ณ ชนบท ตอน ๓ หนังกลางแปลง โดย จักรเมถุน

-

เขียนโดย Little_Boy

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.05 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,731 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 02.20 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ณ ชนบท ตอน ๓ หนังกลางแปลง โดย จักรเมถุน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ ชนบท ตอน ๓ หนังกลางแปลง

ผู้เขียน จักรเมถุน

....................................................

 

ภาพความทรงจำหนึ่งที่ผมจดจำได้ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อาศัยอยู่ในเขตชุมชน ซึ่งห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสี่สิบกิโลเมตร

ภาพความทรงจำเมื่อครั้งในวัยเด็กเหล่านั้น คงจะเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ผมหลงใหลทางด้านศิลปวัฒนธรรมมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ตอนที่ผมเป็นเด็ก ไม่เคยรู้หรอกครับว่าโรงภาพยนตร์คืออะไร นอกจากดูรายการที่เหมาะสมสำหรับเด็กผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์แล้ว โรงภาพยนตร์ในสมัยนั้นที่ผมรู้จัก คงจะเป็นหน้าจอรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวใหญ่ๆ กรอบรอบจะเป็นสีดำทั้งสี่ด้าน และมีชื่อของเจ้าของธุรกิจหนังกลางแปลงปรากฏให้เห็นขนาดมหึมา

หนังกลางแปลงที่ชุมชนของผม จะถูกฉายเมื่อมีเทศกาลสำคัญทางศาสนา ซึ่งทางวัดจ้างมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับชาวบ้านในชุมชน และถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีของผู้จัดงาน ทำให้ชาวบ้านอยากจะเข้าวัด

เด็กๆ อย่างพวกผม ครั้นทราบว่าจะได้ไปดูหนังกลางแปลง ต่างก็ตื่นเต้นกันตามประสา พระอาทิตย์ตกดินเมื่อใด ถึงเวลาที่จะรีบอาบน้ำแต่งตัว ถาแป้งหอมๆ เพื่อจะได้ไปดูหนังกลางแปลงกับครอบครัว

เนื่องจากบ้านของผมอยู่ติดกับท้องถนน จึงทำให้มองเห็นว่าชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ผมคุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี ต่างหอบเสื่อม้วน บางทีมีหมอนอีกต่างหาก เดินพาลูกพาหลานมุ่งหน้าสู่ตำแหน่งวัด อีกทั้งยังได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาแว่วผ่านมาตามสายลม

ออกไปชมหนังกลางแปลงตอนโดยไร้ซึ่งแสงแดด หากเป็นช่วงฤดูหนาว แน่นอนว่าผมจะต้องมีเสื้อกันหนาวตัวโปรดไว้เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ลมหนาวพัดผ่านมาที เนื้อตัวสั่นสะท้าน มือเย็น หน้าชา แต่เราก็ไม่ลดละความตั้งใจ ที่จะไปดูหนังกลางแปลง

ครั้นทุกคนพร้อมเพรียง แต่งเนื้อแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย ผมก้าวเดินลงมาจากบันไดไม้ ตอนนั้นคงจะตื่นเต้นอยู่มากตามประสาเด็กๆ ห่วงเล่นเป็นสำคัญ การออกไปท่องเที่ยวนอกบ้านอะไรแบบนี้ เป็นอะไรที่ผมชื่นชอบมาก เพราะเมื่อครั้งกระนั้น ถือได้ว่าผมเป็นเด็กผู้ชายที่ซุกซนมากคนหนึ่ง ถูกแม่ใช้ไม้เรียวตีอยู่บ่อยครั้ง

ครอบครัวของผม เดินไปตามท้องถนนลาดยางเส้นสายเล็กๆ ภายในหมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านคนอื่นๆ เริ่มทยอยมุ่งหน้าไปที่ตำแหน่งวัดเช่นเดียวกัน

ระหว่างทางเดินนั้นแหละ ช่างสนุกนักสำหรับเด็กๆ เช่นผม ในความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับว่ากำลังได้ผจญภัย เปิดหูเปิดตาเพื่อรับภาพใหม่ๆ ก้าวเดินไปตามท้องถนนเรื่อยๆ โดยมีบรรยากาศมืดสลัวรอบกาย หากค่ำคืนไหนพระจันทร์เต็มดวงรัตติกาลนี้คงจะไม่น่าหวาดกลัว

หากวันนี้มองย้อนกลับไปในวันนั้น ระหว่างทางที่เรากำลังจะเดินไปวัดนั้นแหละครับ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนในชุมชนได้ผูกมิตรสัมพันธ์อันดีต่อกัน เดินผ่านบ้านหลังนี้หลังนั้น เป็นต้องแวะเวียนทักทาย และไม่ลืมที่จะเชื้อเชิญกันไปดูหนังกลางแปลงอีกด้วย ระยะทางไม่ได้ไกลมาก กว่าจะเดินไปถึงวัด พ่อของผมได้แวะเวียนทักทายคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นญาติ หรือเพื่อนของพ่อ ทำให้ใช้เวลาเดินทางยาวนานพอควร แต่ผมกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ตอนนั้นผมรู้สึกสนุกมากกว่า ดีเสียอีกจะได้เจอกับเพื่อนๆ วัยเด็กซุกซนของผมอีกด้วย

กระทั่งเดินถึงเขตวัด เสียงจากลำโพงหนังกลางแปลงเปิดเพลงดังอึกทึกคึกโครม แถวประตูวัดมีร้านขายขนมขบเคี้ยว ขายลูกชิ้นนึ่ง น้ำอัดลมเทใส่แก้ว แต่บางครั้งผมก็อยากกินนะ กว่าจะอ้อนพ่อกับแม่ได้ต้องใช้ความพยายามอยู่มาก พ่อกับแม่ประหยัดมาก จะใช้เงินซื้ออะไรทีต้องพิจารณา อยากซื้อรถของเล่น พวกหุ่นยนต์ ปืนอัดลม ดาบผู้กล้า หรืออะไรก็ตามที่ยั่วน้ำลายเด็กๆ อย่างผมให้เกิดความอยากได้ แต่อย่างว่า กว่าจะได้มาไว้ในครอบครอง... ยากครับ พ่อกับแม่ไม่ยอมซื้อให้ง่ายๆ หรอก เท่าที่จำความได้ ผมก็มีกลยุทธ์ของผม พ่อกับแม่ไม่ยอมซื้อให้ไม่เป็นอะไรหรอก ผมแค่งอแง เรียกร้องความสนใจ ทำหน้าตาให้แลดูน่าสงสาร เชื่อเหอะ... พ่อกับแม่ต้องใจอ่อนจนได้แหละ ถ้าใจอ่อนก็ดีไป แต่แม่ผมนี่สิครับ ดุเชียวแหละ บางครั้งอาจโดนตีได้ถ้าท่านพูดอธิบายว่ามันสิ้นเปลือง แล้วผมยังงอแงไม่รับฟัง

กว่าจะเดินเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อชมหนังกลางแปลง พ่อค้าแม่ค้าช่างสรรหาสิ่งยั่วตายั่วใจให้ควักเงินออกจากกระเป๋าเป็นยิ่งนัก พ่อคุณแม่คุณช่างเก่งเรื่องการทำมาค้าขายเสียจริง

ครั้งไหนที่พ่อกับแม่ซื้อขนมให้กิน หรือน้ำอัดลมใส่แก้วหวานเย็นชื่นใจ เหล่าเด็กน้อยอย่างพวกผมต่างก็เริงรื่นกันถ้วนหน้า มีความสุขเป็นที่สุดครับ

หาที่นั่งได้ จึงปูเสื่อจับจองพื้นที่ แล้วนั่งกันอย่างพร้องเพรียงทั้งครอบครัว บนเสื่อผืนเดียวกัน หากมองเป็นอีกนัยหนึ่ง เราคือคนในครอบครัวเดียวกัน ต้องรู้จักรักและสามัคคี อย่าให้มีอุปสรรคอะไร มาแบ่งแยกให้เรานั่งเสื่อคนละผืน นั่นแค่มุมมองเล็กๆ อีกนัยหนึ่งครับ

ถึงเวลาที่หนังฉาย เรียกความตื่นตาตื่นใจได้เป็นยิ่งนัก หนังน่าจะเริ่มฉายราวๆ สองทุ่มโดยประมาณ จำนวนของหนังที่ฉายประมาณสามถึงสี่เรื่องน่าจะได้ มีทั้งหนังไทยและต่างประเทศ

หนังฝรั่งที่มีฉากต่อสู้ผมชอบมากครับ และก็มีอิทธิพลในการใช้ชีวิตของเด็กผู้ชายอยู่มาก ชอบต่อสู้เลียนแบบหนังที่ได้ดูมา บางทีถึงขั้นชกต่อยกันเลยก็มี และถูกตีเป็นการตักเตือนตามระเบียบ

เมื่อหนังเริ่มฉาย ชาวบ้านต่างปูเสื่อเต็มไปหมดก่อนหน้าแล้วครับ แทบจะไม่มีที่ว่าง หากใครรู้สึกปวดเบา จะออกไปเข้าห้องน้ำนี่ยากนักเชียว กว่าจะแทรกตัวออกไปได้ ซึ่งก็มีบ้างที่ผมปวดปัสสาวะ แล้วพ่อจะต้องพาออกไปหาที่ปลดทุกข์ตามละแวกวัดนั่นแหละครับ บางครั้งต้องเดินผ่านเมรุ ผมนี่แทบจะไม่อยากจะมอง กลัวผี...

ปลดทุกข์แล้วเสร็จ ครั้นจะเดินกลับไปนั่งที่ พ่อผมเป็นคนใจดีครับ โดยส่วนใหญ่จะมีขนมติดมือกลับไปนั่งที่เสื่อด้วย แล้วก็นั่งรับชมหนังกลางแปลงกันต่อไป

ถ้าหากไม่ใช่หนังกลางแปลงที่ทางวัดจ้างมา ก็คงจะเป็นพวกหนังขายยาอะไรประมาณนั้น ขายยาในที่นี้คงจะเป็นเพื่อการโฆษณาขายสินค้า หรือบางครั้งก็มียาพวกแก้ปวด กระษัย อะไรประมาณนั้น ถ้าจำไม่ผิด ชาวบ้านแห่ต่อแถวซื้อเยอะดีนะครับ

การดูหนังกลางแปลงโดยส่วนใหญ่สำหรับผมแล้ว ดูได้ประมาณเรื่องสองเรื่อง หนังตาก็ปิดแล้วล่ะครับ นอนหนุนตักพ่อกับแม่ไปโดยปริยาย แต่เป็นการนอนนอกบ้านซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบ อากาศหนาวหน่อยจะได้รับไออุ่นจากพ่อกับแม่ พูดแล้วก็คิดถึง ตอนนี้อยากกลับไปกอดพ่อกับแม่ให้ชื่นใจ

ครั้นพ่อกับแม่เริ่มง่วงนอนแล้วเหมือนกัน ถึงเวลาจะต้องกลับบ้านไปนอน บางครั้งก็ปลุกให้ผมตื่น แล้วจูงมือเดินกลับบ้าน แต่ถ้าปลุกแล้วผมไม่ยอมตื่น เป็นหน้าที่ของพ่อแล้วล่ะครับ ที่จะต้องอุ้มผมกลับบ้าน ตอนที่พ่ออุ้มนี่แบบว่ากึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกง่วงเสียมากกว่า ถึงบ้าน... ถ้าแม่ไม่บังคับให้อาบน้ำก็ดีไป แต่ส่วนมากแล้วไม่ค่อยได้อาบน้ำใหม่หรอกครับ ถ้าเป็นฤดูหนาวเหงื่อไม่ได้ออกมาก หัวถึงหมอนก็จมดิ่งสู่โลกแห่งความฝันอันเฟื่องฟูแล้ว...

นั่นแหละครับ หนังกลางแปลง ความบันเทิงทางจิตใจเมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กๆ ตอนนี้หนังกลางแปลงยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้าง หากได้เห็นหน้าจอหนังกลางแปลงทีไร ผมคงจะหวนคิดถึงภาพบรรยากาศเมื่อครั้งที่เป็นเด็กขึ้นมาทุกครั้งร่ำไป...

หนังกลางแปลง สื่อกลางเชื่อมความสัมพันธ์ของชาวบ้านและวัดในชุมชน หากเป็นทางวัดจ้างมาเพื่องานบุญ ไม่ต้องเสียเงินค่าตั๋วเข้าไปรับชมแต่อย่างใด ทุกคนสามารถจับจองพื้นที่ได้อย่างเป็นอิสระ เป็นสื่อมอบความบันเทิงให้กับเด็กชนบทอย่างผม เมื่อเวลาหมุนเวียนแปรเปลี่ยนไป ภาพเหล่านั้นยังคงวนเวียนตราตรึงในความทรงจำไม่รู้ลืม...

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา