...เพื่อนเก่า...
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความตาย... หากพูดถึงคำคำนี้ใครหลายคนก็คงบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทุกคนต้องตาย... แต่ความตายที่ไม่ถูกธรรมชาติ หรือจะพูดให้ถูกคือตายโหงล่ะ มันปกติธรรมดาไหม... คำตอบที่ทุกรู้อยู่แก่ใจคือไม่!!... หากพวกเขาทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดคนที่ฆ่าพวกเขาก็รอดตัวไปแล้วถ้าหากพวกเขาทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดไม่ได้ล่ะ...
ณ โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง....
เด็กผู้หญิงลูกครึ่งไทย – จีนคนหนึ่งเดินไปทางเท้าที่ทอดยาวไปข้างหน้า ดวงตากลมโตคู่สวยกวาดตามองไปตามสองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ก่อนที่เธอจะสะดุดกับใครคนหนึ่ง
"อ้าว! อัยย์มาแล้วหรอ" เสียงใสๆของวรินภาวีหรือมุขเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนรักของเธอเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอไม่ได้เห็นเสียนาน
"สวัสดีจ๊ะ แล้วเมฆล่ะมีไหนหรอ" อัยย์ญาดาถามหาเมขลาหรือเมฆพร้อมกับสอดสายตาส่องหาเพื่อนใหม่ของเธอ
"ยังไม่มาเลยแล้วตาธีร์แฟนเธอล่ะมีไหน ช่วงนี้ไม่เห็นเลยนะ" วรินภาวีเอียงคอมองอัยย์ญาดาอย่างสงสัยเพราะพักนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนรักของเธอกับแฟนที่พึ่งคบกันไม่ค่อยติดต่อหรือแสดงความรักให้ได้เห็นเลย
"ฉันก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน เขาคงเตรียมตัวสอบเขามหาวิทยาลัยมั้งเพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาสอบแล้วนี่นา" อัยย์ญาดาทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนั่งลงกับม้าหินอ่อนตัวสวยที่เพื่อนของเธอจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว
"ระวังไปมีกิ๊กนะจ๊ะ พรุ่งนื้ใบเกรดเทอมหนึ่งจะออกแล้วดีใจไหม" วรินภาวีรีบบอกข่าวให้กับเพื่อนของตัวเองโดยทันทีเพราะอัยย์ญาดาหวังไว้ว่าเธออยากจะได้ใบประกาศเรื่องเรียนดีที่สุด
"ดีใจสิ ฉันอยากให้มี๊ดีใจเพราะท่านหวังเอาไว้มากๆเลย" อัยย์ญาดาอมยิ้มก่อนจะมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองที่บัดนี้บ่งบอกเวลา 07.56 น.แล้ว
"รักแม่จังเลย ฉันไม่ค่อยอยากจะหวังเกรดสักเท่าไหร่เพราะเทอมนี้พยายามไม่ค่อยเต็มที่อ่ะ" วรินภาวีบ่นออกมาก่อนจะที่เธอจะหันไปยิ้มให้บุคคลที่เดินเข้ามา ผิวสีแทนกับดวงตากลมโตน่าหลงใหลของเมขลาทำให้เธอดูโดดเด่นอย่างประหลาด
"สวัสดีจะเมฆวันนี้มาสายจังเลย" อัยย์ญาดาเอ่ยทักเมขลา ก่อนที่เธอจะยกกระเป๋าของตัวเองมาไว้บนโต๊ะ
"มีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อยน่ะ วันนี้เธอกรีดตามาหรอ ไม่ค่อยสวยเลยนะหน้าสดก็ดีอยู่แล้ว" เมขลาเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะทิ้งสะโพกลงกับที่นั่งแล้วยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง
"ฉันคิดว่าอัยย์ทำแบบนี้ก็สวยแล้วนะ เธอมากกว่านะเมฆที่ควรลดเครื่องสำอาง" วรินภาวีมองหน้าเมขลาอย่างต้องการหาคำตอบ แล้วเธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในแววตานั้น
"มุขก็ไปจ้องเมฆซะแบบนั้น" อัยย์ญาดาเอ่ยห้ามก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกันอีก วูบหนึ่งอัยย์ญาดารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เข้ามาวนเวียนใกล้ตัวของเธอก่อนที่เธอจะสะบัดหัวไล่ความคิดนั่นออกไป
"แกคิดอะไรอยู่กันแน่ยัยเมฆ" วรินภาวีถามออกมาด้วยแววตาคาดคั้นก่อนจะหันไปมาทางอัยย์ญาดา
"ไม่ได้คิดอะไรนี่นา แกอย่าเอาซิกเซ็นส์ของแกมาใช้กับฉัน" เมขลาเอ่ยดุเพื่อนก่อนที่เธอจะหันไปมองอัยย์ญาดาด้วยแววตามีเลศนัย อัยย์ญาดามองหน้าเพื่อนรักด้วยความไม่เข้าใจ
"อัยย์ลืมเอาของมาให้เลยอ่ะ เมฆรออัยย์แปบนะจ๊ะ" อัยย์ญาดานึกขึ้นได้เมื่อเมขลามองหน้าเธอ เธอจึงรีบกลับไปเอาของที่ลืมเอาไว้ที่ห้องชมรม
"นี่นังหนู...." เสียงผหญิงชราคนหนึ่งเอ่ยทักอัยย์ญาดาขณะที่เธอกำลังวิ่งไปเอาของเป็นผลทำให้เธอต้องหยุดชะงักลงแล้วหันมามองด้วยแววตาสงสัย หญิงชรามองหน้าอัยย์ญาดาชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
"คุณยายมาหาใครหรอค่ะ" ด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดีอัยย์ญาดาจึงเอ่ยถามเพื่อที่เธอจะช่วยพาท่านไปหาหลานของตัวเองได้ถูก
"ทำไมหัวหนูถึงหายเป็นแบบนั้นล่ะ" ดวงตากลมโตที่น่าหลงใหลนั่นเบิกค้างก่อนจะมองไปที่หญิงชราอย่างไม่เข้าใจเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่อยู่ๆจะพูดขึ้นมาได้
"คุณยายพะ... พูดอะไรค่ะ" อัยย์ญาดามองหน้าหญิงชาคนนั้นด้วยแววตาหวาดๆเกิดมาเธอไม่เคยได้เจอใครทักแบบนี้มาก่อน แต่สิ่งที่ได้รับกลับจากหญิงชราคือความเงียบ ก่อนที่หญิงชราคนนั้นจะเดินจากไปทิ้งอะไรหลายๆไว้ให้อัยย์ญาดาได้ขบคิด...
"อัยย์!!" เสียงเรียกของวรินภาวีปลุกให้อัยย์ญาดาตื่นจากภวังค์ความคิดของเธอ ก่อนที่เธอจะยกฝ่ามือขึ้นมามองแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวและสิ่งที่หญิงชราเป็นคนพูด
"มุขถ้ามีคนทักว่าหัวเราหายเขาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรอ" อัยย์ญาดาเอ่ยถามในสิ่งที่ตนข้องใจ ก่อนจะจ้องวรินภาวีอย่างต้องการคำตอบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาที่แสดงถึงความสงสัย
"ทำไมจู่ๆอัยย์ถึงถามขึ้นมาล่ะปกติอัยย์ไม่เคยจะสนใจเรื่องราวพวกนี้เลยนะ" วรินภาวีตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนของเธอ
"เมื่อเช้าตอนอัยย์ไปเอาของมีคุณยายคนหนึ่งเดินมาทักอัยย์ว่าทำไมหัวอัยย์ถึงหายไปอย่างนั้นล่ะ อัยย์ตกใจมากๆเลย" อัยย์ญาดาเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้วรินภาวีฟัง
"อัยย์ไปวัดกันนะวันเสาร์นี้น่ะ มุขไม่แน่ใจว่ามันเป็นลางบอกอะไรกันแน่แต่ว่ามุขรู้แค่ว่ามันเป็นร้ายน่ะ" วรินภาวีเอ่ยชวนเพื่อนก่อนที่เธอจะหันไปทางเมขลาที่เดินเข้ามาในห้องเรียน
"คุยอะไรกันอยู่หรอ ทำหน้าเครียดจังเลยนะ" เมขลามองหน้าอัยย์ญาดาอย่างต้องการจับผิดก่อนจะตวัดสายตาไปมองยังวรินภาวีที่จ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว อัยย์ญาดาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเวลานี้มีใครหลายคนกำลังวางแผนทำร้ายเธออยู่
"ก็...." อัยย์ญาดาเตรียมที่จะพูดเพราะสำหรับเธอแล้วความลับจะไม่มีกับเพื่อน แต่แล้วเธอก็ต้องหุบปากลงเพราะวรินภาวีบีบมือของเธอเอาไว้เป็นเชิงบอกว่าห้ามพูดออกไป
"มีอะไรกัน" เมขลาพยายามคาดคั้นเมื่อไม่ได้จากวรินภาวีจึงหันมามองอัยย์ญาดาที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ช่วงนี้เธอเป็นอะไรกันแน่เมฆทำไมต้องหาเรื่องพวกเราทั้งสองคนด้วย เธอเปลี่ยนไปมากๆเลยนะ" วรินภาวีหรี่ตามองเมขลาราวกับจะต้องการจับผิดพักหลังมานี่เพื่อนของเธอคนนี้เปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว
"ไม่มีอะไรหรอกพรุ่งนี้เกรดจะออกแล้วนะ ฉันอยากเห็นเกรดของตัวเองจังเลย" เมขลารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนจะให้ความสนใจไปยังหนังสือที่อยู่ในมือของวรินภาวี
"ชักอยากจะเห็นเกรดตัวเองแล้วสิ" อัยย์ญาดาละเรื่องที่ทำให้เธอเครียดไปทันทีเมื่อนึกถึงเกรดที่เธอพยายามทำมันไว้
"อัยย์ต้องได้ที่หนึ่งเหมือนเดิมอยู่แล้วจ๊ะ" วรินภาวีเอ่ยชมเพื่อน เพราะเธอเองก็ชื่นชมในความมุ่งมันตั้งใจเรียนของอัยย์ญาดามากๆ จนบางครั้งเธอก็ยังรู้สึกอิจฉานิดๆ แล้วความอิจฉานั่นมันก็ทำให้เธอได้ใกล้ชิดอัยย์ญาดาจนถึงทุกวันนี้
"ขอบคุณจ๊ะ ก็เพราะมีทั้งเมฆทั้งมุขที่ช่วยอัยย์นี่นา" อัยย์ญาดาเอ่ยขอบคุณเพื่อนของเธอทั้งสองจนไม่ทันสังเกตแววตาริษยาจากดวงตาของเมขลา
"ไม่เป็นไรจ๊ะ แล้วเธอล่ะเมฆคิดว่าปีนี้จะได้ที่อะไรหรอ ต้องรักษาที่สองเอาไว้นะ" วรินภาวีเอ่ยบอกเมขลาแต่เจ้าตัวกลับไมเคยรู้เลยว่าสิ่งที่ตนพูดไปนั้นไปสะกิดต่อมริษยาของเมขลา ดวงตาสีดำสนิทมองไปยังอัยย์ญาดาก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าไปอีกทาง แล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
"ฉันหิวข้าวแล้ว นี่อัยย์รูปเธอในโทรศัพท์มีเยอะเลยนะเอาโพสต์ลงเฟสบ้างสิ" เมขลามองหน้าอัยย์ญาดาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นมา อัยย์ญาดามองหน้าเมขลายังไม่เข้าใจ
"อัยย์ถ่ายรูปไม่สวยหรอก สู้เมฆไม่ได้" อัยย์ญาดาเอ่ยออกมาอย่างถ่อมตนทำให้เมขลายกมุมปากขึ้นมานิดๆ โดยที่ทั้งสองไม่ทันจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในแววตาที่มองมา
"เอาลงเถอะน่า เดี๋ยวฉันเอาลงให้" เมขลาคว้าโทรศัพท์ที่วางข้างๆตัวของอัยย์ญาดาไปก่อนจะจัดการอัพโหลดรูปลงเฟสบุ๊ค วรินภาวีหรี่ตามองเมขลาอย่างไม่เข้าใจปกติแล้วเมขลาไม่ใช่ให้ใครลงรูปแข่งกับตัวเอง
"แกเป็นอะไรไปเมฆช่วงนี้แกเปลี่ยนไปมากๆเลยนะ" วรินภาวีพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมาแล้วนั่นก็เป็นผลให้เมขลาชะงักแล้วหันมามองวรินภาวีด้วยแววตาอ่านไม่ออกส่วนอัยย์ญาดาก็ถึงกับงงกับสิ่งที่ทั้งสองพูด
"เมฆกับมุขมีอะไรกันหรอจ๊ะ อัยย์งง" อัยย์ญาดาเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะจ้องหน้าเมขลากับวรินภาวีอย่างต้องการคำตอบ
"ไม่มีอะไรหรอกอัยย์ อัยย์รอมุขอยู่ตรงนี้นะมุขมีเรื่องจะต้องคุยกับเมฆ" พอพูดจบวรินภาวีก็รีบลากเมขลาออกไปทิ้งให้อัยย์ญาดานั่งงงคนเดียว
"อ้าวอัยย์มานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้แล้วเมฆล่ะ" เสียงของธีรเดชแฟนหนุ่มของเธอเอ่ยทักขึ้น อัยย์ยาดาหันกลับไปมองก็ฉีกยิ้มออกมา
"ธีร์ติวเสร็จแล้วหรอจ๊ะ อัยย์ทำขนมมาให้ด้วยล่ะ" อัยย์ญาดาหันไปค้นกระเป๋าก่อนจะยื่นขนมฝีมือของเธอให้กับธีรเดช
"อัยย์... เราเลิกกันเถอะ" ธีรเดชมองหน้าอัยย์ญาดาก่อนที่ลุกเดินไปอัยย์ญาดาเบิกตาขึ้นมาก่อนที่กล่องขนมในมือจะร่วงลงกับพื้น ก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย
"อัยย์ร้องทำไม" วรินภาวีกลับมาในห้องก็พบว่าเพื่อนรักของเธอนั่งร้องอยู่คนเดียว จึงรีบปรี่เข้าไปหา อัยย์ญาดาหันมาสบตาของวรินภาวีครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะผละไป แล้วมองหน้าวรินภาวีอย่างไม่เชื่อสายตา
"มุข... ตะ... ตายกรี๊ดดดดด!!" อัยย์ญาดาหวีดร้องออกมาก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบ่งบอกถึงความกลัว ความแค้นอะไรสักอย่างในใจของเธอ...
----------------------------------------------------
เดิมทีเรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นนิยายนะค่ะ แต่พอดีคิดไปคิดมาเเล้วรู้สึกว่านิยายมันจะยาวเลยลองเอามาทำเป็นเรื่องสั้นดู มันอาจจะไม่ค่อยดูน่ากลัวเท่าไหร่นะค่ะ เพราะมันทั้งเศร้าทั้งดราม่า แต่ก็อยากเขียนเตือนใจใครหลายๆคนเอาเป็นว่าวันหลังจะมาอัพให้อ่านใหม่นะค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ