วันพ่อนั้นสำคัญไฉน

10.0

เขียนโดย กุหลาบราตรี

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.15 น.

  2 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,626 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557 18.57 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) คำว่า พ่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          แดดร้อนระอุท่ามกลางปริมาณรถบนถนนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การทำยอดขายให้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ช่างยากลำบากสมัยนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะรู้พูดปฏิเสธยังที่ยังไม่ได้เข้าไปนำเสนออะไรบ้างก็มีแล้ว บ้างก็กลัวถูกหลอก การขายประกันชีวิตมีคู่แข่งเยอะจึงยากหากจะหาลูกค้า ส่วนมากหลายคนจะอ้างว่าไม่จำเป็น ไม่สำคัญหรือสิ้นเปลืองพอถึงเวลาจริงไม่ได้เงินชดเชย

 

          พัฒพงษ์หรือเก๋าเป็นพนักงานขายที่มีประสบการณ์การทำงานมาห้าปีแล้วแต่ต้องทำยอดขายให้ได้ถึงเป้าเพื่อโบนัสจนบางครั้งไม่ได้กลับบ้านไปหาบิดาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวหลังจากมารดาเสียไปด้วยโรคหัวใจ ช่วงหลังอาจจะมีเรื่องให้กวนใจอยู่เสมอเนื่องจากมักจะมีญาติโทรมาบอกว่าพ่อของตัวเองเริ่มหลงๆ ลืมๆ บางทีจำทางกลับบ้านไม่ได้แต่ก็ยังโทรมาขอเงินอยู่เสมอซึ่งเขาก็ส่งกลับไปให้ทุกครั้งเพื่อให้เป็นค่ารักษา

 

          “สวัสดีครับคุณป้าอาการเป็นยังไงบ้างครับคือผมชื่อพัฒพงษ์เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทประกันภัยทวีสุขจะมาถามเรื่องเงินชดเชยน่ะครับทางบริษัทจัดการเรื่องรักษาพยาบาลให้แล้วนะครับ” นี่คือหน้าที่ที่จะต้องดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีจึงจะน่าเชื่อถือ

          “โห...พ่อหนุ่มดูแลดีจริงๆ นะถ้าไม่มีประกันป้าคงแย่...” แล้วป้าเขาก็ร่ายยาวจนถึงเวลากินยา

 

          ชีวิตประจำวันมักจะหมดไปกับการดูแลลูกค้าและนั่งในออฟฟิศจนแทบจะไม่มีวันพักผ่อนจนบางครั้งไม่ได้กลับบ้านในเทศกาลสำคัญและวันนี้ก็เช่นกันเป็นวันปีใหม่แต่ต้องดูแลลูกค้าที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อสองวันก่อนหน้านี้

 

          “เฮ้ย! วันปีใหม่นะเว้ยทำไมไม่กลับบ้านวะ” เพื่อนสนิทชื่อทัตถามพลางตบไหล่เบาๆ

 

          “มีงานว่ะ”

 

          “แล้วพ่อๆ ไม่สำคัญเหรอ”

 

          “สำคัญนะแต่ฉันก็หาเงินเขาจะได้สบายมันก็ดีนะเว้ย”

 

          เก๋าพักอยู่ในแฟลตห่างจากที่ทำงานยี่สิบเมตรแต่มีข้อเสียตรงที่รถติดมากบางครั้งเกิดอุบัติเหตุจนไปทำงานสายแน่นอนว่าโดนตัดเงินเดือนหรืออาจจะอดโบนัสของเดือนนั้นๆ  ไปด้วยหลังจากกลับจากทำงานในวันปีใหม่ที่หลายคนกลับไปอยู่กับครอบครัวทำให้ห้องพักดูเงียบเหงากว่าปกติ

 

          เมื่อถึงวันที่ห้าธันวาคมซึ่งเป็นวันพ่อจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกลับบ้านสักครั้งเขาเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืนตรงโดยรถบัสสองชั้นส่วนมากจะมีหลายคนเดินทางเพื่อออกไปเที่ยวกับครอบครัวหรือกลับบ้านเพียงลำพัง ผ่านไปได้สามชั่วโมงบรรยากาศภายในรถเงียบสงบเพราะหลายคนนอนหลับแต่นายเก๋ายังไม่หลับง่ายๆ หลังจากได้รู้ข่าวว่าบิดาป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคชรา

 

          ยามใกล้รุ่งของเช้าวันใหม่โซเฟอร์เลือกเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและได้เปิดละครของพ่อให้ทุกคนได้ดูเพื่อให้เข้ากับวันพ่อ เรื่องเหรียญของพ่อที่จะกล่าวถึงครอบครัวครูธานีที่เสียขาข้างซ้ายจากการช่วยเด็กระหว่างถูกศัตรูโจมตีตอนกลับจากการรับพระราชทานเหรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ‘ครูดีเด่น’ เมื่อสิทธาโตมาจึงเป็นทหารตระเวนชายแดน

 

          เขาเสียเพื่อน ตชด. มีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เสด็จมาเยี่ยม และเหรียญพระราชทานนั้นถือว่าเป็นกำลังใจทำงานได้อย่างดีเยี่ยม วันหนึ่งพวกเขาต้องปราบผู้ค้ายาเสพติดจนแทบเอาชีวิตไม่รอดแต่เพราะเหรียญพระราชทานที่เขาติดตัวมาเสมอทำให้มีชีวิตรอดมาได้ หลังจากที่นายเก๋าได้ดูละครเรื่องนั้นก็กลับมาถึงพอดีแต่ต้องต่อรถเข้าไปอีก

 

          บ้านหลังเก่าโทรมทำให้ชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อยเพราะเขาส่งเงินกลับมาให้ทุกเดือนไม่เคยขาดไม่น่าจะทำให้บ้านโทรมขนาดนี้ที่รอบๆ มีผักสวนครัวปลูกอยู่แต่ตอนนี้แห้งเฉาเพราะไม่มีคนดูแลรดน้ำ ขายาวก้าวเข้ามาในบ้านที่โล่งจนน่าตกใจที่โต๊ะอ่านหนังสือของพ่อมีกระดาษหลายแผ่นวางกองกันไว้เขาเปิดอ่านเพราะมีจ่าหน้าซองถึง ‘พัฒพงษ์’ ตั้งแต่ตอนนี้เข้ากรุงเทพใหม่ๆ แต่ไม่เคยส่งไป

 

          ‘วันนี้ลูกเป็นยังไงบ้างกลับมาพ่อบ้างนะพ่อเหงา คิดถึงลูกมากตั้งใจทำงานนะเก๋าอย่าเหลวไหล...รัก อนุพัตน์

 

          จดหมายนั้นลงวันที่หลังจากที่เขาเริ่มได้งานเป็นพนักงานขายประกันพอดีและที่สำคัญเป็นการทำงานวันแรกที่เขาท้อมากที่สุดจนแทบอยากกลับบ้านเสียตอนนั้นเลย อีกฉบับหนึ่งคือจดหมายที่ยังไม่ได้ใส่ซองเขียนวันที่ห้าธันวาคมพอดี

 

          ‘กลับมาหาพ่อหน่อยนะ พ่อคิดถึงเก๋ามากถ้าพ่อเป็นอะไรไปของขวัญอยู่ในตู้เสื้อผ้านะลูก พ่อรักเก๋านะพ่อไม่อยากกินข้าวคนเดียว

 

          เมื่อลองนึกย้อนไปแล้วก็ผ่านมานานเหลือเกินที่เขาไม่ได้อยู่กลับพ่อตั้งแต่เรียนมหาวิทาลัยก็ได้เจอกันตอนรับปริญญาเท่านั้น

 

          โรงพยาบาลดูวุ่นวายไปดูผู้คนที่มารักษามากมายเขาเดินเข้าไปในห้องพักของบิดาด้วยใจคอไม่สู้ดีนักจนเห็นเพื่อนบ้านยืนล้อมเตียงอยู่โดยมีบิดานอนแน่นิ่งไม่ปรากฏคลื่นอะไรที่แสดงว่ายังหายใจอยู่เลย ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปกอดพ่อที่รักด้วยความตกใจเพราะเมื่อสองวันก่อนมีคนโทรไปบอกเพียงว่าพ่อป่วยหนักไม่คิดว่าจาการหนักถึงขั้นใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

          “พ่อผมเป็นอะไรครับ”

 

          “ลุงวัตน์เขาป่วยหนักมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วเก๋าไม่ยอมมาโรงพยาบาลสักที” ป้าวรรณตอบเสียงเรียบพลางส่ายหัวเล็กน้อย

 

          “ความจริงฉันจะโทรบอกอาการแล้วนะแต่พ่อแกห้ามไว้บอกว่าอยากให้แกตั้งใจทำงานจะได้มีเงินเยอะๆ” เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาแล้วพากันเดินออกไปจากห้อง

 

          บัดนี้นายเก๋ามองดูร่างไร้วิญญาณของพ่อด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่มีแม้น้ำตาเพียงหยดเดียวแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดในใจ ทรมานจนอยากตะโกนออกมากี่ปีแล้วที่เขาหลงลืมไปว่ามีพ่อลำบากมานานขนาดนี้ หากย้อนไปถึงตอนเป็นเด็กเขามักจะเรียกร้องหาบิดาและคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อไม่เคยห่างกายไปเลย

 

          “พ่อ” พูดเสียงสั่นพลางซบหน้าลงกับอกที่ไร้เสียงหายใจด้วยความเจ็บปวด “ผมขอโทษไหนพ่อบอกว่าให้ผมตั้งใจทำงานฟื้นขึ้นมาสิครับ”

 

          เนิ่นนานหลายชั่วโมงแต่คนที่จากไปไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกแล้วแม้ว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นนับร้อยพันตามคำบอกเล่า หลังจากนั้นงานศพของบิดาเกิดขึ้นท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้ที่มาร่วมงานวันสุดท้ายที่จะมีการเผาศพ   ชายหนุ่มได้ไปค้นที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งในจดหมายนั้นบอกว่ามีของขวัญอยู่แต่นั่นก็ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเงินที่ส่งให้มาทุกเดือนนั้นหายไปอยู่ที่ไหน

 

 

          ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกลชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปานฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสานจากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ...เสียงเพลงพระราชนิพนธ์ดังเข้ามาในโสตประสาทของคนที่หลับมานานหลายชั่วโมง บางคนก็ตื่นอยู่นานแล้วกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นายเก๋าจับหน้าจับตาจับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาพลางมองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ นี่ฝันไปหรือ

 

          ในเวลาต่อมาเหตุการณ์ทุกอย่างก็เหมือนกับความฝันนั้นเหลือเกินจนเมื่อเดินกลับมาถึงบ้านในบ้านที่เงียบสงบน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวซองจดหมายวางกองไว้ ในตู้เสื้อผ้ายังคงเหมือนเดิมมีสมุดฝากธนาคารที่เป็นชื่อของเขาเองในนั้นมียอดเงินอยู่ที่สองแสนบาทห้าหมื่นสามพันบาทไม่น่าเชื่อว่าภายในหนึ่งปีเงินที่ส่งกลับบ้านจะทำให้ตัวเองมีเงินเก็บมากขนาดนี้

 

          “พ่อผมขอโทษ” พูดเสียงสั่นทรุดลงตรงหน้าภาพของบิดาและเขาเมื่อตอนเด็กตั้งไว้ อยู่สูงจนเกือบติดเพดานคือภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดอยู่

 

          เขารีบไปที่โรงพยาบาลด้วยความรีบร้อนแต่ปรากฏว่ากลับไม่เจอเพื่อนบ้านและพ่อของเขาอยู่เลยจนกระทั่งระหว่างเดินทางกลับเห็นบิดากลับมาจากทำนาด้วยท่าทางที่ไม่บ่งบอกถึงอาการเจ็บป่วยใดๆ เลยชายหนุ่มวิ่งเข้าไปกอดด้วยความความคิดถึงด้วยกลัวว่าจะสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง นายเก๋าเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าคนที่สำคัญมากที่สุกคือคนที่เขาเคยหลงลืมมานาน

 

          “พ่อผมขอโทษ” เอ่ยทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มยินดี

 

          “ไอเก๋าขี้แยอีกแล้ว ไป ไปรดน้ำผักให้หน่อยพ่อเหนื่อยว่ะ”

 

          “โห...พ่อ ถ้าเหนื่อยนะวันนี้เก๋าจะดูแลอย่างดีเลย”

 

          “แล้วจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่” คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยความมั่นใจว่า

 

          “ไม่มีใครสำคัญกว่าพ่อครับต่อไปนี้ผมจะดูแลพ่อเป็นอย่างดี จะลองหางานทำใกล้บ้านทำ ผมอยากอยู่กับพ่อแล้วจะไม่ให้ความสำคัญกับพ่อเพียงแค่วันที่ห้าธันวาเท่านั้นเพราะไม่ว่าจะวันอะไรลูกทุกคนก็ต้องรักพ่ออยู่แล้วจริงไหมครับ”

 

          “เฮ้ย! แล้วแกไม่ลำบากหรือไง”

 

          “คำว่าลำบากของผมยังเทียบไม่ได้กับพ่อเลย โดยเฉพาะพ่อของแผ่นดินท่านทำเพื่อประชาชนมานานเหลือเกินต่อให้ผมต้องเหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็นขอแค่มีพ่อคำว่าเหนื่อยก็ไม่ได้ทำให้ผมท้อเลย” กอดบิดาด้วยความรักใคร่หลังจากที่ห่างหายมานาน

 

          สองพ่อลูกยืนกอดกันเนิ่นนานทั้งน้ำตานานเท่าไหร่หนอที่ทั้งสองคนไม่ได้กอดกันนานขนาดนี้...

 

 

          สองปีผ่านไป

          นายเก๋าได้เป็นทหารตามที่บิดาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกและเพื่อนตอบแทนแผ่นดินเขาจึงเป็นทหารตระเวนชายแดนมานานแรมปีจนเกือบเสียชีวิตจากการโจมตีของศัตรูอยู่หลายครั้งแต่ก็รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ในวันที่เขากลับบ้านด้วยชุดทหารยศร้อยเอก พ่อบังเกิดเกล้ายืนต้อนรับด้วยความยินดีจนน้ำตาไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ

 

          “ร้อยเอกพัฒพงษ์ มานะมารายงานตัวครับผม” พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนเข้าไปกอดบิดาหลังจากทำเพื่อชาติมานาน

 

               

          เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคำว่าพ่อยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งสิ้น หากเหนื่อยจงคิดถึงวันที่ท่านลำบาก หากท้อให้หยิบรูปท่านขึ้นมา หากหมดกำลังให้โทรไปหาจะรู้ว่าท่านเป็นห่วงเรามาก วันที่ห้าธันวาคมแทนวันพ่อแต่ลูกทุกคนไม่ควรหลงลืมว่าพ่อนั้นรักลูกทุกวัน

 

 

 หมายเหตุ *** เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้กล่าวถึงละครเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง "เหรีญของพ่อ" ไว้ด้วยใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้เลยนะคะ 

 

ต้องขอโทษด้วยนะคะ

หากเรื่องนี้ไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ยังไงก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา