ความทรงจำ ของ คำว่าเรา
เขียนโดย Ordinary
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.36 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 18.34 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) [ความทรงจำ ของคำว่า"เรา"] ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1
“สถาปัตย์ออกแบบความรัก แล้ววิศวะสร้างมันได้ไหม” ประโยคหนึ่งจากใครก็ไม่รู้ที่มันกำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่คิดประโยคนี้ขึ้นมา แต่ว่า เห้ย!! ใช่ มันโดนอะ โดนมากๆ ถึงจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงก็เหอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องการออกแบบตึก ราง บ้าน ช่อง อะไรต่างๆ ถึงจะออกแบบมาดีแค่ไหน ก็ใช่ว่าคนสร้าง จะสร้างออกมาได้ดีเสมอไป แต่นี่มันเรื่องความรัก เพราะต่อให้สร้างยังไง มันก็คงยากที่จะเข้าใจโครงสร้างของมันอยู่ดี
“เห้ย ไอ้โอม คืนนี้อย่าลืมนะเว้ย!!! มึงเบี้ยวนัดพวกกูตลอดเลย ถ้าคืนนี้มึงไม่มา มึงโดนพวกกูรุมประชาทัณฑ์แน่” เสียเจี๊ยวจ๊าว จากกลุ่มเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม ตะโกนมาแต่ไกล เมื่อถึงคราวที่มันเบื่อหน่ายกับการชวนผมไปเที่ยวสังสรรค์ในคืนนี้ เพราะทุกที ไม่ว่าต่อให้ผมจะพยายามทำตัวให้ว่างแค่ไหน ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ผมจะว่างไปเที่ยวกับพวกมัน ก็ให้ทำไงได้ล่ะ ก็ธุระจริงๆนิ (ถึงแม้ใจจริงลึกๆแล้วจะไม่อยากไปก็เหอะ)
“เออ ไม่เบี้ยวหรอกน่า”
“ขอให้มันจริงเหอะ ระวังนะมึงคราวนี้ไม่มาพวกกูเอาจริงแน่” ตกลง เฮ้อ !!!! ผมต้องไปสินะ ผมยืนมมองไอ้โจที่กำลังชี้หน้าผมอย่างเอาจริงเอาจัง
“เออน่า ไป” ผมตอบตกลงแบบขอไปที ก็ขอไปทีจริงๆแหละ ก็เพราะ เสียงบ่นพรึมพรำนั่น ทำเอาผมอารมณ์เสียแทบทุกครั้ง ก็เพราะปกติผมไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่ ยิ่งด้วยการที่ต้องไปนั่งสังสรรค์ท่ามกลาง แสง สี เสียงตามผับ บาร์ ด้วยแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ แต่เอาเถอะครับ ถือว่าครั้งนี้ นานๆทีก็แล้วกัน เพราะบางทีมันอาจไม่แย่เสมอไป
*******************************************
ผมกลับมาถึงห้องพักด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะเปิดแอร์และล้มตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของผมซุกลงที่หมอน ปล่อยให้ร่างกายนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น (วันนี้พักบ้างก็ดีเหมือนกัน) ผมหลับตาลงอย่างช้าๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสู่ความมืดมิด
“โอม” เสียงใครกันนะ??
“โอม” เสียงใครกัน??
ภาพทุกอย่างดูเลือนรางไปหมด
“โอม........................” ผมมองไปยังเสียงของคนที่เรียกชื่อผมภาพมันเลือนรางเหลือเกิน
“โอม........โอมจะรอเมย์ใช่มั๊ย” ใบหน้าเด็กผู้หญิงที่เรียกชื่อผม ที่จากดูเลือนรางก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้านั้น เธอคนนั้น
“เมย์.............”
“โอม...........โอมยังรอเมย์ใช่รึปล่าว” น้ำเสียงของเด็กสาวคนนั้น ใช่แล้ว!!! เมย์,................. นั่นคือเมย์จริงๆ
“เมย์..............เมย์จริงๆใช่มั๊ย”
“เมย์”
พรืดๆๆๆๆ
เสียงเรียกชื่อของเมย์เปล่งออกมาจากปากผม พร้อมกับการตวัดผ้าห่มออกจากตัวที่เหงื่อชโลมไปทั่วร่างกาย เรานอนไปนานแค่ไหนกันนะ? นี่เรากำลังฝันถึงเรื่องอะไรกันนะ? ตอนนี้ผมได้แต่ตั้งคำถามให้ตัวเองอยู่ในใจว่า ผมเป็นอะไรไป ทั้งที่จะลืมทำไมผมยังคงนึกถึงเธอคนนี้อยู่ตลอดเวลา ตลอดในความทรงจำ ทุกครั้งที่หลับตาลง ภาพที่ผมเห็นกลับมีแต่เธอคนนี้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เมย์ โอมยังรออยู่เสมอนะ” ผมพูดที่ผมเรียกชื่อของเมย์ ที่ปล่อยออกมาจากปากของผมมันกลับเป็นน้ำเสียงที่สั่นคลอน ผมนั่งนิ่งอยู่ขอบเตียงเหมือนคนบ้า ที่ได้แต่นั่งร้องไห้เพียงลำพัง ผมไม่อยากจะนึกถึงมันอีกแล้ว นึกถึงภาพที่พบเจอในวันนั้น
************************************************
กาลเวลายิ่งหมุนไปช้าๆ ผมออกมาเจอเพื่อนที่นัดเจอกันในตอนเที่ยง เพราะไม่ยังไงผมก็ยังไม่อยากโดนพวกมันรุมประชาทัณฑ์อยู่ดี คิดแล้ว หึๆ ไม่แฮปปี้อะ ผมเดินโซซัดโซเซมายังที่เดิมประจำ ไม่ว่ามีใครเสียใจ ดีใจ ร้องไห้ พ่อตาย งานวันเกิด งานสละโสด งานบุญ งานบวช หรือแม้กระทั่งอกหักช้ำใจ ซึ่งไม่ว่าอารมณ์ไหนพวกมันก็ยังมาร้านนี้เป็นประจำ ไม่รู้ว่ามันมีอะไรกันนักกันหนามาได้ทั้งปี และทุกวี่วัน สงสัยจะมางมหอยขาย เอ่อ.......หอยลายด้วย น่าจะเป็นอย่างนั้น เอาเป็นว่าช่างหอยลายมันเถอะ
ผมทอดสายไปตาไปมารอบๆร้านก่อนจะเจอคนที่ทำสายตาผมแทบหยุดชะงักลงทันที
“ไอเหี้ยโจ” โอ้..............แม่เจ้า ขณะนี้เวลา 22 นาฬิกา 35 นาที สภาพของเพื่อนรักผมยิ่งกว่าหมาข้างถนนอีก ผมต้องตกใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นไอ้โจเต้นรูดเสาต่อหน้าๆเพื่อนๆคนที่เหลือ โดยที่ไอ้เฟรมพยายามลากมันลงมา
“กูม่ายด้ายมาว.........มึงงงงง ไม่ต้องเปนนนน ห่วงงงงง......กูม่ายด้ายมาววว” เอ้อ เอาเข้าไป กูเชื่อครับเพื่อนมึงไม่ได้เมา มึงไม่เคยเมา แค่มึงอยากเต้นรูดเสาเท่านั้นเอง ผมสะบัดหัวไปมาก่อนที่จะเดินพุ่งตรงมาที่โต๊ะ ที่บรรดาเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมล้อมวงอยู่ รวมไปถึง ไอ้คนเมาที่บอกว่าไม่เมาที่เด้งเป้ารูดเสา ร้องซี๊ดๆ อยู่ตรงนั้นด้วย ไหนๆก็ไหนๆ ของถ่ายถ่ายคลิปไว้หน่อยเหอะ (และแล้วก็ผ่านไปได้ละ ตัดบทเลยละกัน)
ผมเดินมายังโต๊ะที่กลุ่งเพื่อนทุกคนของผมเมาได้ที่แล้ว.....เมาสิ น่าจะเมาแหละ เอาเป็นว่า ยังไม่เมาแต่กำลังจะลืมตาไม่ขึ้นละกัน หรือเมาวะ? ตกลงไม่เมาก็ได้ ซึ่งสภาพแต่ละคนแทบดูไม่ได้ ไม่รู้จะจัดเต็มกันไปถึงไหน แต่ก็นี่แหละเด็กวิศวะ ศุกร์เมา เสาร์ถอน อาทิตย์นอน จันทร์ลา ชีวิตพวกผมมันเป็นอย่างนี้ ธรรมดา ชิวๆ เหมือนเด็กวิศวะทั่วๆไป แต่เขามักมองว่าเด็กวิศวะขี้เมา แต่ผมขอค้านนะ ถึงไอ้พวกนี้จะใช่ แต่ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่ใช่
ผมนั่งมองคนเมาจนเวลาล่วงเลยผ่านไปยันตีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ถ้าไม่ให้เรียกพวกมันว่าเมา ก็ไม่รู้จะเรียกว่าไงละ ซึ่งตอนนี้ผมก็พยายามช่วยไอ้เฟรมลากไอ้โจออกจากร้าน เพราะขืนให้อยู่ต่อรับรองร้านพัง
“ปล่อยกู จาพากูปายหนาย”
“ก็พามึงกลับไง อย่ามาเรื่องมากได้ป่าว กูบอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ เห็นมะ เมายังกะหมา”
“กูบอกม่ายด้ายมาวงาย”
“ไม่เมา และสภาพแบบนี้ล่ะ เขาเรียกว่าอะไรวะ”
“เขาเรียกว่า เบลอเว้ย”
“เออ มึงเบลอ เดี๋ยวกูต่อยให้หายเบลอเลยนี่”
เหอะๆ เห็นจากสภาพละ คิดว่าไม่น่ารอดแน่นอน เอาเป็นว่ารีบพามันกลับไปเหอะ หลังจากธุระของสองคนนั้นเสร็จ ผมก็กลับเข้ามานั่งที่เดิมโดยคิดว่าปัญหาน่าจะไม่เกิดขึ้นอีกซึ่งตอนนี้คนที่เหลือก็มีเพียงแค่ผมกับไอ้เก่งสองคนเท่านั้น ว่าแต่ไอ้ที่เหลือมันหายไปไหน แต่ก็ช่างเหอะ เพราะไม่ว่ายังไงก็เช็คบิลแล้ว ค่าใช้จ่ายก็ไม่มีอะไรเป็นห่วงแล้ว จะเหลือก็แต่ ไอ้ตัวที่ทำท่าทางมะรอมมะร่อนี่แหละ และตอนที่ผมจะเดินไปเข้าห้องน้ำนี่เองนี่แหละ แจ๊กพอตสุดๆ
โป้ก!!!
“โอ้ย” ผมเผลออุทานคำหนึ่งออกมา ก่อนที่จะเหลือบไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางมะรอมมะร่อ กว่าไอ้ตัวที่นั่งอยู่ข้างผมเมื่อกี่ซะอีก ซึ่งหัวผมตอนนี้ก็ถูกเหม่งขาวๆของเธอชนเอาซะจังๆ ซึ่งเหตุการณ์ ณ ตอนนี้ก็ทำให้ผมมึนศีรษะเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเพราะโดนเหม่งจากเธอคนนี้หรือว่าเพราะฤทธิ์เหล้าที่เอาเข้าปากกันแน่
“นี่....... เป็นไรรึป่าว นี่ๆๆ” . . . .ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ซวยแล้วไงกูทำคนตายเหรอวะ เอาไงหายใจอยู่มั๊ย? หรือซี้แหง๋เฝ้าเง็กเซียนไปละ เอาไงดี เอาไปยัดท่อดีมะ ต้องกลบเกลื่อนหลักฐานสิ หรือจะเอาไปทิ้งคลอง ไม่ได้ๆ คนเห็นเราอยู่กับเธอเยอะ เอาไงดี ฝังเลยดีมะ หรือเอาไปขังลืมดี โอ้ยๆๆๆ เอาไงตายป่ะเนียะ เดี๋ยวสิไอ้โอม ใจเย็นๆ มึงต้องใจเย็นๆ ใจเย็นสิวะ เต้นมันไม ผมค่อยๆเอามือเข้าไปนาบที่ลำคอของเธอ เพื่อเช็คว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่แทนที่จะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก เมื่อกี้กูดิ้นเหมือนคนจะตายทำไมกันละนั่น เสียฟอร์มหมด เอาเถอะถึงยังไงตอนนี้เธอก็ไม่ได้เป็นอะไร ก็ดีแล้ว ผมจ้องมองผู้หญิงที่ผมโอบอยู่นี้ ท่าทางคงหลับสบายสินะ ว่าแต่เพื่อนเธอมีไหน เธอมากับใคร เอาละ นี่คือปัญหาหลักที่สองสินะ เอาไงดีวะ สมองตันเลยทีเดียว
*********************************************
และแล้ว ท้ายที่สุด เมื่อผมตะโกนหาเพื่อนเธอทั่วร้านไม่เจอ ก็จำเป็นที่จะต้องพาเธอมาพักห้องผมก่อน แต่!! อย่าคิดนะว่าผมจะเป็นคนอย่างนั้น ไม่มีทางหรอกครับ ผมให้เกียรติกุลสตรี ไม่ทำอะไรให้เขาเสียหายหรอกครับ วงเล็บถ้าเขาไม่ยินยอม เอาเป็นว่าแสดงตัวให้เป็นสุภาพบุรุษเข้าไว้ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เหอะ เพราะผมก็ยกซดไปเยอะใช่เล่นเหมือนกัน ซึ่งหลังจากนั้นก็.........
โป้ก!!!
หัวของผมชนใส่หัวเธออีกครั้งทันทีที่เธอ สะเออะลุกขึ้นมาโดยไม่บอกกล่าว ทำให้ผมถึงกับสลบลงไปในนิทราเลยทีเดียว และแล้วผมสลบสะไหลไปในกาลเวลา พูดง่ายๆก็คือสลบเพราะฤทธิ์เหล้าที่เข้าปากไป ก็เรียกเช่นนั้นก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะถ้าโดนโขกหัวธรรมดาก็ไม่ถึงกับสลบสะไหลหรอก เฮ้อ!!!............นี่แหละฤทธิ์สุรา พอพูดถึงประโยคนี้ก็ทำให้ผมนึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้เลย เมาหนึ่งครั้งเพื่อนจำตลอดไป
*********************************************
"กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ"
"อ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
“อะไรของเธอเนียะ” ผมลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับคำว่าตกใจร้อยเปอร์เซ็นต์ หึๆ ไม่ตกใจก็บ้าแล้ว ตื่นเช้ามามีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มากรี๊ดกร๊าดในห้องผมแถมยังตั้งแต่เช้าอีกต่างหาก
“นายเป็นใคร แล้วฉันมาที่นี่ได้ยังไง” มาอีกละบทนางเอกละครไทย เวลาตื่นมาในที่ๆไม่รู้จักก็มักจะพูดมาว่า ที่นี่ที่ไหน? ฉันมาที่นี่ได้ยังไง? แล้วนายเป็นใคร? อยากจะบอกว่าครับ เมื่อคืนคุณเมาจนสลบและผมก็ลางคุณเธอมาที่นี่แหละครับ ซึ่งก็กะจะบอกอยู่แล้วแต่ว่า.............เธอดันคิดไปไกลลั่นโลกเสียก่อน
“หรือว่า..........” สายตาของเธอนี่ไม่อยู่นิ่งๆเลย มองวนไปนั่นวนมานี่อยู่นั่น คิดอะไรกันอยู่กันแน่ แม่คู๊ณ “นายจะพาชั้นมาทำมิร้ายมิดี” เอาแล้ว......คิดแล้วไม่มีผิด เธอต้องคิดอะไรพิเรนท์ๆ แน่ สีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มไม่ดีแล้ว จากที่สีหน้าสงสัยกลับกลายเป็นเหมือนคนใกล้ร้องไห้
“เธอ มันไม่มีอะไรจริงๆหรอกนะ เรื่องเมื่อคืน ฉันอธิบายได้ ไม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ” ใช่ใจเย็นสิ อย่าร้องไห้นะ ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธอและทันใดนั้น
โป้ก!!!
“โอ้ยยยยย เจ็บ นี่เธอทำบ้าอะไรเนี๊ยะ” เสียงไม้กวาดจากมุมห้องพุ่งตรงมากลางหัวของฉันเข้าตรงๆ อย่างจังด้วย หัวแตกรึป่าวเนียะ และแล้ว ระเบิดลูกใหญ่ลูกต่อมาก็เดินทางมาถึง พร้อมจำนวนคำด่าที่มาเป็นกระสุนปืน m16 ยังไงยังงั้น
“หืม!! ทำเป็นจะมาอธิบายเหรอ ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม ไอ้หื่น ไอ้บ้า ไอ้............”
“พอได้แล้ว!! มันเจ็บ” ผมจับไม้กวาดที่เธอใช้กระหน่ำตีผม ก่อนที่เธอจะนิ่งลง “ฟังกันก่อนได้มั๊ย เอาแต่ตีอยู่นั่นแหละ”
“ผู้ชายมันเชื่อไม่ได้หรอก ไอ้โรคจิต.......”
“บอกให้หยุดไง เออ โรคจิตก็ได้วะ ถ้าเธอไม่หยุดเตรียมใจเห็นไอ้โรคจิตคนนี้เป็นสามีของเธอได้เลย จะหยุดไม่หยุด!!” เอาสิ คราวนี้จะว่ายังไงต่อ ผมจ้องมองหน้าเธอที่คิดว่าจะหยุด แต่ทันใดนั้นเอง แท่แด้!!!!
“หืม!! ฉันว่าแล้วไง แกมันก็ไอ้โรคจิตดีๆนั่นเอง ไอ้คนหื่นกาม ไอ้คนฉวย โอกาศ ไอ้บ้า...”
“โอ้ยยยยย พอแล้ว นี่ !!!! ตีอยู่ได้ บอกให้ฟังก่อนไง”
“ไม่ฟัง” แน่ยังจะเถียง
“บอกให้ฟัง” ผมจับไม้กวาดอีกครั้งก่อนที่จะดันเธอไปจนชนกำแพง “นี่เธอ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเธอเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว เมื่อคืนเธอเมา และเพื่อนเธอก็หายหมด ฉันไม่รู้จะทำไงปล่อยเธอไว้ข้างทางก็กระไรอยู่ ก็เลยพาเธอกลับมาที่ห้องฉันก่อน”
“แหม๋ คงจะเชื่อได้หรอกนะ ก็พอลืมตามาก็มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มานอนทับอยู่จะให้คิดว่าไงห๊าๆ ไอ้บ้าไอ้โรคจิต ไอ้.......”
“บอกให้พอไง!!.........นี่เธอ!! จำไว้นะ เธอไม่ใช่สเป็กฉันหรอ นมก็เล็ก ขี้เหร่ก็ขี้เหร่ สวยก็ไม่สวย เห็นละหมดอารมณ์พอดี” นั่น!! กูเผลอพูดออกมาได้ยังไง กูจะโดนฆ่าตายป่าววะเนี๊ยะ
“นี่นาย” เธอพูดพร้อมกับกัดฟันดังจนได้ยินเสียง ซึ่งไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่มันดังในตอนนี้ ไอ้เสียงจากสิ่งที่มือเธอกำลังจับอยู่ ก็ได้ยินเหมือนกัน จับแน่นจนมีสียงเลย หึๆ ซึ่งหลังจากนั้นไม่ถึงสามวิไม้กวาดที่เธอจับอยู่ ก็ฟาดมากลางหัวผมอย่างจัง
********************************************
และเรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ
“โห่ๆๆๆ” เสียงจากเพื่อนผมทั้งแก๊ง บ่งบอกความเสียดายกันอย่างจริงจังมาก ก่อนที่จะมีไอ้ปากคนหนึ่งพูดแทรกออกมา
“มึงทิ้งกูให้เมาคาร้าน แต่มึงกลับไปกับหญิง เจริญละ เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนวะ”
“โห่ ไอเก่ง ถ้ากูเป็นไอ้โอมนะ กูก็เลือกหญิงวะ ปล่อยให้มึงนอนตายนั่นแหละ” เสียงของไอ้ นันท์ ดังขึ้นมาหลังจากที่ไอ้เก่งพูดจบ
“มึงนี่รักเพื่อนมึงมากเลยนะเพื่อน”
“กูรักมึงไง”
“แต่เอาเหอะว่ะ ไม่เป็นรัยก็ดีแล้ว” เสียงไอ้เฟรมหันมาบอกผมด้วยความเป็นห่วงซึ่งผมก็ทำได้แค่บอกขอบใจเพียงเท่านั้น ว่าแต่ผู้หญิงอะไร ถ้าเป็นไปได้อย่าได้เจอกันอีกเลย สาธุ ผม นั่งฟังเพื่อนรักสนทนาพากันได้สักพัก ก็ดันหิวซะงั้น เลยตั้งใจจะเดินไปโรงอาหารของ ม. แต่ทันใดนั้น สายตาของผมก็ต้องหยุดชะงักกับหญิงร่างบางคนหนึ่งอยู่ต่อหน้าผม
“ยัยขี้วีน” ผมตกใจเผลออุทานเมื่อเจอคนที่กระหน่ำเอาไม้กวาดฟาดผมแบบไม่ยั่งยืนอยู่ต่อหน้า และที่สำคัญเรียนอยู่ ม.เดียวกันด้วย
“วีนบ้านนายสิ ฉันชื่อเฟย์ ก็นี่เรื่องเมื่อวานอะ”
“เรื่องเมื่อวาน??” อะไร คิดจะเอาไงอีก แผลเต็มตัวแล้วเนียะ คนอะไรมือหนักหยั่งกะช้าง”
“นี่ ตกลงนายไม่ได้ทำอะไรชั้นจริงๆใช่มั๊ย”
“โห๋ๆๆ ผมจะไปทำอะคุณล่ะครับ ขนาดให้ฟรีชั้นยังไม่เอาเลย”
“นี่ จะคุยกันดีๆไม่เป็นหรือไง หรืออยากโดนอีกห๊ะ”
“เห้ย ไม่เอาแล้ว”
“งั้นก็ดี ไอ้หื่น” ดีเหรอ อะไรดีมิทราบ ว่าแต่...
“เดี๋ยวๆๆ ไอ้หื่นเหรอ!! นี่เธอ ไม่มีชื่อเรียกอื่นที่มันดีกว่านี้แล้วเหรอ ใครชื่อหื่นกัน ฉันชื่อโอมเว้ย”
“ก็หน้ามันฟ้องว่าหื่นนิ โรคจิต บ้ากาม” บ้ากามนี่เขามองเราเป็นคนยังไงวะนั่น
“นี่เธอถ้าจะมาหาเรื่องกัน ฉันของตัวนะ เดี๋ยวอยู่กะเธอ กลัวว่าเธอจะโดนรุมทำร้าย” เหอะๆ
“เกี่ยวไรกับฉัน...........และอีกอย่างคงไม่มีผู้ชายคนไหนหน้าตัวเมียทำร้ายผู้หญิงหรอก แต่แถวนี้ไม่แน่”
“ก็ไม่ใช่ฉันละกัน..........แต่ถ้าสาวๆคนอื่นๆเห็นเธออยู่กับฉันแล้วอิจฉาเธอจะโดนทำร้ายเอานะ ไปละ บาย”
“แหม๋ ไอ้หลงตัวเอง”
“ขอบคุณครับ” ผมโบกมือกับประโยคสนทนากับเธอด้วยคำว่าบายเป็นคำสุดท้าย ก่อนที่จะเดินออกมา ว่าแต่ผู้หญิงบ้าอะไร หยาบชะมัด แต่ก็ช่างมันเถอะ ถือว่าอย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้ทำดีกว่าอยู่เฉยๆ
อย่างน้อยชีวิตที่เป็นอยู่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป ก็ดีแล้วล่ะ
###############################
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ