Unknown:ไม่เคยรู้ว่าเขารัก
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09.58 น.
แก้ไขเมื่อ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10.03 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) Unknown:ไม่เคยรู้ว่าเขารัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกล่องดนตรีใบเล็กสลักลวดลายสวยงามซึ่งตั้งวางโชว์อยู่บนชั้นตู้กระจกดูหรูหรานั่นเป็นของอีกหนึ่งชิ้นที่เพลงหมายตาไว้ เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาสำรวจดูให้ทั่ว มันคงจะดีถ้าหากได้เป็นเจ้าของกล่องดนตรีใบที่ว่านี้ทว่าหงายป้ายราคาขึ้นมาดูคิดว่าวางไวแบบเดิมเสียคงจะเหมาะกว่า อมรผู้เป็นพ่อเห็นเข้าจึงถามไถ่ลูกสาวหากเธอชอบเข้าคงได้ซื้อมอบให้ มิทันได้ตอบคำถามสักประโยคเดียวคนเป็นพ่อก็ไม่อยู่รอฟังเสียแล้ว เขาเลิกสนใจเพลงดื้อๆแล้วเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาสับเท้าถี่ยิบเพื่อไปหาลูกชายคนเล็กที่ร้องเรียกหาอยู่ไม่ห่างกันนัก แต่ก็เอาเถอะเพลงเองก็ชักจะเริ่มชิ้นแล้วที่พ่อสนใจคนอื่นมากกว่าตน
ข้าวตูน้องชายต่างมารดาของเพลงวัยสี่ขวบก็พบกับของที่ตนอยากได้เช่นกัน อมรพร้อมประเคนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับลูกชายคนนี้เพื่อเป็นของรางวัลที่เด็กชายสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสองได้จากการแข่งวิงกรีฑาที่โรงเรียน อมรกับเนตรนภายินดีกับรางวัลนี้เสียเต็มประดา ว่ากันตรงๆก็แค่ที่สามไม่ใช่ที่หนึ่งเสียหน่อยทีกับลูกสาวคนโตไม่เห็นจะต้องจัดงานเลี้ยงฉลองให้เป็นเรื่องเป็นราว มิหนำซ้ำยังซื้อของขวัญราคาแพงให้อีก แถมตบท้ายด้วยการเลี้ยงมื้อใหญ่ถึงภัตตาคารหรูฟู่ฟ่า เช่นนี้จะไม่ให้ลูกสาวอย่างเพลงคิดน้อยใจพ่อบังเกิดเกล้าได้อย่างไร
จะว่าไปก็ราวห้าปีแล้วที่เพลงรู้สึกว่าตัวเองถูกแย้งความรักที่เธอสมควรจะได้รับไป ถ้าหากแม่ยังมีชีวิตอยู่เธอคงได้รับความรักความเอาใจใส่อย่างเต็มที่ แต่โชคร้ายที่แม่ของเพลงดันมาด่วนจากไปเสียก่อน และต่อมาไม่นานอมรเองก็แต่งงานใหม่ มีภรรยาใหม่และมีลูกใหม่ เพลงเองในตอนนั้นก็ตั้งตัวแทบไม่ทันเหมือนกัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเร็วเกินไปสำหรับเด็กสิบขวบในวัยนั้นที่อยู่ๆจะมีใครคนอื่นเข้ามาในชีวิต ‘แม่’ คือสิ่งที่หญิงแปลกหน้าคนนั้นพยายามจะยัดเยียดให้ในตลอดมาแต่เพลงเองก็ไม่เคยแยแสกับสิ่งเหล่านั้นเลย เธอคือลูกคนเดียวและที่สำคัญเธอก็มีแม่แค่คนเดียวเท่านั้น นั่นเองจึงทำให้เพลงเลือกที่จะปฏิเสธทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับเนตรนภาและข้าวตู ผิดกับอีกฝ่ายที่เอ็นดูเด็กสาวตั้งแต่ในวันแรกที่พบหน้า ในสายตาของเนตรนภาแล้วเพลงก็มิต่างจากลูกในไส้คนหนึ่ง
เนตรนภาจำได้แม่นว่ากุ้งตัวโตๆเป็นสิ่งที่เพลงโปรดปรานมากที่สุด ไม่รอช้าจึงตักใส่จานให้ลูกสาว ‘แม่จำได้ว่าเพลงชอบ’ เนตรนภาบอกด้วยรอยยิ้มทว่าเพลงกลับเขี่ยกุ้งไปที่ขอบจานอย่างไม่สนใจ ‘ทำไมไม่ทานล่ะลูก’ อมรหันไปถาม เขาจ้องหน้าลูกสาวเขม็งกับพฤติกรรมไม่น่ารักของเธอ เพลงจึงรีบสวนกลับมา ‘กุ้งปลอมหรือเปล่าก็ไม่รู้ บังเอิญว่าเพลงก็ไม่ชอบอะไรที่จอมปลอมซะด้วยสิคะ’ เพลงมองไปที่เนตรนภาตอนที่พูดประโยคนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจว่าใส่ใครนั่นทำเอาอมรเลือดขึ้นหน้า ดีที่เนตรนภาปรามไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้เปิดศึกกลางโต๊ะอาหาร
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เนตรนภาถูกเพลงแผงฤทธิ์เดชใส่ เพราะตลอดมาเด็กสาวพยายามต่อต้านหล่อนทุกวิถีทาง แม้ว่าเนตรนภาเองจะทำดีด้วยเพื่อพิสูจน์ความจริงใจแต่เรื่องก็มักจะจบลงแบบไม่สวยนัก ในมุมของเพลงแล้วเหล่านั้นก็แค่ละครฉากหนึ่ง แสร้งทำดีเข้าใส่หวังเอาใจพ่อตนเสียมากกว่า
เพลงมักจะเป็นหวัดอยู่บ่อยๆโดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกทีไรได้ต้องเป็นหวัดหนักทุกที อย่างเช้านี้ก็หนีไม่พ้นน้ำมูกไหลจนทานข้าวไม่อร่อย เห็นทีคงต้องหายาทานบรรเทาอาการเสียแล้ว เพลงเดินสั่งน้ำมูกไปตลอดทางจนถึงตู้ยา บังเอิญพบเนตรนภาอยู่ที่นั่นด้วยแต่เพลงทำทีไม่สนใจ คว้ายามาได้ขวดหนึ่งแล้วจะเดินกลับไปทว่าเนตรนภาเรียกเอาไวเสียก่อน ‘เป็นหวัดแต่กลับจะทานยาแก้ปวดท้องหรือจ๊ะ’ เนตรนภาอดยิ้มไม่ได้ในเมื่อยาที่อยู่ในมือลูกสาวเป็นยาแก้ปวดท้องแทนที่จะเป็นยาแก้หวัดตามที่เจ้าตัวตั้งใจ ได้ยินอย่างนั้นเพลงจึงรีบอ่านฉลากยาแล้วก็พบว่าเป็นตามนั้น ‘ที่ถูกต้อง ต้องแบบนี้นะจ๊ะ’ เนตรนภาบอกแล้วส่งแก้วยาที่เตรียมไว้ยื่นให้เพลงซึ่งอันที่จริงแล้วเนตรนภาตั้งใจจัดยานี้เอาไว้ให้เพลงตั้งแต่แรกอยู่แล้วทว่าบังเอิญเธอมาพบเข้าเสียก่อน ฝ่ายคนเป็นหวัดรับยามาก็บอกขอบคุณเสียงห้วนไม่รื่นหูนัก หันหลังจะเดินกลับเนตรนภาก็เรียกเอาไว้อีก เพลงหันมาสีหน้ามุ่ยแล้วคิ้วที่ขมวดพันกันยุ่งเหยิงก็คลายออกเมื่อปรากฏผ้าเช็ดหน้าที่พับอย่างเรียบร้อยในมือของเนตรภาตรงหน้า 'เอาติดตัวไปโรงเรียนด้วยนะจ๊ะ' เนตรนภาว่าก่อนจะยัดผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวใส่มือของเพลงก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยปากปฏิเสธแล้วจึงดึงผ้าเช็ดหน้าผืนที่เพลงใช้สั่งน้ำมูกจนเปียกแฉะไป ‘ส่วนผืนนี้แม่จะซักให้เองนะ’ เนตรนภาบอกด้วยรอยยิ้มแล้วขยับเดินห่างออกไปในทันที
ในเย็นวันนั้นเพลงกลับมาที่ห้องนอนของตนแล้วพบว่าเจ้าโบโบ้ตุ๊กตาหมีตัวโปรดได้หายไปจากบนเตียง เธอมั่นใจว่าเป็นข้าวตูที่เอาไปไม่ผิดแน่ ว่าแล้วจึงตามตัวเพื่อเอาเรื่องซึ่งในขณะนั้นเองข้าวตูก็กำลังทำการบ้านอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก เพลงเดินกระทืบเท้าเสียงดังมาแต่ไกล มาถึงก็ถามหาตุ๊กตาของเธอจากข้าวตู เด็กชายเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไร้เดียงสาแต่ถึงอย่างไรเพลงก็เชื่อสนิทว่าข้าวตูจะต้องซ่อนโบโบ้เอาไว้ที่ไหนสักแห่งว่าแล้วเพลงจึงลงมือรื้อค้นข้าวของจนกระจัดกระจายเต็มพื้น ผลสุดท้ายก็ไม่พบเพลงโมโหสุดขีดผลักข้าวตูเต็มแรงจนเด็กชายเสียหลักล้มลงพื้น ข้าวตูร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ เนตรนภาได้ยินเสียงร้องของข้าวตูจึงรีบวิ่งปรี่เข้าไปหาประครองตัวลูกชายซุกไว้แนบอก ถามไถ่เรื่องราวจากอีกฝ่ายที่ยืนดูอยู่จึงได้ความ เนตรนภาปลอบข้าวตูจนยอมหยุดร้องไห้ก่อนจะเดินไปหยิบตุ๊กตาของเพลงที่หล่อนเป็นคนนำไปกลับมาคืนให้ ‘แม่เห็นว่ามันขาด แม่ก็เลยเอามาเย็บให้’ เนตรนภาบอกถึงเหตุผลหล่อนไม่คาดคิดว่าความหวังดีของตัวเองจะทำให้เพลงไม่พอใจได้มากขนาดนี้ และอันที่จริงเนตรนภาก็ทำมากกว่าการเย็บส่วนที่ขาดลุ้ยจนเห็นเนื้อนุ่นข้างในนั่นคือการเย็บชุดสวยให้โบโบ้ได้ใส่ จะว่าไปแล้วโบ้โบ้ในแบบนี้ก็ดูดีกว่าแบบเก่าตั้งมากทว่าเพลงกลับวางท่าว่าไม่พอใจเอามากๆทั้งที่ลึกๆแล้วเธอก็อดจะปันใจชอบโบโบ้ในแบบนี้ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเนตรนภาก็ไม่ควรเข้ามายุ่งวุ่นวายกับของส่วนตัวของเธอ เพลงจึงสั่งห้ามไม่ให้เนตรนภาเข้าไปยุ่งย่ามกับห้องของตนอีกโดยเด็ดขาด
นับว่าเป็นวันที่เพลงมาโรงเรียนแล้วรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ วันสุดท้ายของการเปิดรับผลงานภาพวาด การประกวดที่เพลงเฝ้าฝันและหวังเอาไว้มากแต่แล้วเพลงก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าภาพวาดฝีมือเธอได้หายไปจากกระเป๋าหรือบางทีมันอาจจะตกอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพลงเดินย้อนกลับไปตามทางที่เดินผ่านมาเผื่อว่าบางทีตนอาจจะเผลอทำภาพตกหล่นอยู่แถวนั้นก็ได้ทว่าก็ไม่พบอยู่ดี เห็นทีความหวังของเพลงคงจะต้องจบลงแล้วจริงๆแต่เนตรนภาก็ทำให้เพลงต้องตกใจเมื่อหล่อนมาปรากฏตัวที่โรงเรียนพร้อมกับภาพวาดใบนั้น เนตรนภาพบว่ามันตกอยู่บนรถจำได้ว่าเป็นของเพลงจึงกะจะนำไปให้เจ้าตัวที่โรงเรียนเพราะเห็นว่าอาจเป็นงานสำคัญ แม้ฝนจะโหมกระหน่ำจนอมรปรามว่าอาจเกิดอันตรายได้หากฝืนขับฝ่าออกไปแบบนี้แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดเนตรนภาได้ น่าแปลกที่เนตรนภาตัวเปียกปอนแต่บนภาพกลับไม่มีรอยหยดน้ำแม้แต่สักหยด ซึ่งนั่นก็พอที่จะทำให้รู้ว่าหล่อนพยายามปกป้องภาพนั้นไว้ขนาดนั้น นั่นเองจำทำให้เพลงส่งภาพได้ทันก่อนหมดเวลาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น
เนตรนภานั่งอยู่ที่หน้าบ้านกำลังทำความสะอาดรองเท้านักเรียนของเพลงที่เปื้อนโขนเคอะ เพลงแอบมองอยู่ห่างๆเห็นเนตรนภาจามเสียงดังและหล่อนจามถี่ขึ้นทุกขณะซึ่งนั่นเป็นผลมาจากการที่ต้องตากฝนในวันนั้น เพลงรู้ตัวดีว่าเธออาจเป็นต้นเหตุดังกล่องจึงเดินเข้าไปหาหากแต่กล่าวทักทายด้วยประโยคที่ออกไปทางตำหนิคนฟังเสียมากกว่า ‘มัวดูแลแต่คนอื่นทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง’ เพลงมาปรากฏตัวตรงหน้าเนตรนภาพร้อมกับยาแก้หวัดและน้ำต้มสุกซึ่งกำลังอุ่นๆ เนตรนภาหยิบยาใส่เข้าปากแล้วดื่มน้ำตามจนหมดแก้วก่อนจะกล่าวขึ้นว่า ‘แม่ว่าจะทานหลังจากที่ทำความสะอาดร้องเท้าเพลงเสร็จน่ะจ๊ะ’ เนตรนภาบอกด้วยรอยยิ้มแล้วก้มหน้าลงมือเช็ดคราบโคลนที่เกาะอยู่บนผิวรองเท้าต่อ เพลงนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว มองไปที่รองเท้าของตนที่อยู่ในมือของเนตรนภา ‘ไม่ต้องทำดีกับหนูถึงขนาดนี้ก็ได้ ยังไงคุณก็ไม่มีทางมาแทนที่แม่ของหนู’ ขาดคำเพลงก็เอื้อมมือไปหยิบรองเท้าของเธอซึ่งยังมีโคลนติดอยู่มาจากมือของเนตรนภา ‘แม่ไม่เคยคิดว่าแม่จะมาแทนที่ใครหรอกนะ ที่แม่ทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าแม่รักและหวังดีกับเพลง’ เพลงเบือนหน้าหนียิ้มแหยๆกับสิ่งที่เนตรนภาบอก ‘หนูไม่เคยเชื่อว่าแม่เสือจะเลี้ยงลูกกวางได้’ ‘แต่อะไรที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือจ๊ะ ดูอย่างแม่เสือยังเลี้ยงลูกหมูได้แล้วทำไมแม่จะรักเพลงไม่ได้ล่ะ’ เนตรนภาบอกในอีกแง่มุมหนึ่ง ‘แต่บางทีสิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่เป็นมันก็ต่างกันไม่ใช่หรอคะ แม่เสืออาจทำเป็นว่ารักลูกหมูแต่พอลับหลังมันก็อาจจะกำลังคบเขี้ยวอยากจะเคี้ยวเนื้อลูกหมูใจแทบขาด’ เพลงบอกทิ้งทายแล้วเดินจากไปพร้อมกับร้องเท้าของเธอ
หมู่นี้เพลงมักกลับบ้านมืดค่ำโดยที่เธออ้างว่าไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนแต่ว่ามันชักบ่อยเกินไปจนอมรรู้สึกสงสัยจึงตัดสินใจวางแผนสะกดรอยตามหลังจากที่เพลงเลิกเรียน ความจริงเปิดเผยขึ้นเมื่ออมรเห็นกับตาว่าเพลงขลุกอยู่กับเพื่อนชายรุ่นพี่ที่ผับแห่งหนึ่ง เมื่อเพลงกลับมาถึงบ้านอมรก็ตามตัวเธอมาเพื่อถามความจริง ทีแรกเพลงไม่ยอมรับและบอกเพียงว่าสหรัฐเป็นเพียงแค่เพื่อนรุ่นพี่ที่ตนสนิทก็เท่านั้นแต่พอถูกอมรกดดันมากเข้าจึงโพล่งออกมาจนหมดเปลือก
เพลงรู้ดีว่าถ้าอมรรู่ว่าเธอมีแฟนเขาจะต้องห้าม เธอจึงเลือกที่จะไม่บอกเขา และในสายตาของเพลง ณ ตอนนี้สหรัฐเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของเธอดีที่สุด เธออยู่ใกล้กับสหรัฐยังจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับอมรเสียอีก เหล่านั้นที่ออกมาจากปากของเพลงทำเอาอมรเลือดขึ้นหน้า เขาโกรธจัดจนถึงขั้นพลั้งมือตบหน้าลูกสาวทั้งที่เนตรนภาพยายามห้ามไว้แล้ว เพลงเสียใจมากวิ่งร้องไห้หนีขึ้นห้องขังตังเองไว้ในนั้น ส่วนอมรก็เสียไม่แพ้กัน เขาเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานหลังจากที่ฝากรอยช้ำไว้บนแก้มของลูกสาว
เพลงคิดโง่ๆด้วยการโทรนัดแนะให้สหรัฐเพื่อชายรุ่นพี่ซึ่งเธอคิดว่าเขาจะดูแลเธอได้ดีที่สุดในขณะนั้นให้มารับเพื่อพาเธอหนีไปในกลางดึกของคืนวันเกิดเหตุ แต่เนตรนภาบังเอิญไปพบเข้าตอนที่เพลงกำลังจะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ของสหรัฐ หล่อนพยายามขอร้องว่าไม่ให้เพลงไปแต่เพลงซึ่งกำลังเสียใจอีกทั้งยังน้อยใจอมรอยู่ไม่ยอมฟังเหตุผลใดทั้งสิ้น เพลงคิดลึกๆว่าเนตรนภาน่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำไปที่เธอไปให้พ้นๆทางเสียได้ หล่อนจะได้มีครอบครัวที่สุขสันต์สมใจ คิดได้เช่นนั้นจึงสะบัดมือของจากเนตรนภาหวังออกเพลงเพียงแค่อยากให้หล่อนปล่อยมือเท่านั้นทว่านั่นทำให้เนตรนภาเสียหลักล้มลงไปและที่ศีรษะของหล่อนมีเลือดไหลออกมา เพลงลังเลในทีแรกแต่ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะไปกับสหรัฐ
หลังทำแผลเสร็จเนตรนภาก็เว้าวอนอมรอีกครั้งเรื่องที่จะตามหาตัวเพลงแต่ชายหนุ่มยืนยันปฏิเสธคำเดิม เพลงทำตัวเหลวไหลยังไม่พอยังทำให้เนตรนภาต้องเจ็บตัวอีก ‘ในเมื่อมันเห็นคนอื่นดีกว่าพ่อของตัวเองก็ปล่อยมันไป’ อมรไม่คิดเปลี่ยนใจแต่เนตรนภาไม่อาจอยู่เฉยได้หล่อนจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาตัวเพลงให้พบโดยเร็วที่สุด หล่อนไม่ไว้ผู้ชายคนนั้นเอาเสียเลย หล่อนเห็นสายตาที่เขามองมาทางหล่อนมันไม่ใช่สายตาของความหวังดีเลยสักนิดหรือคิดง่ายๆถ้าเขาเป็นคนดีจริงอย่างที่เพลงบอกก็คงไม่พาเธอหนีไปแบบนี้ นั่นเป็นตรรกะง่ายๆที่เพลงอาจมองข้ามมันไป
เนตรนภาไปดักรอเพลงที่โรงเรียนถามไถ่ข่าวคราวของเธอจากเพื่อนๆแต่ก็ยังคงไร้วี่แวว เนตรนภาร้อนใจมากขึ้นเมื่อเพลงหายไปหลายวันโดยที่ไม่รู้ว่าเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร ส่วนอมรเองเมื่อความโกรธเริ่มเลือนหายก็อดนึกโทษตัวเองไม่ได้ว่าเขาไม่ควรทำรุนแรงแบบวันนั้น ในขณะที่ตำรวจเองก็ยังไมไม่ได้เบาะแสใดๆกระทั่งอยู่ๆเพลงก็โทรเข้ามาที่เครื่องของอมรแต่เนตรนภาเป็นคนรับสาย เสียงของเพลงในสายกำลังร้องขอความช่วยเหลือ เด็กสาวไม่พูดอะไรมากมายนอกเสียจากบอกจุดที่ตนเองถูกขังอยู่ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและร้องไห้ไปตลอดก่อนที่สายจะถูกตัดไป
เมื่อทราบเรื่องอมรกับเนตรนภาก็รีบตรงไปยังจุดเกิดเหตุที่ที่เพลงบอกพร้อมกับตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ที่ผับนั่นเองเพลงกำลังจะถูกขายให้กับเสี่ยร้านทองรายหนึ่งซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าเพลงถูกทำร้ายร่างกายนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ตำรวจรวบตัวเสี่ยร้านทองได้ในที่เกิดเหตุ พร้อมกันนั้นรีบนำตัวเพลงส่งโรงพยาบาล
อมรรีบเข้าดูอาการลูกสาวที่หลับไปเสียนาน ขณะนั้นเพลงกำลังนอนเพ้อร้องไห้ออกมาก่อนที่จะสะดุ้งลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าอมรเป็นคนแรกก็รีบพุ่งตัวเข้ากอดโดยที่ยังร้องไห้โฮออกมาไม่ยอมหยุด อมรปลอบลูกสาวที่อยู่ในอาการหวาดกลัว พอเพลงอาการดีขึ้นแล้วเธอก็ให้ปากคำกับตำรวจ เธอเล่าว่าสหรัฐขายเธอให้กับเสี่ยร้านทองรายนั้นโดยที่เธอไม่เต็มใจ นั่นเป็นเพียงรายละเอียดส่วนหนึ่งจากปากของเพลงแม้ว่าเธอจะไม่พึงใจนักที่จะต้องเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นแต่ปากคำของเธอก็นำไปสู่บทลงโทษของผู้ที่กระทำผิด
เพลงกลับมาพักฟื้นที่บ้าน แผลตามตัวและใบหน้าดีขึ้นเรื่อยๆ เพลงจึงถือโอกาสเข้าไปขอโทษอมรกับสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป อมรยกโทษให้แต่เพลงต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอีกซึ่งแน่นอนว่าเพลงเองก็คงจะเข็ดไปจนชั่วชีวิตนี้อีกแล้ว
เมื่ออมรกับเพลงเข้าใจกันดีแล้ว อมรจึงบอกความจริงว่าคนที่เพลงควรจะไปขอโทษและขอบคุณนั้นยังมีอีกคนหนึ่งและคนคนนั่นคือเนตรนภา อมรเล่าว่าตอนนั้นเนตรนภาร้อนใจมากแค่ไหนที่เพลงหายไป หล่อนไม่ได้ดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด และถ้าไม่ใช่เพราะเนตรนภาช่วยไว้ในวันนั้นป่านนี้เพลงก็ไม่รู้จะมีสภาพยังไง ทั้งหมดที่เล่ามาก็น่าจะพิสูจน์แล้วว่าเนตรนภารักและเป็นห่วงเพลงมากแค่ไหน
เพลงตั้งใจจะเข้าไปขอโทษเนตรนภาด้วยตัวเอง พวงมาลัยช่อสวยจะใช้แทนความรู้สึกทั้งหมดของเธอ ขณะนั้นเนตรนภากำลังทำอาหารอยู่ในครัว อมรเห็นเพลงยืนลังเลอยู่นานนมจึงผลักเธอให้เข้าไป เนตรนภาหันมา เห็นเพลงกำลังเดินเนิบเข้ามาใกล้ก่อนจะย่อตัวลงนั่งไปที่พื้นก้มกราบแนบเท้าของตนซึ่งยืนอยู่ เห็นเช่นนั้นจึงรีบปรามลูกสาว ‘ทำอะไรน่ะลูก’ เนตรนภารู้สึกตกใจที่เห็นเพลงกราบเท้าตน หล่อนประครองเพลงให้ลุกขึ้น ‘หนูอยากจะขอบคุณที่คุณช่วยหนูไว้ และขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว’ เพลงมองไปที่แผลที่ศีรษะของเนตรนภาอย่างสำนึกผิด ‘โถ่ ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยลูก แม่ไม่เคยโกรธเพลงเลยนะ’ เนตรนภาบอกตามความจริง ‘แปลว่าคุณยกโทษให้หนูหรอคะ’ เนตรนภาตอบด้วยรอยยิ้ม เพลงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก ‘เอ่อ คุณจะลังเกียจไหมคะถ้าหนูจะขอเรียกคุณว่าแม่ แม่ภา’ เนตรนภาฟังแล้วถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความรู้สึกตื่นตันใจที่ในวันนี้สิ่งที่หล่อนเฝ้าพิสูจน์ตัวเองมาตลอดก็สำฤทธิ์ผล
ที่ผ่านมาเพลงดื้อกับหล่อนมาเท่าไหร่ก็ไม่อาจเรียกน้ำตาจากหล่อนได้สักครั้งเว้นแต่ครั้งนี้และนี่เองนับเป็นครั้งแรกที่เนตรนภากอดเพลงได้อย่างเต็มอก ส่วนข้าวตูที่แอบดูอยู่ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจที่เห็นแม่กอดกับพี่สาวของเขา เด็กน้อยเดินเข้ามาพร้อมกับอมรหลังจากที่ทั้งสองนั่งลุ้นกันตัวโก่งอยู่นาน เพลงเรียกข้าวตูให้เข้ามาใกล้ เด็กน้อยเดินเข้าไปหาอย่างกลัวๆทว่าเพลงกลับดึงตัวน้องชายเข้ามาสวมกอดอันอบอุ่นท่ามกลางสายตาแห่งความยินดีของอมรและเนตรนภา
เพลงมองรูปแม่ของตัวเองที่ถืออยู่ในมือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามากมาย ‘เพลงคิดไม่ผิดใช่ไหมคะที่ให้โอกาสเขา แม่คงไม่โกรธเพลงที่เพลงเรียกเขาว่าแม่’ ลึกๆแล้วเพลงก็อดคิดเช่นที่พูดไม่ได้ เอาจริงๆเธอไม่ควรยกย่องคนอื่นเป็นแม่เสียด้วยซ้ำไป บังเอิญอมรมาได้ยินเข้าจึงเข้าไปหาลูกสาว เขานั่งลงข้างๆเธอเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น ‘พ่อว่าแม่เขาคงจะดีใจมากกว่านะ’ ‘จริงหรอคะ’ อมรลูบศีรษะของเพลงแล้วพยักหน้าเล็กๆก่อนจะหยิบรูปของแม่เพลงมาไว้ในมือตน ‘แม่เขาจะต้องดีใจที่จะมีใครอีกคนที่รักลูกของเขาและพร้อมจะดูแลลูกของเขาแทนเขา’ อมรหันมามองลูกสาว เพลงเงยหน้าสบตาพ่อของเธออย่างเชื่อใจ ‘พ่อเชื่อนะว่าแม่เขาจะต้องกำลังยิ้มให้เราอยู่บนสวรรค์’
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ