รักบ้านติดคลอง

10.0

เขียนโดย นายน่าเบื่อ

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.01 น.

  1 ตอน
  3 วิจารณ์
  3,718 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 15.05 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

รักบ้านติดคลอง

          สายลมอุ่นพัดเอากลิ่นไอของน้ำในคลองขึ้นมาปะทะหน้า ยามบ่ายแก่ของวันปกติที่บ้านติดคลองแห่งนี้ยังคงดำเนินตามเข็มนาฬิกา เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นกับเธอผู้หนึ่ง   มีคนเคยบอกผมว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร   เหมือนกับลำคลองสายหน้าบ้านที่ไหลไปไม่ไหลกลับ ผมเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นจริงแท้แน่นอน   ไม่มีชีวิตรักใดที่ยืนยง มันมีแต่รักที่จมชีวิตลงไปตามกระแสกาล

 

            ผมเป็นหนุ่มไร้อารมณ์ขันคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีเพื่อน นานปีทีหนถึงจะมีเพื่อนเก่าเพื่อนใกล้แก่มาเยี่ยม ที่บ้านติดคลองหลังเก่านั้นเงียบสงบ ชีวิตคนแถวนั้นเป็นชนบทที่ไม่ขนานแท้ บางบ้านเริ่มเจริญและแปรเปลี่ยนตนเองไปเป็นคุณหญิงคุณนายตามยุคสมัยของขี้ข้าเงินตรา ไม่นานมานี้ผมได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ สองคน   ทั้งสองคนเป็นคนแปลกสำหรับผม พวกเขาสองคนเข้ามาหาผมในวันแดดหายฝนหด เหลือแต่เมฆครึ้มน้ำคลองเอื่อย ที่ว่าแปลกนะสองคนนี้เข้ามาคุยทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยรู้จักเขา และเราไม่อยากรู้จักกัน

 

            แม้ผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย แต่ก็มีเพื่อนบ้าน ด้วยความเป็นคนติดดินเกื้อกูลกัน ผมมักจะได้ความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านเสมอ เพื่อนบ้านของผมชื่อมุตา เธอเป็นหญิงสวยหน้าตาสะอาด ผิวขาวนวลอวบอิ่ม หุ่นเอาะเหมาะจะเป็นแม่คนที่หนึ่ง  

 

            มุตาเป็นหญิงโสด ใช่แล้วใครจะเชื่อว่าแม่หญิงงามบ้านติดคลองจะโสด ผมบอกตัวเองเสมอเมื่อนึกถึงความสวยของมนุษย์ ความงามไม่ใช่แต่เรื่องดี ความงามที่มีอาจมีไว้แค่เพียงชื่นชม   ผมจึงเฝ้ามองเธอใช้ชีวิตต่อไปด้วยความเป็นตัวเอง มุตาเป็นหญิงสู้ชีวิตคนหนึ่งที่ผมนับถือ   เธอเป็นคนมีน้ำใจ ให้ผู้อื่นด้วยความอิ่มอกมากกว่าอิ่มท้อง 

 

            ความสวยความสาวของเธอจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก   ผมจึงเริ่มเอะใจกับสองเพื่อนใหม่ที่เริ่มมองเพื่อนบ้านอย่างเคลิ้มฝัน เพื่อนใหม่ของผม คนหนึ่งเป็นหนุ่มตี๋ ผิวขาวผ่อง แบบคนจีน เขามีชื่อว่าตี๋ ส่วนอีกคนเป็นไทยแท้มาดเข้ม มีชื่อว่าชัย ทั้งสองมีความสุขของตัวเองคนละแบบ ความฝันคนละแนว แต่พวกเขารักหญิงคนเดียวกัน

 

            บ่อยครั้งที่ผมถูกเมินออกจากโลกของสองนักรัก เมื่อมุตาออกมาซักผ้าที่คลองหน้าบ้าน   สองหนุ่มจะมีสายตามองหญิงงามเหมือนเทพีที่สูงส่ง ดอกไม้สีชมพูสดใสก็บานในอากาศ โลกทั้งใบมีแต่ความลุ่มหลง แต่เมื่อทั้งสองมองหน้ากันก็เหมือนหมาแยกเขี้ยวใส่กันและกัน สันดานดิบในตัวถูกปลุกขึ้นมาคืนสู่ปัญญาชนที่หล่นหาย จากคำว่าเพื่อนทั้งสองก็หันหน้ายิ้มเย็น บรรยากาศเหมือนยืนดูมวยบนเวทีที่มีของเดิมพันล้ำค่า ผมรู้สึกเสียวสันหลังทุกครั้งที่เฝ้าดูรักสามเศร้า ที่มีเราสี่คน   โชคร้ายมากที่สองคนนี้เข้าหามุตาผ่านทางคนอย่างผม โชคร้ายของผมเอง

 

            ในเช้าวันหนึ่งผมก็พบกับความยุ่งยากอย่างที่คิด   ชัยมาหาผมที่บ้าน เขามาขอร้องให้ผมเป็นพ่อสื่อให้ ชัยนักรักมาพูดเพ้อถึงความรักอันบริสุทธิ์ ความเพ้อฟันอันโจ่งแจ้ง

 

            “ผมรักมุตาจริง ๆ นะ รักมาก รักเธออย่างไม่มีที่สิ้นสุดบนธรณี”

 

เข้าบอกผมแบบนั้น ก่อนจะใช้สายตาอ้อนวอนบีบบังคับให้ผมใจอ่อนคล้อยตาม ในเวลานั้นมันเป็นการตัดสินใจลำบากที่สุด ผมมักบอกกับตัวเองว่าเกลียดการถูกบุกรุกความเป็นส่วนตัว ผมไม่ชอบเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของใคร เพราะมันนำพาเรื่องแปลก ๆ มาให้เสมอ และครั้งนี้มันทำให้ผมคิดไม่ตก

            “ไอ้ชัย ! ลื้ออย่ามาตัดหน้าอั๊ว”

 

เสียงขัดกั้นผมออกมาจากโลกแสนงง ผมมองหน้าผู้มาใหม่อีกคนด้วยความสงสัย   แล้วผมก็เข้าใจในความเป็นคนกลางที่แสนงงก็วันนี้ ให้ตายสิ ผมเริ่มเกลียดความรักของเขาสองคนเสียจริง

 

            “อั๊ว ให้ เงินลื้อสามพัน สี่พัน ห้าพัน หมื่น อั๊วให้หมดเลยถ้าลื้อยอมช่วยจีบมุตาให้อั๊ว”

 

หนุ่มตี๋นักรักบอกผมพร้อมเสนอเงินอันหวงแหน คำของเขาทำผมสะอึกทันทีเมื่อได้ยิน มันช่างแสลงหูบาดลึกลงไปในจิตใจอันโหวงว่าง ผมไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะได้ยินมันออกมาจากปากเพื่อนใหม่ นี่เขาเห็นผมเป็นคนยังไงถึงคิดเอาเงินมาฟาด หากความคิดสนุกก็เกิดขึ้นในหัว ผมยิ้มน้อย ๆ ให้ความผิดหวังในรักครั้งนี้ของสองหนุ่ม   นึกถึงหน้ามุตาสาวเพื่อนบ้านที่ผมมองบ่อย ๆ ด้วยความคะนอง ผมกำลังคิดประเมินค่าราคาของเธอ ความสวยของเธอ ถ้าจะโกงไอ้ตี๋ขี้ตระหนี่ คิดเท่าไหร่ดีหนอ แต่ผมก็ไม่สามารถประเมินราคาใดได้ มุตาไม่ใช่สิ่งของ

 

            “ไอ้ตี๋ตาตี่   มึงใช้ไม้นี้เหรอ”

 

            หนุ่มนักรักผู้บริสุทธิ์พูดขึ้นอย่างโกรธจัด มองเพื่อนตี๋ด้วยความแค้นใจ ก่อนจะหันมาหาผมแล้วมองด้วยสายตาอ้อนวอน เอาหละสิ ซวยหมาอีกแล้ว ผมมองสองนักรักด้วยนึกสนุก คนสองคนที่รักกันเป็นเพื่อนกันมานาน กลายเป็นศัตรูกันเพียงเช้าวันนี้   คนหนึ่งรักมากอย่างบริสุทธิ์ใจในธรณี ส่วนอีกคน..

ผมคิดไปก่อนจะหันมองหนุ่มตี๋ที่เสนอเงินหมื่นเงินแสนให้ก้อนโต ยิ้มออกมาน้อย ๆ กับสภาพสองนักรักที่ต่างระดับหลากตัวตน   ผมหัวเราะในใจ ผู้ดีกะผู้ราก เปรียบแบบนี้ได้หรือเปล่า   ผลสุกและรากไม้

            “ช่วยอั๊ว อั๊วมีตังให้”

            “ช่วยผม ผมบริสุทธิ์ใจนะ”

“ช่วยอั๊ว อั๊วมีตังให้”

“ช่วยผม ผมบริสุทธิ์ใจนะ”

ชายสองคนเริ่มทะเลาะกันเพราะความรัก ผมมองพวกเข้าอย่างสนุกสนาน เสียงเชียร์เงียบ ๆ ดังในหัวของผม เอาเลย ฆ่ากันเลย   ผมไม่ใช่พ่อพระในแบบที่พวกเขาหวังหรอก ความรักของพวกเขามันเกิดจากสิ่งใดผมไม่อาจรู้ อำนาจหรือวาสนาที่ทำให้คนพวกนี้มาเจอกัน   เสียงทะเลาะเริ่มดังขึ้น เหมือนกับเสียงกลอนท่อนที่ผมอ่านจากหนังสือพิมพ์เมื่อครั้งนานมากแล้ว   มันกำลังย้อนกลับมาในหัว

 

หลากรสรัก หนักนักหนอพ่อยอดชาย

กลิ่นกลุ่นไอ มวลกาย กระหายสาว

อ้างแอบคิด จิตรัก ในตักพราว

แอบอิงหนาว ดอกเด้อ เพ้อดวงมาร..

 

เสียงของหล่นแตกดังขึ้นขัดจังหวะความคิด กลอนในภวังค์หลุดลอยหายไปสู่ฟากฟ้า ผมมองภาพกระถางต้นชวนชมแตกกระจายเกลื่อนกลาด ดอกชวนชมสีชมพูหลุดหล่นบนพื้นแน่นิ่ง เอาแล้วไง หมาตัวไหนหนอทำลูกรักของพ่อ ผมมองหน้าหนุ่มนักรักสองตัวที่กำลังด่ากันโดยไม่สนใจโลก ความอดทนของคนมีขีดจำกัดเสมอ บ้านของผมกำลังถูกเสียงร้ายกาจคุกคามทั้งที่มันเคยสงบ

“เงียบ กูไม่ช่วยใครทั้งนั้นแหละ ไปจีบหาเหวอะไรก็จีบเอง”

เงียบกริบ เหมือนได้ยินเสียงโทษะของตัวเองเดือดประทุดังปุปุในหัว จบลงแล้วความสนุกในละครรักสามเศร้า ชายนักรักทั้งสองโกรธหน้าดำหน้าแดงก่อนจะเดินออกบ้านผมไปไม่พูดอะไรซักคำ แล้วพวกเขาก็ยืนทะเลาะกันหน้าบ้านซักพัก ผมเลิกสนใจความโง่หรือบ้าของนักรัก ความรักมักแสดงตัวตนของคนออกมาให้เห็น มันเหมือนการส่องกระจกวิเศษ ผมมองซากชวนชมที่นอนหายใจแผ่วเบา ก่อนลงมือกู้ชีวิตลูกสาวกลับคืนโดยไว

 

ความรักทำให้ผมตาสว่าง เพื่อนนักรักหายไปจากบ้านผมตั้งแต่บอกปฏิเสธ ผมยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมในแต่ละวัน เฝ้ามองรักสามเศร้าที่ที่ผมถูกเขี่ยออกจากวงโคจร ละครรักบ้านติดคลองเริ่มเสียความเป็นละครไป แน่นอนมันยังไม่จบลง เมื่อนักรักทั้งสองยังคงแวะเวียนมาบ้านข้าง ๆ ผมเสมอ สงสัยเขาสองคนจะตัดสินใจจีบเอง

 

ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยกับความเป็นเพื่อนที่หายไป เพราะชีวิตผมยังคงวนเวียนไปแบบเดิมเสมอ ยังคงทำงาน นั่งมองคลอง และคุยกับมุตาในเวลาที่หนุ่มนักรักทั้งสองกลับ มุตาเล่าให้ฟังเสมอถึงเรื่องสองหนุ่ม ผมแปลกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าพวกเขาสองคนมาจีบพร้อมกันและกลับพร้อมกัน บางทีนักรักสองคนอาจจะตกลงกันไว้ แต่แล้วสุดท้ายผมก็ยังคงไม่เห็นใครที่มุตาพอจะบอกว่ารักสักคน

          ยามสายของวันหนึ่งซึ่งผมกำลังนั่งมองชวนชมและจิบกาแฟ เสียงโทรศัพท์บ้านเก่าฝุ่นจับดังขึ้น ช่วงเวลานั้นผมแปลกใจกับเสียงของมันไม่น้อย เสียงนั้นทั้งแหบและยานเหมือนกล่องเพลงเสีย ๆ แต่แล้วเหตุที่มันดังขึ้นและข่าวจากเพื่อนแสนห่างก็ทำให้ผมหยุดนึกถึงเสียงแหบของโทรศัพท์ ผมวางมือจากทุกอย่าง ก่อนอาบน้ำและเตรียมตัวออกจากบ้านด้วยชุดสีดำเพื่อไว้อาลัย

...

..

.

          บ้านติดคลองยังคงความสงบและเรียบง่ายแบบเดิม กลิ่นน้ำจากคลองลอยแตะจมูกมุตาด้วยความเคยชิน มันทำให้หญิงสาวสดชื่นยามออกมาซักผ้า หากไม่นับกลิ่นผ้าหมักหมมในตะกร้า แม้ตอนเวลาเที่ยงที่ตะวันตรงหัว แต่กลับไม่มีแดดเลยแม้แต่น้อย เมฆครึ้มบดบังทุกอย่างจนท้องฟ้าหม่นเศร้าอยากโปรยเม็ดฝนลงมาทุกขณะ สายลมแรงพัดผ่านร่างระหงส์ แต่มุตาก็จำเป็นที่จะต้องซักผ้าเพื่อให้มีใส่

 

            ฟ้าฝนไม่น่าไว้ใจแต่ก็ไม่เท่าความรักของมนุษย์ สายตาหลงใหลและหวงแหนมองมายังมุตาที่นั่งอยู่ริมคลอง สายลมยังคงพัดเย็นจนรู้สึกสั่นไหว หญิงสาวขนตั้งชันเมื่อความรู้สึกจับสายตาของผู้มาเยือน เธอหยุดมือที่กำลงขยี้ผ้าลงมองซ้ายขวา ผ้าเช็ดหน้าสีขาวก็ปลิวลอยไปจากตะกร้า มันลอยไปกับความเสียวสันหลังของสายตาหวงแหน

 

            “มุตา” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้หญิงสาวตกใจอกสั่น ใบหน้านวลสวยเหลียวมองไปยังต้นเสียงด้วยความคุ้นชิน เสียคุ้นเคยของเพื่อนใหม่ที่เข้ามาจีบเธออย่างซื่อตรง แถมยังมั่นคงเหมือนหินสลักคำรัก แต่เธอก็มองว่าตัวเองไม่ควรค่าแก่รักของเขา เธอเห็นเขาเป็นเพื่อนแสนดี

 

            “ผมตามหาคุณอยู่ นึกว่าไม่อยู่เสียแล้ว” ชัยยืนยิ้มยิงฟันขาวสวยแผ่ความซื่อตรงในบรรยากาศ ก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวพร้อมจับมือมุตาขึ้นกุมไว้ ยามสัมผัสช่างวาบหวิว มุตามองหนุ่มชัยด้วยความแปลกใจแม้เธอจะรู้ว่าถูกจีบอยู่ แต่ก็ไม่มีครั้งใดเลยที่จะถึงเนือถึงตัว เหมือนในยามนี้

 

            “ค่ะ ชัยตามหามุทำไมเหรอ”

 

            “ผมรักคุณนะมุตา รักมาตั้งแต่พบหน้า โปรดรับรักผมเถอะ” ไม่มีครั้งใดชัดเจนเท่าครั้งนี้ ความรักช่างหอมหวานแต่กลิ่นความผิดหวังของหนึ่งคนมันสาบหลอน ขนแขนของมุตาตั้งชัน หัวใจพองโตเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอมองมือที่ถูกกอบกุมไว้ด้วยความแปลกประหลาด ก่อนจะค่อยคลายมือออกจากอุ้งมือใหญ่ของหนุ่มชัย

 

            “เอ่อ มุขอคิดดูก่อนได้ไหม มุตอบคุณตอนนี้ไม่ได้” ประโยคเดิมที่เธอใช้บอกหนุ่มหลายคนมานานหลายปี ถูกใช้ไปอีกครั้ง มันเป็นคำวัดใจของหนุ่มนักรักทั้งหลาย ความสุขของชีวิตสาวงามอาจไม่ได้มีเพียงการทำอาหาร มันอาจมีมากกว่าที่หนุ่มนักรักหลายคนฝันหวาน

 

            หากแต่รอยยิ้มกลับผุดขึ้นบนใบหน้าของชัย เหมือนคำตอบของเธอจะแสดงถึงความเอาใจใสในบางสิ่ง ชัยก้าวถอยหลังช้า ๆ ด้วยรอยยิ้ม เธออาจกำลังให้ความหวังเขา หรือเขาอาจกำลังผิดหวังด้วยรอยยิ้ม แต่บางทีเรื่องมันคงถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้

 

            “งั้นผม ไปก่อนนะ หวังว่าเราจะเจอกัน ตอนได้คำตอบ”

กลิ่นจางของชีวิตหอมชื่นมื่น คำบอกลามันแปลกหูสำหรับสาวสวยบ้านติดคลอง มุตามองร่างของชัยลับหายไปบนโนนรั้วบ้าน ก่อนจะหันกลับไปยกตะกร้าผ้าที่ซักแล้วขึ้น เธอเริ่มทำงานอีกครั้งตามแบบตัวเอง ความคิดของเธอก็เริ่มทำงานอีกครั้ง เสียงของชัยยังดังขึ้นในหัวเธอ คำรักซื่อตรง คำหวานอันชื่นฉ่ำแต่ยังคงมีความกลัว

 

            “มุตา อยู่นี่เอง”

ตะกร้าผ้าในมือหลุดร่วงลง หญิงสาวตกใจเอามือทาบน่าอก ก่อนรีบหันไปยังต้นเสียง

            “คุณ ตี๋ มาได้ยังไง”

 

            “อั๊ว รักลื้อนะมุตา แต่งงานกับอั๊วนะ” ไม่มีคำตอบของคำถาม มีเพียงคำบอกรักและคำถามใหม่ให้หนักใจ หลักที่หญิงสาวเสียบยึดไว้เริ่มสั่นคลอน กลิ่นน้ำหอมราคาแพงทำเธอเอียน ผ้าสีผืนหนึ่งตกลงน้ำจนเปียกช้า ๆ เหมือนความสาวที่เปลี่ยนช้า ๆ หนุ่มตี๋ยังคงจ้องมองหน้าหญิงสาวด้วยความหวัง

            “มาอยู่กับอั๊วนะ ลื้ออยากได้อะไรอั๊วจะซื้อให้หมดเลย”

 

เงินทองล่อหลอก มุตารู้สึกคลื่นเหียนกับกลิ่นสาบของคำล่อลวง แม้มันจะดูจริงใจ แต่เธอก็สงสัย

 

            “ทำไมคุณถึงรีบบอกรักฉันนัก เราพึ่งรู้จักกันไม่นาน”

คำถามยังถูกแทนด้วยความปิติ หนุ่มตี๋หยุดพูดถึงทรัพย์สินมากค่า เขาหยุดคิดถึงคำตอบ จะทำอย่างไรดีให้ได้เธอมาคลอง จะทำอย่างไรให้เธอตกลง

 

            “เพราะเวลาไม่คอยใครนะสิ เพราะอาชัยตายแล้วอั๊วถึงรู้ว่าชีวิตคนมันสั้น”

 

ขนลุกเพราะเจอผีเป็นแบบนี้ มุตามือไม้แทบอ่อนยืนไม่ไหว แต่เธอก็ยังฝืนตัวเองไว้ ความสับสนเหมือนเหล็กร้อนเผาไฟ มันจี้หัวใจของมุตาทีละน้อย ชัยตายแล้ว แล้วใครเล่าที่บอกรักเธออย่างซื่อตรง ใครกันที่บอกรักเธอก่อนหน้าหนุ่มตี๋

 

            “ เอ่อ มุขอคิดดูก่อนได้มั้ย มันเร็วเกินไป”

 

คำตอบแบบเดิมถูกบอกซ้ำซาก หากแต่การแสดงออกกลับทำให้มุตาหวั่นในอก หนุ่มตี๋โกรธจนไม่รู้จะพูดอะไร เขาเดินเข้ามาหาเธอหมายจะจับแขนเล็กบาง แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้เขาหยุดลง เสียงฝีเทาของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ หนุ่มตี๋รีบก้าวถอยหลัง ก่อนจะเดินหายไป

 

                        “มุตา คุณคุยกับใคร” เพื่อนบ้านหนุ่มมองผ้าหล่นกระจายก่อนจะก้มลงเก็บ ขณะที่สาวสวยยืนนิ่งเหม่อเหมือนพึ่งหมดสติ เมื่อเริ่มหลุดจากภวังค์ของตนเองเธอเริ่มก้มเก็บผ้าช่วยเพื่อนบ้านหนุ่ม

 

            “คุณคุยกับใครเหรอ” หญิงสาวมองหน้าเพื่อนบ้านหนุ่มผู้ไม่ค่อยยิ้มด้วยความแปลกใจ เธอนึกว่าเขาจะเดินสวนกับหนุ่มตี๋

 

            “มุคุยกับตี๋” เพียงคำตอบสั้น ๆ ทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ลมหอบใหญ่พัดมาให้ใจหาย หนุ่มเพื่อนบ้านมองดวงตาสั่นไหวของสาวงามด้วยความหวาดกลัว ก่อนเขาจะจับไหล่เธอบีบเบา ๆ

 

            “ผมไม่รู้ว่ามุเพ้อ หรือเปล่า แต่มุฟังนะ ชัยกับตี๋ต่อยกันจนจมน้ำตายอยู่ท้ายคลอง ผมพึ่งไปเห็นศพมาเมื่อสายนี้เอง”

 

            สิ้นประโยค ร่างของมุตาก็ทรุดหมดสติไป

 

***

 

สวัสดีครับ  ขอขอบคุณที่เข้มาอ่านเรื่องสั้น  หวังว่าคนจะได้อะไรจากเรื่องบ้าบอของผมบ้าง

ยังมีคำผิดอีกมากมาย ขอโทษด้วย

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา