NNN...2 เรื่องสนุกกำลังรอฉันอยู่
เขียนโดย บัทเตอร์
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.15 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 16.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) บทร่าง เตรียมแก้ไข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความNNN...2
ณ ห้องประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียนเสนานิคม ห้อง ๐๐๓ ที่มีไว้จัดประชุมหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างท่านอาจารย์ผู้สอนของแต่ละหมวดวิชา
“ท่านอาจารย์ใหญ่เอายังดีครับ...?”
“หือ...! มีเรื่องอะไรเหรอคุณอาจารย์ประจำหมวดวิชาสังคม...?”
“ก็เรื่องอาจารย์กนก...กับเหล่านักเรียนตัวแสบของพวกเราไงครับ”
“เอาอย่างดีไหม...? ให้อาจารย์เอกไปเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาแทนอาจารย์กนกชั่วคราว”
“ผมเหรอครับ...?”
“ใช่...และนอกจากนั้น ช่วยจับตาดูเด็กนักเรียนหมายเลข ๒๕ ในห้องนั้นให้หน่อย...รบกวนด้วยนะ”
“เด็กนักเรียนหมายเลขที่ ๒๕ ทำไมเหรอครับ...?”
“ก็เด็กนักเรียนที่หมายเลขนี้มันไม่ธรรมดา รู้สึกว่าจะจบมาจากโรงเรียนพระนครวิทยาด้วย”
“โรงเรียนนี้มัน...!”
...
ณ ห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ห้องที่ ๑ แห่งโรงเรียนเสนานิคม
“พลอยจังน่าสงสารอาจารย์กนกจังเลย” มัลลิกาพูดกับเพื่อนสนิทอย่างเสาวลักษณ์ หลังจากอาจารย์กนก...อาจารย์ที่ปรึกษาประสบอุบัติเหตุถึงกับต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน
“จร้าๆ เรารู้อยู่หรอกนะว่าเธอสงสารอาจารย์มาก แต่เธอพูดประโยคนี้มาล้านครั้งแล้วนะ ถามจริงๆ ไม่เบื่อหรือไง...?”
“ก็ฉันสงสารอาจารย์จากใจจริงนี่น่า”
....ในขณะที่เหล่านักเรียนตัวน้อยต่างก็กำลังนั่งเม้าธ์เรื่องอาจารย์กนกที่ประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลกันอยู่อย่างสนุกสนาน อาจารย์ที่คนใหม่ที่มีนามว่า เอก หรือ เอกสิทธิ์ ก็เดิมมาแต่ไกล...
“สวัสดีครับนักเรียนที่น่ารักทุกคน”
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
“อาจารย์มีชื่อว่า...เอกสิทธิ์ หรือจะเรียกว่าอาจารย์...เอกก็ได้ อายุ ๒๗ ปีแล้ว” อาจารย์เอกแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ และก็บอกกับนักเรียนตัวน้อยๆ ด้วยว่า...
“นับแต่นี้ตอนไปจนกว่าอาจารย์กนกจะหายดี อาจารย์เอกคนนี้จะรับหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้เองนะ”
“จริงเหรอค่ะ” มัลลิกาพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ ...เวลาผ่านไปอาจารย์เอกก็เข้าสู่โหมดเช็ครายชื่อนักเรียน จนถึงนักเรียนเลขที่สุดท้ายของห้อง...! ที่มีผมสีขาวและดวงตาสีแดง...เป็นเอกลักษณ์
“เลขที่ ๒๕ เด็กชายสิริพัฒน์ มาไหม...?” อาจารย์เอกเรียกชื่อสิริพัฒน์... ....สิริพัฒน์จึงลุกขึ้นแล้วพูดเพียง ๒ ประโยคติดต่อกันสั้นๆ ว่า...
“อย่ามาตีสนิทนะแก แกเป็นใครไม่ทราบ...?” พอเด็กหนุ่มสิริพัฒน์พูดจบ ทุกคนในห้องถึงกับอยู่ในความสงบด้วยความเงิบ
“เอิ้มมม...แสดงว่ามาครบสินะ งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลย” พออาจารย์เอกตั้งสติได้...ถึงกับพูดแหกความคิดฉีกออกมาจากดาวอังคารและทำหน้าที่ของอาจารย์ผู้ใจดีต่อไป
...
บริเวณด้านหน้าของโรงเรียนเสนานิคม มีเด็กนักเรียน ๑ คน...กำลังจ้องมองเข้ามาในโรงเรียน
“เธอเป็นนักเรียนมาจากไหนกัน...?” หลังจากเด็กนักเรียนคนนั้นเดินเข้ามา...คุณหัวหน้าป้อมยามผู้รักษาความสงบเรียบร้อยและคอยแลดูคนเข้าออกภายในโรงเรียนจึงเอ่ยถาม
“อ่อ...ผมเอาของมาให้เพื่อน เขาชื่อ...สิริพัฒน์ ชื่อเล่นชื่อ...เนย ไม่ทราบว่าคุณหัวหน้ารักษาการเคยเห็นเขาหรือเปล่าขอรับ...?”
“เดียวพาไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เอาไหม...?”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะขอรับ...แต่ผมขอเดินไปเองดีกว่า”
...
ย้อนกลับมาในห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ห้องที่ ๑ อีกครั้ง...หลังจากที่อาจารย์เอกสิทธิ์ทำใจดีสู้หมี หนีจากความกลัวต่อดวงตาสีแดงที่เปล่งประกายฉายแสงราวกับดวงอาทิตย์ยามเย็นของเด็กนักเรียนที่มีชื่อว่าสิริพัฒน์ ที่ไม่ว่าใครๆ ได้เห็นดวงตาคู่นั้นของเขา...จะรู้สึกสยองขนหัวลุกก็คงไม่แปลก
“พลอยจังจดงานที่อาจารย์เอกสั่งเสร็จยัง...?” มัลลิกาเดินเข้ามาถามนางงามตัวน้อยอย่างเสาวลักษณ์...ทั้งๆ ที่เธอเห็นเพื่อนสาวกำลังนั่งขีดเขียนงานงกๆ ตามที่ท่านอาจารย์เอกสิทธิ์ได้สั่งเอาไว้...ก่อนที่ท่านอาจารย์จะออกจากห้องนี้ไปประจำยังห้องหมวดวิชาสังคม
“ใกล้จะเสร็จแล้ว ว่าแต่เธอเถอะเขียนเสร็จแล้วเหรอ...?” เสาวลักษณ์พูดกลับ...สลับกับเขียน
“เขียนเสร็จนานแล้วแหละ” มัลลิกาแสดงสีหน้าอมยิ้ม เหมือนเธอเองจะมีความสุขมากเลย...ที่ได้เอ่ยกับเพื่อนสาวแบบนี้
“เขียนเร็วจังนะแม่คนเก่ง”
“ฉันมันเจ๋งอยู่แล้วพลอยจัง” หลังจากมัลลิกาพูดจบ เสาวลักษณ์รีบเขียนงานที่อาจารย์สั่งอย่างไว ก่อนที่มัลลิกาจะลุกขึ้นไปส่งสมุดวางไว้ที่โต๊ะของอาจารย์ตามเพื่อนนักเรียนคนอื่น ไม่นานเสาวลักษณ์ก็ยืนขึ้นหลังจากที่บรรเลงเพลงอักษรเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
“ยัยปีศาจตัวน้อยส่งสมุดให้ที” เสียงของสิริพัฒน์ที่ดังมาจากข้างหลังเสาวลักษณ์...มันช่างฟังดูน่ารักดีถ้าเขาพูดแบบคนปกติ แต่ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากของสิริพัฒน์นั้นขอบอกตามตรงเลยว่ามันโคตรสยอง ...สีหน้าที่ไม่สนองต่อสังคมและแววตาสีแดงเสมือนดั่งสีเลือด มันก็แน่ล่ะที่ไม่มีใครๆ อยากมองหน้าของเขา
“ได้สิ...” เสาวลักษณ์เธอกลับไม่คิดอย่างนั้น...ในสายตาเธอแม้ว่าสิริพัฒน์จะดูน่ากลัวก็จริง แต่ยังไงเขาก็คือเพื่อนร่วมห้อง...
“เอานี่สมุด” ...สิริพัฒน์ยื่นสมุดจดงานให้เสาวลักษณ์ ไม่นานนักเขาทั้ง ๒ ก็เผลอสบตากันราวกับคู่รักที่กำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์อันแสนมงคล ...พอทุกคนในห้องได้เห็น โดยเฉพาะมัลลิกาเพื่อนสนิทของเสาวลักษณ์...เธอถึงกับจี๊ดหน้าซีดไปตามๆ กัน
“ไปได้แล้วยัยปีศาจ” สิริพัฒน์พูดขัดตัดบท...เพราะความรู้สึกมันสมทบเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและน่ารำคาญ
“เลิกเรียกฉันว่ายัยปีศาจสักที เราก็มีชื่อนะ” เสาวลักษณ์พูดอย่างจริงจัง...แต่หารู้ไม่ว่าทุกคนในห้องต่างพากันนอนสลบกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่มัลลิกาเพื่อนสาวของเธอด้วย
“ขอโทษนะแม่หนูน้อย เราคงต้องให้เธอนอนสลบไปอีกคนแล้วล่ะ”
“นี้มันเรื่องอะไรกัน...!” เสาวลักษณ์ล้มตัวลงอย่างไว ก่อนจะมีใครอีกคนโผล่หัวขึ้นมาประจันหน้ากับสิริพัฒน์ที่นั่งประจำโต๊ะ
“แกเป็นใคร...?” สิริพัฒน์เอ่ยถามก่อน...
“แหม่ๆ ยังพูดจาน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยนะเนยคุง เรา..อมรเทพ ชื่อเล่นก็...ไรอัน ไง จำเราได้เปล่า...?” ที่แท้ก็...ไรอัน เพื่อนสมัยตอนประถมของสิริพัฒน์ แต่สิริพัฒน์ไม่เคยคิดว่าอมรเทพเป็นเพื่อนเลยสักนิด
“แกต้องการอะไร...?” สิริพัฒน์ยังคงปล่อยคำถามออกมาจากปากเรื่อยๆ
“เปล่า...วันนี้เราแค่มาทักทายเนยคุงเฉยๆ เห็นไม่ได้เจอกันนานเลยคิดถึงงงงง” อมรเทพ...พูดลากเสียงเน้นคำว่าคิดถึงอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม เหมือนเขาได้คิดแผนการร้ายไว้ในใจอย่างดีเยี่ยม
“...” สิริพัฒน์ไม่พูดอะไร...ได้แต่ทำหน้าจริงจังใส่อมรเทพ...ประมาณว่า ถ้าทำให้เสียเวลาแกตาย...อะไรประมาณนี้
“แหม่ๆ อย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นสิ...คือว่านะ ท่านอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนพระนครฝากเรามาบอกเนยคุงเอาไว้ว่า...หลังจากท่านอาจารย์ใหญ่หายไปจากโลก...เหล่าวิญญาณที่แสนดุร้ายก็จะเริ่มออกอาละวาด ท่านอาจารย์จึงอยากฝากงานนี้ให้เนยคุงเป็นจัดการหลังจากท่านตายไปแล้ว...และนี้สมุดกักเก็บวิญญาณท่านอาจารย์ฝากมาให้ รับไปสิ...!” อมรเทพหรือชื่อเล่นว่าไรอันพูดจบก็ยื่นสมุดเล่มเท่านิยายให้สิริพัฒน์ ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องเรียนไป
ในสมุดเล่มนั้นหลังจากที่สิริพัฒน์แหกดูข้างในก็ถึงกะประหลาดใจกับสิ่งที่อยู่ในสมุด
(...สวัสดีครับนายท่าน...)
(สมุดกักเก็บวิญญาณเหรอ...? แกเนี่ยน่าสนใจดีแฮะ) หลังจากที่สิริพัฒน์ได้สมุดกักเก็บวิญญาณจากอมรเทพ เหตุการณ์ก็กลับมาเป็นเหมือนปกติก่อนหน้าอมรเทพจะมา...มันช่างน่ามหัศจรรย์ใจไปกว่าละครหลังข่าว เมื่อเด็กหนุ่มสาวตื่นขึ้นมาราวกับว่าเมื่อกี้นี้นี่...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...
หลายวันผ่านไปอาจารย์เอกสิทธิ์ก็เข้ามาสอนตามหน้าที่อีกเช่นเคย และวิชาที่อาจารย์เอกเน้นสอนเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นวิชาสังคม เพราะเป็นวิชาที่ท่านอาจารย์เอกผู้นี้ถนัดสอนอย่างยิ่ง แต่ความจริงสิ่งที่ยิ่งไปกว่าคงหนีไม่พ้นเด็กน้อยตาสีแดงอย่างสิริพัฒน์...ที่สีหน้าและแววตาอาจจะดูแล้วน่าสยอง แต่สมองและการทำงานตามที่อาจารย์สั่งของเขานั้น...บอกเลยว่าเขาทำเสร็จก่อนใครเพื่อน ไม่สิ...ต้องบอกว่าทำเสร็จก่อนที่อาจารย์เอกท่านสั่งงานเลยด้วยซ้ำ
“เด็กๆ วันนี้อาจารย์มีข่าวดีมาบอก”
“มีอะไรเหรอค่ะอาจารย์...?” มัลลิกาผู้อยากรู้อยากเห็นเกิดความสงสัย...
“วันพรุ่งนี้อาจารย์กนกก็จะมาสอนได้แล้ว”
“อาจารย์กนกหายดีแล้วสินะคะ เย้...ดีใจจังเลย” เหมือนในห้องมัลลิกาจะดีใจจนออกนอกหน้าอยู่คนเดียว ความจริงทุกคนในห้องเรียนก็ดีใจมากเลยที่อาจารย์กนกหายดีแล้ว...แต่ก็ยกเว้นสิริพัฒน์คนเดียวที่รู้สึกเฉยๆ ไม่เย็นไม่ร้อนกับข่าวที่อาจารย์สาวหายเจ็บออกมาจากโรงพยาบาลเลย
๑๒ นาฬิกาเป็นเวลา...พักเที่ยงของวัน
“พลอยจัง ห่อข้าวมากินที่โรงเรียนทุกวันมันก็ประหยัดดีเนาะว่าไหม...?”
“อ่ะอืม”
“เป็นอะไรหรือเปล่าพลอยจัง...?” ในร่มไม้ใต้ต้นไทรใหญ่หน้าอาคารเรียนที่ ๑ ที่ๆ เสาวลักษณ์และมัลลิการับประทานอาหารที่ห่อโรงเรียนมาเป็นประจำ...
“เปล่าหรอก... ไม่มีอะไร... แค่คิดว่าตอนที่นายตาแดงผมขาวคนนั้นสั่งให้เราส่งสมุดให้ ฉันได้ยินเสียงเด็กผู้ชายอีกคนมากระซิบ... แล้วเราก็หมดสติไป”
“เดี๋ยวนะพลอยจัง พลอยจังพูดอะไร...? แฟฟังไม่รู้เรื่อง...”
“ช่างเถอะ เรามาทานข้าวกันต่อดีกว่า...”
“เอ๋...? วันนี้ดูพลอยจังแปลกๆ นะเนี่ย หรือว่าพลอยจังแอบชอบนายปีศาจคนนั้น”
...
(...นายท่านครับ ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานปริศนาที่ออกมาจากเพื่อนของคุณนาย...)
(งั้นเหรอ...? ฉันรู้แล้ว) สิริพัฒน์สื่อสารกับสมุดกักวิญญาณที่อาจารย์ของเขาฝากอมรเทพเอามาให้ทางจิตวิญญาณ...เพียงแค่คิดก็สามารถเข้าใจกันได้แล้ว...!
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ