์หนึ่งใจความว่า
“เอก...กลับบ้านเถอะลูกพ่อขอโทษ”
ใต้ข้อความมีรูปและชื่อของผมอยู่ด้วย ตอนนั้นผมสับสนไปหมดกำลังเกิดอะไรกับผม ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเลยว่าพ่อจะสนใจผมตั้งแต่เด็กพ่อทำงานอย่างหนักไม่ค่อยอยู่บ้าน ตั้งแต่ที่แม่ทิ้งไปผมรู้ว่าครอบครัวของผมไม่ได้สมบูรณ์และมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นอย่างที่มันควรจะเป็น พ่อไม่เคยแสดงความรู้สึกอะไรให้ผมเห็น แต่ผมสัมผัสได้ว่าพ่อเป็นห่วงน้องมากๆและผมก็อยากจะถามพ่อเหมือนกันว่าพ่อเคยเป็นห่วงและเข้าใจผมเหมือนที่พ่อทำกับน้องบ้างไหม
แต่ผมเห็น...เห็นในสิ่งที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง พ่อขอโทษผม พ่อขอให้ผมกลับบ้าน แล้วผมจะกล้ากลับไปไหม กลับไปสภาพนี้ไปหาพ่อที่ผมโกรธ ที่ผมอคติมาตลอด และถ้าพ่อรู้ว่าผมเป็นแบบนี้พ่อจะรับได้ไหม น้องจะกลัวผมไหม และผมก็ตัดสินใจ
( สวัสดีครับ...ใครครับ )
“พ่อ...ผมเอง”
( เอก!เอกใช่ไหมเอ็งไปอยู่ไหนมา )
“พ่อ...คือผม..กลับบ้านได้ไหม”
( นี่บ้านเอ็งนะจะขอพ่อทำไม..กลับมาเถอะ )
เวลานั้นน้ำตาของลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมาไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าอีกต่อไปแต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดี น้ำตาแห่งการสำนึกผิด และความรู้สึกที่ได้รับการอภัยจากพ่อ ผมจะได้กลับไปอยู่บ้านอย่างน้อยก็ในช่วงสุดท้ายของชีวิตและผมก็กลับบ้านในคืนนั้น
ณ จ. เพชรบุรี...
ผมยืนหยุดอยู่ที่หน้าบ้านที่ผมจากมา ผมคิดถึง คิดถึงจริงๆ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตาผม ผมก้าวเข้ามาในบ้าน พ่อนั่งรออยู่แล้วพ่อหันมาดีใจและวิ่งเข้ามากอดผม ผมรู้สึกเอ่อร้นและได้รับการเติมเต็มผมไม่เคยรู้เลยว่าพ่อจะเสียใจและคิดถึงผมขนาดนี้และอึ้งที่เห็นพ่อร้องไห้
“เข้าบ้านก่อนนะลูก...อาบน้ำอาบท่าแล้วพักซะนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งลงมาจากบันได
“พี่เอก!พี่กลับมาแล้ว” น้องวิ่งเข้ามากอดผม
ผมอยู่กับน้องบนเตียงเรามองออกไปทางหน้าต่างที่แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามา
“หลายปีที่พี่ไม่อยู่เป็นไงบ้าง” น้องมองหน้าผมอย่างเคืองๆ
“จะเป็นไงล่ะพี่รู้รึป่าวว่าพ่อเป็นห่วงพี่มากเลยนะตอนเช้าพ่อจะไปที่ศูนย์แจ้งเหตุทุกวัน ตอนเย็นพ่อจะให้หนูจัดกับข้าวเผื่อพี่ไว้ชุดนึง เผื่อซักวันพี่จะกลับมา แล้วพ่อก็นั่งรอพี่อยู่ตรงนั้นทุกคืนเลยนะ”
เมื่อผมได้ยินที่น้องเล่าให้ฟัง หัวใจของผมก็เต็มไปด้วยความดีใจ ดีใจที่รู้ว่าพ่อเป็นห่วง ดีใจที่รู้ว่าผมก็อยู่ในสายตาพ่อเหมือนกัน ดีใจที่มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวผมมีคุณค่าและเสียใจที่ทำให้พ่อเสียใจ เสียใจที่เข้าใจผิดมาตลอด
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จผมก็เดินลงมาข้างล่างพ่อยังนั่งอยู่ที่เดิม
“พ่อ” พ่อหันหน้ามาหาผมด้วยสายตาที่ผมก็เดาไม่ออกเช่นเคย
“ผม..” ผมคุกเข่าลงและกราบเท้าพ่อ
“พ่อ...ผมขอโทษ ผมเสียใจ ผมมันเลว ผมมันชั่ว ผมมันไม่น่าให้อภัย”
พ่อจับผมให้ลุกขึ้น
“บ้านนี้เป็นของเอ็ง เอ็งจะไปหรือเอ็งจะกลับมาก็เป็นสิทธิ์ของเอ็ง แต่อยากให้เอ็งรู้ไว้นะว่าไม่ว่าเองจะเลวแค่ไหน จะหลงออกไปแค่ไหน พ่อก็จะรอ พ่อจะรอให้เอ็งกลับมาไม่ว่าจะมาสภาพไหนก็ตามพ่อก็ภาวนาให้เอ็งกลับมา พ่อรอๆๆ และสุดท้ายเอ็งก็กลับมา...เออเอ็งป่วยรึป่าวทำไมดูโทรมๆหึ”
ผมรู้สึกเศร้าใจและกลัวกับคำถามของพ่อ
“พ่อ..พ่อรักผมไหม”
“เอกพ่อทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงพวกเอ็ง ส่งเอ็งส่งน้องเรียนเอ็งเคยรู้บ้างไหมว่าใจพ่อแทบขาดวันที่เองไปแล้วไม่กลับมา เอ็งไม่รู้จริงๆหรอว่าพ่อรู้สึกยังไง ลูกทั้งคนนะ พ่อไม่พูดก็ไม่ได้แปลว่าพ่อไม่รัก พ่อเห็นเอ็งเป็นผู้ชายพ่อไว้ใจเอ็งเลยไม่ได้อะไรกับเอ็งมากเท่าน้อง กับน้องมันเป็นผู้หญิงนะ พ่อเลยเป็นห่วงมัน เอ็งเข้าใจไหม” ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมด
“พ่อผมมีอะไรจะบอก...พ่อผม...ผมเป็นเอดส์ผมกำลังจะตาย!” สีหน้าของพ่อซีดไปทันทีที่ผมพูดจบพ่อมองหน้าผมบรรยากาศเงียบไปพักใหญ่แล้วที่สุดพ่อก็ดึงผมเข้ามากอด น้ำตาของพ่อไหลอีกครั้งผมเจ็บปวดที่ต้องสารภาพ
“ไม่เป็นไรนะ..เอ็งกลับบ้านมาแล้ว ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ไม่ว่าใครจะรังเกลียดเอ็ง เอ็งก็ยังมีพ่อมีน้องที่จะอยู่กับเอ็ง พ่อสัญญาว่าพ่อจะอยู่กับเอ็ง จะดูแลเอ็ง ไม่เป็นไรนะลูก พ่ออยากให้เอ็งรู้ไว้ว่าเอ็งเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ พ่อรักเอ็งนะ”
แล้วผมกับพ่อก็กอดกันร้องไห้ ผมไม่เคยรู้สึกอบอุ่นแบบนี้มาก่อนเลย ทุกสิ่งที่ในใจของผมผูกเอาไว้ได้ถูกแก้แล้ว ณ ตอนนี้เมื่อได้ยินคำของพ่อ ผมมีความสุขมากๆแม้ว่าจากวันนั้นร่างกายของผมจะทรุดลงเรื่อยๆและตอนนี้ก็ผมนอนอยู่บนเตียงตรงนี้ได้ 2 เดือนแล้วยิ่งวันผมยิ่งรู้ว่า วันเวลาของผมใกล้เข้ามาทุกที แต่สิ่งนี้สอนผมให้รู้ว่า พ่อคือคนที่ผมรักละรักผมมากที่สุดในชีวิต พ่อดูแลผมตลอด ให้กำลังใจผมเสมอ แม้ว่าผมจะไม่มีแรงทำอะไรแล้วก็ตาม
ประสบการณ์ชีวิตทำให้ผมเข้าใจเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หลายคนพยายามไขว้คว้า ใบปริญญามากมายที่คุณเรียนจะไม่มีความหมายเลยถ้าวันหนึ่งคุณต้องมานอนที่เดียวกับผมตรงนี้แล้วไม่มีใครซักคนที่อยู่กับคุณ แต่ถึงเวลาที่ถึงจุดสุดท้ายของชีวิตของเพียงมีใครซักคนที่คุณรักอยู่กับคุณอยู่ข้างๆเตียงคุณและคุณจะรู้ว่าสิ่งนี้แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตและตอนนี้ผมก็พบแล้ว พร้อมยอมรับการจากลาครั้งยิ่งใหญ่ที่จะมาหาผมในอีกไม่นานนี้ และตอนนี้ผมอยากให้พ่อรับรู้ว่า “ ผมรักพ่อนะครับ ”
ยินดีรับฟังทุกคำวิจารณ์นะคะ เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกขอคำแนะนำด้วยนะ ขอบคุณคร้าาาา!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ