Do good, For what?(ทำดีเพื่ออะไร)
เขียนโดย GasMask
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.40 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 23.52 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) Do good, For what?(ทำดีเพื่ออะไร)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคุณเคยสงสัยไหมว่าเราทำดีกันไปทำไม ทำดีแล้วได้อะไร ทั้งๆที่บางครั้ง บางคนเราไม่เห็นทำดีแต่ก็ได้ดี เจอแต่สิ่งดีๆเหมือนกัน
ทว่าบางที เราอาจจะแค่ทำดี เพื่อใครบางคนเท่านั้นเอง
Do good, For what?(ทำดีเพื่ออะไร)
ณ บ้านหลังหนึ่ง ครอบครัวหนึ่งกำลังดูทีวีอยู่
“ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเสียนี่อะไร ดูที่เด็กน้อยคนนี่สิครับเธอผอมจนเหลือแต่กระดูก ผมที่เคยดำยาว และงดงามของเธอตอนนี่ไม่มีเหลืออีกแล้วเพราะเธอป่วยเป็นโรค ลูคีเมีย ตอนนี่เธอต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่งจากทุกๆ ท่านขอเพียงแค่คุณผู้ชมร่วมกันมาบริจาคกระดูกสันหลังเพื่อเธอ...”
“เด็กคนนั่นน่าสงสารจังเลยนะคะพ่อคะ”หญิงสาวพูดขึ้น ในขณะนั่งกินข้าวพร้อมพ่อกับแม่หน้าทีวี สายตาของเธอนั่นแฝงความเวทนาต่อเด็กผู้หญิงในทีวีอย่างเต็มเปี่ยม พอพ่อกับแม่เธอเห็นดังนั้น จึงรู้ทันทีว่าลูกสาวคนนี้ กำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างที่ขัดใจพวกตนอีกเป็นแน่
“เฮ้อ...นี่ลูกคงไม่คิดทำอะไรแผงๆ อีกใช่ไหม”ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่จะวางช้อนลงบนจานทั้งๆ ที่ข้าวยังเหลืออยู่ในจานกว่าครึ่ง
“แหมพ่อก็...”หญิงสาวพูดอย่างเหนียมอายเพราะพ่อเธอมักจะรู้ทันความคิดของเธอเสมอ
“เฮ้อ มีลูกเป็นคนแสนดีนี่ก็น่าเหนื่อยใจจริงๆ เลยนะคุณ”ผู้เป็นแม่พูดอย่างขบขันไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้เป็นห่วงลูกของเธอแต่เธอ ภูมิใจ ที่มีลูกเป็นคนดี
“แต่ว่าลูก พ่อได้ยินมาว่ามันอันตรายพอสมควรเลยไม่ใช่หรออาจจะ....อาจจะถึงแก่ชีวิตเลยก็ได้นะ”ผู้เป็นพ่อหน้าซีดเผือกขึ้นทันทีเมื่อเอ่ยคำว่า “ถึงแก่ชีวิต” ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่อยากให้ลูกตายก่อนตน หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะกุมมือพ่อกับแม่ของตนไว้อย่างแนบแน่น
“พ่อคะ แม่คะ หนูไม่เป็นอะไรหรอกคะเดี๋ยวนี้ คนทั่วโลกเขาก็ทำกันมันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว แล้วที่สำคัญบางทีไขสันหลังของหนูอาจจะตรงกับของเธอก็ได้นะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วหนูไม่ไปบริจาคแล้วเด็กน้อยคนนั่นเกิดตายขึ้นมา หนูไม่ใช่หรอที่จะกลายเป็นคนฆ่าเด็กคนนั่นทางอ้อม นะคะพ่อให้หนูไปบริจาคเถอะนะคะ”
ผู้เป็นพ่อจ้องมองสายตาของลูกสาวอย่างอ่อนโยนและเหนื่อยใจ เขายิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะพูดว่า “เอาเถอะลูก....” เขาพูดพร้อมตักกับข้าวรอบโต๊ะไปไว้ในจานของลูกสาวจนพูนจาน “...แต่ลูกต้องกินเยอะๆนะ ไขสันหลังลูกจะได้แข็งแรง ถ้าเด็กคนนั่นเอาไขสันหลังอ่อนแอไปเดี๋ยวจะไม่สบายอีก”
ลูกสาวหัวเราะดังคิกคัก เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ากินข้าวเยอะๆ แล้วกระดูกสันหลังจะแข็งแรง “โถพ่อหนูกลัวว่าถ้าหนูอ้วนมากๆ กระดูกสันหลังหนูจะหักเอานะสิ” เมื่อหญิงสาวพูดจบ ทั้งบ้านได้อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ
เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ณ โรงพยาบาล นางพยาบาล คนหนึ่ง
เธอได้หยิบชุดขาวแสนบริสุทธิ์ออกมาจากตู้เสื้อผ้า จ้องมองมันอย่างภาคภูมิใจ เพราะนี่คือความฝันตั้งแต่เยาว์วัยของเธอคือ การเป็น นางพยาบาล แต่วันนี่เธอรู้สึกเหนื่อยใจกว่าทุกวันเพราะไม่มีใครมาบริจาค ไขกระดูกสันหลังให้เด็กผู้หญิงคนที่ออกข่าวเลยสักคน จะมีก็แต่พวก นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลกันเองเท่านั่น
“อ๊ะ....” เธออุทานขึ้นเพราะเธอเกือบลืมไปว่า ยังมีเขา แฟนของเธอ เมื่อเธอคิดถึงเขาก็อดยิ้มไม่ได้เพราะ ตอนที่เขามาจีบเธอใหม่ๆเขามักจะ “ป่วยการเมือง” เข้ามาเสมอ ถึงแม้นางพยาบาลคนอื่นจะดูอาการให้เขาก็มักจะร้องไห้ งอแงเหมือนเด็กๆ เอาแต่บอกว่าจะให้เธอดูอาการให้เท่านั่น
หมวกสีขาวถูกสวมใส่ เครื่องหมายบวกสีแดงบนหมวกบ่งบอกถึงอาชีพที่เธอภูมิใจและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอจะได้ปฏิบัติหน้าที่จนสุดความสามารถอีกครั้ง
“เอ่อ ขอโทษนะคะ”หญิงสาวคนหนึ่งทักเธอในขณะที่เธอนั่งเฝ้าโต๊ะต้อนรับแทนเพื่อน หญิงสาวคนนี่ดู แข็งแรงดีทุกอย่างหรือเธอจะมาเยี่ยมใคร แต่นี่ก็เลยเวลาเยี่ยมมานานแล้ว แล้วเธอมาทำไมกันนะเธอจึงถามออกไปเพื่อคลายความสงสัย
“ค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ”
“ฉันมาบริจาคไขกระดูกสันหลังค่ะ”เมื่อเธอได้ยินคำตอบนั่นในใจของเธอลิงโลดขึ้นมาทันที ในที่สุดการออกอากาศก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ เด็กน้อยนั่นมีโอกาสรอดเพิ่มขึ้นแล้ว
“ค่ะ.....จริงหรอคะ!” เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
หญิงสาวตรงหน้า ยืนเกาจมูกด้วยความละอายก่อนถามว่า “เอ่อคงจะไม่ได้สินะคะ เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว...”
“ไม่ใช่คะ”เธอรีบพูดตัดบท “เดี๋ยวฉัน จะรีบโทรหาคุณหมอผู้เชียวชาญด้านนี่ให้นะคะ” เธอรีบหันหลังขวับไปกดโทรศัพท์
“ฮัลโหลค่ะ คุณหมอคะมีคนมาบริจาคกระดูกสันหลังแล้วคะ”เธอพูดอย่างลิงโลด แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงถอนหายใจ กับเสียงเพลงที่มีจังหวะรวดเร็วดังแทรกเข้ามา
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วผมจะนอน ค่อยให้เธอมาพรุ่งนี่ละกัน บอกไปตามนี่นะแค่นี่นะ”ก่อนที่คุณหมอคนนั่นจะวางเธอได้ยินเสียงกระซิบของหญิงสาววัยรุ่นพูดกระแหนะกระแหนกับหมอคนนั่นก่อนที่สายจะถูกตัดไป เธอแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ภรรยาหมอแน่นอนเพราะหล่อนแก่แล้ว และเธอแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ลูกหมอ เพราะเขามีลูกชาย เธอถอนหายใจอย่างอ่อนล้าก่อนที่จะหันกลับมาหาหญิงสาว
“ขอโทษนะคะคุณหมอไม่ว่างเลย คุณช่วยมาใหม่พรุ่งนี้ได้ไหมคะ”หญิงสาวตรงหน้าทำหน้าสลด ก่อนที่จะเอ่ยว่า
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเลิกงานเวลานี้ประจำและวันอาทิตย์ฉันต้องไปหาพ่อกับแม่ด้วย”เมื่อเธอได้ยินอย่างนั่นก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะนี่เป็นคนแรกเลยที่มาบริจาคแล้วอาจจะไม่มีอีกก็เป็นได้ ทันใดนั่นเธอนึกได้ว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เรายังมีคุณหมอท่านอื่นอีก ที่สำคัญฉันก็เคยช่วยเขาดูดไขกระดูกสันหลังมาแล้ว ไม่ยากหรอกค่ะเชื่อมือฉันเถอะค่ะ”
“หรอค่ะ จริงหรอคะ (คะ)ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวตรงหน้าพูดพร้อมเขย่ามือเธอไปมาอย่างมีความสุข คนที่ควรขอบคุณควรจะเป็นเธอต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอได้เห็นคนมีความสุขเพราะได้ช่วยคนอื่น ถ้าทุกคนเหมือนผู้หญิงคนนี่โลกคงจะสงบสุข
เวลาประมาณ ตี 3 ณ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่ง
เขาเฝ้าดูเวลา เกือบทุกเสี้ยววินาที เพราะเธอไม่ยอมกลับมาและโทรหาเขาเสียที ช่วยไม่ได้ที่เขาจะห่วงเธอขนาดนี่เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เขารัก เป็นนางพยาบาล และเป็นแฟนของเขา
เขานอนกลิ้งเกลือก กับฟูกบนพื้นไปมาอย่างกระวนกระวายใจ เธอเป็นอะไรหรือเปล่านะ เธอเจอเรื่องร้ายๆหรือเปล่า หรือเธอจะลื่นหกล้มตกบันไดที่โรงพยาบาล เธอยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งเครียดเขาจึงกดโทรศัพท์โทรหาเธออีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วกระมังคอยดูเถอะถ้าเธอกลับมาเมื่อไหร่จะว่าให้เข็ดเลย พอถึงตรงนี่เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เพราะทุกครั้งที่เขาโกรธเขาจะทำท่าเขกกะโหลก เพียงแค่เขาง้างมือขึ้นเท่านั่นเธอก็จะทำคอหดเหมือนเต่าหลบเข้ากระดองหลับตาปี๋ กัดฟันแน่น ตัวสั่นระริก เห็นทีไรมักจะทำให้เขาหัวร่อท้องแข็งจนหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง เขาคิด
ตอนนี่เขาขอแค่ให้เธอไม่เป็นอะไรก็พอ เมื่อเขากดปุ่มโทรออกทันใดนั้น...
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันดังขึ้นจากทางหน้าประตู พร้อมกับเสียงดังกรอกแกรกเหมือนคนพยายามเปิดประตูเข้ามา หรือว่าจะเป็นเธอเขาคิด ถ้างั้นเธอก็น่าจะไขกุญแจเข้ามาสิ เขาเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออกด้วยใจระทึก เมื่อประตูนั่นเปิดออกที่เบื้องหน้าเขานั่นมีผู้หญิงในชุดขาวยืนอยู่ ทันใดนั่นเองเธอก็พรุ่งเข้าใส่เขาอย่างเต็มแรงจนเขาล้มลงไปกระแทกกับพื้น เขาเริ่มรู้สึกถึงความชื้นบริเวณหน้าอกของตน บริเวณที่หญิงสาวได้ซุกหน้าเอาไว้ เธอกำลังร้องไห้
“นี่...ที่รักเกิดอะไรขึ้นหรอ...” พอเขาถามเธอก็ร้องไห้โฮออกมา ร้องไห้อย่างคลุ้มคลั้งและแสนโศกเศร้า เขาไม่เคยเห็นแฟนของตนร้องไห้อย่างหนักหน่วงขนาด)ตั้งแต่วันนั่นวันที่เธอได้สูญเสีย พ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ เขาจึงปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาจนกว่าเธอจะพอใจโดยสองมือนั่นโอบกอดเธอไว้แนบกาย
เวลาผ่านไปจนแสงอาทิตย์อัสดงขึ้นมาจากขอบฟ้า เธอได้นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ในขณะที่เขาไม่ได้หลับเลย นิ้วนางข้างซ้ายที่สวมแหวนยังคงลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยนเหมือนต้องการกล่อมให้เธออยู่ในนิทรา ให้พักผ่อนและลืมเรื่องเลวร้ายนั่นไปเสีย แต่เธอกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมา และทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
“นี่เกิดอะไรขึ้นหรอ”เขาถาม
“ฉัน...ฉันทำ...ฉันทำคนไข้ตาย”เธอตอบ
เวลาประมาณ 6 โมงเช้า ณ คอนโดแห่งหนึ่ง นักข่าวคนหนึ่ง
กริ๊งๆๆๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ข้างหูดังขึ้น ชายวัยกลางคนผู้หลับอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรับหูโทรศัพท์ เขาไม่หงุดหงิดหรือรู้สึกรำคาญกับเสียงนี่เลยเพราะมันเป็นงานของเขา งานของนักข่าว เขารู้ดีว่าพอเสียงโทรศัพท์นี่ดังขึ้น งานของเขานั่นได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ฮัลโหล” เขาพยายามพูดด้วยเสียงที่สุขุมเพื่อปิดบังความอ่อนล้าเอาไว้ เพื่อคนที่ปลายสายจะได้ไม่ดูถูกเขา
“สวัสดีครับ นี่คุณนักข่าวใช่ไหมครับผม “สาย” จากโรงพยาบาลนะครับ”
“ใช่ครับทำไมหรอครับ”
“...พอดีผมมีข่าวมาขายครับ มีคนตายที่โรงพยาบาลเราเมื่อเร็วๆนี่”คนตาย ใครตายอีกละ พวกเด็กแว้น พวกเมาแล้วขับหรือพวกวัยรุ่นหน้าโง่ตีกันตายอีกละ ทำไมต้องเอาข่าวไร้สาระอย่างนั่นมาแจ้งให้กูทราบด้วยวะ แต่จะว่าไปก็ไม่มีข่าวอุบัติเหตุหรือตีกันตายแจ้งเข้ามาเลยนี่หว่า แล้วใครวะที่ตายไป เขาคิด)
“ครับ แล้วใครเสียชีวิตหรอครับ”ถ้าเป็นข่าวไร้สาระละก็ พ่อจะด่าให้เข็ดเลย ทำไมไม่ไปบอกพวกนักข่าวกระจอกๆ ฟะ “อ๋อเป็นคนไข้ครับ”เสียงในสายได้กล่าวต่อ
“คนไข้….”ในใจเขาเริ่มรู้สึกเต้นระทึกขึ้นมาเขารู้สึกว่านี่จะเป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นอน
“ครับคนไข้ มาบริจาคไขกระดูกสันหลังครับแล้วตายเพราะหมอใช้เข็มไม่สะอาด จึงทำให้เธอติดเชื้อจนถึงแก่ชีวิต”เขาลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นด้วยความดีใจ นี่ละข่าวใหญ่ของเขา
“ขอบคุณครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี่ละ ขอบคุณมากนะครับคุณ “สาย” ผมจะตอบแทนอย่างงดงามแน่นอนไม่ต้องห่วง”
1 อาทิตย์ ต่อมาข่าวที่เขาได้ทำไว้ยังคงฉายอย่างทางโทรทัศน์เป็นข่าวที่เขาได้สัมภาษณ์นางพยาบาล ซึ่งในภายหลังคือผู้รับผิดชอบต่อการตายของหญิงสาวรายนี่ เหอะ โกหกทั้งเพในวันนั่นถ้ากูไม่ได้ผ่านไปคงจะไม่ได้ยินการจัดฉากของพวกแม่งหรอก จะว่าไปก็น่าสงสารนางพยาบาลคนนั่นนะที่ต้องมาเป็นแพะ ทั้งๆที่ตนเองไม่ผิด แต่ดันยอมรับผิดซะเองเพื่อที่ทางโรงพยาบาลจะได้ไม่ถูกฟ้องจนล้มละลายเป็นเหตุให้พนักงานนับพันต้องตกงาน “อุ๊บ หุๆๆๆ” คิดทีไรหัวเราะทุกทีเลยมันก็แค่ความเห็นแก่ตัวของพวกคนรวยที่ถูกไฟลนก้นแหละวะ แต่ก็น่าแค้นใจไอ้แฟนของผู้หญิงนั่นจริงๆ ดันมาต่อยกูได้นะ สมน้ำหน้าที่มึงต้องเข้าคุกแล้ว
ภาพบนจอทีวีได้ตัดจากภาพที่หญิงสาวโดนประณามด่าจากฝูงชนในขณะที่กำลังขึ้นศาลเป็นภาพของพ่อแม่ผู้ตายซึ่งกำลังร้องไห้อย่างโศกเศร้าและเล่าวีรกรรมความดีของบุตรสาวของตนจนชวนเรียกน้ำตา ซึ่งภาพนี่เขาเองก็เป็นผู้สัมภาษณ์ มันทำให้เขามีสิทธิ์ได้รางวัลไมค์ทองคำเลยทีเดียว ต้องขอบคุณเหตุการณ์นี่จริงๆ
“พ่อค่ะ คุณพ่อกำลังยิ้มอะไรหรอคะ”เด็กผู้หญิงเอ่ยถาม ในขณะที่มองเขา เขาก็มองตอบอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะลูบหัวของเธอ
“พ่อกำลังคิดว่าจะพาลูกไปสวนสนุกดีไหมอาทิตย์ หน้า”เมื่อลูกสาวได้ยินอย่างนั่นเธอก็กระโดดอย่างดีใจอย่างมีความสุขก่อนที่จะสวมกอดเขาและเขาก็สวมกอดเธอเช่นกัน
ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีวันให้ลูกไปบริจาคไขกระดูกสันหลังเด็ดขาด
1 อาทิตย์ ต่อมาเขาไม่ได้อยู่กับลูกสาวตามสัญญา แต่ต้องมายืนอยู่หน้าห้องอพารท์เมนท์แห่งหนึ่งด้วยใจที่หนักอึ้ง มาดนักข่าวที่เคยมีได้หายไปหมดเหลือแต่ความโศกเศร้าบนใบหน้าเพราะลูกที่เขาแสนรักได้เข้าโรงพยาบาล เพราะป่วยเป็น ลูคีเมีย เธอกำลังจะตายและเหมือนกรรมตามสนองคนที่จะช่วยลูกสาวเขาได้คือผู้ชายที่อยู่ในห้องนี่
....แอ๊ด.... เมื่อประตูได้ถูกเปิดออก ผู้ชายที่อยู่ข้างในนั่นมีใบหน้าที่อิดโรยเหมือนคนตายแต่พอเห็นคนที่หน้าประตูดวงตาของผู้ชายคนนั่นก็ลุกโซนไปด้วยความแค้น มันโผเข้าไปต่อยคนตรงหน้าประตูจนสุดแรงจนคนที่ถูกต่อยล้มลงไปกองกับพื้น ผู้ชายคนนั้นขึ้นค่อมเขาแล้วรัวหมัดไม่ยั้งก่อนที่จะตะโกนก้องว่า
“เอาเธอคืน มาไอ้เหี้ย เอาเธอคืนกูมา”ผู้ชายคนนั่นเริ่มร้องไห้ ในขณะที่ใช้แขนซึ่งอ่อนแรงทุบตีเขา เขาเองก็ร้องไห้เพราะพึ่งมาสำนึกถึงสิ่งที่ตนได้ทำไว้ “ฮึกๆ....ฮือ....เอาเธอคืนมา...เอาเธอคือมานะ...”เพราะเขาได้ทำให้นางพยาบาลคนนั่นฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะถูกส่งจำคุก....และเหมือนกรรมตามสนองที่คนที่กระดูกไขสันหลังตรงกับลูกสาวเขาคือ ชายคนนี่ที่เป็นแฟนของนางพยาบาลคนนั้นซึ่งกำลังร้องไห้และทุบตีเขา “ขอร้องละช่วยลูกสาวผมด้วย ผมขอร้องจะทุบตีผมยังไงก็ได้ จะฆ่าผมให้ตายเลยก็ได้ผมยอมผมขอร้องละช่วยลูกสาวผมด้วย ฮึกๆ...ฮือ...ช่วยเธอด้วยเถอะ....ผมขอร้องละ...”เขาพูดทั้งน้ำตา ในขณะที่ผู้ชายคนนั่นเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองมายังเขาด้วยสายตาที่ไร้วิญญาณก่อนที่จะพูดว่า “ทีนี่มึงคงรู้แล้วว่ากูรู้สึกยังไง...สมแล้ว...สมควรแล้ว....”เขาลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้องก่อนที่จะล็อคประตู ในขณะเดียวกันประตูแห่งความหวังของเขาก็ถูกล็อคไปด้วยเช่นกัน
2 วันหลังจากนั้น ทีวีทั่วประเทศกำลังฉายข่าวเดียวกันเป็นข่าวของผู้ชายคนหนึ่ง
“นี่ไงครับ บุรุษผู้ได้ช่วยชีวิตของเด็กน้อย เอาไว้ด้วยการบริจาคไขกระดูกสันหลัง ทั้งๆที่พึ่งมีข่าวการเสียชีวิตเนื่องจากการบริจาคที่ผิดพลาดไป เอาละครับเราไปสัมภาษณ์เขากันเถอะ ขอโทษนะครับทำไมคุณถึงได้มาบริจาคหรอครับ” ผู้ชายคนนั่นหันหาไมค์อย่างเลื่อนลอยดวงตาของเขาเขียวคล้ำ เหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“เพราะ...เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งเคยบอกผมว่าคนเราควรทำดีเพื่ออะไร เธอบอกว่า “ถ้าโลกนี่ปราศจากความดี มันคงไม่น่าอยู่อย่างนี่และฉันก็คงไม่ได้อยู่กับคุณเพราะฉะนั่นฉันจึงทำดี เพื่อโลกและเพื่อเรา” ผมคิดว่าเธอคงโกรธผมแน่ๆถ้าผมไม่ช่วยผู้หญิงคนนี่เพราะความเห็นแก่ตัว”
“โอ้โหช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี่ ช่างน่ายินดีจริงๆ “โอ้โหช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี่ น่ายินดีจริงๆ และผมเชื่อครับว่านอกจากชายผู้นี้แล้วยังมีท่านผู้ชมอีกหลายท่านที่รับฟังข่าวนี้แล้วก็มีความสนใจในการบริจาคกระดูกไขสันหลังเช่นกัน อย่างไรก็ตามทางสื่อมวลชนของเราขอผนึกกำลังร่วมประชาสัมพันธ์ให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านมาบริจาคกระดูกไขสันหลังกัน สำหรับข่าวในช่วงต่อไปพบกับคุณxxxx oooo ที่จะมารายงานถึงการสละรางวัลไมค์ทองคำโดยการลาออกของนักข่าวท่านหนึ่งครับ...”
“....การทำดีบางครั้งก็ยากพอๆกับการทำเลว บางครั้งก็อันตรายพอๆกัน จนอาจถึงแก่ชีวิตได้แล้วทำไมเรายังทำอยู่และทำมันไปด้วยเหตุผลอันไดแท้จริงแล้วทำเพื่อหวังผลประโยชน์อันไดหรือไม่....แล้วพวกคุณละครับทำดีไปเพื่ออะไร….
………..กระผม ขอจบรายงานข่าวแต่เพียงเท่านี่ครับ ขอบคุณครับ” T,.T
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ