ตำราดูสะดือ

ตำราสะดือ (กระชับพื้นที่ยึดอำนาจความเครียด 1)

          เมื่อพูดถึงเรื่องสะดือ ก็คือสะดือนั่นแหละ ไม่ใช่สะบ้า สะเอว หรือสไบอะไรทั้งสิ้น แล้วไอ้คำว่าสะดือ คำนี้ ท่านผู้ (สอด) รู้ ให้คำแปลไว้อย่างน่าเกาก้นเพราะค้นว่า....

          ณ ส่วนของร่างกาย อยู่ตรงกลาง พื้นท้องเป็นรู้ “หวำ” เข้าไปที่ว่าน่าขัน น่าหัวเราะก็อยู่ตรงคำว่า “หงำ” นี่แหละ ไม่รู้แปลว่าอะไรชิเอา...แต่ท่านผู้ (สอด) รู้ก็ร่ายต่อไปอีกว่า

          เรียกทะเลตอนที่น้ำวนโบ๋ลงไป ซึ่งถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของทะเลว่า “สะดือทะเล” (เอากับท่านซิ)

          จึงพอจะเดาได้ตามประสาผู้เขียนที่ชอบเรื่องทะลึ่ง (แต่ไม่ลามกมาก) ว่า...คำว่า “หงำ” นี้ ที่จริงแท้ก็คือ แปลว่าโบ๋ นั่นเอง

          รวมความแล้ว “สะดือ” ก็คือสะดือถือเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งของร่างกาย มีลักษณะเป็นรู้โบ๋อยู่กึ่งกลาง ระหว่างท้องหลวง เฮ้ย! ท้องใหญ่กับท้องน้อย

          มนุษย์ทุกเพศทุกวัย ทุกภาษาทุกสีผิว ล้วนแล้วแต่มีสะดือด้วยกันทั้งนั้น...ผู้สันทัดกรณีในการดูสะดือให้ทัศนะว่า สะดือที่น่าดูที่สุดก็คือสะดือของประดาสาว ๆ ถึงแม้ว่าสาวบางเธออาจจะเป็นเจ้าของสะดือบุ๋มโบ๋เป็นปล่องภูเขาไฟเบ๋อเร่อเหิ่มเทิ่มไปสักหน่อย...ผู้สันทัดกรณีก็ยังตะบี้ตะบันยืนยันว่า สะดือหลุมอุกาบาทของเจ้าหล่อนก็ยังน่าดู น่าเกากว่าสะดือสาวน้อยตกค้างตกยุคตกสมัยเป็นกองสองกอง...ว่าเข้าไปนั่น

          ด้วยเหตุฉะนี้กระมัง สะดือจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของของลับของหวนที่ควรปกปิดของคุณเธอ แต่จะเห็นได้ว่า คุณผู้สาวมาดมั่นใจกล้า บางคนที่กล้าโชว์ไปเสียเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้มก้น เต่งเต้า ขาอ่อน หรือแม้แต่อีแป้นตัวเก่งนั่นก็ตาม...

          ด้วยอย่างไม่เข้าใจว่าความอายเป็นจั๋งใด กระนั้นแม่คุณแม่ทูนกระดองใจก็ยังมีแกใจอุตสาห์หาเศษผ้ามาปิดรูหงำของสะดือ..ดูเอาเถอะ ช่างเป็นกุลสตรีศรีสมัยเสียจริงๆ

          แต่มายุคนี้ แฟชั่นสตรีที่นักออกแบบต่างดีไซน์กันมาใหม่ เพื่อให้คุณเธออวดของสงวนในยุคคุณทวด ไม่ว่าจะเป็นชุดสายเดี่ยว ชุดเกาะอก ความจริงเกาะเต้ามากกว่า...สะดือของเจ้าหล่อนจึงเป็นที่มองเล่นให้คุณผู้ชายได้สบายตาสบายกิเลสมาจนทุกวันนี้เป็นเครื่องหมายสินค้าที่ประกาศถึงความความเซ็กซี่ของอิตถีเพศไปแล้ว

          ธุรกิจทางการค้าเรื่องเสื้อผ้าจึงบูมมาก จะเห็นได้ว่านอกจากเสื้อยึดสั้นๆ กางเกงขอบต่ำ มักจะเป็นที่นิยมมากสำหรับแม่หญิงยิงเรือทั้งหลาย ได้มีโอกาสโชว์ “หงำ” หลุมอุกาบาทกันได้สะใจก็คราวนี้เลย

          ไหนๆ ก็คุยเรื่องสะดือมาเป็นวรรคเป็นเวรจนเมื่อยตุ้มแล้ว ก็ยังมีนักทำนา หรือหมอดูสะดือ อุตริแยกแยะเป็น 6 ชนิด ตามลักษณะอาการมันเป็นอย่างไร...กล่าวคือ

3.           1. สะดือจุ่น แบบนูนเต็ม ไม่จุ่นถึงกับห้อยมาข้างนอกจนน่าดึงเล่น ท่านว่าเจ้าหล่อนสะดือนี้จะมีนิสัยค่อนข้างกระด้าง เจ้าอารมณ์ ใจร้อน เห็นแกตัว แต่ด้านบวกก็มี กล่าวคือ เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง กล้าได้กล้าเสีย ที่น่าตีมือให้ก็ตรงที่เป็นคนไม่หวงสะดือใครถูกใจเจ้าตัวบอกเชิญดึงเล่นเบาๆ แต่อย่าไปเอานิ้วบี้แรงๆ หรือเผลอเอาฟันขบเน้นแรงๆ ก็แล้วกัน ไม่งั้นถูกตีนตบแน่!! (ฮา)
6.           2. นางใดที่มีสะดือ “บุ๋ม” แต่ไม่ถึงกับโบ๋ลึก เป็นปล่องภูเขาไฟรูหงำในลักษณะนี้ ท่านว่า

          -คุณเธอที่เป็นเจ้าของสะดือ จะมีนิสัยอ่อนโยน ขี้สงสาร เจอลูกอ้อนลูกออดเข้าเป็นต้องเสร็จทุกราย ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นในทางการงาน ชอบแต่งตัวองค์โสภา สังคมเก่ง เพื่อนฝูงมาก ตอมกันให้หึ่งทั้งหญิงและชายนั่นแล...

          3. เจ้าหล่อนใดมีสะดือลักษณะคล้ายดอกบัวแรกแย้ม คือ เป็นฐานนูนแต่พองาม ท่านว่าตะละแม่เจ้าเป็นคนฉลาด ฉับไว เจ้าชู้นิดๆ (เจ้าชู้เหมือนผมเลย) รักใครได้แบบอีเอ็มเอส แต่ก็เบื่อง่ายหน่ายเร็วเหมือนกัน ผู้สันทัดท่านนี้กระชิบว่าสามีของเธอจะต้องเป็นคนโชคดีเอาการอยู่ เพราะเขาจะได้รับความสบายคล่องตัว อันเนื่องจากเจ้าหล่อนพันช่วงระยะ “รันอิน” แล้วไงครับ...พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง

6.           4. ยาหยีนางใดมีสะดือเป็นรูป “กลวงโบ๋” คล้ายปล่องภูเขาไฟวิสุเวียส ท่านว่า ชะแม่เจ้ารูหวำนี้มีความร้อนแรงและรุนแรงในการอย่างว่ามากเอากับหล่อนซิ (ไม่ใช่) ขนาดวันไหนไม่ได้เบิลซ่อนเบิลเป็นนอนไม่หลับเลยทีเดียวเชียว คนไหนไม่ได้ขนาดจะถึงกับนอนหลับฝันร้ายอะไรทำนองนั้น อู้วส์...น่ารักอะไรขนาดนี้หนอ....
9.           5. แม่ยอดขมองอิ่มนางใด มีสะดือจุ่นยื่นยาว หรือป่องนูนเหมือนเอาลูกกอล์ฟไปฝังไว้ใต้ผิวหนังเหนือยอดท้องน้อย ท่านว่า เธอมักเป็นคนค่อยข้างอาภัพ จะมีเหตุให้ตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาวๆ แส้ๆ ยิ่งกว่านั้นมักจะมีโชคมีโอกาส “อกหัก” ได้บ่อยๆ อาจเป็นเพราะเป็นคนใจอ่อน ยอมให้พวกพ้องตัวดีเปิดดูหลุมดำทรงน่ารักของเจ้าหล่อนก็ได้...(เอิ้ก)
12.           6. นาอนงค์ใดที่มีสะดือไม่ค่อยสะอาดนัก ปล่อยให้มันกลิ่นโหยหวนทวนลมและตามลม จนทำให้สามีของนางแยกแยะไม่ออกว่าที่มาของกลิ่นมาจากไหนกันแน่ ท่านว่า เธอผู้มีรู้หงำนี้ จะมีความเกียจคร้านเป็นนิสัยถาวร ไม่สนใจงานบ้านงานครัว โดยเฉพาะงานปรุงแต่ง รักสะอาดของเรือนร่างตัวเอง รักแต่ความอิ่มสบาย นอนจนก้นรับแสงกล้าของตะวันเป็นอาจิณ ผลบุญแต่หนหลัง หนหน้าเสริมส่งให้หล่อนมีโอกาสได้เปลี่ยนสามีเป็นว่าเล่น บางทีก็มีกันใหม่ เป็นพวงโดยไม่ต้องเอาคนเก่าไปเทิร์น นอกจากเจ้าหมอนั่น โกยอ้าวหางจุกก้นไปก่อนหน้าแล้ว อาจเป็นว่าพี่แกเป็นโรคแพ้กลิ่นรูหงำนั้นก็ได้ เฮ้อ...หมดเวรหมดกรรมไปอีกคนหนึ่ง ยินดีด้วยนะพ่อนะ!!

          ครับ...ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวง ที่อุตส่าห์ร่ายมาให้อ่านเสียยึดยาวนี้ก็ขอมอบให้ไว้เป็นตำราดูสะดือกับคนที่รักญาติมิตร เพื่อนฝูง หรือแม่ขมองอิ่มคู่ใจก็เชิญใช้วิจารณญาณมันให้มากๆ ก็แล้วกัน โชคดีครับ