เรื่องวุ่นๆในบ้านสีฟ้า

6.7

เขียนโดย doduo

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 17.59 น.

  1 ตอน
  2 วิจารณ์
  3,501 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 22.28 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Blue  House   บ้านสีฟ้า

ในคฤหาสน์สีฟ้าหลังใหญ่แปลกตา  เป็นที่อยู่ของครอบครัวหนึ่ง   คฤหาสน์หลังนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม  Blue  House  หรือ  บ้านสีฟ้า…   

ห้องอาหารในคฤหาสน์

                “ยัยอุริ!  ทำไมแกงกระหรี่ของฉันถึงได้เผ็ดแบบนี้ล่ะ!  เธอแกล้งฉันใช่มั้ย!?”ซาเคอิ ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่กลับมีหูและหางงอกออกมาเหมือนสุนัขไม่มีผิด  โวยวายใส่คนที่นั่งทานอาหารอยู่ฝั่งตรงข้าม

                “นายใส่พริกไทยเพิ่ม”อุริ  หญิงสาวน่าตาน่ารักมีหูกับหางเหมือนซาเคอิแต่ต่างกันตรงที่ว่า ของอุริจะมีลักษณะคล้ายแมว  และอุริก็เป็นเจ้าของฝีมืออาหารเช้านี้ด้วย  เธอพูดเสียงนิ่ง   ซาเคอิแก้มเริ่มขึ้นสีเพราะ

                “กะ   ก็เพราะแกงกระหรี่ที่เธอทำมันไม่มีความเผ็ดเลยน่ะสิ  ฉันถึงต้องใส่เพิ่ม!”แต่ซาเคอิก็ยังไม่หยุดโวยวาย

                “แล้วจะใส่ไปทำไมตั้งครึ่งขวด”เสียงบ่นงึมงำจากซุยุ ผู้หญิงที่ตัวเล็กที่สุดและอายุน้อยที่สุดในคฤหาสน์ดังขึ้นเบาๆ แต่ได้ยินทั้งโต๊ะอาหาร  

                “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอเล่ายัยเตี้ยนี่หนิ   แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว!  ไม่ไปเรียนรึไงซุยุ  หรือว่าอยากกลับไปเรียนประถมใหม่ ให้เข้ากับส่วนสูงตัวรึไง?!”

                “วันนี้วันหยุดย่ะ ฉันจะไปช็อปปิ้ง แบร่ :P“ซุยุทำหน้าล้อเลียน   ซาเคอิหน้าขึ้นสีกว่าเก่าเนื่องจากความเผ็ด(ที่ตนเองเป็นคนทำ)และเพราะความที่เถียงคนตัวเล็กกว่าไม่ได้

                “เห๊อะ   ระวังโดนจับตัวไปขายซะล่ะ  ยัยเด็กน้อย หึ”เมื่อเถียงเรื่องก่อนไม่ได้ก็หาเรื่องใหม่อีกอย่างไม่ยอมแพ้

                “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะยะ  ฉันอายุ 18 แล้วนะ!!  พูดมากอยู่นั่นแหละ  ไปซ้อมสายฉันไม่รู้ด้วยนะ!”ว่าจบซุยุก็หันหน้าไปอีกทางแล้วทำแก้มป่องเหมือนเด็กกำลังงอน

                “ห๋า!  ซวยแล้ว!”เมื่อมองนาฬิกาปุ๊บซาเคอิก็รีบหยิบกล่องที่เก็บกีต้าร์ขึ้นมาสะพายหลังและวิ่งออกไปจากห้องอาหาร  แต่ก็ยังมิวายได้ยินเสียงโวยวายดังมา “นี่  ยัยอุริแล้วก็ซุยุทีหลังเรียกฉันว่าพี่ซะ  เพราะฉันอายุมากกว่าพวกเธอ!!”

                “ชิ   พี่ติ๊งต๊องแบบนี้ไม่อยากจะมีนักหรอก”ซุยุบ่น

                “พี่ซาเคะ!  อย่าลืมเก็บหูกับหางด้วยนะครับ!”เวิ่นพี่ชายคนเล็กที่นั่งข้างๆ ซาเคอิ  ตะโกนบอกหวังว่าคนที่รีบวิ่งไปจะได้ยินบ้าง 

                “หมอนั่นไปแล้วล่ะ  เดี๋ยวก็รู้สึกตัวเองนั่นแหละ”ลูเซียพี่สาวคนโตที่กำลังนั่งจิบชาอยู่อีกข้างของอุริ  พูดเสียงนิ่งเรียบอย่างไม่ใส่ใจ

                “แล้วพี่อุริไม่ไปทำงานหรือครับ”เวิ่นถามพี่สาวคนเล็ก อุริเงยหน้าขึ้นจากอาหาร

                “เดี๋ยวก็ไปแล้วล่ะ”เขาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามพี่สาวคนโตบ้าง

                “แล้วพี่ลูเซียล่ะครับ มีงานที่ไหนรึเปล่า”

                “ไม่ล่ะ  เดี๋ยวพี่จะไปส่งนายที่มหาวิทยาลัย  แล้วก็จะไปช้อปปิ้งกับซุยุสักหน่อยน่ะ”

“ครับ”

ซาเคอิ  Talk

                 “ซาเคอิ!  ถ้าคืนนี้นายมาสายอีกนะ   ถูกตัดเงินเดือนแน่!!”

                “คร้าบบ”ผมเดินออกมาจากคลับใต้ดินที่ซึ่งผมทำงานอยู่  ก่อนจะเดินไปตามฟุตบาท  เพื่อไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก  ชิ  เพราะยัยอุริกับยัยซุยุแท้ๆ เลยที่ทำให้ผมมาสาย  เกือบถูกตัดเงินเดือนแล้วมั้ยล่ะ 

                เมื่อเดินมาจนถึงลานน้ำพุกลางสวนสาธารณะ   ผมก็วางกล่องกีต้าร์ที่สะพายมาลงกับพื้นและเปิดออกเพื่อหยิบกีต้าร์ตัวโปรดที่อยู่ข้างในออกมาจัดตั้งท่าเตรียมตัวพร้อมสำหรับจะเล่นมัน   ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ   ก่อนจะเริ่มดีดกีต้าร์และร้องเพลงออกมา.......

~~

“แปะๆๆๆๆ”พอเสียงท่อนสุดท้ายจบลงเสียงปรบมือจากรอบทิศก็ดังขึ้น   ผมยิ้มให้ผู้คนที่ชมการแสดงของผมก่อนจะโค้งขอบคุณและเก็บของเดินออกมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่   ผมหลับตานึกถึงเรื่องต่างๆ  ที่ผ่านมา  เพื่อฆ่าเวลารอคนคนหนึ่งที่ผมนัดไว้  

แปะ

                ความเย็นชื้นปะทะเข้าที่แก้มของผม  จนสะดุ้งลืมตาขึ้นมามอง   อุริยื่นกระป๋องโค้กมาให้ผม  ผมยิ้มและยื่นมือไปรับ   อุรินั่งลงข้างๆผม  พวกเรานั่งดื่มโค้กกันเงียบๆ  เหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  

                “ที่นัดมาเพราะเรื่องนั้นใช่มั้ย”ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าคนพูด

                “อืม  เรื่องนั้นนั่นแหละ”

                “แล้วจะทำยังไงล่ะ”

                “ต้องดูไปก่อน”

                “คิดว่าพวกนั้นต้องการอะไร”

                “คงจะเรื่องเดิมๆนั่นแหละ”

                “แต่กลิ่นมันต่างออกไปกว่าพวกก่อนๆ”เมื่ออุริพูดมาถึงตรงนี้ผมก็เงียบ  สิ่งที่พวกเรากำลังพูดถึงก็คือโจร   เพราะพวกเราไม่เหมือนใคร  และยังอยู่ในคฤหาสน์สีแปลกตาอีก  ทำให้พวกโจรส่วนใหญ่ต้องการตัวพวกเราเพื่อจับตัวไปเรียกค่าไถ่  โดยเริ่มจากสะกดรอยตาม  ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น  แต่ครั้งนี้มีกลิ่นแปลกๆ ที่ต่างจากคราวก่อนๆมาก  อย่างแรกคือ  กลุ่มโจรก่อนๆ  มักจะสะกดรอยตามเป้าหมายเท่านั้น   แต่ด้วยทักษะเฉพาะตัวที่พวกเรามีทำให้รอดมาได้เสมอ  แต่ครั้งนี้ทุกคนถูกสะกดรอยตามทั้งหมด  ทุกคนในบ้านก็รู้   คนอื่นผมไม่ค่อยห่วงหรอก แต่ยัยซุยุที่มั่นใจในฝีมือตัวเองมากจนเกินไปจนไม่ค่อยระวังตัวนั่นแหละที่ผมห่วง  ครั้งนี้ผมและอุริที่มีสัญชาตญาณของสัตว์กลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ  พวกเรากลัว  กลัวว่ามันจะร้ายแรงกว่าครั้งก่อนๆ .......

~~ครืดๆ~~

                เสียงโทรศัพท์ของอุริดังขึ้นผมหันไปมองอุริที่กำลังรับโทรศัพท์   เธอฟังปลายสายพูดไม่ถึงนาทีเธอก็หันหน้ามาหาผมด้วยสีหน้าตื่นๆ  ที่น้อยครั้งเธอจะแสดงสีหน้าแบบนี้   ก่อนจะพูดว่า

                “ซุยุถูกจับตัวไป!!!”

                “!!!!”

ณ  ที่ไหนสักแห่ง

                “อ้วกแออ่อยอั้นเอี๋ยวอี๊อ๊ะ!”ซุยุตะโกนออกไปทั้งๆที่ถูกผ้าปิดปากอยู่  ย้อนกลับไปยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้  เธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ  ก็ถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าจากทางด้านหลังและหมดสติไป   พอรู้สึกตัวเธอก็มาอยู่ในที่ๆ ไม่รู้จักและถูกมัดตัวด้วยโซ่หนาติดกับเก้าอี้  มือและเท้าก็ถูกพันธนาการไม่ต่างกัน   แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ พวกมันรู้ว่าเธอมีพละกำลังมากกว่าที่เห็นหลายเท่าตัวเพราะดูจากที่เอาโซ่มามัดเธอไว้แทนเชือกแบบนี้   ตอนนี้ในโกดัง(คิดว่าใช่)นี้มีแค่ซุยุ  และผู้ชายตัวบึกๆ  ใส่สูทสีเข้มอีกสองคนเท่านั้น   

                “อ่อยอิ่โอ้ย!!!! อ่อยอั้นๆๆๆๆๆๆ!!!!!”ซุยุว่าพลางดิ้นไปดิ้นมา

ปัง!!

                เสียงปืนดังขึ้นซุยุหยุดทุกการเคลื่อนไหว  เลือดสีเข้มไหลออกมาจากแก้มใสข้างซ้ายของเธอ   เมื่อกี๊.....

ลูกกระสุนเฉี่ยวแก้มเธอไปนิดเดียวเอง!!!

                ซุยุตวัดสายตาไปมองผู้มาใหม่ที่เป็นคนยิงปืนเฉี่ยวแก้มของเธอ   ผู้ชายใส่สูทสีครีมผมสีขาวดูหล่อเหลาเดินยิ้มแสยะจากมุมมืดเข้ามายืนตรงหน้าซุยุ   ชายร่างบึกทั้งสองโค้งให้ชายผมขาวผู้เป็นนาย

                “ยุอิเนะ  ซุยุ  สินะ  คุณดูน่ารักกว่าตอนอยู่ในห้องกระจกอีกนะ”ผู้ชายคนนั้นพูดพร้อมใช้ปลายนิ้วไล่ไปบนใบหน้าเนียนของวซุยุ   เธอทำสายตารักเกียจใส่คนตรงหน้าอย่างชัดเจน

                “อย่าทำสายตาแบบนั้นสิ   วันนี้ผมจะเล่าเรื่องสนุกๆให้พวกคุณฟังกันนะครับ   เรื่องครอบครัวจอมปลอมของพวกคุณ”

                “!!!!”     

                “แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ  เพราะครอบครัวยังไม่พร้อมหน้ากันเลยนี่นา  ฮ่าๆๆๆๆๆ”ซุยุมองผู้ชายที่กำลังหัวเราะด้วยสีหน้าชิงชัง  รังเกียจ   เธอพอจะรู้จุดประสงค์ของการลักพาตัวครั้งนี้แล้วสิ!  ถึงซุยุจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครและรู้ถึงความลับของพวกเธอได้ยังไง   แต่เธอก็รู้ว่า  คนตรงหน้า อันตรายไม่น้อย!!!  

ปึง!!

                เสียงเหมือนบางอย่างถูกกระแทกเรียกความสนใจของซุยุให้หันไปมอง   ซาเคอิยืนหอบนิดๆ  เพราะใช้แรงพังประตูโกดังมากไปหน่อย   แต่ไม่ได้มีแค่ซาเคอิเท่านั้น  เพราะ  ลูเซีย   อุริ  และเวิ่นก็ยืนอยู่ข้างๆ    เมื่อซาเคอิเห็นซุยุที่ถูกมัดแน่นด้วยโซ่ก็เลือดขึ้นหน้าคิดจะพุ่งตัวไปหาแต่

แกร๊ก

                เสียงขันไกนก  ทำให้ซาเคอิหยุดความคิดไว้   เพราะผู้ชายผมขาวใช้ปืนจ่อไปที่ขมับของซุยุ   ซาเคอิได้แต่กัดฟังกรอด   ลูเซียที่เป็นพี่ใหญ่จึงถามอย่างใจเย็น

                “คุณต้องการอะไร”ชายผมขาวแสยะยิ้มอีกครั้ง

                “ผมชื่อ แกรม  ครับ  แต่ว่าเรียกคุณดูห่างเหินจังน้า   ต้องเรียกผมว่าพ่อสิ~~”

“!!!!!”ลูเซียและทุกคนที่ได้ยินความจริงข้อนนี้ต่างนิ่งอึ้ง

“ไร้สาระพวกเราไม่มีพ่อ!!!”อุริขึ้นเสียงเป็นครั้งแรก 

“ว้า  ฟาเรียคงไม่เคยเล่าให้พวกเธอฟังสินะ   งั้นผมขอเล่าเองล่ะกันนะครับ  พวกคุณคงร็ว่าฟาเรียเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง  แต่พวกคุณคงไม่รู้ว่า  ตัวเองเป็นร่างโคลนที่เกิดจาการทดลองของผมกับฟาเรียสินะครับ   และเป็นร่างโคลนที่ผมกับฟาเรียคิดจะกำจัดทื้งอีกด้วย  เพราะพลังที่พวกคุณมียังไงล่ะ!!”ความจริงอีกข้อทำให้ทุกคนนิ่งอีกครั้ง

“แต่....คุณแม่พยายามจะทำให้เราเหมือนคนปกติ....”เวิ่นพึมพำ

“ครับ  เพราะเค้าเป็นคนดีเกินไป  ทำให้ฆ่าพวกคุณไม่ลงและพาพวกคุณหนีออกจากศูนย์วิจัย  โดยมีความเชื่อว่า  พวกคุณสามารถเหมือนคนปกติได้  แต่ผมรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์   อีกอย่างถ้าความลับของพวกคุณถูกเผยออกไปคงถูกจัดอยู่ในลิสต์ตัวอันตรายที่สุดในประเทศเลยก็ได้นะครับ  และมันก็จะสาวมาถึงผู้สร้าง  หรือก็คือผมด้วย  ตอนนี้ธุรกิจของผมกำลังไปดีผมจึงไม่อยากให้มีอะไรมาขัดขวางเส้นทางของผมน่ะครับ  เพราะฉะนั้น......”แกรมยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย 

“ช่วยตายๆ  ไปอย่างสงบเถอะนะครับ!!!”ว่าพลางหันไปมองซุยุและยิ้มแสยะ  ซาเคอิรู้ว่าแกรมจะทำอะไรจึงพุ่งตัวไปด้วยความเร็ว  

พรึบ!!   เคร้งๆๆ

                ฟาเรียที่กระโดดลงมาจากด้านบนและมาอยู่ตรงหน้าของแกรมพอดี  เธอไม่รอช้าตวัดดาบใส่แกรมไม่ยั้งมือ  แกรมก็ใช้ปืนปัดป้องตนเองจากดาบของฟาเรีย 

                “มัม!”ลูเซีย  ซาเคอิ  อุริ และเวิ่นเรียกฟาเรียพร้อมกันอย่างไม่เชื่อสายตา

                “ซาเคะช่วยซุยุ!! ที่เหลือระวังตัวด้วย!!”ฟาเรียตะโกนบอก  ซาเคอิไม่รีรอเข้าไปช่วยแก้มัดซุยุทันที   ซาเคอิใช้กรงเล็บแหลมคมตวัดใส่โซ่จนขาดออกจากกัน  ซุยุหลุดจากการถูกมัด   พวกลูเซียจึงวิ่งเข้ามาหา

                “อย่าให้พวกมันหนีไปได้!!”แกรมตะโกนขึ้น  ไม่นานชายร่างบึกใส่สูทสีเข้มห้าสิบกว่าคนก็เดินออกมาจากมุมมืด  ล้อมรอบพวกซาเคอิไว้  

เคร้งๆๆๆ

                “หึ  คนขนาดนั้นพวกเธอสู้ไม่ไหวหรอกยอมแพ้ซะฟาเรีย”แกรมพูดขู่เสียงเข้ม   ตอนนี้ทั้งแกรมและฟาเรียใช้อาวุธเป็นดาบเหมือนกันทั้งคู่แล้ว 

                “หึ  อย่าดูถูกลูกๆ  ของฉันสิ”ฟาเรียยิ้มแสยะ  มือยังคงตวัดดาบไม่ยั้งเช่นเดิม

                “ลูกงั้นเหรอ  เธอคิดว่าพวกตัวประหลาดแบบนั้นเป็นลูกงั้นเหรอ  ฮ่าๆๆๆๆ   เธอกล้าพูดมั้ยล่ะว่าตอนแรกเธอไม่คิดจะฆ่าพวกเขาน่ะ  ฮึฮึ”ฟาเรียไม่พูด  แต่ตวัดขาใส่แกรมที่กำลังเผลอแทน    แกรมเสียหลัก  ล้มลงไปกับพื้น   พอจะลุกขึ้นแต่ไม่ทันฟาเรียที่เอาดาบมาจ่อที่คอของเขาก่อนแล้ว   ฟาเรียยิ้มเย้ยไปให้แกรม

                “ใช่  ตอนแรกฉันคิดจะฆ่าพวกเขา   แต่ว่าเพราะฉันยังมีสามัญสำนึกว่าฉันเป็นคนสร้างพวกเขาขึ้นมา ฉันควรจะรับผิดชอบพวกเขา และ.....ฉันไม่อาจจะฆ่าลูกๆ ของฉัน  เหมือนสิ่งของไร้ค่าแบบนั้นได้หรอกนะ”

                “หึ  ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกนั้นฟังหมดแล้ว  คิดว่าพวกนั้นยังเห็นเธอเป็นแม่อยู่อีกรึไง!!”

                “ต่อให้พวกเขารังเกียจ  โกธร  หรือไม่เห็นฉันเป็นแม่แล้วตาม   แต่ยังไงสำหรับฉันพวกเขาก็ยังเป็นลูกๆ ที่น่ารักของฉันเสมอ”

                “ ไม่ว่าเมื่อก่อนมัมจะคิดแบบไหนกับพวกเรา  แต่ตอนนี้มัมคือแม่ที่พวกเรารักที่สุด”ลูเซีย  ซาเคอิ  อุริ  เวิ่นและซุยุพูดพร้อมกันและยืนเรียงกันอยู่ข้างหลังของฟาเรีย   มือฟาเรียเริ่มสั่น  เพราะคำพูดของลูกๆ ทุกคนของเธอ

                “พวกแก!  เป็นไปไม่ได้!!”แกรมมีสีหน้าตกใจไม่น้อย  ก่อนจะมองเลยพวกซาเคอิไปเห็นลูกน้องของตนกว่าห้าสิบคนนอนสลบไม่ได้สติกันระนาว

                “ฉันบอกแล้วว่าอย่าดูถูกลูกๆ ของฉัน!”ปึก!   พูดจบฟาเรียก็เตะเสยคางของแกรม   จนแกรมหงายหลังสลบไม่ได้สติเลยตามลูกน้อง   ฟาเรียทิ้งดาบลงกับพื้นและหันหลังไปมองลูกๆ ของเธอ  

                “ไม่เกียจมัมจริงๆ ใช่มั้ย”ฟาเรียถามเสียงสั่นน้ำตาคลอ

                “พวกเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะมัม”ลูเซียพูด   ฟาเรียน้ำตาไหลอาบแก้ม  กางแขนออก   ลูเซีย  ซาเคอิ  อุริ  เวิ่นและซุยุ  เข้าไปกอดผู้เป็นแม่ของตนพร้อมกัน  

                ถึงแม้จะคนละสายเลือด  ถึงแม้จะไม่เหมือนคนปกติ   ถึงแม้ทุกคนอาจจะรังเกียจ  แต่พวกเราก็ยังคงเป็นครอบครัว  Blue  House  ตลอดไป...~~

               

 END  

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา