A'Thousand the series รักวัยรุ่นพุ่งกระฉูด

10.0

เขียนโดย กระโปรงดำ

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.00 น.

  2 ตอน
  5 วิจารณ์
  6,121 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2557 18.26 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) Kiss her fin (จูบ)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 จูบ

 

ใครคนนั้น....

    ฉันชื่อป้าย! (ฉากแรกก็เอ่ยชื่อละ) -..- ทุกคนคงจะรู้จักฉันแล้วจาก (เอ่อตอนที่แล้ว) ฉันเป็นหนึ่งในแก๊งค์ที่โลก(เกือบ)สวย และสูงที่สุดในแก๊งค์เพราะมีแต่ตัวเตี้ยๆทั้งนั้นโดยเฉพาะ

"แกมองฉันแบบนี้หมายความว่าไง"

(นี่คือคำพูดของ "ก๊อบ") และแน่นอนฉันเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งสอบเข้ามอสี่ ต่างจากเพื่อนในกลุ่มที่เป็นนักเรียนเก่าตั้งแต่มอต้น ฉันมีแฟนที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่ว่าหน้าตาไม่ดีนะ แต่แฟนของฉัน สวย ย้ำนะว่า สวย เอาจริงๆสวยกว่าฉันอีกแหละ แต่พอชีแปรงร่างเป็นทอมแล้วก็ถือว่าหล่อขึ้นไปทันตา สาวๆของพี่แกเยอะมาก -o- ส่วนปัญหาที่ตามแจฉันก็คือ...เฟสบุ๊ค แค่เราโพสก็ไปสะกิด หาง..อุ้ย! ไม่เอาไม่พูดดีกว่า ถ้าคนมันจะร้อนตัวมันก็ร้อนได้โดยไม่ต้องไปเพิ่มเชื้อเพลิง ตอนแรกที่คบกันก็ดีนะ เวลางอนก็ง้อตลอด แต่ช่วงหลังเริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น บ่อยจคิดว่า อากาศที่นี่ร้อนแล้วคนตรงหน้าร้อนกว่าอีก ชั่งเหอะ! อะไรมันจะเกิดก็เกิด ป้ายซะอย่างจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว

"เวลาโพสอะไรเคยคิดถึงใจกันบ้างป่ะ ว่าติมจะรู้สึกยังไง ป้ายเลิกเหอะไอ้นิสัยแบบนี้ถ้าไม่พอใจอะไรทำไม่ป้ายไม่มาพูดกับติมตรงๆล่ะ"

"ก็เวลาป้ายพูดพี่ติมเคยฟังซะที่ไหนล่ะ และอีกอย่างเฟสของป้าย ป้ายก็มีสิทธิที่จะโพสอะไรก็ได้และไอ้ที่โพสๆไปก็ไม่ได้หมายถึงพี่ติมสักหน่อย"

"แต่ไอ้สิ่งที่ป้ายทำติมไม่ชอบ มันหมายถึงจะทำให้เราทะเลาะกันอีกนะ!"

"แล้วพี่ติมจะขึ้นเสียงกับป้ายทำไม ถ้าป้ายผิด ป้ายขอโทษก็ได้"

"พอเหอะ! พูดแบบนี้หลายรอบละแต่ก็ไม่เคยหยุด"

"แล้วพี่ติมจะให้ป้ายทำยังไง พี่สั่งให้ป้ายลบป้ายก็ลบแล้วทั้งที่มันไม่ได้หมายถึงพี่ติมด้วยซ้ำไป ป้ายก็แค่โพสเล่นๆป้ายผิดเหรอ"

"พี่ก็เข้าใจนะว่าป้ายเล่น แต่เล่นแบบนี้มันไม่แรงหรือบ่อยเกินไปหรือไง"

"ทำไมเวลาทะเลาะกันพี่ติมจะต้องขุดเรื่องนี้ขึ้นพูดทุกที"

"ป้าย..."

"ป้ายขอโทษก็ได้ถ้าป้ายไม่ดีอ่ะ"

"พี่ว่าเราสองคน..ห่างๆกันสักพักเหอะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นบ้าง"

"พี่ติมว่าอะไรนะ.."

ความจริงฉันได้ยินเต็มๆชัดเขนทั้งสองรูหูของฉัน พี่ติมขอห่างกันสักพักเหรอ นี่ฉันหูฝาดหรือเปล่าเนี่ย ครั้งนี้ฉันคิดว่าเราสองคนจะใกล้ถึงตอนจบอวสานแล้วหรือ เป็นไปไม่ได้น่าาา เพราะที่คนส่วนใหญ่พูดแบบนี้ก็หมายถึงคำว่า (เลิก) ได้อย่างชัดเจน แต่สเตตัสบ้าๆก็ก่อปัญหาได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

"ป้ายได้ยินไม่ผิดหรอก"

"นี่พี่ติมพูดแบบนี้อยากเลิกกับป้ายใช่ป่ะ"

"พี่ยังไม่ได้พูดคำนั้นออกมาเลยนะป้าย"

"แล้วไอ้ที่ห่างๆจะห่างทำไมล่ะ ห่างเพื่ออะไร เรื่องมันจะดีขึ้นงั้นเหรอ ป้ายบอกตามตรงเลยนะว่าคู่ไหนๆที่บกห่างกันเนี่ยก็เลกกันทั้งนั้นเพราะไอ้ห่างๆเนี่ยก็หมายถึงห่างออกไปเลย"

"ป้ายอย่ากวนประสามพี่ได้ป่ะ"

"ไปกวนตอนไหนมิทราบคะ ถ้าบอกว่าห่างกันแบบนี้เลิกกันเลยดีกว่า"

"ป้ายพูดเองนะ!"

"ก็ได้! ถ้าพี่ติมอยากเลิกก็เลิกเลย"

"ป้ายโคตรไร้สาระหว่ะ! เอ่อได้! เลิกก็เลิกแล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ"

"พี่ติม..."

ไม่ทันที่จะพูดอะไรออกไปได้มากกว่าเรียกชื่อเขาเบาๆ พี่ติมสาวหล่อสุดเท่ห์เดินตาขวางหนีไปโดนไม่กล่าวคำร่ำลาอะไรอีกต่อจากนี้ ฉันเกลียดตัวเองเป็นบ้า! พูดอะไรไม่เข้าเรื่องออกไปว่ะ ถ้าฉันใจเย็นยื้อไว้สักนิดก็คงจะดี เอ๊ะ! หรือฉันคิดถูกแล้วที่พูดแบบนั้นออกไป ว่าแต่ฉันมันไร้สาระและงี่เง่าแต่กลับไม่ดูตัวเองเสียบ้างเลยนี่แหละนะที่เขาเรียกว่า เอาดีให้ตัวเอง เอาชั่วให้คนอื่น!

 

 

 

"ไร้สาระ! เวรกรรมไอ้ป้ายจราจรเอ้ยยย เรื่องแค่นี้เองนะถึงกับเลิก"

"ก็เอ่อดิว่ะ"

"ฉันขึ้นนะเนี่ยแก ฉันขึ้น"

"เฮ้ยๆ ไอ้คนสละโสดแกเงียบไปเลยปัง เงียบไปๆ"

ก๊อบค่อยๆกดให้ปังนั่งลงปกติปังจะไม่ค่อยอารมณ์เสียนักเท่าไร นอกเสียจากใครบังอาจทำให้เพื่อนแก๊งค์และคนที่รักเสียใจ ยัยนี่ถึงจะออกโรงเป็นพระเอกหนังแทนเสมอ ตรบมือหนึ่งที!

"โหยยย แบบนี้ไร้เหตุไร้ผลสิ้นดีค่ะ ทำเป็นเอาเรื่องสเตตัสน้ำเน่าของแกมาอ้าง"

น้ำเน่าเหรอ -..- 

"แกหมายความว่าไงยัยตูนณ์"

"ก็แบบเอาเรื่องพวกนี้มาอ้างนู่นหน่อยอ้างนี่หน่อยให้ทะเลาะกันมากๆ พอทะเลาะกันเข้ามากๆต่างกันต่างเบื่อต่างคนต่างท้อก็เลิกกันไปเอง พี่เขาทำแบบนี้เพราะอยากเลิกกับแกนั่นแหละแต่ติดที่ว่าไม่รู้จะบอกอย่างไรไง คนประเภทนี้นะฉันเจอมาเยอะ"

"เห้ยยย ก็แบบอ้างให้มีเหตุผลในการเลิกแบบว่าตัวเอง โคตรดูดีที่สุดอ่ะ แบบแกก็เป็นไรเป็นคนที่แบบแย่...แย่มากกกกไรงี้"

ก๊อบเสริมขึ้นมาต่อเติมตูนณ์ มันก็จริงอย่างที่ทั้งสองคนนี้ว่านะ คนอะไรชอบทำให้ตัวเองดูดีที่สุดแล้วปัดความสกปรกให้คนอื่น แย่ๆหว่ะ

"ฉันว่าไหนๆก็เลิกกันแล้วแกเลิกไปเหอะ เลิกคิดไปเลยยิ่งดี ลองเปลี่ยนใจมาดูหนุ่มๆที่เล่นบาสกันดีกว่า ยังมีโสดหล่อๆตั้งหลายคนนะทั้งพี่เบส พี่ทิวส์ พี่เซิร์ฟ พี่เนิร์ท และก็พี่เนย์ไง"

"เฮ้ยๆ ไอ้ปังแกเยอะละนะ ตั้งคบกับพี่ฟิวส์นี้เยอะนะแกอ่ะ เงียบไปเลยอย่าเอาพี่ชายฉันมารวมด้วย"

ก๊อบโวยขึ้นมา ยัยนี่จอมหวงพี่ชายตัวแม่เลย ถึงว่าพี่มันหล่อและเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนแต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน เพราะมีน้องสาวที่ดุและพร้อมที่จะเขมือบคนที่เข้าใกล้พี่เนย์ได้หมดทุกคน ส่วนปัง...ยัยนี่มีแฟนแล้วไม่ยอมเลิกนิสัยคาสโนวี่อีก

"ม่ายยยย ฉันไม่เอาผู้ชาย"

"ลืมไปว่าอินี่แดกชะนีด้วยกันนน"(ตูนณ์)

"แกก็เกินไปไอ้ตูนณ์จ๋า..แบบนี้เนี่ยนะเขาเรียกว่า..ยอดหญิง" (ก๊อบ)

"ยังไงว่ะไม่เข้าใจ" (ปัง)

"นี่..อิคนเข้าใจยากคะ ก็หญิงได้หญิงก็คือยอดหญิง" (ตูนณ์)

"เขามีแต่ชายได้ชายคือยอดชายไม่ใช่เหรอว่ะ" (ปัง)

"นี่เวลามันหมุนรอบโลกไปยุคอนาคตไหนแล้วยังอยู่สมัยไหนคะ เดี๋ยวนี้ทอมดี้เกลือนเมืองน้อยนักจะเห็นคู่รักชายหญิงเดินจับมือกัน"(ป้าย)

"ใช่ๆแล้วอีกอย่างนะ แบบแกอ่ะไอ้ตูนณ์" (ก๊อบ)

"ฉันเหรอ? ฉันทำไม"

"แบบแกอ่ะเขาเรียกว่า ทอม นะคะ" (ก๊อบ)

"ไอ้ก๊อบ! ยัยเชอร์รี่รักเกย์เงียบไปเลยนะ ฉันผู้หญิงเว้ยถึงจะไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เหอะย่ะ"

"หรอ! ห้าวๆจีบหญิงนี่ ผู้หญิ๊งผู้หญิงมากเลยค่ะ น่าส่งแกเข้ารายการผู้หญิงถึงผู้หญิงเนาะ" (ปัง)

"ฟังพวกแกสามคนเถียงเอาโล่กัน แล้วเบื่อหว่ะ ฉันกลับบ้านก่อนนะ"

หลังจากที่ฉันนั่วเงียบฟังสามคนนี้แล้วก็ลุกขึ้นเตรียมกลับหอพัก

"อ้าววว ทำไมแกกลับเช้าจังว่ะนี่พึ่งสี่โมงครึ่งเองนะ"(ตูนณ์)

"อยากนอนอยากกลับแล้วอีกอย่างจะไปเก็บของด้วย"

"เอ่อๆ แล้วแต่แกแล้วกันนะ อย่าเผลอคิดเกิดเสียใจฆ่าตัวตายนะเว้ย" (ปัง)

"ไอ้ปัง ไอ้ปากเสียเงียบไปเลยนะแกอ่ะ" (ตูนณ์)

"ฉันไม่คิดตื้นๆพื้นๆแบบนั้นหรอกน่าอีกอย่างเขาก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตของฉันอะไรนักหน่านี้ ฉันไม่เอาชีวิตอันมีค่าที่กว่ามแม่จะเบ่งออกมาทิ้งแบบนี้หรอก"

"อุ้ย...ป้ายพูดดีหว่ะ" (ก๊อบ)

"หยุดแซวเลยกลับละ..บาย"

"บายยยย" (สามกันสามพลังเสียง)

ถึงฉันจะพูดออกไปแบบนั้นก็เสียใจเหมือนกันนะที่ต้องเลิกทั้งๆที่ยังรักอยู่ ก็ช่วยไม่ได้สถานการณ์มันพาไปเอง ในเมื่อแก้มันไม่ได้ก็อย่าไปเพิ่มปมให้มันแก้ยากเลยเดี๋ยวมันจะพันกันจนสุดท้ายก็แกะมันออกไม่ได้

เอ้อว่าจะบรรยายยัยสามตัว เอ้ย! คน ให้ฟัง (เผื่อคุณจะจิตนาการออก) พวกเราเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชนชุดนักเรียนแขนยาว ไม่นิยมสะพายกระเป๋าจะถือมากกว่า ฉันเป็นคนรูปร่างบางผอมเพียวและสูง(-..-) ส่วนยัยปังเป็นสาวแว่นที่ผิวขาวเผือกผ่องปากอมชมพูเลยก็ว่าได้ ส่วนยัยตูนณ์เป็นสาวห้าวผิวสีเข้มและกวนบาทาที่สุดในกลุ่ม ส่วนยัยก๊อบเป็นคนในแก๊งค์คนเดียวที่เปียผมสองข้างประมาณบ่า(ไหล่)ผิวขาวตัวเล็กที่สุดในกลุ่มและแม่มโคตร เพี้ยน!

ตุ้บ!

"โอ้ยยยย!!!"

เฮ้ย!ใครว่ะ ใครกันนี่ฉันเพ้อละเมอบรรยายยัยสามเอ๋อเรนเจอร์ให้ฟัง จนบังเอิญไปชนกับใครบางคนเข้า (เบื่อจังไอ้คำว่าใครบางคนเนี่ย) 

"นี่ๆเธอ..ลุกจากขาเราได้เปล่าท่านี้มันเจ็บ"

"เห้ย! ขอโทษๆ"

ฉันรีบเด้งตัวเองลุกขึ้นแล้วพยุงเด็กสาววัยเดียวกับฉันตัดผมสั้นบ๊อบคล้ายๆหัวเห็ด ขึ้นมายืนในสภาพปกติที่ไม่ปกติ(งง) พอดูหน้าดีๆ นี่มัน สาวหล่อนักบาสของโรงเรียนหญิงล้วนนี่ อร๊ายยยย ฟินเว่อร์ถึงนางจะเป็นคนที่ใครๆก็รู้จักแต่ฉันก็ไม่รู้จักชื่อนะ แต่ถ้าบอกกันก็ไม่ขัดศัทธรานะคะ อุอิ แต่เดี๋ยวก่อน! ฉันต้องฟอร์มๆเข้าไว้เดี๋ยวเขาจะหาว่าหนูกระเดะค่ะ

"เหม่อแบบนี้ อกหักเหรอ?"

"นี่ๆไม่ต้องมาทำเป็นเดาเรื่องของฉันเลย ฉันจะเหม่อหรืออะไรก็เรื่องของฉันสิย่ะ"

"ไรว่ะขี้โวยวายนะเนี่ย"

"นี่..ฉันจะเฮิร์ทอกหักหรือแฮปปี้มามันก็เรื่องฉันหน่า"

"แหมมม ทำหน้าแบบนี้แฮปปี้หรือปวดขี้กันแน่..โถ่วววว"

"หยาบคาย! เงียบไปเลยนะย่ะ ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉันอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องได้ม่ะ อย่าติดว่าเป็นนักบาสสาวหล่อของโรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆนี่แล้วจะมาทำอะไรก็ได้นะ"

"นี่เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ"

เอ่อ..นั่นสิ ฉันรู้จักเขาด้วยเหรอ เอาไงดีว่ะ -..-

"ไม่รู้โว้ย!...หลบดิ๊ เกะกะทางเดิน ฮู้ว!"

คนอะไรว่ะพูดได้แดกจุดอ่อนของฉันเด๊ะๆ เห๊อะ! คนอกหักเหรอ ป๊าวนะ! ป่าวเลยฉันจะแคร์อะไรก็ในเมื่อฉันเป็นคนบอกเลิกเองนี่ ต้องร่าเริงเข้าไว้ ยิ้มแบบสุดๆที่แฮปปี้สุดๆ ^ ^

 

 

 

หลังจากที่ฉันเปลี่ยนผ้าจากชุดนักเรียนมาเป็นเสื้อยืดกางเกงขอสั้นกินข้าวเสร็จก็พาร่างอันบอบบาง(กิ้วๆ)มายืนทำมิวสิควีดีโอหน้าระเบียง ถึงจะได้รับอาการศบริสุทธิ์แต่ก็อย่างว่าอยู่เมื่องหลวงชุมชนแออัด ส่วนปังกับก๊อบก็อยู่หมู่บ้านจัดสรรที่เดียวกัน ฉันไม่อยากไปเท่าไรเลยเพราะหาบ้านยากชิบ -O- แต่ละหลังเหมือนกันเด๊ะ! 

ไปสิบรอบ ไม่เคยจำได้คะ ไม่รู้ว่าไอ้สองตัวนั้นจำได้ไง ก็อย่างว่าอยู่ตั้งเกิดจำไม่ได้ก็บ้าแล้ว!

ฉันมองไปอีกไกล ก็เป็นแต่ตึกสูงๆ เสียงดังไปหมดทั้งรถและ อิป้าข้างห้องด้านขวา -..- 

"เมี๊ยว!"

ทะเลาะกับสามีอันเป็นที่รักทุกวัน เริศ! ซอยถัดไปอีกสองซอยก็เป็นบ้านของไอ้ตูนณ์นั่นเอง ส่วนใหญ่ฉันใช้ชีวิตตามประสาฉันเรื่อยๆ โดยไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไร ฉันมองท้องฟ้ากลางคืนที่ไร้แม้แต่ดวงดาวสักดวงก็ไม่มีให้เห็น

ฉันถอนหายใจออกมาแล้วกลับไปนั่งบนเตียงนุ่มๆ ที่เคยมีฉันกับพี่ติมที่นอนกอดกันทุกคืน ห้องที่ตกแต่งจนสวยหรูกว่าห้องไหนๆ มันพิเศษสำหรับฉัน

ตืดดดด ตืดดดดด ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่สั่นบนโต๊ะเครื่องแป้ง ฉันลุกไปหยิบมันมาดูและก็เป็นคนที่ฉันไม่แม้แต่จะอยากร่วมบทสนทนาสักเท่าไร

MY LOVE 

สุดท้ายฉันก็รับจนได้ทั้งที่ใจแม่มไม่อยากจะได้ยินเสียงด้วยซ้ำ

"ฮัลโล"

"เก็บของซะนะ พรุ่งนี้พี่จะกลับไปหอพัก"

เฮอะๆ ไม่ต้องบอกฉันก็สมควรออกหรือโดนเนรเทศออกไป

พึ่บ! ฉันกางตู้เสื้อผ้าออกหลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ฉันดึงเอาผ้าที่เป็นของฉันออกจากตู้ ย้ำนะว่าดึงออก จนเละไปหมด ฉันวางทุ้มกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีขาวดำลงบนเตียง จนมันดังเอี๊ยด หรือจะหักว่ะ ชั่งเหอะจะไปยังไงชั่งยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่ฉันได้นอนที่นี่แล้วนี่อีกอย่างจะได้ไม่ต้องทนกับอิป้าข้างห้องด้วย ฉันหอบเสื้อผ้าและข้าวของ ของฉันยัดลงกระเป๋าไปทั้งหมดเครื่องสำอาง รองเท้า ของใช้ในห้องน้ำ หรือแม้แต่ อันเดอร์แวร์ -..- ฉันรีบโทรศัพท์หาแม่หลับจากเก็บข้าวของเสร็จ

"ฮัลโลป้าย..."

"แม่...ป้ายกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหม"

(ป้ายจะกลับมาเหรอลูก ดีสิแม่กับพี่เป้ก็คิดถึงป้ายนะ)

เมื่อได้ยินเสียงแม่พูดถึงพี่เป้ พี่ของฉันขึ้นมาฉันก็ เซ็งจิตดับตับไต เหตุผลที่ฉันย้ายมาอยู่หอเพราะ หนึ่งฉันบ้านไกลกว่าโรงเรียนตั้งหลายกิโลเลยย้ายมาใกล้ๆ สองตามพี่ติมมา และสามเพราะฉันเบื่อและรำคาญไอ้พี่เป้มากกกกก!

"ไม่ดีกว่าแม่...ป้ายค่อยหาหอพักใหม่ก็ได้"

(ป้ายเป็นอะไรหรือเปล่าลูกทะเลาะกับพี่ติมเขาเหรอ)

พอฉันได้ยินแม่ถามขึ้นมา ฉันก็เงียบลงทันใด..จนน้ำตามันไหลออกมาเอง

"เปล่าหรอกแม่...ป้ายแค่อยากไปอยู่กับตัวเองสักพัก"

ฉันพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเสียงของฉันก็กว่าจะแค่นออกไปได้ก็ยากแถมยังสั่นอีกต่างหาก

(เอาเถอะป้าย...ยังไงถ้าได้ที่อยู่ใหม่โทรบอกแม่ด้วยนะ)

ฉันได้แต่พยักหน้าช้าๆ เพราะเวลาร้องไห้ใครๆก็รู้ว่ามันยากขนาดไหนถ้าจะส่งเสียงพูดออกไป

"แค่นี้ก่อนนะแม่"

"จ๊ะ อย่านอนดึกนะ"

ฉันวางสายจากแม่แล้ว กระพริบตาเร็วๆเพื่อไม้ให้น้ำตามันออกมาอีก ฉันหันหน้าไปมองรูปที่วางบนโต๊ะคอมพ์เป็นกรอบรูปสีเขียวอ่อนที่มีรูปฉันกับพี่ติมกอดคอกันอยู่ ฉันลุกขึ้นไปฆยิบรูปนั้นขึ้นมาแกะออกเอารูปออกมา ฉันมองรูปแล้วพลิกด้านกลับไปอ่านข้อความที่พี่ติมเขียนไว้

(รักป้ายที่สุด และจะรักตลอดไป... ติม ทอมคนหล่อ)

แล้วฉันก็เขียนต่อไป

(แหวะ)

แต่ข้อความนี้มันก็นานมากแล้ว ฉันพลิกกลับมาดูรูปอีกครั้งแล้วกำมันแน่น..

 

เสียงนกเสียงกามักเป็นปัญหาตอนเช้า ฉันรูดผูกเนคไทสีน้ำเงินแล้วดึงเสื้อนักเรียนให้ดูดี ฉันถอนหายใจเล็กน้อย วันนี้สินะที่ฉันจะได้ออกไปจากที่นี่ห้องนี้เตียงนี้อย่างจริงๆจังๆเสียที

ก๊อกๆ

ไม่บอกก็รู้ว่าใครมา ฉันเดินไปเปิดประตูออกเผยให้เห็นพี่ติมที่ยังคงใส่ชุดนักเรียนดั่งเดิม

"ยังไม่ไปโรงเรียนอีกเหรอ"

"ยัง"

"กินข้าวหรือยัง"

"ยัง"

"เก็บของหมดแล้วใช่ไหม แล้วจะมาเอาของกี่โมงหรือจะเอาไปเลย"

"จะฝากไว้ที่เจ้าของหอด้านล่างแล้วหลังเลิกเรียนจะกลับมาเอา"

ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าถือนักเรียนมาแล้วกำลังจะเดินออกไป แต่เสียงพี่ติมก็ทำใให้ฉันหยุดกึกขึ้นมา

"ถ้าป้ายไปแล้วก็ไม่ต้องจำอะไรนะ พี่ไม่อยากให้ป้าจะต้องมาเสียใจเพราะเป็นป้ายเองนะที่บอกเลิกพี่"

ฉันถอนหายใจเบาๆออกแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองพี่ติมอีก และคิดว่าทั้งชีวิตฉันก็คงไม่กลับมาทั้งตัวและหัวใจเชียวล่ะ

 

 

 

"เมื่อไรเจ้ชาร์ปจะกลับมาว่ะ" (ก๊อบ)

ก๊อบเท้าคางบ่นออกมาอย่างเซ็งๆคนที่ก๊อบพูดถึงเป็นรุ่นพี่ศิลป์เดียวกันที่เราสี่คนสนิทมาก แต่พี่แกเป็นผู้ชายที่หล่อไได้ใจคนหนึ่งเลยล่ะ อยาดจะบอกว่าตอนมอสองฉันแอบชอบพี่เขาด้วย... เฮ้ยๆแต่ตอนนี้ไม่แล้วนะ ฉันชอบทอม..

"เจ้ๆเจ้อๆไรแก เขาเป็นผู้ชาย และอีกอย่างนะได้ข่าวว่าอาจจะกลับมาเทอมหน้าอ่ะแก"(ปัง)

"เทอมหน้าเลยเหรอว่ะ..นานอ่ะ" (ก๊อบ)

"ไอ้ป้ายนะไอ้ป้ายผู้ชายมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เอาไปเอาทำไมห่ะทอมนั่นน่ะ" (ปัง)

"เอ่อใช่..ฉันก็คิดเหมือนกันนะโว้ยมีคนเคยบอกฉันว่าพระเจ้าสร้างหญิงชายเพื่อให้มาคู่กัน" (ก๊อบ)

"แบบนี้พระเจ้าคงผิดหวัง..ต่อไปนี้ฉันจะชอบผู้ชายละ" (ตูนณ์)

"ให้แน่เห๊อะ! เห็นจีบหญิงหิ้วไปเที่ยวก่อนกลับบ้านทุกวัน" (ปัง)

"แกเงียบไปเลยนะ"

"แกก็คิดเหมือนฉันกับปังใช่ไหมป้ายยยย"(ก๊อบ)

"....."

"ป้าย"

"....."

"ไอ้ป้าย!"

"ใครมาเผาบ้าน!"

"เฮ้ย!"

ฉันได้ยินที่ไอ้สามคนนี้พูดกันนะแต่ทำไมเหมือนสติมันไม่ตอบรับอารมณ์ที่ไร้เหตุผลก็ไม่รู้ 

"นี่...สติแกไปอยู่กับพี่ติมแล้วเหรอฮะ..." (ตูนณ์)

"ไม่...ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วล่ะ ก็ฉันเป็นคนบอกเลิกเขาเองนี่ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนบอกนั่นแหละน่าคิดแล้วถ้าฉันไม่อยากเลิกฉันก็คงไม่บอกหรอก"

"ไม่ใช่แกพูดไปเพราะอยากให้เขายื้อไว้เหรอว่ะ" (ตูนณ์)

"เอ่อหว่ะ..แกพูดดีมีเหตุผล ถ้าไม่อยากเลิกแล้วจะบอกทำเปรตอะไร" (ก๊อบ)

"ป้าย...ที่พักฉันหาให้แกแล้วนะเมื่อคืนอ่ะ หาในลุงกูเแป๊บเดียวเจอเลยก็มีหอพักเวียงตะวันตึกสีโอรสข้างๆร้านชาบูที่เปิดใหม่ กับหอพักนริศาสีขาวอมชมพูถัดจากซอยร้านอาแปะไอ้ก๊อบอ่ะไปสองซอย"(ปัง)

"อ้อหอพักนริศานั่นน่ะ แพงหว่ะถึงห้องมันจะสวยก็เหอะแยกห้องนอนกับห้องนั่งเล่นด้วยเน็ตฟรีแล้วค่าห้องเดือนตั้ง 6000 ไม่รู้ว่าบ้านเช่าหรือหอพักกันแน่" (ก๊อบ)

"งั้นไปซื้อคอนโดเลยดีกว่าง่ายดี" (ตูนณ์)

"คิดได้เนาะ ของมันไม่ได้ถูกๆนะเอาสมองส่วนไหนคิดว่ะ ฮู้วววไม่ได้เรื่องๆ" (ปัง)

"ฉันจะพักไหนก็ชั่งเถอะเอาเป็นว่าที่ที่ไอ้ปังบอกนั่นแหละแพงก็ไม่เป็นไรฉันไปก่อนนะเย็นแล้วเดี๋ยวไปเอาของด้วย...เอ้อ มันมีเตียงตู้เสื้อผ้าให้ใช่ไหม"

ปังพยักหน้ารับ ฉันหันตัวกลับเดินออกห้องเรียนไป ทำไมช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าจะไม่ค่อยแคร์เพื่อนๆสักเท่าไรอยากกลับก็กลับไม่อยากกลับก็อยู่เป็นเจ้าที่แรงต่อไปอย่างนั้น 

 

 

หอพักนริศา 

ฉันหยุดกึกมองหอพักที่สูงพอนับๆดูแล้วมีอยู่หกชั้น สวยดีชอบ -..- ฉันลากกระเป๋าเดินทางเข้าหอพักแล้วขอติดต่ออยู่โดยไม่คำนึงะไรทั้งสิ้น พอได้ห้องแล้วฉันก็ขึ้นลิฟไปชั้นสี่(ถึงว่าสิหอพักแพง) พอถึงฉันก็รีบไขกุญแจเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่จะเปิดไฟฉันก็นอนลงบนเตียงนุ่มๆโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างสักเท่าไร จนฉันพลอยหลับไปในที่สุด...

 

 

20:45 น.

ตืดดดดด ตืดดดด!

ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาภายในห้องเงียบและมืดมีแต่แสงไฟจากด้านนอกที่รถวิ่งผ่านไปมารอดเข้ามาที่ระเบียง ฉันขวานหาโทรศัพท์แล้วรับทันทีโดยไม่คิดว่าเป็นใครโทรมา

(ฮัลโลป้าย..อยู่ไหนแล้วลูก)

"แม่เหรอคะ..ป้ายได้ที่อยู่แล้วค่ะแถวใกล้โรงเรียนสีกหน่อยนึงค่ะ ราคาก็ 6000 ต่อเดือนแต่มันคุ้มมากๆเลยค่ะถ้าแม่มาเดี๋ยวป้ายไปรับที่ท่ารถนะคะ"

(แม่ยังไม่ไปหรอกช่วงนี้แม่งานยุ่งยังไงถ้าไม่พอใช้จ่ายบอกแม่นะ อยู่คนเดียวแล้วระวังตัวด้วย ฝันดีนะลูก)

"กู๊ดไนท์ค่ะแม่"

พอวางสายเสร็จฉันก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าไปแขวนไว้จนเต็มตู้นำรองเท้ามาเรียงๆอย่างป็นระเบียบ เครื่องสำอางวางบนโต๊ะเครื่องแป้งจนครบเสร็จแล้วก็เอาของใช้จำเป็นไปไว้ในห้องน้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนผ้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

 

 

 

การได้อยู่คนเดียวมันดีอย่างนี้นี่เอง...แต่บางครั้งมันก็เหงานะ ฉันนั่งเค้าคางบนเตียงเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ ถึงละครหรือรายทีวีที่ฉันชอบแย่งแม่กับพี่เป้ดูบ่อยๆเดี๋ยวนี้ฉันไม่อยากดูมันด้วยซ้ำ

ตึง!

-..- ใครกันว่ะที่มาทำะไรดึกๆดื่นๆปานนี้ ปัญญาอ่อนป่ะเนี่ย 

เคร้ง!

ฮ้วย! ทำอะไรเสียงดังนักหนาคะ ฉันชักจะทนกับเสียงตะลึงตึงตังบาบอนี่ไม่ไหวละนะ ฉันลุกขึ้นเปิดประตูห้องนอนออกไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนที่จะเดินไปหน้าประตูเพื่อาหูแนบฟังเสียงีกครั้ง

"ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด"

-..-

"อะๆๆๆ อู้ยยยซี๊ดดดดดดด"

เฮ้ย! O O ใครมาทำะไรกันเสียงดังแบบนี้ฮะ อุบาจที่สุด นี่ฉันอุส่าหนีรอดออกมาจากอิป้าข้างห้องที่ตีกับสามีทุกวันมาเป็นเสียงซ๊งๆซี๊ดอันหวาดผวานี่อีกหรือ โอ้แม่เจ้าาาาา พวกเขาอยู่ได้อย่างไรว่ะ

ฉันไม่อาจทนฟังกับเสียงนั่นได้ อ๊ากกกกก ฉ้านจาต้องจาดดดดกานนนนนนนน!!

ปัง! ฉันเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางจังก้าอย่างสง่าผ่าและเผย ใครบังาจมากระตุกหนวดเสือสาว เฮอะ เราจะได้เห็นดีกัน

ปึง! ฉันขว้างรองเท้าใส่ประตูตรงข้างๆอย่างโมโห โทสะ สงสัยฉันต้องเป็นโรคใบโพล่านั่นแน่เลยสงสัยต้องหาใบนั้นมาต้มกินเผื่อจะหาย(มันจะมีเหร๊อ) 

แอ๊ดดดดดดด

"นี่! คนนะไม่ใช่ถังขยะจะมาปาร้องเท้าตราช้างดาวแบบนี้ได้ยังไงรู้ไหมว่าราคามันแพงขนาดไหนยิ่งหาซื้อยากๆอยู่เธอนี่มันไม่รักษาของเลยยยยย"

ฉันมองคนที่เปิดประตูออกมาประันหน้าฉันด่าคืนฉอดๆโดยไม่เว้นช่องว่างเจ้แกด่าสุดยอดดเลยหว่ะ ต้องยกมือตรบให้เลยทีเดียว 

"นี่แกเป็นใครอ่ะ"

"นี่เธอจำฉันไม่ได้หรือไงสมองสั้นความจำปลาทอง ถ้าอยากจะรู้นะฉันจะเผยหน้างันดูดีออกมา"

ไม่ทันจะพูดอะไรพี่แกก็ดึงที่มาร์คหน้าออก เผยให้เห็น เอ่อ -O- ยัยโรงเรียนนักเรียนหญิงเมื่อวันก่อนนี่ โอ้บร๊ะเจ้าอะไรมันจะเหมาะเจาะเช่นนี้ หรืว่าฉันฝันไป บ้าๆ ยัยนี่ยืนมองฉันอยู่นะ พร้อมทำหน้า -..- 

"แล้วเธอมีอะไรฮะ เสียงดังรบกวน ถ้าจะดังขนาดนี้ทำไมไม่ไปโรงแรมเลยล่ะฮะ"

"เธอจะบ้าเหรอ! เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ก็ไม่เคยเสียซิงให้กับใครนะย่ะทั้งเสือสิง เอ้ย! ทั้งชายทอมหญิงเกย์กระเทย ฉันก็ไม่เคย"

"แล้วเสียงดังทำมาม่าอะไรย่ะ!"

"เธอรู้ได้ไงว่าฉันกินมาม่า" O_O

"หาาา" -O-

"ก็เสียงที่เธอได้ยืนน่ะ ฉันกำลังเมามันกับการกินมาม่าอยู่เธอนี่มันเสียมารยาทเป็นบ้าเลย"

เพล้ง! นี่ฉันหน้าแตกหรือ ว้ายๆ ตายแล้วๆ ฉันไปใส่ความว่าเค้ามีอะไรกับใครในห้องแต่ดันเป็น กินมาม่าเพราะรสชาติมันอาจแสบเผ็ดร้อน โอ้ยยยทำไมพระเจ้าทำร้ายคนน่ารักอย่างฉันได้เช่นนี้

(เพราะเธอไม่น่ารักไงพระเจ้าถึงลงโทษ)

"อ่ะ! หิวไหม"

หล่อนยื่นมาม่าถ้วยโตมาให้ฉันพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นมาตรงหน้าเข้าจมูกอย่างไม่ผิดกฎหมาย แทบเคริ้ม เฮ้ยๆ ตะแต่ว่า ฉันต้องวางมาดไว้ไปกินพรุ่งนี้เช้าเอาไม่ได้ตุนอะไรไว้จะมาแบกหน้าขออีเจ้นี่ได้อย่างไร ไม่ดีๆ ไม่เอาๆ ป้ายไม่เอา

"ไม่!ฉันขอปฎิเสธคำชวน ฉันไม่ได้หิวย่ะ"

"ก็แล้วแต่..."

ฉันยกมือกากบาทแล้วลดลงมามองหน้า เขาพูดเปรยๆก่อนที่จะสูดมาม่าคำโตเข้าไป ม้ายยย จะตายให้ได้ตรงนี้แล้วค่ะ T  T

จ๊อกกกกกกกกกก 

ไม่มีคำตอบจากสวรรค์ กระเพาะเท่านั้นที่ให้คำตอบแกเอง เขายิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลใส่นิดๆ อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นนะ 

"ฉันไม่ได้หิวนะ!"

 

 

 

 

 

"ซูดดดดดดดด"

ในที่สุดมาม่าคำโตก็ถูกฉันกินจนหมดหม้อต้ม พร้อมกับน้ำไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว

"เธอนี่มันกินโหดเป็นบ้า"

ฉันแหลตาใส่อย่างโหดแต่ก็เอาเหอะเว้นไว้หนึ่งวันเผื่อเวลาไม่ข้าวกินจะได้ขอ เจ้นี่ละกานนเฮอะๆ

"ล้างหม้อให้ด้วยล่ะ"

"นี่..คิดว่าให้มาม่าฉันกินหนึ่งมื้อแล้วจะทวงบุญคุณหรือไง้..ไอ้ล้างน่ะ...ล้างให้ได้ยู่แล้วไม่ต้อพูดมาก"

"ให้มันแน่เหอะล้างเสร็จแล้วล๊อกประตูห้องแล้วออกไปได้เลยนะจ๊ะ"

"เอ่อ! รู้แล้วล่ะน่าาไม่ต้องย้ำได้ป่ะ"

"ค่ะ..แม่คุณโมโหหิว"

"นี่! เดี๋ยวก็ตบด้วยตระเกียบหรอกอยากเจอรึไง"

ฉันยื่นตะเกียบทำท่าจะตบเข้าจริงๆแต่เขาก็หัวเราะออกมาแทนจนตาหยีเป็นสระอิไปเลยย

"เอ่อ..ว่าแต่...เธอย้ายมาอยู่นี่เมื่อไร"

"ก็วันนี้เป็นวันแรกอ่ะ"

"แล้วค่าใช้จ่ายพอไหม"

"ก็พออ่ะค่าห้องก็จ่ายเงินเก็บไปก่อนแต่เงินที่พ่อส่งมาก็มีใช้บ้างนะ ก็ประหยัดๆไปนั่นแหละ"

"แล้วเธออยู่สบายไหม"

"ห้องก็โอเคนะสบายดีแถมแยกห้องนอนกับห้องนั่งเล่นด้วยก็คุ้มอยู่"

"แล้ว..."

"นี่..."

ฉันวางตะเกียบลงแล้วชันเข่าขึ้นมามองหน้าอย่างหาเรื่องนิดๆ

"จะถามอะไรนักหนาเนี่ย ฉันอยู่ยังไงมันก็เรื่องของฉันน่า ไม่ต้องมาถามหรอก"

"เอ้า! ก็คนอุส่าเป็นห่วง รู้แบบนี้ปล่อยให้หิวตายก็ดี"

"เดี๋ยวก็โดนหรอก...อิ่มแล้ว"

"ล้างจานด้วยดิ"

"เอ่อรู้แล้วล่ะน่าไม่ต้องสั่งได้ป่ะ"

"เธอนี่มันขี้บ่นเป็นวัยทองไปได้"

"เดี๋ยวก็.. ถอยดิ๊ เกะกะหว่ะ"

ฉันยกหม้อมาม่าแล้วเดินแว็บไปทางหลังบ้าน

"แก่แล้วหรือๆงเนี่ยยย"

"นี่พูดอะไรน่ะ ได้ยินนะ"

ฉันชี้หน้าเขาแล้วเบ้ปากใส่ คนอะไรกวนประสาทสมงระบบหายใจเป็นบ้า ไม่จับเข้าซังเตก็บุญละ ขอหาทำให้สมองฉันปั่นป่วน

 

 

 

 

"เฮ้ยแก..."

ก๊อบเขยิบเก้าอี้มาใกล้ๆฉันแล้วซุบซิบเหมือนมีอะไรบางอย่าง
"ไรแก"

"ฉันว่า..พี่ติมแฟนเก่าแกอ่ะเหมือนกับแบบมาแก้แค้นไรแกแบบเนี๊ยมีป่ะ"

"แกบ้าป่ะก๊อบจะไปมาแก้คงแก้แค้นไรฉันกับพี่ติมต่างคนต่างจบกันเองนะเว้ย"

"เฮ้ยๆแต่เมื่อเช้าฉันเห็นพี่เขามาด้อมๆมองหน้าหอพักแกอ่ะ ตอนนั้นกำลังเถียงแปะอยู่เลย"

"จริงดิ"

"ก็เอ่อดิว่ะ ฉันว่านะพี่เขายังรักแกอยู่ชัวป๊าบ!"

"ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็สวยดิ"
"พี่ติมเขาก็สวยนะ.."

"ฮู้ยยย!"

"ฉันผิดเหรอ?"

ยังไม่รู้ตัวอีก -..- โลกนี่ของยัยก๊อบมันอยู่ยากเสียจริง ฉันไม่อยากสนทนาสักเท่าไรเพราะถ้าสนทนากับก๊อบนะเรื่องราวววววว เป็นกิโลปูถนนตั้งแต่เชียงใหม่มีกรุ่งเทพยังไม่หมดเลย -..-

 

 

 

หลังเลิกเรียนไม่นั่งทำการบ้านก็มาเมาร์มอยกับเพื่อนๆแต่สำหรับฉันวันนี้มันดูปลี่ยวๆไงไม่รู้ อยากว่ายน้ำสักหน่อย หวังว่าวันนี้โรงยิมคนคงไม่มากนะ ฉันเดินเข้ามาในโรงยิมของโรงเรียนอย่างเงียบๆ ฉันเองนะที่เงียบแต่รอบข้างก็มีเด็กหนุ่มที่ชอบบาสมาฝึกซ้อมกัน จะไปว่ายน้ำต้องผ่านห้องนี้ก่อนลึกเป็นบ้าเลย

"ป้าย!"

ฉันหันหน้าไปมองตรงอัฒจันทร์สีเหลืองที่ทอดยาว เห็นปังกำลังนั่งข้างพี่ฟิวส์ที่ยกน้ำดื่มแก้กระหาย ปังยกมือโบกฉันนิดๆ

"แกจะไปไหนอ่ะ"

"ว่าจะไปว่ายน้ำ"

"อ้อ..อย่ากลับหอดึกล่ะ บ๊ายบาย"

"บายจ๊ะ"

จะว่าไปมีความรักก็ดีนะดูอย่างไอ้ปังกับพี่ฟิวส์แล้ว โหยอิจฉาแทนพวกนุ่นสาวเด็กๆทั้งหลายต่างอิจฉาปังทั้งนั้น เพราะแฟนคนนี้ของพี่ฟิวส์ดูท่าว่าจะไม่มีวันเลิกเสียด้วย แต่ก็ชั่งเถอะใครจะไปรู้ล่ะว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสักวันคนเรามันก็ต้องมีเบื่อกันบ้างยิ่งคบกันในวัยเรียนเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน เฮ้ยๆ นี่ฉันแช่งเขาเหรอเนี่ย ไอ้ป้ายไ้คนนิสัยๆๆๆๆ....ดี -..-

 

ฉันเปิดล๊อกเกอร์เปลี่ยนผ้าอย่างเรียบร้อยแต่การที่ไม่มีคนมาว่ายน้ำนี่..วังเวงเป็นบ้าเลย โอ้พระเจ้าโลกมันชั่งสยองขัวญเสียจริงนี้ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องผีนะ ฮึๆฉันได้มีเฮแน่นอน ฉันไม่ทนอยู่ที่ห้องล๊อกเกอร์นี่นานหรอกจะต้องรีบออกไป อ้าวเฮ้ย -O- เมื่อกี้ยังมีคนตั้งเกือบยี่สิบแต่ทำไมตอนนี้ ไม่มีใครสักคนเลยว่ะ ซวยแล้วไหมล่ะ จะกลับหอดีไหมเนี่ย แต่พอคิดไปคิดมาฉันอุส่าเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วนะ ชั่งมันใครไม่อยู่ก็ดีจะได้ไม่มาแย่งพื้นที่การกระโดดน้ำ เฮอะๆ(สระออกจะกว้างยัดคนได้เป็นแสน) ฉันเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆวันนี้ไม่มีใครจะลองโดดที่สูงๆดูเผื่อจะปลดปล่อยอะไรออกมาได้บ้าง อึดอัดเต็มทน รนทดเต็มทีงานนี้ป้ายจัดเองงงง ฉันเดินขึ้นมาบนสุดแล้วยิ้มอย่างเต็มภาคภมูิวันนี้ป้ายจะโชว์สปิริตออกมานะเค่อะ แต่พอก้มหน้าลง อึ้ยยย -..- ฉันก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆนี่มันสูงเกินไปนะ ลงมาหน่อยดีกว่า ฉันค่อยๆถอยหลังแล้วหมุนตัวลงไปจนมีชั้นที่สอง พอจะใช้ได้นิดๆ แต่ๆว่ามันก็สูงอยู่ดีหว่ะไม่ๆผู้หญิงอ่อนแออย่างฉันต้องง่ายๆกว่านี้ และฉันก็ถอยๆลงมาชั่นที่หนึ่ง ชั้นนี้แหละ เจ๋งสุดเหมาะสุดและเพอร์เฟ็กที่สุด! ฉันสูดลมหายใจเข้าแล้ววิ่งกระโดดลงสระอย่างรวดเร็วพร้อมคำพูดแสนรัวๆแต่ฉันจะแปลให้ฟังนะ

"สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนนนนนน"

ตูมมมมม!!! (น้ำกระเด็นค่ะน้ำกระเด็น)

ร่างอันบอบบางพุ่งลงสู่น้ำ ฉันขดตัวเองให้งอเหมือนเด็กในท้อง ลมอ๊อกซิเจนเล็กๆที่ลอยออกจากรูจมูกอย่างอิสระ ฉันลืมตาขึ้นมาภายในน้ำถึงมันจะดูหม่นๆแต่ถ้ามองลงมาแล้วมันสะอาดมาก ฉันพุ่งตัวขึ้นลอยเหนื่อน้ำ แต่อะไรมันจะง่ายแบบนี้ถ้าไม่มีมือมาปริศนาฉุดขาฉันลงไป

"อ๊ายยยยย!!"

ฉันจมกลับลงมาในน้ำ โรงเรียนนี่ต้องมีผีสิงสระว่ายน้ำแน่ๆ ฉันตะเกียกตะกายพยายามจพขึ้นไปให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จ ให้ตายสิ! ฉันต้องตายในสระว่ายน้ำเป็นผีต่อไปแน่ๆ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วยฉันยังไม่อยากตายยยย ยังไม่ได้แต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวอันอบอุ่นเลย ฉันได้แต่สวดมนต์ภาวนาในใจ นะโมๆ กี่จบไม่รู้แต่ตอนนี้ใจมันเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็มีมือของใครบางคนฉุดดึงข้อมือฉันขึ้นไปมาลอยเหนือน้ำ ฉันโผล่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจเข้าไปเต็มปอด ฉันยังไม่ตายหรือนี่ อ๊ายยย ฉันยังไม่ตาย ฉันถูกลากมาเกยกับขอบสระ ฉันวางแขนพาดไว้แล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

"เกือบตายแล้วไหมล่ะ"

พอหันหน้าไปมองผู้มีพระคุณกับฉันกฌแทบจะมุดหัวกลับไปจมน้ำใหม่เลยทีเดียว

"เธออีกแล้วเหรอยัยเจ้ข้างห้อง"

"นี่ๆอย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยถ้าฉันไม่มาช่วยเธอก็คงจะจมน้ำตายไปแล้วมั้ง"

"เอ่อ..ขอบคุณ"

"ตอบน้ำเสียงให้มันดีๆหน่อยสิ ทำไมต้องทำน้ำเสียงห้วนๆใส่กันด้วยนี่คนอุส่าช่วยนะ"

"ก็ขอบคุณแล้วไงเล่าจะเอาอะไรอีก"

"ขึ้นไปนั่งพักก่อนไป"

ฉันเบ้ปากเล็กน้อยแต่ก็ยอมขึ้นสระไปนั่งห่มผ้าเช็ดตัวพักเพราะกำลังแรงมันเหลือน้อยเต็มที คนช่วยชีวิตฉันเดินมานั่งข้างๆแล้วยื่นโอวัลตินร้อนๆให้

"อ่ะ...เอาไปกินเลยร่างกายจะได้อุ่นๆ"

"ขอบใจ..."

ฉันรับมันมาแต่ก็ไม่กินเอามันมาได้รับความอบอุ่นก็ยังดี อย่างน้อยก็มีจิตอาสากับเขาเป็นนะเนี่ย

"แล้ว..เธอมาทำไมที่นี่อ่ะนี่มันไม่ใช่โรงเรียนเธอไม่ใช่เหรอที่นี่เขาไม่ให้เด็กนอกเข้ามานะ"

"ก็หลังจากซ้อมบาสเสร็จมันร้อนๆเลยแอบเข้ามา"

"แอบเข้ามาได้ไงกระโปรงแดงเนี่ยนะ ของฉันมันสีกลมต่างกันลิบลับ"

"ก็ใครจะโง่ใส่กระโปรงนักเรียนเข้ามาเล่า ฉันก็แอบถอดเหลือแต่กางเกงซ้อมเล่นบาวกับเสื้อนักเรียนแล้ววิ่งเข้ามาน่ะสิ นี่ฉันไม่มาเธอคงตายคาสระนั่นแล้วแน่ๆ"

"ใช่สิ..."

"หืม..."

ฉันรีบวางถ้วยกระดาษบรรจุโอวัลตินลงข้างๆแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆเขา

"อะไรเธอเนี่ย"

"เมื่อกี้ตอนจมน้ำนะมีมือมาดึงขาฉันลงไป"

"เธอผีเข้าป่ะเนี่ย"

"นี่!"

ฉันตีเข้าที่แขนเจ้าหล่อนอย่างแรง

"โอ้ย! เจ็บนะเนี่ยอะไรเธอฮะ"

"ฉันพูดจริงๆนะถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองกระโดดลงสระสิเดี๋ยวก็มีคนลากลงไป"

"ถ้าจะบ้าแล้ว..อาการของเธอน่ะเขาเรียกว่าตะคริว"

"จะเป็นตะคริวไปได้ไง ฉันโดนฉุดลงไปจริงๆนะ"

"นี่ฟังดีๆนะ ฉันก็เคยเหมือนกันมันเหมือนจิตสุดท้ายน่ะที่เราจะเห็นภาพหลอนก่อนตายแต่เธอรอดมาได้เพราะฉันช่วยขึ้นมาได้ทันเสียก่อน"

"จริงเหรอ..."

"ก็จริงน่ะสิ แสดงว่าเธอเป็นตะคริวตั้งแต่อยู่ในน้ำแต่บังเอิญเธอคิดไปเองว่ามีคนดึงก็เท่านั้นเอง ฮู้ววคิดเว่อร์ๆมั่วๆไปได้ ฟุ่งซ่านจริงๆเลยนะ"

ฉันถูกว่าพร้อมกับนิ้วชี้ที่โดนดันหัวไปไกลๆ ฉันทำหน้ามุ่ยแล้วเอามือจับหัวตัวเอง นี่ฉันผีเข้าแน่ๆคิดได้ไงว่ะมีคนลากลงไป เขาลุดขึ้นยืนแล้วยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย

"ร่างกายปรับสภาพปกติเธอก็คงจะลงเล่นน้ำได้แล้วล่ะ"

"ฉันคงไม่ลงแล้วล่ะ เดี๋ยวเกิดภาพหลอนอีกครั้งนี้ได้ตายของจริงแน่ๆ"

"ก็แค่ร่างกายเธอปรับสภาพไม่ทันก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องซีหรอกน่าาา"

"ยังไงฉันก็จะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ"

"ก็แล้วแต่..."

เขากระโดดบวไปในสระว่ายน้ำแล้วดำลงไปเรื่อยๆ เดี๋ยสก็ได้เป็นตะคริวเหมือนฉันหรอก ปญอ เป็นบ้า ยังไงฉันก็เชื่อว่ามันต้องเป็นผีแน่ๆ ชัวป๊าบ!

เฮ้ย - - แต่นี่ชีลงไปนานแล้วยะยังไม่โผล่ขึ้นมาอีก หรือว่า...จะโดนดีผีดึงลงไป โอ้ม่ายๆ ฉันคิดไปเองแต่ถึงคิดแบบนั้นก็เหอะ เขาก็หายไปอยู่ดี ฉันค่อยวางผ้าเช็ดตัวแล้วย่องไปขอบสระเรื่อยๆ

"นี่เธอ...เธอ....อยู่ไหนอ่ะ"

ฉันพูดพลางเดินย่องไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ขอบสระพอดิบพอดี ฉันยื่อมองหาแต่ก็ไม่เห็นร่างของใครในสระสักคน พี่แกหายไปไหนหรือเขาจะเป็นผีถึงชอบโผล่มาตอนที่ไม่มีใคร ต้องใช่แน่ๆ นี่ฉันเจอผีของจริงหรือเนี่ย ฉันนั่งยองๆลงข้างขอบสระแล้วเอานิ้วกระดิกนำนิด

"เธอ...อยู่ไหนน่ะ ออกมาเลยนะฉันไม่สนุกนะย่ะ"

โครม! ฉันถูกมือเย็นฉุดแขนที่กระดิกน้ำลงไปอย่างรวดเร็วฉันม้วนตัวลงทุ้มน้ำ ใจของฉันหายวาบไปกับสายนาวา ฉันลืมตามองใต้น้ำเห็นเขาที่ยิ้มล้อเลียนอยู่ นี่แกล้งฉันเหรอเนี่ย ฉันโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วเอามือปัดน้ำใส่หน้าเจ้เต็มๆ

"เล่นอะไรเนี่ย!"

"ฮ่าๆดูทำหน้าเข้า"

"ไม่ตลกเลยนะเล่นแบบนี้อ่ะ"

ฉันขมวดคิ้วใส่จนเขาต้องหยุดหัวเราะ

"ขอโทษ..."

ฉันส่ายหน้าช้าๆแล้วว่ายหมุนตัวหันไปแต่ เขาก็ดึงมือฉันใต้น้ำอย่างแรงจนฉันหันตัวกลับมาจนจมูกเราสองคยชนกันเต็มๆ ฉันมองหน้าเขาค้างไว้อย่างเนิ่นนานมือที่กุมกันใต้น้ำตอนนี้มันเย็นเฉียบอย่างบอกไม่ถูก ฉันชอบทอมนะอย่ามาส่งสายตาแบบนั้น อ๊ายยยย เราต่างเป็นผู้หญิงทั้งคู่มันรู้สึกหวิวๆยังไงบอกไม่ถูก สุดท้ายฉันก็ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจนผลักเขาออกห่างไป

"เอ่อ..ไม่โกรธแล้วก็ได้ทีหลังก็อย่าเล่นแบบนี้อีกรู้ไหมว่าจิตตก"

"รู้แล้วน่าาา"

"สาบานสิ"

"ไม่สาบาน..แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่แกล้งอะไรแรงๆแบบนี้อีกแล้ว"

"พูดแล้วทำให้ได้ด้วยล่ะ"

ฉันยิ้มออกมาอย่างเขินๆ ก็คนมันเขินนี่หน่าไม่เคยอยู่ใกล้ใครแบบนี้มาก่อน ถึงจะเว้นพี่ติมไว้คนก็เหอะแต่นั่นมันก็อดีตที่ฉันกับพี่เขาเคยนอนเตียงเดียวกัน เคยนนอนกอดกันและยังเคย..จูบกันอีกด้วยแต่ก็แค่จุ๊บไม่ถึงวิเองนะ อะอ๊ายยยย ><  ฟินอ่ะ

 

วันเสาร์

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ฉันรอคอยมานานนับปี แต่เช้าวันจันทร์มันมักมาไวเสมอ เฮอะๆ

ก๊อกๆ

ใครมาเคาะประตูเอาซะเช้าแบบนี้ว่ะ ฉันชักจะรำคาญ ฉันลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู เผยให้เห็นใครบางคนที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ยืนเสยผมอย่างมาดเท่ห์ เป็นไรมาไหมว่ะ -..-

"มีไร นี่จะทวงบุญคุณเรื่องมาม่าหรือไงฮะ"

"นี่ๆฉันไม่ใช่คนใจดำคอระยำแบบนั้นเสียหน่อย แค่จะชวนไปซื้อของสักหน่อย เธอเป็นผู้หญิงก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงด้วยกันเขาชอบอะไร"

"แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงหรือไง"

"ทอม...ฉันเป็นทอมย่ะ"

"เอ่อ..รอแป๊บ"

ฉันกำลังจะปิดประตูแต่พี่แกก็เอามือมากั้นประตู

"อะไรอีกฮะ.."

"รอด้านในได้ไหมอ่ะ"

"อิยู่ด้านนอกนี่แหละรอ หลีกดิ๊จะปิดประตูเดี๋ยวก็หนีบมือแม่มเลยนี่"

"ยัยโหดเอ้ย"

"หุบปากไปถ้าอยากอวัยวะไว้กินข้าว"

เขาหุบปากแล้วเม้มปากเข้า พร้อมเดินถอยหลัง เชื่อฟังง่ายแหะ

 

ฉันกะจะอยู่สบายๆที่หอสักหน่อย แต่ดั๊นมาเจอยัยนี่ลากมาจนได้ พอดีฉันเต็มใจหน่อยๆ เฮอะๆ ก็รู้ดีนี่ว่าฉันชอบทอม แต่ๆก็ใช่ว่าจะทุกคนนะ

"ของที่ซื้อเนี่ย..ซื้อให้ใครเหรอ"

เขาไม่พูดแต่ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าฉันเต็มๆ

"อ่ะนี่ ชื่อแพรน น่ารักล่ะสิ"

ฉันเพ่งสายตาดูผู้หญิงชื่อแพรน น่าตาน่ารักดูเป็นกุลสตรี ใส่แว่นตาอันใหญ่ๆสีเขียว เฮ้ยๆ เดี๋ยวนะๆ นี่มัน

"แพรน..เพื่อนยัยเตี้ยก๊อบนี่"

"อ้าวรู้จักด้วยเหรอ"

ฉันพยักหน้ารับอย่างรัวๆ

"เพื่อนสนิทของก๊อบตอนมอต้นอ่ะ"

"ใคร ก๊อบ.."

"เพื่อนในแก๊งค์ ไมคิดจะโลกกลมขนาดเนี่ย แต่แพรนไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ"

"แต่ฉันไปคุยกับเขาเมื่อคืนก่อนในเฟส เขาบอกว่าถ้าฉันเป็นคนดีก็ยอมรับนะ"

"เอ่อเอาเหอะจะซื้ออะไรให้เขาเหรอ"
"ไม่รู้สิ ฉันอยากซื้อของอะไรเล็กๆเนื่องในโอกาสที่ไม่พิเศษอะไรแค่อยากให้ก็เท่านั้น"

"ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงชอบอะไรที่น่ารักๆนั่นแหละมั้ง"

"แล้วอะไรล่ะที่น่ารักๆ"

"อย่างเช่นตุ๊กตาอะไรแบบเนี่ยผู้หญิงทุกคนก็ต้องชอบตุ๊กตาอยู่แลวไม่ใช่เหรอ"

พูดจบฉันก็หยิบตุ๊กตามายเมโลดี้จากชั้นโซนมันมาส่ายตรงหน้าเขา

"ไอ้ที่ชอบเนี่ย..รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า"

ฉันไม่พูดอะไรเพียงแค่ยักไหล่เป็นคำตอบแทน

"งั้นฉันตัวนั้น"

เขาชี้ไปด้านหลังฉัน ฉันหันหน้าไปมองเห็นว่ามันเป็นตุ๊กต่ตัวใหญ่สีขาวชื่อว่าคุกกี้ กลิ่นหอมนี่กลิ่นเหมือนคุกกี้เด๊ะ เฮ้ยเห็นแพรนได้แบบนี้แล้วอิจฉาหว่ะ

"หยิบมาหน่อยสิ"

"นี่...ฉันแค่มาส่งเลือกนะไม่ได้มาเป็นคนใช้เธอ"

"ก็มันอยู่ใกล้เธออ่ะ"

"เอ่อๆ ก็ได้"

ฉันหยิบเจ้าหมาตัวอ้วนกลิ่นหอมแล้วยื่นให้เขา เจ้าตัวรับไปแล้วพลิกมันดูไปมา

"เธอว่า..แพรนเขาจะชอบไหมอ่ะ"

"คงชอบอยู่มั้ง ก็บอกแล้วไงว่าถ้าเป็นของแบบนี้ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องชอบอยู่แล้วล่ะ"

"งั้นฉันเอาตัวนี้แหละ"

"อื้อ"

ฉันมองหลังของเขาที่เดินไปจ่ายเงินแต่ ยิ่งมองด้านหลังมันทำให้ฉันนึกถึงวันนั้น วันที่พี่ติมซื้อให้เป็นของขวัญวันครบรอบหนึ่งเดือนที่เราคบกัน

 

"ป้าย..."

"ฮือ"

"ชอบตัวนี้ไหม กลิ่นหอมดีอ่ะ"

"ชอบๆน่ารักดี น่ากอดด้วย"

"อยากได้ป่ะล่ะ"

"ทำไม..จะซื้อให้เหรอไง"

"ถ้าชอบก็จะซื้อให้"

"ขอบคุณนะ..."

 

"เฮ้ย!"

"หา"

"เป็นอะไรอ่ะ เห็นเหม่อตั้งนาน เรียกก็ไม่ขานรับ"

"เปล่าๆ ก็แค่คิดอะไรเพลินๆ"

"นี่..คงไม่ได้คิดอะไรกับฉันใช่ไหมเนี่ย"

"จะบ้าเหรอ ฉันจะคิดอะไรกับเธอกัน คิดก็บ้าแล้ว"

เขายิ้มเล็กน้อยเหมือนจะจับผิดฉัน แต่ขอร้องเถอะค่ะจับแถบตายก็ไม่มีวันอ่านดวงตาของฉันออกเหรอ

"กลับกันเถอะฉันหิวแล้วอ่ะ เย็นนี้ไปกินบะหมี่หน้าวัดด้วยกันนะ"

"ชอบตระกูลเส้นเหรอฮะ"

"อืมมมม"

 

 

แถวนี้คนพลุ่กพล่านเยอะในตอนกลางคืน แถมยังมีร้านค้าเปิดเต็มไปหมดวันนี้ยังมีถนนคนเดินแต่ยิ่งมองคนก็กลายเป็นเบื่อซะงั้นไป ถึงว่าทำไมก๊อบมันถึงชอบมานอนบ้านแปะแทนที่จะกลับไปเฝ้าบ้านกับพี่เนย์ พี่คนหล่อที่ฉันก็เคยแอบชอบหมือนกัน แต่มีน้องสาวขวางโลกแบบนั้น สาวไม่โดนใจจริงอย่าหวังจะเปิดทางให้ แม้กระทั่งฉัน ยัยนั่นยังไม่คิดที่จะเปิดทางเลยสักนิด จนฉันเลิกชอบพี่เขาไปเอง ต้องโทษเธอนะยัยเพื่อรักที่หวงมากเกินไปจนพี่ชายมันไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที กลายเป็นหนุ่มฮอตโสดสาวจอง

บะหมี่้น้ำใสถูกวางเสริฟมาตรงหน้าฉันกับยัยทอมบอยอย่างรวดเร็ว ยัยนี่บอกฉันว่าที่นี่ทั้งถูก สด สะอาด อร่อยและรวดเร็วทันใจ คือ ง่ายๆต้องการให็ฉันมากินเป็นเพื่อนนี่แหละ

"วันจันทร์ฉันก่ะว่าจะขอแพรนเป็นแฟน เธอช่วยพาเขาไปที่หลังโรงเรียนหลังเลิกเรียนได้ป่ะ"

"ถ้าทำได้นะ ฉันจะช่วย"

"เธอก็ลงดูสิ ให้เพื่อนเธอพามาด้วยก็ได้"

"ก๊อบน่ะนะ ไม่ว่างหรอก ตอนเย็นมันมีนัดซ้อมปั่นจักรยาน กับ..คนที่มันชอบอ่ะ"

"แหม..ก็ชั่งเข้าใจอยู่แหละเนาะ ชั่งเหอะยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องทำให้ได้"

"แล้วถ้าเขาไม่ตกลงล่ะ จะขอใครเป็นแฟนเนี่ยเตรียมใจเผื่อๆไว้ก็ดีนะ"

"ก็เตรีัยมไว้บ้างเวลาเฟลๆอ่ะ แต่ฉันหน้าตาออกจะดีจีบสาวไหนก็ติดหมด ไม่พลาดอยู่แล้ว"
"มั้นใจนักระวังไว้เห๊อะจะแห้วแป้ว"

"รู้แล้วน่าาาาา ถ้าแพรนไม่ชอบฉัน ฉันค่อยหันมาจีบเธอก็ได้นิ๊"

พลัว... บะหมี่หยุดออกจากปาก พูดอะไรเนี่ย ฉันก็เขินเป็นนะโว้ยยย

"จะบ้าเหรอย่ะ! ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว"

"จริงอ่ะ...ใครเหรอ...บอกหน่อยได้ป่ะ"

"ก็...."

"อ้าวป้าย.."

ฉันหันหน้าไปมอง บุคคลนอกสนทนาระหว่างฉันกับเขา เอ่ยทักขึ้นมา

"อ้าว..พี่ทิวส์ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ"

"พอดีวันนี้พี่ไปซ้อมบาสกับไอ้เบสมา หิวๆก็เลยมาหาอะไรทานอ่ะ นี่ป้ายจะกลับรึยัง"

"ยังค่ะ ป้ายพึ่งสั่ง"

"งั้น..พี่นั่งด้วยนะ"

"ก็ได้ค่ะ"

"งั้น..เดี๋ยวพี่ไปสั่งข้าวก่อนนะ"

ฉันพยักหน้ารับ แล้วพี่ทิวส์ก็เดินไปสั่งอาหาร ก่อนที่จะกลับมานั่งข้างๆฉัน 

"เฮ้ย..ใครอ่ะ"

คนตรงหน้ากระซิบกระซาบฉันเบาๆ

"เอ่อ...พี่ทิวส์คะ"

"ครับ"

"นี่..เพื่อนป้ายเองค่ะ อยู่โรงเรียนสตรีหญิงล้วนข้างโรงเรียนเราอ่ะค่ะ แล้วเธอ...นี่พี่ทิวส์ รุ่นพี่ที่โรงเรียนอ่ะ"

"พี่ดีฮะ.."

"ครับ"

"พี่ทิวส์สั่งอะไรกินหรอคะ"

"พี่สั่งน้ำตกอ่ะ"

ฉันหันไปคุยกับพี่ทิวส์แทน ในระยะนั้นหางตาฉันก็เห็นว่า เขามองเราสองคนตลอดเวลา ดีนะที่พี่ทิวส์มาขัดได้ไม่เช่นนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบว่าชอบใครยังไงดี

 

 

สามทุ่มสี่สิบแปด

กว่าจะกลับมาที่ห้องได้เล่นเอาซะดึกดื่น ฉันเดินกลับมาพร้อมหนึ่งหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวทอม จะว่าไปเดินแบบนี้ก็อึดอัดเหมือนกันแฮะ

"พี่ทิวส์คะ...ป้ายถึงหอแล้วอ่ะค่ะ"

"อ้อ บ้านพี่เดินไปอีกซักสองสามซอยก็จะถึงละ"

"ค่ะ..พี่ทิวส์เดินกลับดีๆนะคะ"

"ครับ..ไว้เจอกันที่โรงเรียนวันจันทร์"

"ค่ะ"

พี่ทิวส์แยกตัวไปอีกทาง ฉันเดินขึ้นบันไดไปพร้อมยัยอกไม้เรียบนี่ แต่ไม่เห็นจะพูดอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ หรือว่างอนที่ฉันเอาแต่คุยกับพีทิวส์ว่ะ แต่พี่เขาชวนคุย ถ้าฉันไม่ตอบก็ไร้มารยาทสิ

"นี่..."

"อะไร"

"ตอบเสียงห้วนเชียวนะ..งอนเหรอ"

"งอนไร"

"ก็เรื่องที่ฉันเอาแต่คุยกับพี่เขาอ่ะ"

"ก็เปล่าสักหน่อย"

"ก็ดี...ขี้เกรียจง้อออออ"

"ชิ....เอ่อแล้วคนที่เธอชอบ เป็นพี่คนนั้น่ะสินะ"

"ฮึ่ยยย ไม่ใช่ พี่คนนั้นเป็นคนที่ปังชอบเมื่อก่อนอ่ะ แต่เอาไปเอามาก็ไปคบกับพี่ฟิวส์น้องชายฝาแฝดของพี่ทิวส์ซะงั้น"

"จริงดิ..พี่เขามีฝาแฝดด้วยเหรอ"

"อืม..หน้าก็เหมือนกันนะ แต่คนพี่จะออกเข้มๆ คนน้องจะออกขี้เล่นสักหน่อย"

"ถึงห้องละ..แล้วยังไงก็...อย่าลืมนะวันจันทร์"

"รู้แล้วล่ะน่า..ถ้าฉันทำได้ก็ช่วย"

"ขอโทรศัพท์หน่อย"

"อะไรนะ"

"โทรศัพท์.."

ฉันตัดสินใจยื่นโทรศัพท์ให้เขาทั้งที่ไมรู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็เอาเหอะคงไม่ได้โทรหาใครที่แปลกๆหรอกมั้ง

"เสร็จละ"
"ทำอะไรอ่ะ"

"ฉันเมมเบอรฺเธอโทรเข้าหาฉันเรียบร้อย"

"เฮ้ย..ใครอยากได้เบอร์เธอกันล่ะฮะ"

"ไม่แคร์.."

เขายักไหล่ใส่ฉันเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้องไป ปล่อยให้ฉันยืนอึ้งมองอยู่อย่างนั้น คนแบบนี้ก็มีด้วยหว่ะ เอ้ยยยยย

ฉันก้มมองโทรศัพท์แล้วเอาแต่อมยิ้มอยู่คนเดียว ความรู้สึกแบบนี้ เขาเรียกว่าอะไรกันนะ?

 

 

ในที่สุดวันจันทร์มาถึงเร็วปานลิงกระโดดข้ามสะพาน ฉันเกรียดวันจันทร์ เพราะวันจันทร์เป็นวันที่

"แก! ฉันส่งใบงานสังคมวันนี้ไม่ทันแน่เลยหว่ะ" (ตูนณ์)

"อย่าว่าแต่แกเลย ฉันยังไม่ได้แตะเลย" (ก๊อบ)

"เฮอะๆ ฉันไม่ได้เอามา จบนะ" (ปัง)

"ฉันเสร็จแล้วจะไปส่งพร้อมกันเลยไหม" (ป้าย)

และแล้วทุกสายตาของสามสหายก็หันมามองหันเป็นตาเดียวกัน ฉันทำไรผิดเหรอ

"เฮ้ย ทำไมต้องมองงั้นด้วยอ่ะ มันดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย" 

"แก....ว่าอะไรนะ" (ตูนณ์)

"ฉันทำเสร็จแล้วทั้งสองแผ่นเลย ระบายสีตกแต่งเรียบร้อย"

"จริงดิ" (ปัง)

ปังชักกระดาษออกจากมือฉันมาดู พร้อมทำหน้ากล้ำกลวนยังไงไม่รู้

"ใครทำให้แก.." (ปัง)

"ฉันก็ทำเองดิว่ะ"

"มีคนช่วยสอนไหม" (ปัง)

เอ่อจะให้พูดไงดีล่ะ อยากจะบอกว่าเมื่อวานวันอาทิตย์ ยัยเจ้นั่นหอบการบ้านมานั่งทำกับฉันที่ห้องแถมกระตือรือล้นให้ฉันทำการบ้านจนเสร็จครบทุกวิชาที่ครูสั่ง

"ก็..คนข้างห้องที่ฉันเคยเล่าให้ฟังอ่ะ"

"นักบาสโรงเรียนหญิงน่ะนะ" (ปัง)

"แก..ไปซัมทิงรองกับเจ้เขาเมื่อไรว่ะ ไม่เห็นเล่าให้กันฟังบ้างเลย"(ก๊อบ)

"แต่..เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว"

"ชอบ..ก็ไม่ได้แปลว่ารักเปล่าว่ะ" (ตูนณ์)

"เขาชอบเพื่อนแกอ่ะ ไอ้ก๊อบ ชอบแพรน"

"ไอ้แพรน..."

"อืมมมม"

"อุบ๊ะ! ฉันแทบจะจินตนาการไม่ออก" (ก๊อบ)

ฉันถอนหายใจออกมาจะว่าไปที่ผ่านมา เขาก็ทำให้ฉันมีความสุขนะ แต่ยอมปล่อยเขาไปหาคนที่ชอบดีกว่า อย่างที่ปังว่า.... สุดท้ายผู้หญิง็ต้องแต่งงานกับผู้ชายอยู่ดี การคบกับเพศเดียวกันมันเป็นแค่อารมร์ชัววูบที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติในใจคนก็เท่านั้น แต่จะปฏิเสธความรู้สึกแบบนี้ออกไป มันยากหว่ะ บอกไว้เเลย

 

 

ก๊อกๆ ก๊อกๆ!!

"มาแล้วๆ"

ใครมาเคาะประตูตอนที่นางเอกพระเอกในซีรี่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม แหมทำร้ายบรรยากาศอันน่าหลงใหลเสียจริง ฉันเปิดประตูห้องออกแต่ไม่ทันได้ตั้งตัวและหัวใจให้คงที่ บุคคลที่ไม่ได้รับเชฺยมาร่วมวงในการดูซีรี่ก็โผล่เข้ากอดฉันเต็มเปา พร้อมสงสัยร้องไห้ฟูมฟายและโวยวายอีกด้วย

"เจ้! เป็นไรมาล่ะเนี่ย"

"แอนไอออบเอ้าอ่าาา ฮื่ออออออออออออออออออออ"

หาาาาาา  ภาษาไรของแจ้ว่ะ ฉันล่ะเพลียยยย

"ว่าไงน้าาาา มานั่งก่อนๆ"

ฉันพาเจ้ข้างห้องมานั่งบนโซฟา เห็นตัวเล็กๆแบบนี้หนักเป็นบ้าเลย

"เป็นไร ว่ามาดิ๊"

เขาปาดน้ำตาออกแล้วสูดน้ำมูกอย่างแรง แบบนี้เอากระดาษทิชชู่เลยไหม

"ก็วันนี้ไปขอแพรนเป็นแฟน เขาปฏิเสธฉ้านนนน ไม่เคยเสียใจอะไรแบบนี้มาก่อนเลย"

"เฮ้อ ก็บอกแล้วเวลารักใครก็เผื่อใจไว้บ้างก็ดี ผู้หญิงอ่ะ เขาไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะ เธอเองอ่ะก็น่าจะรู้ว่าคำตอบมันเป็นยังไง"

"แต่คนนี้ ฉันคิดว่าถ้าได้คบจะจริงจัง"

"แต่เขาไม่เปิดทางให้เธอไปจริงจัง แล้วเธอจะรอเขาอยู่เหรอ"

"รอสิ ต้องรอให้ได้"

"แล้วถ้าเขาไม่ยอมรับล่ะ ฉันว่าทำแบบนี้จะทำให้เขาอึดอัดและรำคาญซะเปล่าๆ"

"เธอไม่เคยมีแฟน เธอจะไปรู้ได้ไงเล่า"

"ทำไมฉันจะไม่เคย! ที่ฉันย้ายมาที่นี่ก็เพราะเลิกกับแฟนนั่น"

"เธอเคยพักหอเดียวกับแฟนเหรอ"

"ก็เอ่อน่ะสิย่ะ"

"อุต๊ะ! O O เธอเป็นผู้หญิงนะทำไมไม่รักงวนสงวนตัวเลยยยย"

"ฉันมีแฟนเป็นผู้หญิง เป็นทอมนั่นแหละ สวยกว่าเธอออีกย่ะ"

"ฉันหล่อ" -..-

"เอ่อมันก็เหมือนกันนั่นแหละ"

เราสองคนเงียบไปสักพักเหมือนต่างคนต่างคิดอะไรสักอย่าง แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะคิดอะไร

พึ่บ! 

"เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!"

"ไฟดาบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ"

"นี่เธอจะแหกปากเพื่อ?"

"ก็ฉันกลัวผีอ่ะ กว่าจะทำใจมาอยู่หอพักได้นะ ต้องทำใจกว่าหลายเดือน"

"เป็นทอมแต่ใจแป้วนี่นะ"

"ไม่เอาาาา"

เขากระโดดขึ้นนั่งยองๆบนโซฟา (ฉันเดาว่างั้นนะ) แล้วเกาะกอดแขนฉันซะแน่นเลย ให้ตายสิ พี่แกคิดอะไรว่ะ ใจแป้วขนาดนี้

"ปล่อยแขนฉันได้แล้ว"

"นั่น...เธอจะไปไหนน่ะ"

"ไปหาเทียนสิย่ะ จะนั่งดูความมืดแบบนี้น่ะเหรอ"

"ฉันไปด้วยยยย"

"ไม่ต้อง นั่งอยู่นี่แหละ เดี๋ยวไปชนข้าวของหล่นหมด นั่งตรงนี้!"

"ค่ะ เฮ้ย! ฮะ"

ฉันเดินไปหาเทียนจำได้ว่าเมื่อวานพึ่งไปซื้อมาจุดเตาแก๊สทำอาหาร คงอยู่ในห้องครัวนั่นแหละ 

เพล้ง!

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

เย้ย! o_O ทำไรของเขา กรี๊ดเสียงดังแบบนี้ใจแม่หญิงออกแน่ๆ ฉันรีบจุดเทียนแล้ววิ่งไปตามเสียงเห็นเขานั่งล้มกองอยู่บนพื้น ท่าทางอาการสั่นๆ

"เป็นไรมากไหม"

"ฉ้านนนน กลัว ผี"

"มืดค่ำๆ มาพูดถึงผีเดี๋ยวแม่ก็จะตบกระบานถล่มลุกขึ้นมา"

ฉันยื่นมือไปให้เขา แต่พี่แกเอาแต่มองน้ำตาเยิ้มอยู่อย่างนั้น นี่คงเป็นเอามากซะจริงๆ

"ถ้าไม่จับมือแล้วลุกขึ้นมา...เธอจะเข้มแข็งต่อไปได้ยังไง กับอีแค่ยื่นมือมาแค่เนี่ย มันไม่ยากหรอก"

เขามองมือฉันแล้วเม้มปากเข้าอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็จับมือฉันแล้วลุกขึ้นมายิ้มพร้อมกับน้ำตาที่นองหน้าให้กับฉัน

"เธอไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย"

"ขอบคุณนะ...ยัยผู้หญิองแข็งแกร่งกว่าทอม"

ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างน้อยฉันก็พูดอะไรที่เจ๋งๆออกไปแหะ เราสองคนมองหน้ากันผ่านแสงเทียนที่อบอุ่นตรงหน้า เขากระพริบตาปริบๆ จะว่าไป พี่แกก็สวยน่ะเนี่ย ไม่น่าเป็นทอมเลย แต่ก็เอาเหอะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรแค่อยู่เป็นเพื่อน ก็ดีแทบตายแล้ว

 

"คืนนี้ดาวสวยเนาะว่าไหม?"

"ก็สวยนะ แต่ฉันเป็นคนไม่ชอบดูดาวสักเท่าไร"

"ทำไมอ่ะ มันออกจะสวยนะ"

หลังจากที่ไฟกัลบมาติด ฉันกับเขาก็ออกมาดูดาวนอกระเบียงด้วยกัน จะโรแมนติกไหน

"ก็...ตอนแรกเราก็ชอบนะ แต่พอรู้จักกับดาวจริงๆ มันก็เหมือนเป็นแค่ อุกกาบาตนอกโลกไม่ใช่เหรอ"

"เธอนี่มันไม่เข้าใจธรรมชาติซะเลยยยย"

"เอ้า! ก็ฉันไม่ค่อยชอบธรรมชาติอ่ะ"

"ฉันมีอะไรจะให้"

"อะไรอ่ะ"

"รอแป๊บบบ"

เขาเดินไปข้างๆกำแพงกั้นระหว่างระเบียงห้อง แล้วเขาก็ีนขึ้นไป

"เฮ้ย! ทำไรอ่ะ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก"

"ไม่ต้องห่วงน่าาา"

ฉันขำออกมาน้อยๆ คนอะไรไม่รู้ชอบทำอะไรแปลก เฃไม่นานเขาก็ปีนกลับมาพร้อมกระถางต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่ง

"ต้นนี้ชื่อว่าน้องมะลิ อ่ะ ฉันให้"

"เฮ้ยยยย ไม่เอา ฉันดูแลมันไม่ได้หรอก"

"เห็นไหมขนาดต้นไม้เล็กๆเธอยังดูแลไม่ได้เลย แล้ว เธอจะดูแลชีวิตของเธอทั้งชีวิตตัวคนเดียวได้ยังไง"

"แทงใจดำหว่ะ"

เขาไม่พูดอะไรเอาแต่ยื่นมันมาตรงหน้าฉันพร้อมสายตาเหมือนอ้อนวอนและขอร้อง

"อ่ะๆก็ได้ๆ ถ้ามันตายขึ้นมาล่ะ"

"เธอไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแน่ๆ ฉันเชื่อใจเธอ"

"ขอบคุณนะ"

"เรื่อง?"

"ต้นไม้ แล้วก็...เรื่องที่เชื่อใจกันอ่ะ"

"อื้อ"

 

กริ๊งงงงงงงงง

เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณของเวลาเลิกเรียน แต่ติดดันที่เป็นเวรวันนี้แหม เจริญเหลือเกิน 

"ป้าย..."(ปีโป้)

"หืม..."

"อ่ะ..แปรงลบกระดาน แกไปเคาะเลย"(ปีโป้)

"ฉันเหรอ..."

ปีโป้เพื่อนอีกคนในแก๊งค์แต่ชีไม่ค่อยได้ตามเราสี่คนไปไหนมาไหนนัก เธอยื่นแปรงลบกระดานทั้งสองอันมาให้ฉันด้วยใบหน้าเหมือนอยากหลับตลอดเวลา

ฉันรับแปรงลบกระดานมา นึกถึงเรื่องฮอโมนส์อยากเจอแบบขวัญที่เดินแปรงลบกระดานออกมาแล้วเจอวิน แบบเนี้่ยยยย >< 

ตุบ!

"ว้าย!"

 แม่เจ้ายังไม่ทันที่ฉันจะมโนจบก็โดนชนล้มแปรงลบกระดานอยู่ไหนแล้วล่ะเนี่ย ทำไมมัยซวยแบบนยี้นะ ใครว่ะ ใครกันที่ชนฉัน แม่จะตบเบ้าตากระเด็น

"โทษทีนะ พอดีพี่รีบไปหน่อย"

ฉันเงยหน้ามองมือที่ยื่นมาตรงหน้าของฉัน แล้วเงยเลื่อนขึ้นไปมอง อุ้ย! ด่าไม่ออกเลยค่ะทีนี้ ฉันค่อยๆยกมือไปจับมือของเขาตรงหน้า

"ป้าย เป็นไรป่ะ"

ยังไม่ทันที่ฉันจะเอานิ้วถึงมือของพี่ทิวส์ ปังก็เข้ามาพยุงฉันขึ้นพอดี 

"ไม่เป็นไร ฉันเหม่อเองแหละ"

ฉันมองหน้าพี่ทิวส์ที่ยิ้มให้น้อยๆ เหมือนแทบที่จะไม่ยิ้มด้วยซ้ำ

"ขอโทษพี่ทิวส์นะ ที่ไม่ระวังอ่ะ"

"ไม่เป็นไรพี่เองก็รีบอ่ะ นัดเพื่อนไว้"

"ค่ะ..."

ในตอนนั้นแวบเดียวที่พี่ทิวส์มองปังแล้ว ปังก็มองพี่ทิวส์เช่นกัน เอ๋ ทั้งคู่ก็ไม่ติดใจอะไรนี่แล้วทำไมถึงมองกันด้วยสายตาแบบนี้ล่ะ - - ชักสงสัย

"เอ่อ...พี่ไปก่อนนะ"

ฉันพยักหน้าให้ แล้วพี่ทิวส์ก็รีบวิ่งไปต่อ

"แกทำไงเนี่ยถึงไปชนพี่ทิวส์เข้าอ่ะ"

"ก็ อยากมีโม้เม้นแบบพี่ขวัญวินแบบเนี่ยเลยไม่ทันมองว่าพี่ทิวส์วิ่งมาอ่ะ"

"ทีหลังก็ระวังๆก็แล้วกัน"

"ไว้วันหลังฉันจะระวังให้มากก็แล้วกันนะ"

"อื้อ.." (_ _) (- -) (_ _)

 

 

 

"ข้าวไม่อร่อยเหรอ.."

"หืม..."

"ก็ฉันเห็นเธอนั่งเขี่ยข้าวตั้งนาน เย็นหมดแล้วนะ"

"ก็คิดอะไรนิดหน่อยอ่ะ"

"คิดไรอ่ะ..บอกได้เปล่า"

"ก็..ช่วงนี้ปังเป็นไรไม่รู้อ่ะ"

"เพื่อนเธอที่ตัวเล็กๆใส่แว่นขาวๆน่ะนะ"

ฉันพยักหน้าแนอย่างหงอยๆ

"เธอไปทำอะไรให้เขาหรือเปล่า"

"ไม่รู้สิ...รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเลยอ่ะ"

"คิดมากไปหรือเปล่า เพื่อนเธออาจจะ..ประจำเดือนไม่มาก็ได้"

"ตลกละ" - -

"แหมมมม ยิ้มหน่อยสิ"

เขาเอื้อมมือมาตรงหน้าฉันแล้วเอามือจับหน้าดึงให้เหมือนว่ายิ้ม

"กินข้าวไปเลยย"

"เหนะ ดุด้วยยย"

"อยากโดนซ้อมจิ้มหรือไง"

"เธอมันบ้าพลังงงง"

"นี่!"

ในระหว่างที่ฉันกับคนตรงหน้ากำลังกักกันเยี่ยงสุนัขโทรศัพท์ของเขาก็มีสายเข้ามา เขามองดูโทรศัพท์อย่างชั่งใจแต่สุดท้ายก็หยิบมันขึ้นมาดูพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม -*-

"มีอะไรหรือเปล่า"

"เอ่อ...ปะ...เปล่าคือเพื่อนโทรมาน่ะฉันขอตัวไปรับสายก่อนนะ"

ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินออกไปรับสายนอกระเบียง ฉันก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนไล่ดูฟีดเฟสไปเรื่อยๆ ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิด

"ฉันกลับห้องก่อนนะ"

"ฮะ"

ฉันลุกขึ้นเดินตามไป เขาก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าฉัน

"เดี๋ยวก่อนเธอเป็นอะไร"

"ฉันไม่ได้เป็นไร"

"กลับมาคุยกันก่อนสิเกิดอะไรขึ้น"

"ก็ฉันบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไงเล่า! เธอไม่เข้าใจหรอกยัยซื่อบื้อเอ้ย! เธอจะไปรู้อะไรแม้แต่..."

"นี่ปอย!"

เขาหยุดกึกเมื่อได้ยินชื่อของเขาจากปากของฉันเป็นครั้งแรก ปอยหันหน้ามามองฉันแบบนิ่งๆบนใบหน้าองเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า

"เธอเรียกชื่อฉัน..."

"ใช่ฉันเรียกชื่อเธอ ทำไมฉันจะไม่รู้จักเธอดีพอล่ะ ตอนนี้ฉัoรู้ชื่อเธอแล้วเธอต่างหากที่ไม่รู้จักฉัน"

"ตะ..แต่ว่า"

"มีอะไรเธอก็บอกฉันได้เสมอเลยนะเพราะตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนี่"

ปอยยิ้มออกมาทั้งน้ำตาโผล่กอดฉันแน่นร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็ก ฉันค่อยๆเลื่อนขยับมือขึ้นมากอดเขาช้าๆ อ้าฟินนนน เฮ้ย! ฉันเปล่าคิดนะย่ะ = =

 

 

23:34 น.

ฉันมองดูนาฬิกาแขวนในห้องนอนปอยที่นั่งติดกับฉันยังคงถือกระดาษชิชชู่เป็นม้วนในมื้อจนตอนนี้ห้องของฉันเต็มไปด้วยกระดาษ กระดาษ และกระดาษ!!

"ฉันว่าเธอพอเหอะน่า"

"ฉันมันไม่ได้เรื่องเลยแค่แฟนบอกเลิกต้องเสียใจขนาดนี้"

"นี่เธอมีแฟนอยู่แล้วเหรอ"

(- -)(_ _)(- -)(_ _)

"แล้วเธอก็ไปจีบแพลนนี่นะ"

(- -)(_ _)(- -)(_ _)

"ทำไมเธอเป็นคนแบบนี้ฮะ"

"ก็ฉันรู้อยู่แล้วว่าจูนนี่คงจะบอกเลิกฉันอีกไม่นาน"

"แล้ว..."

"ตอนนี้เขาก็บอกเลิกฉันแล้ว ความจริงฉันก็อยากจะลองโสดอยู่เหมือนกันอยากรู้ว่าชีวิตคนโสดมันเป็นยังไง"

"ก็ลองดูดิ"

เขาหันหน้ามามองหน้าฉันแล้วยิ้มๆ ยิ้มอะไรว่ะเขินน่ะเนี่ย -/////-

"มองอะไร"

"มองไม่ได้รึไงย่ะ"

ฉันอมยิ้มออกมาดื้อๆอยู่ดีๆใจก็เต้นขึ้นมาซะงั้น กรี๊ดดดดดนี่หรือว่าฉันจะชอบเขาเข้าแล้วนะ ไม่ๆสลัดเอาความคิดชั่วๆนั่นออกไปซะ! แต่ฉันก็ต้องสติกระเจิงอีกรอบเมื่อ ปอยเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนแทบจมูกติดกัน ฉันเอนหน้าออกหนีแต่ยิ่งหนีเขาก็ยิ่งใกลฉันกลืนน้ำลายลงคอแทบฝืดพันกันไปหมดจนในที่สุดเขาก็...

"เธออาบนน้ำยังเนี่ย!" -..-

อิบ้า!!!!!!!!!!!!!!!!! ฉันผลักของปอยออกให้ห่างๆแล้วนั่งไขว่ห้างกอดอกตัวเองเบ้ปากออกอย่างหงุดหงิด คนบ้าอะไรกวนประสาทฉันได้ทุกยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการ

"ดูทำหน้าเข้ายังกับหมากินตูดไก่" ตูดไก่ = =

"......"

"อ่ะๆฉันไม่แกล้งเธอแล้วก็ได้ถือซะว่าเป็นค่าที่เลี้ยงข้าวเย็นฉันละกัน ฉันกลับห้องดีกว่า"

ปอยลุกขึ้นเปิดประตูออกไปจากห้องนอน ฉันชะเง้อมองดูเขาเดินออกไปอย่างๆเงียบๆ

 

 

 

15:33 น.

วันนี้เป็นวันที่ฉันโคตรจะเบื่อกับชีวิตที่มานั่งเรียนศิลปะ ปกติฉันเป็นคนเกลียดการวาดรูปเข้าไส้อยู่แล้วแต่ดันต้องมานั่งเรียน 

"แก.."

ฉันหันหน้าไปมองตูนณ์ที่จิ้มแขนขอฉัน

"เหม่ออะไรของแกเนี่ย รีบไปล้างพู่กันดีกว่า เดี๋ยวขึ้นไปเรียนวิชาต่อไปไม่ทันคาบสุดท้ายแล้วนะโว้ย"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา