โลงแตก...วงแตก(?)

9.1

เขียนโดย ตัวกลม

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09.44 น.

  1 ตอน
  6 วิจารณ์
  4,593 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ผีโลงระเบิด?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          กลางดึกของคืนหนึ่ง ในขณะที่ฉันกำลังนั่งดูละครอยู่ ละครเรื่องนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งลึกลับที่มองไม่เห็นหรือที่เรียกกันว่าผีนั่นเอง ฉันไม่ค่อยกล้าดูสักเท่าไหร่แต่ในใจก็อยากดู สุดท้ายฉันก็ได้แต่เอาหมอนมาปิดตาไว้ฟังแค่เสียงเท่านั้น แม่ของฉันเห็นก็หัวเราะ แล้วถามกับฉันว่าอยากฟังเรื่องผีที่แม่เคยเจอไหม แม่จะเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเป็นช่วงที่ละครกำลังโฆษณา ฉันเลยเข้าไปนั่งข้างๆแม่และตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

          แม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยแม่อายุเท่าฉัน แม่เคยอาศัยอยู่ที่จังหวัดอื่น เป็นบ้านไม้ขนาดกลางที่ติดกับแม่น้ำ แต่ก่อนนั้นการเดินทางจะค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีทางเท้าเดินเข้าไป จะต้องพายเรือเข้าไปเท่านั้น ทุกเช้าแม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะเตรียมตัวไปเรียน แม่จะพายเรือไปกับลุงสองคนเป็นประจำ ถึงทางจะมืดแต่คนแถวนั้นก็ชินกันแล้ว...

          วันหนึ่งแม่พายเรือไปกับลุงตามปกติ แต่ด้วยความเป็นเด็กและลุงก็มีนิสัยซุกซนมาก เมื่อพายเรือผ่านบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านเก่าปิดตายมานานแล้ว ลุงก็ตะโกนถามว่ามีใครอยู่ในบ้านไหม ถ้ามีก็ออกมาเจอกันหน่อย แม่ฉันได้แต่นิ่งเงียบ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากใคร ลุงก็เริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง พายเรือเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้นมากขึ้น และตัดสินใจปาก้อนหินไปตรงหน้าต่างบานหนึ่ง ทันใดนั้นเองหน้าต่างนั้นก็ขยับเปิดปิดเสียงดังปัง แม่และลุงตกใจกันมากรีบพายเรือกลับบ้านทันทีไม่ไปเรียนแล้ว หน้าต่างบานนั้นไม่มีทางจะเปิดเองได้ เพราะมันถูกยึดด้วยตะปูจากข้างนอกกันพวกขโมย แม้แม่จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิด ที่แน่ๆคือวันนั้นแม่กับลุงโดนตีคนละที โทษฐานที่ไม่ยอมไปโรงเรียน ส่วนลุงไม่ต้องพูดถึง นอนจับไข้หัวโกร๋นอยู่หลายวัน

          แม่เล่าต่ออีกว่า สมัยก่อนนั้นบ้านที่แม่อยู่ เมื่อถึงหน้าฝนน้ำจะท่วมตลอด บ้างบ้านท่วมถึงบันได บ้างบ้านท่วมเข้าไปในบ้านเลยก็มีนับว่าลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าช่วงนั้นมีคนตาย จะไม่สามารถเอาศพไปประกอบพิธีที่วัดได้ต้องเอาศพเก็บไว้ที่บ้าน และถ้าบ้านหลังนั้นน้ำท่วมเข้ามาถึงข้างใน บางทีต้องนำโลงไปวางบนขื่อหนีน้ำ มองดูแล้วชวนขนลุกดี สมัยก่อนยังไม่มีการฉีดน้ำยาฟอร์มาลีนหรือน้ำยาดองศพ ทำให้ศพมีกลิ่นเหม็นเน่า บางทีก็มีน้ำเหลืองหยดย้อยจากศพไหลลงมาตามขื่อบ้าน ตามเช็ดกันไม่หวาดไม่ไหว

          วันหนึ่งแม่ได้มีโอกาสตามยายไปงานศพของลุงผู้ชายแถวบ้านคนหนึ่ง แกป่วยด้วยอาการชราและสุดท้ายก็สิ้นลมอย่างสงบ งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โชคดีที่บ้านหลังนี้น้ำท่วมไม่ถึง ทำให้สามารถตั้งโลงไว้บนพื้นได้ โดยทั่วไปแล้วลักษณะคนแถวนี้จะสูงใหญ่ ช่วงไหล่จะกว้างมากโดยเฉพาะผู้ชาย ทำให้ไม่สามารถหาโลงศพที่ขนาดพอดีมาใส่ได้ ต้องต่อโลงศพเอง โดยหาไม้จากระแวกนั้นมาประกอบเป็นโลง และวางโลงไว้บนตั่ง หน้าโลงก็มีกระถางธูปใบเล็กๆจุดไว้พอเป็นพิธี เนื่องจากคนแถวนี้ส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์ เมื่อมีงานศพก็ต้องเรียนเชิญคุณพ่อบาทหลวงมาทำพิธี ซึ่งจะไม่ได้มาทุกวันเพราะเดินทางยากลำบาก เช่นเดียวกับวันนี้คุณพ่อไม่สามารถเดินทางมาได้ ทำให้ไม่มีพิธีมิสซาให้แก่คนตาย มีเพียงการสวดภาวนาพร้อมกันเท่านั้น

          เมื่อถึงเวลาทุกคนก็หยิบสายประคำออกมาและร่วมกันสวดภาวนาไปเรื่อยๆ เมื่อสวดไปได้สักพักนึงสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โลงศพที่ตั้งอยู่บนตั่งก็ระเบิดออกมา ทำให้ศพกลิ้งลงมาอยู่ที่พื้น งานนี้ใครจะสวดต่อได้ล่ะ วงแตกกันหมด สายประคงสายประคำ หนังสือสวดมนต์ทั้งหลายไม่มีใครสนใจทิ้งไว้ตรงนั้น บางคนตกใจวิ่งกลับบ้านเลย บางคนช็อคขยับไปไหนไม่ได้ยืนร้องเรียกคนอื่นให้รอ บางคนไม่มีสติวิ่งกระโดดลงน้ำ บางคนวิ่งชนกันได้แผลเจ็บตัวกันไปก็มี สุดท้ายงานศพก็ต้องจบลง ส่วนใหญ่แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่แม่กับยายยังคงอยู่ต่อ เพราะเป็นงานของคนสนิท แม่มารู้ทีหลังว่า แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะอำนาจของวิญญาณที่ทำให้โลงแตกหรอก แต่เป็นเพราะศพไม่ได้รับการฉีดยา ทำให้เริ่มจะอืดบวมประกอบกับผู้ตายเป็นคนร่างใหญ่อยู่แล้ว ทำให้โลงรับน้ำหนักไม่ไหวต้องทำลายตัวเอง แตกออกมาทั้งศพทั้งกลิ่น สภาพศพอืดบวมแทบจะดูไม่ได้ กลิ่นนี่ยิ่งแล้วใหญ่อ้วกแทบพุ่งกันเป็นแถวๆ งานนี้ต้องทำความสะอาดบ้านกันใหญ่โตเลยทีเดียว

          หลังจากที่แม่เล่าจบ แม่ก็สอนฉันว่า ถึงแม้เราไม่รู้ว่าสิ่งลี้ลับนี้มันมีอยู่จริงหรือไม่ เราก็ไม่ควรจะไปลบหลู่เขา และถ้าเจอเหตุการณ์อะไรก็ควรจะมีสติอยู่เสมอ ดูให้แน่ชัดก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่ตกใจเกินเหตุจนตัวเองได้รับบาดเจ็บและคนอื่นเดือดร้อน จะกลัวก็กลัวได้เพราะมันห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผลด้วย

          คำพูดของแม่ทำให้ฉันเริ่มกล้าที่จะดูละครผีต่อ ฉันค่อยๆเอาหมอนออกและลืมตาขึ้นมาดู ทันใดนั้นเองก็มีผีใส่ชุดไทยหน้าขาวๆโผล่ออกมา ฉันกรี๊ดออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ นั่นไงแม่พูดยังไม่ทันขาดคำ ฮ่าๆๆ ฉันว่าคงจะแก้ไม่หายเสียแล้ว นิสัยกลัวผีเข้าขั้นของฉัน...

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา