ลมหายใจเดียวกัน

-

เขียนโดย nongfin

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.32 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,675 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.25 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้เพียงแค่ในความฝัน ?

ฉันมีชื่อว่าเอมี่ ชีวิตของฉันตั้งแต่เกิดมา บนโลกใบนี้ได้ 19 ปีได้พบเพียงวิวในโรงพยาบาลห้องขาวๆ และกลิ่นยาเพียงเท่านั้น ฉันป่วยเป็นโรคแทรกซ้อนไม่สามารถรักษาให้หายได้แต่ฉันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยา ฉันจะไม่คิดมากเลยถ้าฉันไม่เป็นโรคหัวใจหมอเพิ่งตรวจพบเมื่อปีก่อน และมันก็มีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆต้องรับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจครอบครัวของฉันพ่อแม่ของฉันทิ้งฉันไว้ในโรงพยาบาลแล้วไม่มาเยี่ยมฉันอีกเลย ฉันมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองเดือนถ้าไม่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจดวงใหม่ เฮ้อ... ชีวิตของฉันคงจะมาได้เท่านี้สินะความฝันที่อยากจะมีชายหนุ่มผู้เป็นที่รักสักคน เดินเล่นด้วยกันริมหาดทรายสีขาวสะอาดตา

 คอยปกป้องฉันในยามที่ฉันกลัวคอยทำให้ฉันไม่เหงา พาฉันไปรู้จักสิ่งที่ฉันไม่เคยเจอ เวลาพลบค่ำแล้วฉันก็อยู่บนตียงในโรงพยาบาลเหมือนทุกๆที ฉันหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา  เอ๊ะ! แสงอะไรสว่างแสบตาจัง

สว่างขนาดนี้ทำไมถึงไม่รู้สึกร้อนเลย แต่กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นเสียมากกว่า  ฉันจำได้ว่า ฉันกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ฉันมองเห็นปลายทางของแสงสว่างนี้ ฉันจึงเดินไปยังเส้นทางนั้นเมื่อเดินมาเรื่อยๆฉันมาโผล่ที่ป่าได้ยังไง เหลือเชื่อ! เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากมีทั้งแม่น้ำที่ใสจนมองเห็นสิ่งที่อยู่ก้นแม่น้ำ ดอกไม้ มีผีเสื้อ มากมายหลากหลายสีสัน ฉันเพิ่งเคยมาสัมผัสของจริงเคยเห็นแต่ในทีวี โรงพยาบาล ฉันเดินไปรอบๆอย่างตื่นเต้นและสนุกสนานปนกัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังหัวเราะนี่เราไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ! จำไม่ได้เลยว่าหัวเราะครั้งล่าสุดตอนไหนฉันได้ยินเสียง เหมือนเป็นเสียงขลุ่ยคลอเบาๆมาตามสายลมฉันเดินหาต้นเสียงพบชายหนุ่มอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหรือไม่ก็มากกว่าไม่กี่ปี เขามีผมสีน้ำตาลยาวสลวยถูกมัดรวบไว้อย่างลุ่ยๆใส่ชุดเหมือนปีเตอร์แพนพวกเธอจะรู้จักกันไหมนะ มันเป็นนิทานเรื่องแรกที่ฉันฟัง เขานั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนโขดหิน เมื่อชายหนุ่มเป่าขลุ่ยบรรเลงเพลงจบฉันจึงปรบมือเป็นการชื่นชมนางพยาบาลที่ดูแลฉันสอนมาอย่างนี้

          “ เธอเป็นใคร มาอยู่นี่ได้อย่างไร ”      ชายหนุ่มคนนั้นหันมาทางฉัน นัยน์ตาสีเทาสวยจัง

          “ เอ่อ...คือ ฉันมีชื่อว่าเอมี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ฉันรู้เพียงว่าแสงสว่างพาฉันมา ”     ฉันตอบชายหนุ่มคนนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

          “ ออ...ฉันมีชื่อว่านอร์แมน ฉันมาที่นี่เพราะแสงสว่างเรียกฉันมายินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความฝันเอมี่ ”

           “ โลกแห่งความฝัน ? ”

          “ 555 งงล่ะสิ ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้เพียงว่าที่นี่ไม่น่าจะเป็นที่เดียวกันกับที่เธออยู่ สำหรับเธออาจจะมองว่าเป็นโลกความแห่งความฝันก็ได้ ”

          “ นั่นสินะ เพลงเมื่อสักครู่นี้ ที่เธอบรรเลง ฟังดูเศร้าๆ ยังไงชอบกลนะ ”

          “ เศร้าหรอ? มันเป็นเพลงที่แม่ของฉัน จะเป่าขลุ่ยให้ฟังก่อนนอนเสมอเลย เป็นเพลงให้ความหวัง

แก่มวลมนุษย์ ”

            “ หรอ ขอโทษนะฉันไม่ค่อยได้ฟังเพลงเลยไม่ค่อยรู้ถึงอารมณ์เพลงสักเท่าไหร่ ”

           “ ไม่หรอกก็อาจจะจริงอย่างที่เธอพูดก็ได้ที่เพลงฟังดูเศร้าๆ อาจเป็นเพราะความรู้สึกของฉันก็ได้”

           “ ความรู้สึกของเธอหรอ ? คือ...ขอโทษที่ถาม ” ฉันเผลอถามออกไปด้วยความสงสัย

           “ ไม่เป็นไรหรอก แม่ของฉันท่านเสียไปเมื่อสิบปีก่อน ท่านเป็นผู้หญิงที่ดีมากเลยแหละ ”

           “ น่าเศร้าจัง ฉันป่วยตั้งแต่เด็กไม่มีทางรักษาให้หายและยังเป็นโรคหัวใจต้องได้รับการปลูก

ไม่อย่างนั้นฉันต้องตายพ่อแม่เลยทิ้งฉันไว้ในโรงพยาบาลตั้งแต่ยังเล็ก ”

            “ โห!น่าเศร้ากว่าฉันอีก แสดงว่าเธอก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลยหรอ ”

           “ อืมฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ ”

          “ พูดอะไรบ้าๆ ในชีวิตนี้เธอไม่อยากทำอะไร บ้างเลยหรอ ”

          “ มีสิ หลายอย่างด้วย ฉันอยากไปเที่ยวทะเล อยากเดินริมหาดทราย ”      เมื่อฉันนึกถึงวาระสุดท้ายของชีวิตและสิ่งที่ยังไม่สามารถจะทำได้น้ำตามันก็พรั่งพรูไหลเอ่อออกมาจากดวงตาของฉัน

          “ เธอคงจะเสียใจมากสินะ ฉันอยากมีส่วนช่วยเหลือเธอบ้างจัง จริงสิ! ”     นอร์แมนเอื้อมมือมาจับแขนฉันแล้วพาเดินไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อมาถึงที่หมาย มันทำให้ฉันอึ้งมาก

           “ ถึงที่นี่จะไม่มีทะเล แต่ทะเลสาบพอจะได้ไหม ”     นอร์แมนหันมายิ้มกว้างให้ฉันที่เอาแต่ทำหน้าอึ้ง

          “ สุดยอด ยอดไปเลย! ”      ฉันวิ่งไปที่ริมทะเลสาบ

          “ อะ...นี่ ”     นอร์แม น ยื่นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ให้กับฉัน

          “ ขอบใจนะ ดอกอะไรหรอ ”      ฉันรับดอกไม้มาจากนอร์แมน

          “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลิ่นของมันหอมดีนะ ”      ฉันดมกลิ่นดอกไม้แต่ทว่าฉันรู้สึกว่าร่างกายฉันมันดูโปร่งใสราวกับว่ากำลังจะหายไป

          “ ดูเหมือนว่าเธอคงจะต้องไปแล้วสินะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้เธอมาเที่ยว ที่นี่อีกจัง  ”   คำพูดสุดท้าย

ของนอร์แมน ตอนนี้ฉันอยู่ภายในแสงสว่าง ที่เหมือนกับตอนที่ฉันมา เป็นความฝันสินะฉันลืมตาขึ้นมาในยามเช้าฉันลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง หัวเราะเบาๆ ฝันไปสินะอยากจะพบนอร์แมนอีกสักครั้งจัง แต่ทว่าฉันต้องตกใจ เมื่อเหลือบไปเห็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมตราตรึงใจอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมันคืออะไร?  มันหมายความว่าอะไร ฉันแค่ฝันไปไม่ใช่หรอ แต่ในฝันมันกลับมีความสุขยิ่งกว่าในชีวิตจริงเสียอีก  ฉันเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ดอกนั้น ถือไว้ในมืออย่างแผ่วเบากลัวว่ามันจะช้ำจนกลีบร่วงโรย เพราะ มันเป็นเครื่องยืนยันว่าครั้งหนึ่งฉันเคยมีความสุขเคยหัวเราะ เคยออกไปวิ่งริมหาดอย่างสนุกสนาน แล้วยังได้พบกับผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันมีความสุขนอร์แมน ฉันอยากพบกับเธออีกสักครั้งก่อนที่ชีวิตนี้จะถึงจุดจบ การที่ได้พบกับเธอมันทำให้คืนวันที่แสนธรรมดาของฉันมีค่ามาก ฉันนั่งเหม่อมองผู้คนโดยรอบในมือยังคงถือดอกไม้บริสุทธิ์ดอกนั้นเวลาล่วงเลย  ค่ำแล้วสินะ ถ้าฉันหลับตาคู่นี้ลงวันพรุ่งนี้ฉันจะยังลืมตาตื่นขึ้นมารับแสงสว่างในยามเช้าไหม หรือฉันจะได้พบเรื่องที่มีความสุขแล้วหลับอยู่ในฝันตลอดกาลหรือเปล่า ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันไม่เคยหลับฝันอย่างมีความสุขจนกระทั่งเรื่องเมื่อคืน ที่ฉันได้พบกับนอร์แมนฉันค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พร้อมกับในมือยังกุมดอกไม้ดอกนั้น เมื่อไหร่ฉันจะตายนะเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา ฉันได้เห็นแสงสว่าง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา