เรื่องที่เจ็ด : นาวาบนผืนทราย

8.8

เขียนโดย larceta

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.29 น.

  8 ตอน
  2 วิจารณ์
  11.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.53 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     "ตัวเอง!"

     เธอโผเข้ามากอดผมทันทีที่เห็น ในมือเธอมีเสื้อโค้ทหนา ข้างตัวมีกระเป๋าลากใบโตและถุงอีกหลายใบจากบริเวณสินค้าปลอดภาษี ดูจากปริมาณความหนาของกระเป๋าเดินทาง  ดูท่าเธอจะซื้อของมามากเลยทีเดียว  แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะอาชีพที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งและต้องเดินทางบ่อยๆ  การชอปปิ้งคือวิธีคลายเครียดของเธอ

     "ไหงกลับมาก่อนล่ะ ไหนคุณว่าจะกลับมามะรืนนี้ไง" ผมถาม

     "ก็เพราะคิดถึงตัวเองไงล่ะ" เธอตอบ

     "จริงอ่ะ" ผมเลิกคิ้ว "แล้วงาน?"

     "เสร็จแล้ว รีบปั่นจนเสร็จร้อนๆเมื่อคืนนี้ ส่งแล้วก็บินมาเลย"  เธอบอกแล้วดึงตัวออกเงยมองหน้าผม "แต่ถามแบบนี้ทำไมอ่ะ ไม่อยากให้เค้ากลับมาเหรอ"

     "ปละ...เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้นๆ"

    ผมรีบปฏิเสธ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีท่าทางลังเลและไม่แน่ใจอยู่

     เธอเบ้ข้างซ้ายขึ้นพลางถอนหายใจ ฮึ! ออกมาแรงๆ  สีหน้าแบบที่ทำทุกครั้งเวลาที่รู้สึกไม่พอใจ

     "นี่... มีเรื่องอะไรปกปิดเค้าอยู่หรือเปล่า"

     เสียบเข้ากลางหัวใจ  ผมสะดุ้ง แม้จะไม่มาก แต่ยืนติดกันแบบนี้  ผมคิดว่าเธอต้องรู้สึกได้แน่ๆ

     "ก็...เรื่องที่ออฟฟิศน่ะ เหมือนเมื่อคราวก่อนน่ะแหละ  ฝนตกไม่ทั่วฟ้า  งานมันก็เลยไม่ค่อยออก ติดๆขัดๆอยู่เรื่อยจนน่ารำคาญ"

     "หืม..."  เธอลากเสียงยาวหลังจากได้ยินคำตอบ  คล้ายกำลังนำข้อความที่ผมบอกเข้าเครื่องจับเท็จในตัว

     "แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้ผมจัดการได้ แค่ต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง"  ผมรีบเกร็งกล้ามเนื้อมุมปากให้ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า "แล้วอีกอย่าง คุณเสร็จงานใหญ่กลับมาแล้วแบบนี้ มันก็ต้องไปฉลองกันหน่อยแล้วล่ะ"

     "เอ๋!?" เธออุทาน

     "อื้อ" ผมพยักหน้า "เอาเป็นอาหารอิตาเลี่ยนที่คุณชอบเป็นไง  มีร้านเปิดใหม่ที่ผมเพิ่งพาลูกค้าไปทานครั้งก่อน  ร้านดีมากเลย"

     เธอเอามือแตะที่แก้มพร้อมกับกลอกลูกตาดำไปมา "ไม่อ่ะ  เบื่อแล้ว ตอนนี้เค้าอยากกินอาหารไทย"

     ผมพยักหน้า "งั้นไปร้านที่ผมเคยพาลูกค้าไปคราวก่อนไหม ้ร้านริมแม่น้ำ  บรรยากาศดีมากๆเลย"

     เธอส่ายหน้า "ไม่ต้องไปร้านหรอก  ที่บ้านดีกว่า" เธอบอก "เดี๋ยวแวะตลาดซื้อกับข้าวกัน"

     "แต่คุณเพิ่งกลับมา..." ผมเอ่ย "คุณน่าจะเหนื่อย  ไม่พักก่อนเหรอ..."

     เธอส่ายหน้าอีกครั้ง จากนั้นโผเข้ามากอดผมแน่นกว่าเดิม  

     "ไม่เป็นไรหรอก  เค้าไม่เหนื่อย แล้วก็อยากทำมากๆเลยด้วย..."

     เธอบอกแล้วแนบใบหน้าครึ่งหนึ่งที่อกผม  น้ำหอมกลิ่นอ่อนเคยคุ้นที่โชยเข้ามา เส้นผมที่แม้จะยาวขึ้นแต่เลาและขวัญไม่เคยเปลี่ยนตำแหน่ง เธอยังเป็นคนเดียวกับก่อนหน้านี้

      ตลอดเวลา 5 ปีที่ใช้ชีวิตร่วมกัน บ่อยครั้งที่เธอมักตัดพ้อตัวเอง เธอ บอกว่าเกลียดทรงใบหูบานๆของตัว ไม่ชอลโครงเค้าใบหน้ากลมแป้นเหมือนลูกซาลาเปา ตัวก็เตี๊ย หน้าอกที่เล็กแถมไม่เท่ากัน สะโพกแคบ เอวก็ไม่ค่อยมี  แม้แต่ตอนที่เราจะมีสัมพันธ์กัน เธอมักจะขอให้ผมหรี่ไฟให้มืดเพื่อจะได้ไม่เห็นจุดลับของเธอที่เธอมักบอกว่ามันน่าเกลียดและน่าขยะแขยง นิสัยของเธอเป็นแบบนั้น มองตัวเองติดลบอยู่เสมอ โดยเฉพาะยามที่เธอเหนื่อยหรือท้อใจ
 

     แต่ผมกลับไม่รู้สึกเลยตัวเธอมีอะไรที่น่าตำหนิ ผมไม่ใช่คนที่ชอบน้ำหอม หลายครั้งในที่ทำงาน ผมมักจะต้องเดินหลบเสมอเวลาที่เจอกับคนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆมาทำงาน ผมไม่มีความรู้สึกว่าผมสั้นหรือยาว  หยิกหรือตรงจะมีปัญหาอะไรถ้ามันเข้ากับใบหน้า  ถ้าไม่มีบาดแผลหรือเว้าแหว่ง  ผมก็คงแยกไม่ได้ว่าใบหูแบบไหนดีหรือไม่ดี สวยหรือไม่สวย  สำหรับเรื่องรูปร่าง  จริงอยู่ที่ผมก็ชอบหญิงสาวหุ่นนางแบบ หน้าคม ตาสวย จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม หุ่นสวยอกโต และก็มีเนินเนื้อที่มีกลีบเรียบสนิทสวยงาม แต่ผมก็รู้อยู่ในใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวทุกคนจะเป็นเช่นนี้  สิ่งที่สมบูรณ์แบบเกินไปมักให้ความรู้สึกที่เหนือจริงเกินจับต้อง สิ่งที่เป็นจริงนั้นไม่จำเป็นที่ต้องสมบูรณ์แบบ

     เพราะแบบนั้น ผมจึงชอบเธอที่เป็นแบบนี้ เป็นผู้หญิงที่เป็นจริงและจับต้องได้  ทุกส่วนสัดซอกมุม  โค้งนูนหรือแหว่งเว้า  ทั้งที่ผิวและลึกเข้าไปถึงเนื้อใน อุ่นไอที่จากตัวเธอที่ผ่านมาถึงตัวผมทำให้ผมรู้ว่าเธอในอ้อมกอดของผมนี้มีตัวตนอยู่จริง

      เธอเป็นภรรยาของผม  ภรรยาที่มีตัวตนอยู่จริงๆ

     "....ขอโทษนะ"

     "เรื่องอะไรเหรอ"

     ผมโอบตัวเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม ไม่พูดอะไรอีก สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือไออุ่นจากเธอ สิ่งเดียวที่ผมต้องการที่สุดในตอนนี้

     "....ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว"

     เธอในอ้อมอกผมพูดขึ้น  เสียงแผ่วเบาแต่นิ่มนวลซึมผ่านเข้ามาในร่างกายสู่หัวใจ  และเป็นยาที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนี้ให้จางลง

     ในสนามบินที่มีผู้คนมากมายต่างจุดหมายต่างที่มา ผมโอบกอดเธอไว้ประหนึ่งโขดหินกลางแม่น้ำ เฝ้ารอให้กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดผ่านไป

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา