Fic APH Mongolia x China : Throughout the time
เขียนโดย Fresh_Biscuit
วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.
แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 09.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) Throughout the time
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความFic APH Mongolia x China : Throughout the time
* Axis Power Hetalia เป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ออกแนวล้อเลียน ผู้ใด๋อ่อนไหวยิ่งกับเรื่องแนวนี้ และอ่อนไหวยิ่งกับสื่อแนว Boy Love ไม่แนะนำให้เลื่อนลงอ่านต่อนะคะ
ฉึบ!
ลูกศรถูกยิงอย่างแม่นยำเข้าที่เป้าฝึกซ้อม ชายหนุ่มในชุดชาวมองโกลทอดมองศรดอกนั้นเนิ่นนาน เขามักจะเหม่อลอยเช่นนี้ทุกครั้งที่มือได้ต้องคันธนู ในใจหวนระลึกถึงความรุ่งเรืองของเขาในอดีต ซึ่งในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว หากแต่ว่าสิ่งที่เขานึกเสียดายมากเสียยิ่งกว่านั้นคือผู้ที่เคยเป็นไม่เบื่อไม้เมากับตน
......จีน......
ภาพของชายร่างเล็กแต่น่าเกรงขามตามหลอกหลอนเขาทุกคราไป มองโกลเลียคงไม่เป็นเช่นนี้หรอกหากเหตุการณ์ในช่วงราชวงศ์หยวนไม่ได้เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความชิงชัง แปรเปลี่ยนเป็นความสนิทสนม หากแต่ว่ากลับร้าวรานก่อนจะได้สานต่อ
ตั้งแต่จำความได้ ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่เขาตื่นขึ้นมา เร่ร่อนไปเรื่อย.....ผ่านทะเลทรายแห้งแล้ง ผ่านเทือกเขาหนาวเหน็บ สุดท้ายก็ได้พบกับเมืองที่ส่องสว่างเจิดจ้า ผู้คนต่างมีความสุข มีกินอุดมสมบูรณ์แม้ว่าจะมีครั้งคราวบ้างที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
'น่าอยู่จัง'
เขาคิดพร้อมกับหัวใจที่พองโต ทว่าหัวหน้าของเขาไม่คิดถึงเรื่องการสานสัมพันธ์ไมตรีแม้แต่น้อย บุคคลคนนั้นเลือกที่จะเป็นศัตรูกับเมืองแสนเจิดจรัสที่ว่า จึงมีสงครามย่อมๆ ระหว่างกันมาเสมอ และในสนามรบนั่นเองที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
ขณะนั้น ตัวเขาเองก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่เฝ้ามองและชื่นชมแสงอันสวยงามนั่นอีกแล้ว เขาเติบโตขึ้นและตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง
'ข้าคือมองโกเลีย และเขาคือจีน ต่างคนต่างมีประชาชนของตัวเอง'
บุคคลหน้าตาแลดูอ่อนเยาว์ราวหนุ่มน้อยตามท้องนาฟาดฟันศัตรูอย่างคล่องแคล่วว่องไว ถึงตัวจะไม่บึกบึนเยี่ยงทหารชาญชัย แต่สีหน้าเยือกเย็นยามทำศึกนั้นมีรังสีน่ายำเกรงมากทีเดียว มองโกลเหยียดยิ้มอย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้ ไม่รู้จะนึกสมเพชตัวเองเมื่อก่อนดี หรือเพราะอกซ้ายมันตีรัวไปพร้อมกับเสียงกลองศึกของอีกฝ่าย
.
.
.
.
.
ปี 1270 สิ้นราชวงศ์ซ่ง ชาวมองโกลเข้าครองจีน.....
"..........ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความชิงชัง.........."
เป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง การเข้าตีจีนเป็นไปได้ด้วยดี มองโกลแทบหุบยิ้มไม่อยู่ระหว่างเดินไปตามระเบียงของราชวังที่ตนเพิ่งยึดได้มา จีนยังคงมีรสนิยมประดับของที่เป็นสีแดงเช่นเดิม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถือว่าสีใดสีหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ทั้งที่จีนมีแต่ของสีแดงรอบล้อมรอบตัว แต่ถูกตีพ่ายเสียยับเยิน
ตูม!!
เสียงของมีน้ำหนักบางอย่างถูกซัดลงบ่อน้ำไม่ไกลนัก ชายผมเปียรีบเข้าไปดูเหตุการณ์ สิ่งที่เห็นมีแต่คลื่นน้ำที่ยังกระเพื่อมอยู่เท่านั้น ไร้ผู้คนในรัศมีรอบข้าง โชคดีที่น้ำนั้นใสสะอาดจนมองเห็นก้นบ่อที่ลึกลงไป มองโกลชะโงกหน้ามองของที่ตกลงไปอย่างใคร่รู้ หากแต่ว่าสิ่งที่กำลังจมลงก้นบ่อนั้นไม่ใช่สิ่งของน่ะสิ!
ไม่รอช้า ชายหนุ่มรีบกระโดดลงไปช่วยจนที่ถูกถ่วงน้ำทิ้งลงบ่อตรงหน้า เมื่อเอื้อมมือถึงตัวของคนที่ว่า หวังดีจะแก้เชือกที่มัดถ่วงด้วยกระสอบให้ กลับถูกผู้เคราะห์ร้ายถีบเข้าอย่างจัง ร่างนั้นดิ้นไปมาเหมือนอยากจะรอดก็ไม่เชิง อยากจะไล่เขาไปไกลๆ ก็ไม่เชิง ชายหนุ่มผมเปียงุนงงแต่ในที่สุดก็ช่วยขึ้นมาบนบ่อน้ำได้
พินิจพิจารณาใบหน้าแล้วก็เพิ่งนึกออกว่าผู้ที่ถีบเขาไปเมื่อครู่คือจีนผู้นั้นนั่นเอง เป็นครั้งแรกที่ได้มองหน้าอีกฝ่ายแบบ 'ใกล้ชิด' เพียงนี้ ก็ไม่ต่างกับการมองไกลๆ จีนยังคงเป็นจีน หนุ่มน้อยชาวไร่ในชุดปักลายมังกรเริ่มมีปฏิกิริยาไอคอกแคก สำลักน้ำออกมาก่อนจะจ้องเขม็งมาที่คู่อริ
ตอนนี้มองโกลเข้าใจแล้วว่าจีนต้องการอะไร.......ร่างเล็กเสียศักดิ์ศรีแบบกู่ไม่กลับจากเหตุการล้มราชวงศ์ซ่ง เพราะฮ่องเต้ไร้ความสามารถ ทหารขี้ขลาด ขุนนางไม่ภักดี ทำให้ประเทศที่เคยคงอยู่อย่างภาคภูมิคิดที่จะฆ่าตัวตายขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งผู้นำของมองโกเลียบังคับให้เขาแต่งงานกับร่างตรงหน้าอีก ยิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกว่าชีวิตบัดซบมากขึ้น ความพยายามที่จะฆ่าตัวตายของจีนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำ จากนั้นมา ชายผู้สิ้นหวังก็เริ่มเพิ่มการฆ่าตัวตายเข้ามาในงานอดิเรกยามว่างขึ้นมา
และก็ถูกมองโกลขวางไว้ทุกครั้ง
มหาอำนาจมองโกเลียมีแผนที่จะขยายอำนาจเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นอีก และก็ทำสำเร็จ....ทั้งวิธีการทำสงครามและการส่งสานส์ให้ศิโรราบแต่โดยดี แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำการซื้อใจประชาชนจีนที่แค้นชาวมองโกลเข้ากระดูกดำด้วย บางอย่างที่ปรับให้เข้ากันได้ก็ปรับ
"..........แปรเปลี่ยนเป็นความสนิทสนม.........."
ดูเหมือนว่าความเอาใจใส่ที่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ใหม่มอบให้กับประชาชนจะเป็นที่พอใจ มันก็พลอยทำให้ร่างเล็กหันมาเปิดใจกับเขามากขึ้น ทั้งสองพบว่าพวกเขามีอะไรที่เหมือนกันมากมาย ทั้งความไม่สบอารมณ์ในบางครั้งที่ผู้นำประเทศมีความคิดเห็นไม่ตรงกับพวกเขา และเรื่องจิปาถะมากมาย
เวลาผ่านไป เจงกิสข่านและกุบไลข่านก็ไม่อาจฝืนกฎธรรมชาติได้เช่นกัน มีการเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้บ่อยครั้งในราชวงศ์หยวนที่มองโกลเลียได้สถาปนาขึ้นมา อำนาจถูกกระจายให้พวกขุนนางในราชสำนักมากเกินไป
เดิมทีมองโกเลียเป็นเพียงชนเร่ร่อนไปมา อยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์และปล้นสะดม จะเรียกพวกเขาว่าไร้อารยะก็ไม่ผิดทีเดียว ในยุคอันรุ่งโรจน์ของกุบไลข่านได้ขยายอิทธิพลกว้างขวาง ส่วนใหญ่แล้วประชาชนชาวมองโกลจะคล้อยตามวัฒนธรรมตามถิ่นนั้นๆ ทำให้มองโกเลียไม่ได้คิดมาก่อนว่าความเหลื่อมล้ำทางประเพณีจะสร้างรอยแยกระหว่างประเทศทั้งสองได้
"..........หากแต่ว่ากลับร้าวรานก่อนจะได้สานต่อ.........."
ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยวนองค์ปัจจุบันไม่คิดที่จะคล้อยตามประเพณีชาวฮั่นอีกต่อไป ขุนนางหลงระเริงในอำนาจ ประชาชนบุกขึ้นต่อต้านเป็นระยะเวลาเนื่องๆ ตัวจีนเองก็มักจะหงุดหงิดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน มีปากเสียงบ้างแต่ยังไม่ถึงขึ้นแตกหัก เป็นอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง จนในที่สุดก็ได้แตกหักกันจริงๆ
"มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ชาวฮั่นจะกลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้!!"
ความเย็นของโลหะชนิดแหลมคม ราวกับมีคนมากระทืบซ้ำดวงใจที่ร่วงออกจากอกซ้าย
ปี 1368 ชาวฮั่นตีโค่มล้มราชวงศ์หยวนสำเร็จ สถาปนาราชวงศ์หมิง
.
.
.
.
.
ปี 2015
การประชุมระดับผู้นำของประเทศจีน มองโกเลีย และรัสเซียครั้งที่สองได้ถูกจัดขึ้น มองโกเลียเสมองไปยังตรงกันข้ามของโต๊ะ แปลกจริงเชียวที่อีกฝ่ายยังดูอ่อนเยาว์ไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะเป็นประเทศเหมือนๆ กัน มองโกลก็อดแปลกใจไม่ได้
รัสเซียมัวแต่ชวนจีนคุยกัน ตัวเขาได้ถูกตั้งสถานะโดยทันทีว่าเป็นส่วนเกิน การหารือระหว่างผู้นำประเทศนั้นเป็นไปได้ดี หากทว่าตัวประเทศเอง ที่ไม่อาจลืมเลือนประวัติศาสตร์ของตนได้ ความสัมพันธ์ไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น มองโกลเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีน เคยกดขี่รัสเซีย ถึงแม้ว่าภายหลังในยุคโซเวียตเขาจะได้รับอิทธิพลจากรัสเซียเข้าอย่างจัง แต่เจ้ายักษ์ผมขาวนั่นก็ได้แต่สนใจจีนนั่นแล
.
.
.
"อั๊วน่ะ.....ถือว่าสิ่งที่เคยทำกันมาเมื่อก่อนก็แล้วๆ กันไปแล้ว ลื้อจะนั้งเฉยเมยทำหน้าบึ้งอย่างนั้น งานจะเดินหน้ากันได้ยังไงน่อ"
เสียงสำเนียงชาวฮั่นถูกเปล่งออกมาจากด้านหลัง มองโกลสูดหายใจลึกครั้งหนึ่งก่อนหันไปเผชิญกับอีกฝ่าย
"นี่ลื้อยังโกรธเรื่องตอนราชวงศ์หยวนอีกหรือไง? อั๊วนี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งที่อั๊วน่าจะเป็นฝ่ายโกรธเสียมากกว่า"
การเจอหน้ากันครั้งนี้มองโกลแทบจะเรียงคำในหัวไม่ถูก ความจริงคือเขาอึ้งมากที่จีนมาทักก่อนจนลืมสิ่งที่เจ้าของหน้าอ่อนเยาว์พูดไปเมื่อครู่ ได้แต่นิ่งเงียบด้วยความร้อนรนจนอีกฝ่ายชักจะร้อนรนตามกับปฏิกิริยาที่ได้รับ จีนขมวดคิ้วแน่น เดินเข้ามาใกล้อีก เขาได้แต่หรุบตาลง นึกเสียว่าอีกฝ่ายคงโกรธซะอยากจะชกหน้าเขาเต็มแก่ เตรียมรับกับแรงกระแทกบนใบหน้า แต่ไม่......
"ถ้าลื้อไม่ตอบ คือลื้อตกลงที่จะเริ่มใหม่ก็แล้วกันน่อ"
มองโกลได้รับแรงตบที่บ่าชนิดหนักแน่นให้รู้ว่าจริงใจไป ดวงใจที่หล่นตุ๊บไปเมื่อครู่ราวกับจะกระโดดกลับเข้าที่เหมือนเดิม พร้อมสู้กับงานต่อเต็มที่ เมื่อมองอีกฝ่ายให้ชัดก็พบกับรอยยิ้ม ก่อนที่กล่าวคำลาแบบเร่งรีบตามประสาคนที่ยึดถือคำว่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง
"มองโกล.......มองโกล!! ไม่ได้ยินรึไงหะ?!"
ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วนะว่าบอสของเขาเองก็เร่งรีบไม่แพ้กัน
__________________________________________________________________________
เนื่องจากตัวพี่มองโกลนั้น ยังไม่มีชื่ออย่างทางการจากอาจารย์ ทางคนเขียนเลยยังเขียนชื่อประเทศไปโต่งๆ ก่อน และถ้ามีความผิดพลาดทางเนื้อหาด้านประวัติศาสตร์ก็แนะๆ กันได้นะคะ
ตัวเราก็นั่งนึกลุคของมองโกเลียตั้งนาน พี่แกเค้าคงจะเป็นแบบจักรวรรดิ์ที่ใหญ่ (เว่อร์) แต่ปัจจุบันสู้กับประเทศที่พี่แกเคยยึดมาไม่ติดเลย แถมถูกขนาบข้างด้วยจีนและรัสเซียที่บิ๊กเฟ่อร์ คงจะมีลุคเก๊กๆ แต่เจียมๆ ตัวบ้าง พออีกฝ่ายมาทักทำดีก่อนเลยเหนือความคาดหมายแบบสุดๆ ผู้ใด๋ได้ร่างภาพมโนของพี่แกไว้แล้ว มาอ่านฟิคนี้ มาแชร์ๆ มโนของแต่ละคนกันเถอะ!!
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ