คนช่างฝัน
เขียนโดย creammer
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.18 น.
แก้ไขเมื่อ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 17.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) คนช่างฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคุณเชื่อไหม? ฉันมีความฝันครั้งแรกตอนอายุ 7 ขวบ คุณอาจจะไม่เชื่อว่าฉันนั้นเป็นเด็กช่างฝันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันมีความฝันมากมายที่อยากจะเล่าให้คุณฟัง เพราะอะไรน่ะหรือ?.. เพราะฉันเป็นเด็กช่างฝันยังไงล่ะ
"เจเจ ลูกตื่นได้แล้วนะ วันนี้แม่จะพาไปตลาดนะลูก ตื่นได้แล้วเจ" เสียงของผู้เป็นแม่ร้องเรียกผู้เป็นลูกสาวคนเดียวในบ้านซึ่งตอนนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้องของเจ้าตัว
"ค่ะแม่" เสียงใสแจ้วที่กำลังสะลืมสะลือจากอาการตื่นนอนขานกลับในขณะที่กำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกจากที่นอนแล้วทำภารกิจส่วนตัวของตน
ทุกๆวันแม่และฉันจะพากันไปตลาดทุกครั้งในตอนเช้าเพื่อไปเลือกซื้ออาหารมาทำกินกันเองในบ้านที่มีแค่ฉันและแม่ พ่อของฉันได้เสียไปตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดแล้วค่ะแต่ฉันไม่ค่อยรู้ประวัติของพ่อสักเท่าไหร่เพราะแม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องราวของเขาให้ฉันฟังและฉันก็ไม่ค่อยอยากจะรู้เท่าไหร่เพราะตั้งแต่ฉันได้ลืมตามองโลกฉันก็มีแม่ที่คอยดูแลฉันอยู่เสมอไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขฉันก็ยังมีแม่ที่คอยดูแลและห่วงใยฉัน
บ่อยครั้งเรามักจะใช้ชีวิตในสังคมแบบคนธรรมดาไม่ค่อยจะได้ค่ะ เรามักจะหาอะไรทำอย่างสม่ำเสมอจนบางคนยังคิดเลยว่าครอบครัวนี้ดูแปลกแต่ฉันว่าไม่แปลกเลย ที่เราสองแม่ลูกมักจะทำอะไรโผงเผง โดยเฉพาะฉันที่มีความคิดแปลกๆใหม่ๆอยู่เสมอและเป็นคนช่างฝันอีกด้วยแถมยังชอบเล่นพิเรนอีกต่างหาก ฉายาที่แม่ชอบเรียกฉันไม่ว่าฉันจะโตได้สักแค่ไหน แม่ชอบเรียกฉันว่า "เด็กช่างฝัน"
ฉันชอบฉายาของตัวเองมากที่จู่ๆแม่ตั้งให้ฉันรู้สึกภูมิใจมากกับชื่อฉายาใหม่ที่แม่ตั้งให้ เหตุที่แม่ตั้งฉายานี้ให้เพราะฉันมันคนช่างฝัน ฉันฝันจะเป็นอะไรก็ได้ที่ได้เงินเดือนเยอะๆละทำให้แม่ฉันมีความสุขและที่สำคัญคือต้องเป็นงานที่สุจริต แม่เคยสอนฉันไว้ว่าสิ่งที่สำคัญของรากฐานในการใช้ชีวิตในสังคมได้ดีคือการทำความดี ทุกวันนี้ฉันก็ยังจำคำสอนครั้งนั้นของแม่ฉันอยู่เลย..
"แม่นั่นอะไรคะ?" ด้วยความที่ยังเด็กฉันชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าซึ่งมีบางอย่างลอยข้ามทะลุก้อนเมฆสีขาวนั่นขึ้นไปด้วยความสงสัย
"นั่นเครื่องบินจ่ะ" แม่คุกเข่าลงและตอบคำถามพลางอธิบายว่าบนเครื่องบินนั้นมีอะไร
"ที่นั่นมีผู้โดยสาร มีคนบริการที่นั่นด้วย เค้าเรียกว่าแอร์โฮเสตสจะและยังมีคนขับเครื่องบินที่เค้าเรียกว่ากัปตันอีกด้วยนะ อีกหน่อยพอโตขึ้นหนูก็จะเรียนรู้มันเองล่ะจ่ะ" แม่พูดเพียงเท่านี้ก่อนจะลูบหัวฉันเบาๆด้วยความเอ็นดูพลางแปลกใจกับคำถามที่ฉันถามเมื่อครู่
นับตั้งแต่ครั้งนั้นฉันก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าฉันจะต้องเป็นแอร์โฮสเตสให้ได้ฉันใฝ่ฝันที่จะเป็นตั้งแต่ฉันได้เห็นเครื่องบินลำแรกบินผ่านพ้นขอบฟ้าไป ฉันฝันจะเป็นมาโดยตลอดจนกระทั่งฉันอายุ 13 ย่างเข้าสู่มัธยมและกำลังเป็นสาววัยรุ่นเต็มตัว...
"เฮ้ย! นั่นแก พี่ท็อบ เดือนโรงเรียนเชียวนะ ทั้งหล่อ รวยและยังเรียนเก่งอีกอ่ะ กีฬาเด่น แถมร้องเพลงเพราะอีก ใครได้เป็นแฟนนะ สุดยอดเลย กรี๊ด" เสียงใครคนหนึ่งพูดโอ้อวดเพื่อนปานว่าเจ้าหล่อนรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าคนถูกชมเสียอีก ตอนนั้นฉันเงี่ยหูฟังเพื่อนบางคนพูด
"จริง แก ได้ข่าวว่าพี่แกจะไปเป็น ดารา ช่อง 3 นี่ละ มีงานละคร โฆษณา มา 3 เรื่องน่ะ สุดยอดเลยแก"
สาวอีกกลุ่มหนึ่งก็พูดกันอย่างสนุกปากก่อนจะเดินออกไปพลางฮัมเพลงไปด้วย ส่วนฉันหรือคะ ไม่ต้องพูดถึง ฉันก็ยังแอบสะกิดหูฟังจนเพื่อนๆหายลับไปก่อนจะมาพิจารณาอะไรบางอย่าง
"ดารา"?? คำๆนี้ทำให้ฉันเริ่มมีความหวังขึ้นมา อันที่จริงหน้าตาฉันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร มีผู้ชายในโรงเรียนหลายคนต่างก็ชอบฉันไม่น้อยแต่ฉันไม่สนใจหรอกฉันสนแค่คำว่า "ดารา" ณ ขณะนี้ฉันเริ่มที่จะฝันกับอาชีพ ดาราและเริ่มตกหลุมรักเข้าอย่างจังเสียแล้วสิ ฉันคิดว่าฉันจะต้องเป็นดาราให้ได้เพื่อทำให้แม่ของฉันมีความสุข และสิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันที่ฉันอยากจะเป็นในวัยเด็กค่ะ ฉันจะต้องเป็นให้ได้!
แต่เรื่องก็ไม่ได้จบเพียงเท่านี้นะ...
หลายครั้งที่ฉันเห็น พนักงานบัญชีในธนาคาร ตำรวจหญิง หมอ พยาบาล ทนายความ หรือ มัณฑนากร และอื่นๆอีกมากมาย ฉันอยากจะเป็นทุกๆอาชีพที่ฉันเห็น ฉันอยากจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจฉัน หรือฉันอยากจะทำอะไรในสิ่งที่ฉันชอบ หรือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันอยากจะเป็นๆ เป็น และเป็น ในสิ่งที่ฉันอยากจะเป็นอยากจะทำ ฉันไม่คำนึงถึงความถนัด เพราะฉันคิดว่ามันไม่สำคัญเท่ากับความอยากจะทำ ก็ฉันมันคนช่างฝัน นี่คะ ฝันโน่น ฝันนี่ อยากจะเป็นนั่น จะเป็นนี่ จนฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าจริงๆแล้วตนเองจะเป็นอะไรกันแน่? ฉันตั้งคำถามกับตัวเองในวันที่ตัวเองเริ่มจะคิดได้
ฉันคิดว่าการที่ตัวเองมีความฝันมันก็ดีอย่างหนึ่งที่เรามีความคิดที่จะทำที่จะเป็น แต่บ่อยครั้งที่ฉันก็ปล่อยให้ความคิดของตัวเองมันหลุดลอยไป จนไปเจอสิ่งใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ และอาชีพใหม่ๆ ! ฉันเลยมีความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นกับตัวเอง ที่จริงฉันน่าจะเป็นแอร์โฮสเตสตั้งแต่แรก หรือจะเป็นดารา หรือเลือกทั้งสอง แต่ความจริงแล้ว เส้นทางที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จคือการเลือกเดินเส้นทางด้วยตัวเอง และในสิ่งที่ตนชอบและถนัด
ฉันกลับมานั่งคิดตลอดทั้งวัน ว่าถ้าฉันเป็นดารา ฉันจะมีเวลาว่างมาดูแลแม่ฉันเหมือนเฉกเช่นตอนนี้ไหม? แอร์โฮสเตส จะได้มีโอกาสมาเยี่ยมแม่ฉันบ้างไหม?
หลายครั้งที่ฉันเสียเวลากับการฝันของฉันมากจนเกินไป กว่าจะมาคิดได้ก็สายเสียแล้ว...
หลายครั้งที่ฉันจับปลาสองมือมาโดยตลอด....
หลายครั้งที่ฉันสูญเสียโอกาสกับความช่างฝันของฉันเอง ฉันไม่เคยแน่วแน่กับสิ่งที่ฉันคิด เพียงแค่เพราะเห็นแล้วมันอยากจะเป็นอยากจะทำ ฉันคิดเพียงเท่านี้ แต่ไม่คิดถึงอนาคตในภายภาคหน้า
ณ ปัจจุบัน ฉันอายุ 27 ความช่างฝันของฉันที่เคยฝันว่าจะเป็น ดารา หรือ แอร์โฮเตส ก็ไม่เป็นจริง เพราะฉันไม่เคยจริงจังที่จะทำมัน หรือที่จริงแล้ว มันเป็นแค่ความเพ้อฝัน ฉันเสียดายตัวเองที่ไม่เคยทำอะไรให้เป็นตัวเป็นตนสักที เสียดายวันเวลาที่มีโอกาสที่จะทำมัน เสียดาย
เสียดาย......
แต่สิ่งที่ดูเหมือนว่าฉันจะถนัด คือ การเขียนไดอารี่ หรือการเขียนนิยาย อย่างเงียบๆ ตัวคนเดียว นั่นเอง ฉับชอบที่จะจินตนาการบนโลกส่วนตัวสูง ฉันชอบที่จะเขียนบรรยายความรู้สึกของตนเองผ่านหมึกและกระดาาบาง 1 แผ่น ในอีกมุมหนึ่งของฉัน ฉันชอบที่จะเขียน เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของตนเองผ่านกระดาษ และดูเหมือนว่าฉันจะรักมันเข้าแล้วล่ะ คุณคงคิดใช่ไหมล่ะ ว่า ฉันคงจะฝันเป็นนักเขียน ?? มันไม่ใช่เพราะความเพ้อเจ้อ หรือเพ้อฝันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ครั้งนี้คือความตั้งใจและใฝ่ฝันที่จะเป็นจริงๆ
ใช่ค่ะ ฉันเริ่มที่จะฝันเป็นนักเขียนแล้วล่ะ ฉันชอบเขียน เขียนได้ทุกวี่ทุกวัน เขียนจนหมึกหมดเลยก็ว่าได้ ฉันเริ่มหลงรักในการเขียนแล้วสิ...
คุณคิดว่าฉันจะทำมันสำเร็จไหมล่ะคะ?
ลองเชื่อฉันสักครั้งนะ...
ปล. มันจะใช่เรื่องสั้นหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ ครีมจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งลงเรื่องสั้นในรอบ 2-3 เดือนค่ะ ติชมได้ไม่ยั้งเช่นเดิมค่ะ (มันอาจจะเป็น ไดอารี่ หรือ ..บทความมั้งคะ)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ