ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง
เขียนโดย มังกุมภ์
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
26) แท่งเดียวเสียวแว๊บ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในวัยเด็ก วิชาที่ผมชอบเรียนรองมาจากลูกเสือ ก็คือ วิชา ศิลปะ ครับ สำหรับผมการวาดรูประบายสีมันเป็นการระบายความในใจอย่างหนึ่ง บางทีคนอื่นที่เห็นรูปไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเราต้องการจะสื่ออะไรก็ได้ ขอแค่เรารู้คนเดียวก็พอ บางทีเราวาดอย่างหนึ่ง แต่คนมองไปเป็นอย่างอื่นก็มี
ผมชอบวาดรูปอะไรเรื่อยเปื่อยตามความอยาก วิชาศิลปะของผมอยู่ในทุกวิชาที่เรียน เช่นในวิชาภาษาอังกฤษ ขณะที่ครูท่านหนึ่งกำลังหวดก้นเพื่อนที่ไม่ส่งการบ้าน ผมก็ใช้เวลาระหว่างรอเพื่อนโดนฟาด วาดรูปไปพลาง แบบที่วาดก็คือครูที่กำลังหวดก้นเพื่อนนี่แหละครับ วาดเสร็จ เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับผมก็หันมาเห็นแววศิลปินของผม เลยคว้าสมุดที่ผมวาดวิ่งแจ้นไปให้ครูดู งานนี้เล่นเอาจิตรกรผิดคาบแบบผมเหงื่อแตกพลั่ก คุณครูท่านดูภาพที่ผมวาดแล้ว ก็หัวเราะก๊าก พร้อมกับชมว่าวาดเหมือนนี่ พูดจบก็สอนต่อ งานนี้ผมรอดเจ็บตูด แต่ก็ดีใจที่รู้นิสัยบั๊ดดี้โต๊ะเดียวกัน ต่อไปจะได้ระวังมันไว้
ในวิชาศิลปะช่วงประถมต้นนั้น ครูที่สอนท่านเป็นผู้หญิงจึงชอบรูปงานที่เรียบร้อยงดงาม เห็นภาพชัดเจน แต่พอช่วงประถมปลาย ผมก็ได้พบกับครูศิลปะอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการสร้างสรรคผลงานต่างๆมากมาย อาทิเช่น การลงโทษโดยการให้ตุ๊ดมาโก่งตูดให้เราเอาเป้านาบไว้ ถ้าตีแล้วแอ่นก็เท่ากับเด้าตุ๊ดไปในตัว ถึงแม้จะดูสนุกสนาน แต่ผมก็ไม่อยากโดนทำโทษหรอก
และแล้ววันแห่งความน่าสะพรึงกลัวก็มาถึง เหตุเกิดจากชั่วโมงก่อน ครูท่านนัดแนะพวกเราย้อนอดีตกันโดยการใช้สีไม้ จึงนัดกันว่า ชั่วโมงต่อไปเราจะใช้สีไม้กัน ขอให้ทุกคนเตรียมสีไม้มาด้วย ด้วยความที่มั่นใจว่าตัวเองความจำดี ไม่ต้องจดบันทึกกันลืม ซึ่งมันก็ทำให้ผมลืมน่ะแหละ แถมดันมานึกได้ตอนถึงชั่วโมงศิลปะแล้ว ถ้าเป็นช่วงเช้า ยังพอวิ่งไปซื้อที่ร้านเครื่องเขียนทัน แต่นี่ดันนึกออกตอนครูท่านโผล่ใบหน้าเหี้ยมๆแบบศิลป์ๆเข้ามาแล้วนั่นแหละ
ด้วยความรักตัวกลัวเจ็บจึงต้องหาทางเอาตัวรอดตามวิสัยมนุษย์ทั่วไป ผมจึงหันไปทางเพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะกัน กระซิบขอความช่วยเหลือว่า ขอกูยืมใช้สีด้วยนะ ก็ได้รับคำตอบแบบศิลป์ๆมาว่า "กูไม่ให้" เมื่อได้รับคำตอบผมไม่มีเวลาจะมาโกรธเพื่อนในตอนนั้นเพราะกลัวโดนอัด จึงเอี้ยวตัวกลับไปที่กระเป๋านักเรียนหวังว่ามันจะกลายเป็นกระเป๋าโดเรม่อนที่มีของวิเศษออกมาช่วยโนบิตะในเวลาคับขัน
เหมือนสวรรค์เป็นใจ เมื่อผมล้วงเข้าไปในช่องซิบด้านในกระเป๋า ก็คลำพบกับอะไรแท่งหนึ่งจึงหยิบออกมา ก็พบว่ามันเป็นสีไม้สีส้มหนึ่งแท่ง ซึ่งน่าจะหลุดออกจากกล่องโดยบังเอิญหรือด้วยความต้องการอิสระภาพอะไรก็ตามแต่ แต่ตอนนั้นมันเป็นสีแท่งเดียวที่ผมมี ครูท่านให้เวลาพวกเราครึ่งชั่วโมงถึงสี่สิบนาที วาดอะไรก็ได้ ใครวาดเสร็จก็มาส่งรับคะแนนกันไปเดี๋ยวนั้นเลย
ผมนั่งเพ่งสีไม้แท่งน้อยด้วยความคิดว่ากูจะทำยังไงให้รอดดีวะเนี่ย จากวิชา 'ศิลปะ' กลายเป็นวิชา 'ศิลปะการเอาตัวรอด' เมื่อเหม่อมองออกไปที่ช่องหน้าต่างก็เห็นดินลูกรังหน้าโรงเรียนก่อนจะถึงถนน จึงทำให้ผมนึกออก ผมจึงเริ่มวาดภาพด้วยสีไม้แท่งเดียวขึ้นมา ในภาพแสดงถึงทะเลทรายแห่งหนึ่งซึ่งแดดร้อนแรงยามเย็นสะท้อนกับทรายจนทุกอย่างเป็นสีส้มไปหมด ดวงอาทิตย์สีส้มเข้มจัด หลอมรวมกับภูเขาเข้มเช่นเดียวกัน แสงแดดที่กระจายทั่วผมระบายแบบจางๆ ที่พื้นทรายมีอูฐและคนเลี้ยงโดยใช้สีส้มตัดขอบให้ดูเป็นรูปร่าง พื้นทรายผมระบายเส้นสีสลับกันไปมาด้วยสีส้มแท่งเดียวนี่แหละ เพียงแต่ต้องขยันเหลาให้คมหน่อย กว่าจะเสร็จสีส้มกู้ชีพก็กุดจนแทบจะหยิบจับไม่ได้แล้ว เพราะถูกใช้แทบจะทุกอนูบนกระดาษวาดเขียน
หลังจากวาดและระบายเสร็จ ผมก็เดินขาสั่นๆไปส่งงานให้ครูท่านดูผลงานแท่งเดียวของผมด้วยจิดใจหวั่นๆ ครูท่านมองงานของผม พร้อมกับมองหน้าผมสลับกันสองสามครั้ง ซึ่งอาการแบบนี้ เคยเกิดกับเพื่อนผมมาแล้ว คือมองสลับกันไปมาแล้วก็ลุกมาตบหัวเพื่อนดังป้าบบบ เสียวโดนจริงวุ๊ย
แต่ผิดคาดครับ ครูท่านมองสลับแบบนี้แล้วก็ผุดรอยยิ้มเหี้ยมๆขึ้น ก่อนจะให้คะแนนผมเต็มสิบ!! งานนี้เล่นเอาผมผิดคาดอย่างแรง เพราะกะว่าแค่ไม่โดนอัดก็บุญแล้ว เพื่อนผมชะโงกมาดูด้วยความงงว่ามันได้คะแนนมาได้ยังไง ก่อนจะถามว่าชื่อภาพอะไรวะ
"ชีวิตในทะเลทราย"
ผมตอบไปแต่ในใจคิดว่า นั่นอ่ะชื่อเล่น ชื่อจริงของภาพคือ "การเอาตัวรอดในวิชาศิลปะ" ตะหาก อิอิ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ