Love the most รักที่สุดนายเคียวย์

7.7

เขียนโดย สาวแว่น

วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.27 น.

  10 ตอน
  6 วิจารณ์
  13.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

9) บ้านเดียวกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9 บ้านเดียวกัน 

   ตั้งแต่วันนั้นภาพในตอนที่เคียวเข้ามาในห้องพักครูก็ยังอยู่ในสมองของฉันตลอด ฉันยังสงสัยว่าเคียวคุยอะไรกับอาจารย์และที่อาจารย์บอกว่า หึงมันหมายความยังไง ฉันคิดไปแปลงฟันไปพลาง 
ตั้งแต่ฉันมาอยู่ญี่ปุ่นฉันได้เช่าห้องพักอยู่ที่อยู่ใกล้ๆมหาลัย 
มิโดริ ทานาบิคุ นามิโมริโน ดาอินาคุ โชอุนาคุ นามิ กา อิอิ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันจึงเดินไปรับฉันมองที่หน้าจอก็พบว่าคนที่โทรมาเป็นแม่ของฉันเอง
“ฮัลโหลคะ แม่”
(น้ำขิง ที่แม่โทรมาวันนี้ก็ว่าจะบอกว่าลูกไม่ต้องไปพักห้องเช่าแล้วนะลูก)
“อ้าว ทำไมอ่ะ”
(แม่ว่าจะลูกไปอยู่กับลุงทามากิน่ะจ้า)
“ใครคะแม่”
(ก็พ่อของเคียวไง เห็นว่าเคียวก็พักักอยู่เหมือนกันน่ะจ้ะ)
“อะไรนะ!!!” เดียวนะเมื่อกี้ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหมเนี่ย เคียวก็พักอยู่เหมือนหรอ -////- แต่ยังไงถึงในใจลึกๆของฉันมันจะบอกว่าเป็นโอกาสที่ดี แต่ว่าด้วยความว่าเราเป็นลูกผู้หญิงไทยเราจะต้องสงวนตัวเอาไง อีกอย่างเกรงใจฝั่งบ้านโน้นด้วย (//พูดออกมาหมดเปลือกเลยนะจ้ะน้ำขิงของไรท์//)
“แต่..แม่หนูเกรงใจเขานะ ญาติก็ไม่ใช่เป็นคนรู้จักกันเฉยๆ”
(แม่รู้ ตอนแรกแม่ก็ปฏิเสธไปแต่ว่าบ้านโน้นเขาบอกว่าไม่เป็นไรแม่ก็เลยไม่ว่าอะไรก็ตอบรับพร้อมกับขอบคุณนะจ้ะ)
“ก็ได้คะหนูจะไปอยู่ก็ได้”
(ดีมากจ้ะ เดี๋ยวแม่ส่งที่อยู่ไปให้นะจ้ะ)
แม่ฉันวางสายไป สักพักแม่ก็ส่งที่อยู่มาให้ทางไลน์ฉันก็จำ และก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าและออกเดินทาง แต่ถึงยังไงฉันก็เกรงใจเขาอยู่ดีนั้นล่ะ ฉันจะต้องช่วยงานบ้านของเขา เพราะเราจะไปอาศัยอย่างเดียวไม่ก็ไม่ใช่เรื่อง เราก็ต้องทำตัวดีๆเขาจะได้ไม่ว่าไปถึงพ่อ 
และอีกเรื่องคือฉันจะต้องไปอยู่บ้านเดียวกันกับคนที่ฉันรักเขาข้างเดียวมาตลอดToT เศร้า แต่ว่าถ้าได้อยู่มันก็ดีอยู่หรอเขาก็คงไม่ได้คิดอะไรกับเราอยู่แล้ว ฉันขึ้นรถไฟไปที่บ้านของ ลุงทามากิ ที่อยู่ที่นี้แต่ดูจากตำแหน่งแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากมหาลัย เท่าไหร่
ตอนนี้ฉันกำลังเดินหาบ้านของคุณลุงทามากิ แม่ส่งรูปบ้านฉันก็มองไปเรื่อยๆ จนเห็นบ้านที่เหมือนกับในรูป เป็นสองชั้นมีเนื้อที่พอสมควร เหมือนบ้านเคียวที่เมืองไทยแต่ว่าจะมีขนานใหญ่กว่า ฉันอ่านตัวคันจิที่ติดอยู่ที่กำแพงบ้าน “ทามากิ” ฉันจึงเดินไปกดกริ๊งที่อยู่ข้างๆประตูสักพักก็มีคนมาเปิดประตู คนที่เปิดเป็นผู้ชายที่ดูมีอายุหน่อยๆ ดูแล้วก็สัก 40กว่าๆ เลยพูดทักทายไป
“สวัสดีคะ ใช่พ่อเคียวหรือเปล่าคะ” ฝ่ายนั้นเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะพนักหน้าเขามาหน้าฉันอย่างเขม็งแล้วถามว่า
“ใช่หนูน้ำขิงหรือเปล่า” คราวนี้เขาไม่ได้ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เป็นภาษาไทยที่สำเนียงแปลกๆ ลุงทามากิยิ้มแก้มปริ
“ใช่คะ”
“โอ้ว ไม่อยากเชื่อเลยตอนนั้นเห็นยังตัวเล็กๆอยู่เลย” ลุงทามากิพูดด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าฉันคือน้ำขิง แต่ทำไมฉันถึงจำคุณลุงไม่ได้เลยละคะ
“ออ ลุงรู้เรื่องหมดแล้วล่ะ อันที่จริงลุงเป็นคนขอร้องในป้าหน่อยไปถามแม่ของน้ำขิงดูเองนั้นล่ะ” ออ ที่แท้คุณลุงนี้เอง แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ทำให้หนูได้ใกล้ชิดกับเคียวมากขึ้น 
“หรอคะ ขอบคุณนะคะ”
“อ้าวๆ ไม่เป็นไร>_< ไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่านะอยู่ข้างมันหนาว เอากระเป๋าเข้ามาด้วยล่ะ”
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ” ฉันเคารพก่อนที่จะเข้ามาในบ้านแล้วก็ถอดรองเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขก คุณก็เดินมาตาม
“คุณลุงคะ ทำไมหนูถึงจำลุงไม่ได้เลยล่ะคะแต่ลุงบอกว่าเคยเห็นหนู” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ก็ตอนนั้นหนูก็เด็กอยู่เลยนะ แถมลุงเองก็นานๆทีมาไทยทีนี้น่า” ลุงพูด สักพักเสียงคนลงบันไดมาก็ฉันก็หันไปดูก็พบกับ เคียวที่ลงมา เขาใส่เสื้อยืดสีดำและกางเกงสีน้ำตาลเข้ม 
“เออ เคียวมาพอดีเลยนะว่าจะไปเรียกอยู่พอดีเลย น้ำขิงจะมาอยู่บ้านเราตั้งแต่วันนี้” คุณพูดพร้อมเผยมือมาหาฉันเคียวมองนิดหน่อยและก็ลงมาและก็ไปทางหลังบ้าน
“ขอฝากเนื้อตัวด้วยนะคะคุณลุง ถ้ามีอะไรที่หนูช่วยได้ก็บอกนะคะ” ฉันบอกกับคุณลุง
“เดียวลุงพาไปดูห้องนอนนะ” ฉันดินตามคุณลุงไปขึ้นบันได ชั้นบนของบ้านมีสามห้องนอนมีห้องใหญ่หนึ่งห้องและห้องเล็กสองห้อง คุณลุงเปิดประตูห้องที่เป็นห้องของฉันมาให้ดู ก็เป็นห้องที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ พอดีๆมีหน้าต่างบานเดียว จะเรียกได้ว่าห้องก็คล้ายของโนบิตะอยู่หน่อยๆ
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” ฉันก้มขอบคุณอีกครั้ง ลุงเขาก็พยายามเอามือมาห้าม “ไม่เป็นไรๆ” สักพักคุณลุงก็หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา และดูที่หน้าจอ ฉันคิดว่าดูท่าว่าจะมีคนโทรมา
“เดี๋ยวลุงมานะขอไปคุยโทรศัพท์ก่อน” และคุณลุงก็ออกจากห้องไปฉันวางกระเป๋าไปที่ห้องนั้นแล้วก็เดินลงมาข้างล่างก็เห็นคุณลุงหันหน้ามาหาฉันพร้อมด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“น้ำขิง..เดี๋ยวลุงไม่อยู่สักหนึ่งสัปดาห์นะ ที่ทำงานของลุงบอกว่าให้ลุงไปเป็นตัวแทนแผนกไปประชุมแทน ไปที่โอซ้าก้าโน่นนะ หนูอยู่กันได้นะ ลุงกลัวไอเคียวจะทำอะไรหนูจังเลย” เดียวนะคะเมื่อกี้คุณลุงบอกว่าไม่อยู่บ้านหรอ ฉัน...จะ..ต้อง...อยู่....บ้าน...กับ...เคียว..สองคน -/////- 
น้ำขิงนางฟ้า:บ้าหรือเปล่าน้ำขิงคนอย่างเคียวไม่มีอะไรหรอ
น้ำขิงยมทูต: นี้ละโอกาสของเธอจัดการจับจูบไปเลย เธอชอบเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ
น้ำขิงนางฟ้า:แต่ว่าเราเป็นผู้หญิงเราจะต้องสงวนตัวไว้นะ เราเป็นสุภาพสตรีนะ สงวนจิตสงวนใจไว้
ตอนนี้ในหัวฉันมีทั้งเรื่องดีไม่ดี แต่พอเจ้าตัวมาพูดกับปากมันกับถึงทำให้ ความคิดทั้งหมดของฉันแตกสลาย
“ผมจะทำอะไรยัยน้ำขิงหรอ” เพล้ง !!! ฉันหันมองเคียวที่พูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น 
“พ่อไปเถอะ เดี๋ยวผมดูบ้านเอง” 
“นี้พ่อจะพูดแกล้งลูกไม่ได้หรอไง” พอพ่อลูกพูดกันเสร็จ คุณลุงก็เดินออกไปและขึ้นห้อง ฉันมองเคียว สักพักคุณลุงก็เดินลงพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง 
“งั้นลุงไปนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ เคียวพอไปแล้วนะ”
“คะไปดีมาดีนะคะ” และคุณลุงก็สวมรองเท้าออกจากบ้านไป
ในตอนนี้ก็เหลือฉันกับเคียวอยู่ด้วยกันสองคน ทำไมมันเงียบอย่างนี้เนี่ย ฉันจะต้องพูดอะไรสักอย่างฉันจนฉันคิดว่าจะคุยอะไรกับเขาดีก็นึกว่าเราอยากรู้ว่าเคียวคุยอะไรกับอาจารย์เมื่อคราวนั้น
“เคียว..” ฉันยังพูดไม่จบเสียงท้องเจ้ากรรมก็ร้องขึ้นมา
“จ๊อกกกกกกกกกก จ๊อกกกก”
“ _///_” เจ้าท้องบ้า 
“หึ ตอนนี้มันก็เย็นแล้วนี้เนอะ” เคียวยิ้มที่มุมปาก
“นายกินอะไรเดี๋ยวฉันไปทำให้”
“เดียวนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”เคียวถามอีกครั้งหนึ่ง
“นายกินอะไรเดี๋ยวฉันไปทำให้”
“ฉันว่าก่อนที่ฉันจะได้กิน บ้านฉันต้องไหม้แน่ๆ” เคียวพูดได้เสียงที่เย็นชา ‘อะเอือก มันแทงใจเหลือเกิน’ เคียวเดินเข้าไปที่ห้องครัว ฉันจึงเดินเขาไปด้วย เคียวใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วก็ไปหยิบกระทะมา
“เธออยากกินอะไร”
“อืม...ข้าวไข่เจียว” 
“กินง่ายดีนะ” ฉันเดินไปหยิบไข่ที่อยู่ในตู้เย็นแล้วก็เอามาตี
“นายกินอะไร” ฉันหันไปมองเคียวที่กำลังติดเตาแก๊สอยู่ และในตอนนั้นที่สายตาของเราได้สบกัน มันทำให้เราลืมว่าเรากำลังทำอะไรไปสักพักจนเคียวหันหน้าหนี “เคียว นายจะกินอะไร”
“ไข่...ไข่เจียวเหมือนเธอก็ได้”
“โอเค เดียวฉันช่วย นายเป็นทอดนะ” ฉันยิ้มให้โดยไม่ได้ตั้งใจและจู่ๆ เคียวก็ยื่นหน้ามาแล้วก็ปากของเขาก็มาประกบกับปากของฉัน
‘ตึกตัก ตึกตัก’ เคียวนี้นายทำอะไร นายทำแบบนี้ฉันคิดนะ 
“หวานดีนี้” เคียวถอนริมฝีปากออกแล้วก็ยิ้มก็หยิบถ้วยไข่เจียวที่อยู่ในมีฉันออกมา ในตอนนั้นฉันได้เงียบเพราะจิตใจของฉันตอนนี้มันได้ลอยไปไหนก็ไม่รู้ เคียวนายทำอย่างนี้มันหมายความว่าอะไรกัน........

 

...............................สาวแว่น............................

ถ้าเม้นหน่อยจะดีมากเลยนะคะ ขอบคุณคะ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา