กับระเบิด

-

เขียนโดย วงวีวง

วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11.33 น.

  1
  2 วิจารณ์
  3,513 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) กับระเบิด(ตอนเดียวจบ)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  

   ไม่น่าเลยกู...ความคิดพลันแล่นเข้ามาในหัว นัยหนึ่งเป็นเพียงการตอกย้ำซ้ำเติมตนเองถึงความผิดพลาด ทว่าอีกนัยหนึ่ง มันก็ยังเป็นหลักยืนยัน ว่าเขายังไม่ตาย แต่สุดท้ายทำได้แค่คิด ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย ไม่เลยจริงๆ ร่างกายที่เกร็งนิ่งไม่ไหวติง โดยเฉพาะขาขวาซึ่งบัดนี้เมื่อยล้าเต็มทน สมควรจะได้รับการขยับยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายเป้นที่สุด แต่กลับตรงกันข้าม ต้องรับภาระหนักสุดกว่าอวัยวะอื่นๆ ชุดลายพรางเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เป็นป่าทึบ เต็มไปด้วยเหงื่อ เพราะความเหนื่อย ร้อน และระทึกในใจ เครื่องแต่งกายสื่อได้ว่าเขาคือทหาร ร้อยตรีหัสชัย ถูกมอบหมายให้นำผู้ใต้บังคับบัญชามาปฏิบัติภารกิจ ณ ที่แห่งนี้ หากแต่สภาพเขาตอนนี้ มันไม่ได้เป็นไปตามแบบที่ควรเป็น มือของทหารหนุ่มนั้นไร้ปืน ใช่แล้ว ปืน.. ปืนเอสเค33 ปืนคู่ใจ.. "ทหารถ้าขาดปืนหรืออาวุธก็ไร้ค่า กลายเป็นพลเรือนธรรมดา เพราะการสู้รบนั้นหนาต้องใช้ปืน" คำพูดของครูฝึกรุ่นเก๋าถูกหวดรำลึกกลับ ราวเหมือนกระซิบผ่านข้างหู หากแต่ขณะนี้เขาคงเป็นไม่ได้แม้แต่คนธรรมดา ได้เป็นเพียงแต่เป้านิ่ง ที่รอการถูกส่องยิงจากข้าศึก....

     "กริ๊ก!! เดี๋ยว!!" เสียงหนึ่งตะโกน

     "มีอะไรวะ จะแหกปากทำไม" อีกเสียงตอบรับ เหล่าชายฉกรรจ์ 7 คนในชุดลายพรางท่ามกลางป่าเขาต่างหยุดเดิน

     "กูว่ากูเหยียบกับระเบิด" เขาตอบคำถาม

     "ชิบหาย"เสียงที่สามอุทานขึ้น พร้อมเสียงอื่นๆที่ดังก้องอยู่ในใจของคนอีกจำนวน

     "แน่ใจเหรอ"

     "แน่"

    "รู้ได้ไง มิงเคยเหยียบเหรอ กิ่งไม้หรือเปล่า"

     "ลองมายืนข้างๆกูมั้ยล่ะ เดี๋ยวลองยกให้ดู" เป็นบทสนทนาของคนสองคน เขาดูมีอำนาจ แม่จะอายุน้องกว่า ชายที่อุทาน และคนอื่นๆในบริเวณ

     "ไม่แปลกหลอกคับผม เยื้องทางข้างหน้านี้มีหมู่บ้านชาวชนเผ่าอยู่ คงถูกวางไว้กันพวกโจรชนเผ่าหรือพวกค้ายา ที่จะรุกราน" ผู้ที่อุทานเอ่ยขึ้น คราวนี้เป็นเชิงมีสาระ มิใช่เพียงคำหยาบคายอย่างที่เคยหลุดปาก

     "แล้วจะทำอย่างไร" ผู้ที่ยังเป็นอิสระในจุดยืนเอ่ยถาม

     "พวกผมก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้มากด้วยสิ แต่ขอแนะนำว่าให้พยุงน้ำหนักของขาไว้คับผม โชคดีที่ไม่ใช่แบบลวดสะดุด หรือแบบที่เหยียบแล้วเข้มแทงชะนวนทำงานเลยทันที"

     "กู้ได้มั้ย"คราวนี้ผู้ที่ดูเหมือนจะมีความกังวลใจมากที่สุดกล่าว เขาเอ่ยพลางมองไปที่ฝ่ารองเท้าคอมเเบตของตน

     "คนวางน่าจะต้องรู้วิธีเก็บกู้ แต่เดินเท้าไปก็ร่วมครึ่งวัน เพราะเราไม่ชำนาญพื้นที่"

     "เอาไงดี.."บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดี ทำไมกัน มันถึงจะมาพังแบบนี้

     "ไอ้พวกเวรนั่นเริ่มหากินตอนฟ้ามืดใช่ไหม"คนผู้รับเคราะห์เอ่ย เขาหมายถึง พวกที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ไม่ใช่คนวางกับระเบิด แต่เป็นคนที่ทำให้ต้องเกิดการวางกับระเบิด พวกโจรชนเผ่า

     "ใช่คับ ภารกิจจึงถูกกำหนดให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน" อีกคนหนึ่งเสริมขึ้น

     "งั้นมิงไปกันเลย"

     "ไปไหน ไอ้สัสหัส มิงจะบ้าหรือเปล่า"

   "ไอ้กริชมิงเป็นหัวหน้าแทนกู นำทุกนายไปปฏิบัติภารกิจต่อ"

     "ภารกิจค้นรังหนูผีเก่าๆ ที่อยู่ห่างข้างหน้าแค่เดินชั่วโมงกว่า กับชีวิตหน้าหน้าชุดปฏิบัติการ กูรู้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน"

     "อย่าพูดอย่างนี้ ภารกิจสำคัญที่สุด เราจะไม่ออกนอกเส้นทาง"บรรยากาศเริ่มตึ่งเครียด ผู้ใต้บังคับบัญชามองหน้ากันเหลอหรา เขารู้ว่าชายหนุ่มทั้งสอง แม้จะอายุอ่อนกว่าพวกเขาเกือบสิบปี แต่ก็ผ่านสถานการณ์จริงมาโดยโชคโชนหลายสมรภูมิ จึงได้รับการไว้ใจจากผู้ใหญ่ เลือกให้เป็นหัวหน้า และรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการ

       "ถ้าเราให้พวกชาวบ้านมาหาเราเองล่ะ พวกที่วางระเบิด จะมีปัญหาอะไรมั้ย" คนชื่อกริชเอ่ยถามลอยๆ

       "ไม่น่ามีคับผม ชนเผ่านี้รักความสงบ ไม่เคยกระทบกระทั่งกับทางรัฐ อันที่จริงพวกเขาออกจะเป็นชนเผ่าที่แบ่งแยก ขาดการติดต่อกับเผ่าอื่นๆ แต่แค่จะช่วยเหลือคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง"ผู้ใต้บังคับบัญชารายงาน ตามคำถาม

       "ผมขอเสนอครับหัวหน้าหัสชัย" เป็นเสียงพูดของบุคคุลคนเดิมที่ถูกเรียกว่ากริช แต่คราวนี้จริงจังขึ้น จนสรรพนามเรียกแทนตนและคู่สนทนาเปลี่ยนไป

       "ว่ามา"คนเป็นหัวหน้าตอบรับฟัง ท่าทางดูเคร่งขรึมขึ้นเช่นกัน

       "ภารกิจจะไม่ยกเลิก แต่เราอาจไปขอความช่วยเหลือจากชนเผ่าก่อน หาคนที่เก็บกู้ระเบิดได้มาช่วยคุณ พักหนึ่งคืน ก่อนจะเริ่มภารกิจในรุ่งเช้า" ข้อเสนอถูกบรรยายออกมาอย่างเป็นลำดับ

         "และผมมีอีกข้อเสนอด้วย"เขากล่าวต่อ

         "ว่ามา" อณุญาติ

         "ถ้าเราให้เขามาหาน่าจะเร็วกว่า เพราะเขาชำนาญพื้นที่"

         "เราไม่สามารถติดต่อเขาโดยวิทยุสื่อสารได้"

         "งั้นโดยวิธีอื่นละคับ วิธีที่พวกเขาจะต้องมาอยู่แล้ว" ทุกคนนิ่งคิดตามเจ้าของเสียงที่เพิ่งพูดจบ และในที่สุดก็มีผู้คิดตามทัน แต่กลับไปปฏิบัติตาม

           "วิธีใช้เสียงดังจากปืน หรือระเบิดมือเรียกพวกเขามา อย่าแม้แต่จะคิด ไม่มีหลักยืนยันว่าเขาจะมาแน่ ถึงแม้จะเป็นไปได้สูงที่เขาจะมาตรวจเช็คการบุกรุกที่ของเผ่า แต่ก็เป็นไปได้สูงที่จะเรียกไอ้พวกห่านั่นออกมาก่อนเวลาเหมือนกัน" ไม่น่าเชื่อ ถ้อยคำถูกพูดโดยผู้ที่ควรจะได้รับประโยชน์มากที่สุด เล่นเอาคนเสนอแนวคิดคอตกไปเลย และเรียกความอึมครึมของสถานการณ์ให้ตั้งตระหง่านขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับกำแพงที่ต้องผ่านไปให้พ้น

           "ถ้าอย่างนั้นก็ปฏิบัติตามแผนที่หนึ่งที่ผมเสนอกันเถอะครับหัวหน้า คิดว่าผมขอร้อง ทั้งในฐานะรองและเพื่อนตายของคุณ..."

           กริชยังจะเสนอให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนกับหัวหน้าหน่วย หรือไอ้หัส หรือไอ้เกลอร่วมทุกข์ร่วมสุขของเขาด้วย แต่นอกจากหัสชัยจะไม่รับข้อเสนอแล้ว ยังยัดเยียดทั้งปืนเล็กยาว และซ้องกระสุนให้พวกกริชไปทั้งหมด เพราะรู็ว่าผู้ที่รุดหน้าไป มีโอกาสปะทะสู่งกว่ามาก ในสถานการณ์ลำบากที่เขาไม่ได้เตรียมตัวมาเผื่อ จากการเหลือบดูนาฬิกาครึ่งแรก เวลา17.05 น. หลังจากพรรคพวกเคลื่อนกำลังไป จนบัดนนี้ 19.20น. เขาจำทุกวินาทีที่เขาเหลือบดูจากนาฬิกาข้อมือได้ ราวกับว่ามันผ่านไปแสนจะเชื่องช้า ขาที่แสนจะอ่อนล้านี้ จะทนได้นานเท่าไหร่กันนะ

           "ซวบๆ!!" เสียงพงหญ้าไหว ราวกับมีตัวอะไรเคลื่อนผ่าน หัสชัยชักปืนcolt.45สีดำออกจากซอง มันเป็นปืนสำรอง เขาไม่ได้ให้พวกกริชไป ป้องไฟเรืองแสงในนาฬิกาข้อมือให้มืดดับลง เขาใช้มือปิดป้องมันทุกครั้งเมื่อจะดูเวลา เพราะรู้ว่าป่าในฤดูหนาวย่อมมืดเร็วและมืดกว่าเดิมหลายเท่า แสงเพียงนิดทำให้รู้ถึงตำแหน่งกันได้เลย ไม่คิดว่าศัตรูจะสังเกตุเห็นได้ เขามั่นใจว่าใช้ความระมัดระวังระวังเต็มที่แล้ว

           "ซวบๆๆ!!" เสียงดังขึ้นอีก และชัดเจนยิ่งขึ้น หัสชัยที่เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เบนปืนไปในทิศทางของเสียงทันที!! แทบจะทับซ้อนกันซึ่งสองเสียง เสียงปืนกดทับเสียงแหวกพงหญ้าเดิม

             "ปั่ง!!" ปลอกกระสุน.45ถูกดีดอกไปจากรังเพลิง ในขนาดที่ลูกตะกั่ววิ่งผ่านลำกล้อง!!

             "ตุ๊บ!!" เกิดอะไรขึ้น คล้ายเสียงของตกกระทบพื้น หรือคนล้มลง โดนหรือ!! โดนเป้าหมายใช่ไหม!!

             "ปั่งๆๆๆ!!" คราวนี้เสียงปืนดังขึ้นอีก ดังกว่าเดิม ยิงต่อเนื่องกว่าเดิม หัสชัยไม่รู้ว่าเขายิงโดนเป้าหมายไหม แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ ร่างเข้ากระตุกอย่างแรง เขาถูกยิง!!

             "อั่ค!!" เค้นเสียงข่มความเจ็บ ทหารหนุ่มเซถลาลงไปกับพื้น แต่ยังตั้งสติได้ด้วยประสบการณ์ที่เคยผ่าน เขากลิ้งตัวเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ตนหนึ่ง

             ไอ้ห่าเอ๊ย!! เป็นได้แค่เพียงคำสบถในใจ รู็สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บริเวณเอว และน่องด้านซ้าย แย่สุดๆ เลือดเริ่มไหลออกมาไม่หยุด แต่ก่อนที่จะไปสนใจสองบาดแผล เท้าขวาล่ะ เท้าขวาที่เหยียบกับระเบิดล่ะ แม้จะไม่ได้ยินเสียงระเบิดของกับระเบิดใต้พื้น และไม่มีความเจ็บปวดที่ขาขวา แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่วายตรวจสอบ เท้าขวาเขายังอยู่ดี ทำไมกัน!!

             เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง หัสชัยพยายามตั้งสติ เขากำลังถูกถล่ม เสดเปลือกไม้กระเด็นกระดอนเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนไรเฟิลจู่โจม มันเป็นต้นไม้ที่เขาใช้หมอบกำลังนั่นเอง มันถูกยิงมาจากด้านหลัง ทางนั่นสินะมิง!! มือไปไวกว่าความคิดเสียงอีก ปืนสั้นถูกตวัดเปลี่ยมทิศทาง และพ่นสาดกระสุนออกไปอีกสามนัด

             "ปั่งๆๆ!!" สิ้นเสียงจากการระเบิดดินปืนในปลอกกระสุน.45 ปืนอีกกระบอกในเงามืดเงียบไปสักพัก

             "ปั่งๆๆๆๆๆ!!" ยังคงยิ่งต่อมาอีก แต่คราวนี้สะเปอะสะปะ อย่างไรก็ตาม มันทำให้ทหารหนุ่มผู้เจนจัดการรบจับทิศทางที่แน่นอนได้แล้ว และยิงสู้

             "ปั่งๆ!!" คราวนี้เสียงเงียบ ถ้ามันยังคงยิงต่ออีก เขาก็คงจนปัญญาเสียแล้ว เพราะกระสุนเหลืออยู่ในรังเพลิงแค่นัดเดียว ในแม๊กกาซีนไม่ต้องพูดถึง หมดแล้ว และไม่มีแม๊กสำรอง สำหรับปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนสำรองอยู่แล้ว ในที่สุด เมื่อมั่นใจแล้วว่าศัตรูไม่ตอบโต้ บวกกับอยู่นิ่งเฉยอย่างนี้ทั้งคืนก็เลือดออกหมดตัวตายอยู่ดี หัสชัน หยิบไฟฉายเดินป่าออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่ใช้ติดห้อยไว้ซึ่งอุปกรณกำเนิด แสง และเปิดสวิตซ์

               ร่างที่ไรวิญญาณมีอยู่สองร่าง และที่เหมือนกันสองอย่าง คือเพศกับวัย ทั้งสองเป็นเด็กชาย อายุไม่น่าเกิน 10 ปี รูปปร่างหน้าตาคล้ายกัน หากแต่คนนึงมีปืนอาก้าตกอยู่ใกล้ๆตัว ส่วนอีกคน เป็นถุงพลาสติกมัดป่มแน่นหนา ภายในมีอุปกรณ์การช่างต่างๆ เช่นคีมหนีบ กรรไกรตัดลวด ไขควง และขดลวด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใช้เพื่อทำอะไร หัสชัยชำเรืองมองร่างน้อยในชุดตัดเย็บพิเศษ ทอด้วยผ้าไหม มีลวดลาย มันคงเป็นชุดของชนเผ่า ดูๆไปก็มีศิลปะสวยงาม และจะดีกว่านี้ หากไม่เปื้อนเปรอะไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าอะไรจะน่าอดสูกว่ากัน ระหว่างการที่เขาเพิ่งฆ่าเด็กทั้งสองคนตาย หรือการที่เขาเพิ่งฆ่าคนที่ตั้งใจจะมาช่วยชีวิตเขา พิ้นดินที่เดินผ่านมาก่อนถึงสองร่างแนบนิ่งนั่นมีบริเวณหนึ่งยุบตัวลงไปกว่าปกติ ราวกับถูกกดทับนานๆ ส่องด้วยไฟฉายปรากฏเห็นทุกอย่าง วัตถุประหลาดคล้ายเหล็กกล้าผุดขึ้นจากพื้น กับระเบิด.. ไม่ผิดแน่ แต่คงด้าน ไม่ทำงาน มันจึงไม่ฉีกบาทาของเขาออกกระจาย ชายหนุ่มไม่รู้จำต้องรู้สึกอย่างไรดี กับสิ่งที่เขาเพิ่งประสบพบเจอ ณ ตอนนี้ แค่ร้อยไห้หรือยิ้ม ยังทำไม่ออกเลย

                 เพิงใหญ่ดูรกร้างท่ามกลางป่า ภายนอกเหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่สะดุดต่ นี่คือภารกิจ.. สามวันก่อนมีหน่วยลาดตระเวนค้นพบสถานที่ผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่กลางใจป่าเขา และขออณุมัติเข้าจู่โจมจับกุมเฉียบพลัน ทางผู้ใหญ่อนุญาติ ปฏิบัติการถูกดำเนินการขึ้น ในที่สุดสามารถสังหารเหล่าผู้ผลิตได้จนหมด แต่ฝ่ายหน่วยปฏิบัติการก็บอบช้ำหนักหนา มีผู้รอดชีวิตกลับศูนย์บัญชาการเพียงคนเดียว อาการโคม่า ก่อนที่จะสิ้นใจที่ศูนย์บัญชาการ คำพูดสุดท้ายของทหารกล้าคือ

                     "พวกมันเสร็จเราแล้ว เรายิงมันตายหมด แต่เราก็โดนหนัก มีผมรอดมาถึงนี่ อีกสองคนตายกลางทางกลับ แต่ยายังอยู่ที่นั่น ส่วนใหญ่ถูกขนส่งออกไปก่อนที่เราจะไปถึง แต่ยังมี ยังมีเหลือยู่..." รอยรูพรุนจากกระสุนที่ปรากฏบนผนังเพิงที่สร้างลวกๆจากไม้ ปูน และสังกะสี เป็นหลักฐานฟ้องได้ดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีศพทหารสองศพซึ่งเริ่มเหม็นเน่า ที่เขาเจอระหว่างทาง ที่ทิ้งรอยเลือดของตนเอง กระเสือกกระสนวิ่งตามภารกิจมาจนถึง ก็เป็นหลักยืนยันเช่นกัน เท่านี้ก็เหลือเพียงอย่างเดียว ด้านในโกดัง

                   "เริ่มภารกิจจริงๆเสียที" เข้าพึมพำกับตนเอง ราวกับเป็นบทหนังบู้ ไม่แน่เขาอาจบ้าไปแล้วก็ได้ ด้วยวความเลอะเลือนของสติ ซึ่งถูกบั่นทอนจากการเสียเลือด และความเจ็บปวดจากบาดแผล หลังใช้แสงใฟส่องสำรวจ แม้มันจะเป็นแผลถูกยิงถากๆ กระสุนไม่ฝังใน แต่การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อมายังเ้าหมายเป็นเวลาชั่วโมงกว่า ทำให้ปากเผลอยิ่งเปิดกว้าง และสาหัสขึ้น เริ่มภารกิจเหรอ เขาอยากจะขำตนเองให้ดังลั่น ถ้าไม่ติดว่ากลัวศัตรูจะรู้ ภารกิจคือสำรวจสถานที่เกิดเหตุ ค้าหาศพของผู้ร้าย และเจ้าหน้าที่ผู้หฏิบัติการ และนำยาเสพติดที่ตกค้างกลับไปเป็นของกลางในคดีหากอยู่ในจำนวนที่เคลื่อนย้ายได้ และในที่สุด อาจต้องสังหารผู้ร้ายที่ตกค้าง หรือปรากฏตัวขึ้นใหม่เพื่อเคลื่อนย้ายยา

                   "กล้องดิจิตอลก็ไม่มี อยู่กับไอ้กริช จะเก็บภาพสถานที่เกิดเหตุยังไง แรงยิงต่อสู้ก็แทบจะไม่ไหว แรงแบกยาหลายๆกิโลกลับไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง แล้วกูจะมาทีนี่ทำไม นอนตายเป็นเพื่อนศพเด็กสองคนนั้นสบายๆยังดีเสียกว่า" ตัดพ้อในใจไปเช่นนั้น แต่มือก็กระชับปืนอาก้าที่เก็บมาจากศพเด็กหนึ่งในสอง พร้อมกับขาที่ค่อยๆย่างเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง ทุกก้าวที่ประทับลงพื้น แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ทั่งแผลทางกาย และคามนึกคิดในจิตใจ

                   "ปึ้ง!!" ประตูสังกะสีถูกถีบให้เปิดออกกว้าง ทำได้ไม่ใช้เพราะแรงถีบจากขาที่อ่อนล้า แต่เป็นเพราะมันถูกสร้างมาอย่างไม่แข็งแรง ปืนอาก้ากระชับแน่นหน้าขึ้นทันที ตามแบบการจู่โจมในอาคารสถานที่ซึ่งผู้ถือเคยฝึกมา แม้จะไม่ใช่ปืนประเภทที่เคยใช้จนถนัดก็ตาม บวกกับอาการบาดจับ แต่ก็ยังทำได้ดี

                     "เฮ่ย!!" ภาพตรงหน้าเด่นชัด จากแสงไฟฉายเดินป่า ที่มีตัวเหน็บติดกับกระเป๋าเสื้อ ทำให้ผู้ใช้สามารถจับปืนได้สองมือ โดยไม่ต้องถือไฟฉาย แสงสาดกระทบร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ ทั้ง5ร่างใส่ชุดรายพลางซึ่งชุ่มโชกไปด้วยของเหลวเปรอะเปื้อนสีแดง หนึ่งร่างที่บังเอิญหันหน้ามาทางประตูพอดี เผยให้เห็นความหวาดกลัว และทรมานในแววตา แต่ที่หน้าตกใจ มันเป็นรูปพรรณที่หัสชัยคุ้นเคย พลทหารของเขา!! และไม่ใช่แค่นั้น ผู้ใต้บังคับบัยชาอื่นๆด้วย แทบทุกนายเลย มันเกิดอะไรขึ้น!!

                     "แอ้ดด" เสียงประตูอีกด้านเปิดออก หัสชัยละจากร่างของเพื่อนสนิทที่หมอบนิ่งจมกองเลือดไร้ลมหายใจ ยกปืนขึ้นประทับบ่าอีกครั้ง แสงไฟจากอกส่องราวกับอัตโนมัติไปที่ต้นเสียงทันที กริช!! หัสชัยลดปืนลง แล้วเริ่มยิงคำถามรัว

                     "นี่มันเกิดอะไรขึ้น รายงานผมมา ทำไมทุกคนถึงถูกฆ่าแบบนี้ แล้วยาที่เหลือล่ะ ศพทหารคนอื่นๆล่ะ.. ปั่่ง!!"

                     "ฮึ๊ก!!" เสียงจากปืนที่ถูกชักและยิงอย่างรวดเร็วก้องกังวาล เมื่อดังในสิ่งปลูกสร้างแบบปิด ขนาดกว้างร้าวสนามบสเก็ตบอล ผู้ยิงยังอยู่ดี ส่วนผู้ถูกยิง ด้วยกระสุน.45 เซถลาไปกับพื้น กลายเป็นอีกร่างที่นอนจมกองเลือด ต่างเพียงยังมีลมหายใจอยู่ แม้จะแผ่วโรยมากก็ตาม

                     "ใจเย็นๆครับ คุณหัวหน้าชุด หายใจๆ" เป็นเสียงพูดของชายชื่อกริช เขาเก็บปืนพกใส่เข้าไปในซอง เฉียงอาวุธ ถือปืนเอสเค33ของเพื่อนซี้เดินใกล้เข้ามา

                      "อธิบายง่ายๆก็คือ กูต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้พวกมิงตายให้หมด แล้วให้กูเหลือรอดกลับไปเพียงคนเดียว แล้วเอาพวกมิงมาตายอีก กูทำงานให้องค์กรค้ายานานแล้ว งานครั้งนี้ก็ง่ายๆ แต่มันดันมีเรื่องไม่คาดฝันมานี่สิ ไอ้ทหารรับจ้างจากพวกโจรชนเผ่าที่เราสั่งให้ดักรอฆ่าพวกมิงมันดันปอดแหก มันบอกว่าชนเผ่าห่านั่นน่ะน่ากลัว มันวางและกู้ระเบิด รวมถึงยิงปืนทำนองรบเป็นกันตั้งแต่ยังเด็ก ถึงจะไม่รุกรานใครก่อน แต่ใครเข้ามาแม่งฆ่าตายหมดไม่สนเหตุผล ลูกน้องมิงนี่ก็มั่ว พูดข้อมูลผิดๆ แต่ก็ดี ตอนแรกกะว่าจะให้ส่งเสียงปืนเรียกมันมาฆ่าพวกมิงก่อน แล้วกูค่อยหนีตลบหนลังมิง แต่มิงก็ดันโชว์ความกล้าอีก เลยคิดแผนใหม่ได้ตอนที่สลัดมิงทิ้งแล้ว.."

                       กระสุนอัดกระแทกอกขวา หัสชัยพะอืดพะอม และทรมารมากถึงที่สุด จนไม่สามารถจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงรับรุ้สิ่งที่ไอ้เพื่อนเลวระยำซึ่งทรยศหักหลังเขาพูดพร่ำ แล้วพยายามนึกถึงแค่ข้อดี อย่างน้อยเด็กสองคนนั้นก็ไม่ได้มีเจตนามาช่วยเขา มันจะมาฆ่าเขาอยู่แล้ว

                         "ตอนแรกกุว่าจะย้อนกลับไปฆ่ามิง แต่มิงก็เก่งเกิน จนรอดจากกับระเบิดนั่นมาได้ ขายังไม่ขาดนี่หว่า อยากรู้จังทำได้ไง แต่สถาพนี้มิงคงไม่มีแรงตอบกุแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆๆๆ นี่อย่าบอกนะว่าระเบิดมันด้าน แต่ช่างเถอะ ยังไงๆมิงก็ตายอยู่ดี.." กริชเดินมาถึงตัวหัสชัย จ่อปากกระบอกปืนเอชเค33ไปที่หัวของเขา และเอ่ยประโยคสุดท้าย

                         "มีอะไรจะสั่งเสียมั้ยท่านหัวหน้า เพื่อเป็นการให้เกียรติความกล้า กูจะให้มิงตายด้วยปืนตัวเอง อ่อ หรืออยากจะชื่นชมไอเดียของกูมั้ย พอเห็นไอ้ทหารที่อุตส่าห์กระเสือกกระสนไปตายที่ศูนย์บัญชาการแล้วมันนึกออกน่ะ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวกุคงต้องกลับไปแบบนั้นบ้าง แกล้งเป็นผู้รอดตาย แล้วหลอกให้พวกมิงมาตายแบบนี้อีก กำจัดทหารมือดีอย่างมิงได้นี่กุได้เงินเยอะเลยนะ ก็อย่างว่า พอไม่มีมิง ไอ้ทหารกระจอกพวกนี้แม่งโดนกูฆ่าง่ายชิบหาย ฮ่ะๆๆๆๆ" กริชระเบิดเสียงหัวเราะ ดังลั่นอย่างสะใจ แต่ในที่สุดก็ต้องหยุด เพราะสนใจจะรับฟังสิ่งที่บุคคลตรงหน้าพูด

                           "มี.." หัสชัยเค้นเสียงพูดจนได้

                         "หืมม"อุทานเชิงสงสัย

                         "อย่างน้อยๆก็กลับไปให้สมจริงหน่อยแล้วกัน.." กริชฟังผู้ซึ่งแทบจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อตรงหน้าพูด ฉับพลันทันใดนั้น!! เมื่อมันพลิกตัว ไฟฉายที่อกสาดส่องให้เห็นวัตถุที่มันซุกซ่อนไว้ในมืออยู่นาน ระเบิดมือถูกปลดสลัก!!

                         "ลูกนี้ไม่ด้านโว้ย ไอ้สัส!!"คำสั่งเสียสุดท้าย

                       "ตูมมม!!!"

                         ที่ค่ายทหาร มีเตียงพยาบาลอยู่ แพทย์พยายามช่วย และปรามไม่ให้คนไข้ดิ้นรนขัดขืน

                         "ปล่อยผม!! ผมต้องไปช่วยเพื่อนผม ผมต้องไปปฏิบัติภารกิจต่อ!!" คนไข้ดังกล่าวตะโกนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง

                         "ไม่ได้นะคะคุณกริช!! คุณเพิ่งพ้นขีดอันตราย ขืนขยับอย่างนี้เดี๋ยวปากแผลจากสะเก็ดระเบิดจะเปิดออกหมดนะค่ะ!!"พูดจากพยาบาลสาวผู้รับหน้าที่ดูแล พยยามกดร่างชายฉกรรจ์ให้นอนกับเตียง แต่ก็ไม่ได้ผล จนสุดท้ายต้องฉีดยาสลบให้หลับไป

                        "ช่วยบอกนายผมให้ด้วยครับ ฮือๆๆ ผมอยากรบต่อ อยากนำคนไปจัดการไอ้พวกเลวพวกนั้น ฮืออๆๆ" เขาพึมพำสะอื้นก่อนจะหลับไป คนทุกคนที่อยู่บริเวณค่ายต่างกล่าวถึง และยกย่องในวีรกรรมของเขา ร้อยตรีกริชเป็นคนเดียวที่รอดตาย มาจากการสู้รบ ทั้งกับชนเผ่าติดอาวุธ ทหารรับจ้าง และกลุ่มผู้ค้ายา และเป็นคนเดียวที่รู้เบาะแสทุกๆอย่าง อีกไม่นานเมื่อเขาหายดี คงได้รับอณุญาติให้ดำเนินการ และได้นำความแค้นที่เพื่อนรัก และผู้ใต้บังคับบัญชาโดนสังหารนี้ ไปชำระแน่ๆ ในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คนใหม่...

      

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา