เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

-

เขียนโดย MissMaitree

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.43 น.

  1 บท
  2 วิจารณ์
  3,505 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 15.02 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...ตอนเด็กๆใครเคยถูกเพื่อนแบนหรือไม่คุยด้วยบ้างคงมีหลายคนที่พบกับประสบการณ์แย่ๆแบบนี้แต่เป็นเพียงอดีตที่นึกเมื่อไหร่ก็ขำทุกที

....ย้อนกลับไปช่วง ม.ต้นตอนนั้นทุกคนจะต้องมีกลุ่มแก๊ง …โอ้ยๆรักกันมากเลยแหล่ะ แบบไปไหนต้องไปด้วยกันไม่มีคนหนึ่งไม่ได้นะ รอกันตลอดเวลา ทำงานกลุ่มก็ต้องทำด้วยกัน

เรากับเพื่อนกลุ่มนี้ก็จะมีกันอยู่ 4 คน ผู้หญิงหมดเลย ไม่รู้จับกลุ่มกันได้ยังไง เราจะเป็นคนที่ค่อนข้างรักเรียน (ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ)จะตั้งใจมากกว่า 3 คน ซึ่ง 3 คนนี้จะชอบเล่นสนุกมากกว่า ชอบชวนโดดเรียนนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกเพื่อนแบน (อันนี้เราเดาเอาเพราะเราไม่รู้สาเหตุจริงๆ เหมือนนางเอกถูกกลั่นแกล้ง อิอิ)

 

...อยู่มาวันหนึ่งเรา 4 คนนัดกันไปทำงานกลุ่มที่โรงเรียน เพราะต้องช่วยกันระดมความคิด พอมารวมตัวกันก็ทำงานปกติ เล่นบ้างทำบ้าง จู่ๆ เรางงมากว่าทำไมเพื่อนทั้ง 3 คนแปลกไปเราคุยด้วยก็จะทำเฉยๆ คุยกันแค่ 3 คน ไม่สนใจเราเลย (แต่ก่อนเราจะเป็นคนเชยๆไม่ค่อยแต่งตัวเหมือนทอมๆนิดๆ บ้านก็ฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร ปานกลาง ส่วนเพื่อนทั้ง 3 คนพ่อแม่รับราชการ ก็จะมีฐานะนิดนึง) พอเรารู้ตัวว่าเพื่อนไม่อยากคุยด้วยเราเลยถามตรง แต่ไม่ได้คำตอบ กลับกลายเป็นเงียบไป เฮฮากันอยู่ 3 คน(เราน่าสงสารป่ะ ฮือๆ) คือเราไม่ได้ผิดอะไร เราคิดย้อนดูทุกอย่างแล้วยังไม่มีช่วงไหนเลยที่เราทำอะไรผิดพลาดไป ถึงทำผิดก็คงไม่ใช่ทั้ง 3 คนนะได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก แต่ด้วยความที่เราเป็นคนแคร์เพื่อนมาก เราเลยเสียใจจนจุกพูดไม่ออก และก็ไม่บอกใครด้วย เราก็ทำตัวห่างออกมา (ไม่คุยก็ไม่ต้องคุยวะ อย่ามายุ่งกับกูนะ คิดในใจ 55)จนเพื่อนในห้องบางคนดูออกก็อย่างว่าเด็กๆชอบอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อนๆก็เลยถามเราเป็นอะไร เราเลยบอกว่ามัน 3 คน ไม่คุยด้วย ไม่รู้เราทำอะไรผิด ถามก็ไม่ตอบ   เพื่อนคนอื่นเลยชวนไปกินข้าวด้วย ทำงานด้วย นั่งเรียนด้วย (แอร๊ย เราแอบดีใจนะที่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ชั่วร้ายอะไร)

... หึหึ นางเอกอย่างเราจะยอมถูกกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ

 

...เราก็ใช้ชีวิตปกติ เข้าเรียน ทำงานกลุ่ม พักกินข้าว เล่นกับเพื่อนๆกลุ่มใหม่ สนุกสนานเฮฮาทุกวัน กลับบ้านก็เรียนเสริม เราก็ไม่สนใจใคร เรียนเสร็จกลับบ้านกินข้าว นอน ตื่นไปเรียน แบบนี้เรื่อยๆ

 

... อยู่มาวันหนึ่งเราก็ได้ยินเพื่อนกลุ่มนั้น ใส่ร้ายเรา ว่าเรานิสัยไม่ดีบ้าง ขี้งก (ก็บ้านกูไม่รวยนิ จะให้กูฟุ่มเฟือยได้ไง เชอะ!) จริงๆถามว่าเราเป็นแบบนั้นมั้ย เราไม่ได้งกขนาดนั้นหรอก เรียกประหยัดดีกว่า เราว่าเราไม่ได้เข้าข้างตัวเอง หากเราเป็นเพื่อนกันจริงๆเราควรจะคุยกัน ไม่มีใครดีหรือเลว 100% แต่ว่าอันนี้ไม่ใช่แล้ว เป็นการใส่ร้ายเพื่อให้ตัวเองดูดี เรื่องที่ไม่คุยกับเราเพราะอะไร แต่จริงๆไม่ควรจะรวมหัวกันไง ไม่รักกันจริงนี่หว่า แล้วเราจะอยู่เฉยได้ไง เราบอกว่าใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจนะ แล้วแต่เลย อย่าหวังว่าจะมองหน้า เกลียดมาก (แค่ตอนนั้นนะ)

... เวลาผ่านไปค่อนข้างนาน ก็มาถึงตอนจบ เย้ๆๆ จะจบแล้ว เล่าซะนานเลย อิอิ ใช่ป่ะ

 

...วันนั้น จำได้ว่าเข้าเรียนวิชาหนึ่งแต่คุณครูติดธุระ ไม่ได้สอน (สบายเลยเรา) ก็นั่งเล่นกับเพื่อน บ้างคุยกัน บ้างก็เล่นกันเสียงดัง จู่ๆเพื่อน 3 คนนั้นก็ให้เพื่อนในห้องมาเรียกเรา บอกว่ามีเรื่องจะเคลียร์ (โอ้โห คิดในใจพวกมึงมีอำนาจอะไรมาเรียกกูออกไป กูไม่ไปหรอก อยากคุยมาหาเองดิวะ) บอกเพื่อนไปว่า ไม่ไปหรอก ไม่อยากคุย ไม่ได้กลัวนะ ไร้สาระ เพื่อนคงออกไปบอก แล้วนางเพื่อน 1 ใน 3 คนนั้นเดินมา บอกว่า ขอคุยด้วยหน่อย จะได้จบๆค้างๆคาๆแบบนี้อึดอัด (เฮ้ย! นี่กูเป็นคนสร้างเรื่องป่าววะ กูผิดมั้ยเนี่ย กูรู้เรื่องไรด้วย) เราบอกเพื่อนไปว่า ได้ จะได้จบๆเลิกคบจริงๆจังๆไปเลย รำคาญว่ะ!

 

... เราเดินออกไป เห็นภาพ 2 ใน 3 คนนั้น นั่งตรงที่นั่งบริเวณระเบียงหน้าชั้นเรียน นั่งแบบ   มาเฟียร์ แคะเล็บ ทำเป็นเหมือนแบบจะสั่งสอนอะไรเรา ประมาณนั้นเลย อีกคนก็ยืนมองมาที่เรา เริ่มต้นการสนทนา

(ขอสมมติชื่อนะ ง่ายต่อการเล่าเรื่อง เอาเป็นว่า ด.ญ. ก ข ค ง ล่ะกันเนอะ ด.ญ.ก นี่จะเหมือนหัวหน้าแก๊ง จริงๆก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นนะ แต่มันทำตัวเก๋า ว่างั้น หล่อนเป็นลูกครูใน รร ส่วน ข กับ ค ก็ลูกน้อง และ เราเป็น ง นะ เป็นไส้ติ่ง เหอะๆ)

 

ด.ญ.ก บอกให้เพื่อน 2 คนถามเรา

เป็นไร ทำไมไม่คุยกับพวกเรา มีเรื่องอะไรหรอ” ด.ญ.ค (เสียงแบบกวนตีนเล็กน้อย)

(เงิบไปเลย กูเนี่ยหรอไม่คุยกับพวกมึง มันน่านัก) เราเนี่ยหรอ ไม่คุย ไม่มั้ง เหอะๆเราควรถามกลับนะว่าพวกแกเป็นไรกัน เราทำไรผิดวะ ไม่บอกกันดีๆล่ะ ขี้เกียจพูดว่ะ” เราตอบกลับไป

“เอ้า ใครไม่พูด ก็พูดนิ นั่นแหล่ะที่ไม่พูดก่อน ตีตัวออกห่างพวกเราไป” ด.ญ.ข พูดกับเรา

“เฮ้ยๆ (เริ่มหัวเสีย) คิดดีๆนะ วันนั้นอ่ะ ทำเป็นเฉยใส่ เหมือนเราไม่มีตัวตน แทนที่จะคิดได้แล้ว ขอโทษนะเว้ย ถ้ารู้ตัวว่าผิดกัน แต่อันนี้แม่งโยนอีก (ยืนกำหมัด ตอนนั้นเราตัวโต เป็นนักกีฬา)” เราเริ่มโมโหแล้ว

“ไม่ใช่ล่ะ ไม่เคยอ่ะ” ด.ญ.ข กับ ค แก้ตัวพร้อมกัน

“งั้นก็แล้วแต่เลย เอาเป็นว่าจบแค่นี้ เลิกคุย ถ้าจะเรียกมาคุยแบบนี้ ไม่อยากมีเพื่อนแบบนี้ว่ะ อยู่แบบไม่มีพวกแกก็สบายใจดีอ่ะ แม่งว่าเราไว้เยอะนะ ไม่ชอบว่ะ อย่ามายุ่งอีกนะ (ขึ้นเลยๆ)” เราเริ่มพูดด้วยความรำคาญ

“เฮ้ย อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดิ เรียกมาคุยดีๆนะเนี่ย ไม่ได้จะอะไรเลย แค่งงว่าเป็นไร เอางี้ล่ะกัน เอาเป็นว่าเรากลับมาคบกันเหมือนเดิมนะ ยังไงก็เพื่อนกัน ช่างมัน อะไรที่ผ่านมา ขอให้ลืมได้ป่ะ เราให้แกกลับมาอยุ่ในกลุ่ม (ทำเสียงแบบเก๋าๆประมาณจะจบเรื่องเป็นนางเอกว่างั้น เหอะๆ ง่ายไปมั้ยล่ะ)ด.ญ.ก หัวหน้าทีมเอ่ยปากบ้างแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกันนะ ไม่รับปาก เพราะความรู้สึกมันเสียไปแล้วว่ะ ก็คงเป็นได้แค่เพื่อน คุยได้เหมือนเดิม ไม่คิดมาก แต่จะให้เข้ากลุ่มมั้ย ขอคิดก่อนล่ะกัน แค่นี้นะ” เราพูดพร้อมเดินเข้าห้องเรียนแบบเฉยชา

...ต่อจากวันนั้น ทั้ง 3 คนก็ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ชวนกินข้าว ชวนคุย มานั่งด้วย เราก็เฉยๆลืมๆไปบ้าง เพราะเพื่อนยังไงก็คือเพื่อน แต่เจ็บแล้วจำ ไม่อยากจะสนิทให้มันมากนักเดี๋ยวมีปัญหากันอีก อยู่ๆเพื่อนสองคนที่เราสมมติให้ชื่อ ข กับ ค ก็แอบเล่าให้เราฟัง

“จริงๆที่เราไม่คุยกับ เพราะว่ามันบอกว่าไม่ต้องคุยด้วย เราก็ไม่รู้เพราะอะไร” พูด

“ขอโทษด้วยนะ ไม่น่าเชื่อ เลย มันบอกไม่ให้คุย ไม่รู้เพราะอะไร” พูดเสริม

“ช่างเหอะ” เราพูดด้วยความโมโหและรำคาญ แต่ไม่อยากพูดไรต่อ

 

...จากวันนั้น เราและเพื่อนอีก 3 คนก็ห่างกันไป แต่เรากลับสนิทกับเพื่อน ค ซึ่งนิสัยจะคล้ายๆกัน ไปไหนไปกันตลอด แต่สุดท้ายก็ห่างกันเพราะย้ายโรงเรียนจนถึงวันนี้

 

...ประสบการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่สำหรับเด็กวัยรุ่นสำคัญมาก เพราะคำว่าเพื่อนมีค่ามาก ณ ตอนนั้น ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เพราะวัยนั้นกำลังต้องการความเข้าใจควบคู่กับการเรียน บางครั้งผู้ใหญ่ก็มักจะบอกว่าคบเพื่อนดีเราก็จะดีไปด้วย แต่ถ้าเราคบเพื่อนแย่เราก็จะแย่ไปด้วย ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”   จริงๆแล้วทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของตัวเราที่จะเลือกให้เราเป็นแบบไหนต่างหาก

 

 

เล่าโดย..นางสาวไมตรี 20 ตุลาคม 2557

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา